DND.37 - วิชาระดับสวรรค์
องค์ชายลำดับสองสั่นกลัว ดยุคเซี่ยนหยูคือผู้มีอำนาจสูงสุดในแคว้น เขามีพลังระดับหกและด้วยชื่อเสียงของเขา ว่ากันว่าเขาฆ่าใครก็ได้โดยไม่เสียเหงื่อแม้แต่หยดเดียว
องค์ชายลำดับหนึ่งรีบก้าวมาด้านหนา เขายิ้มและประสานมือ
“ท่านดยุคเข้าใจผิดแล้ว เราเพียงแค่ซ้อมมือกัน เราไม่คิดว่าท่านซือจะมีพลังเก่งกาจเช่นนี้ เราเห็นเงาท่านดยุคในตัวเขา ยินดีกับท่านดยุคด้วยที่ได้ลูกเขยที่เหมาะสม”
เขาจ้ององค์ชายลำดับสองอย่างเข้มงวด
“น้องรอง เจ้าควรของคุณท่านซือที่ออมมือ”
หากซือหยูไม่ออมมือ องค์ชายลำดับสองคงจะเกิดบาดแผลฉกรรจ์และบาดเจ็บรุนแรงไปแล้ว
ต่อหน้าดยุค องค์ชายลำดับสองต้องกล้ำกลืนฝืนทนขอบคุณซือหยู ซือหยูหันไปมองและเหงื่อตกเมื่อพบองครักชุดเขียวที่มีพลังระดับหกข้างหลังองค์ชายลำดับหนึ่ง
แต่องค์ชายลำดับหนึ่งรู้ตัวเร็วมาก
“ท่านซือ เคยพบกับองครักษ์ข้ามาก่อนรึ?”
“ดูเหมือนข้าจะเคยพบเขามาก่อน แต่ข้าจำไม่ค่อยได้”
“ฮ่าๆๆ คงจะเจอคนอื่นที่ดูคล้ายกันล่ะสิ”
องค์ชายลำดับนึ่งหัวเราะ
องค์หญิงใจร้อน
“งั้นพวกท่านไปพักผ่อนเถอะ มางานหมั้นข้าในอีกห้าวันนะ”
องค์ชายทั้งสามถูกนำทางไปที่ห้องพักอย่างรวดเร็ว
“ดูสิท่านพ่อ ข้าสำเร็จระดับสามแล้ว ข้าเก่งไหม?”
องค์หญิงเงยหน้ากอดดยุค นางอวดความสำเร็จอย่างภูมิใจ
ดยุคตกใจมาก เขาแอบมองสิ่งที่เกิดขึ้นจากเงามืด เขาจะพลาดตอนที่ซือหยูเอาไอหยกเพลิงออกมาได้ยังไง? เขายังรู้อีกว่าซือหยูได้บ่มเพาะวิชาระดับสวรรค์!
แม้แต่ตระกูลราชวงศ์ก็มีตาราวิชาสวรรค์เพียงตำราเดียว และไม่มีฝึกมันได้มาร้อยปีแล้ว ซือหยูไปเอาวิชาระดับสวรรค์มาจากไหนกัน?
หรือเขาจะได้มันมาจากห้องตำราในสำนัก? ดยุครู้ดีกว่าแม้จะเป็นวิชาที่ดีที่สุดในสำนักก็เป็นเพียงวิชาชั้นสูง
ดยุคไม่รู้ว่าสายฟ้าดาราม่วงนั้นเป็นเพียงชิ้นส่วนตำราที่ไม่ได้ถูกจัดให้อยู่ในระดับใด แม้แต่สำนักก็ไม่รู้ว่าจะแยกมันไว้กับอะไรจึงไม่มีใครบ่มเพาะวิชานี้เลย
มีเพียงซือหยูที่มีฎีกาสวรรค์เท่านั้นถึงเข้าใจตำราอันซับซ้อนอย่างมากนี้ได้ ในตอนนั้นจึงไม่มีใครรู้เลยว่าสายฟ้าดาราม่วงเป็นวิชาระดับสวรรค์
ดยุคเซี่ยนหยูดีใจพร้อมกับประหลาดใจ เป็นอีกครั้งที่ซือหยูอยู่เหนือความคาดหมายของเขา สติปัญญาของเขาช่างเหลือร้าย มิเช่นนั้นเขาคงไม่เข้าใจวิชาระดับสวรรค์!
“หยูเอ๋อ หลังจากเจ้าแต่งงานกับเซี่ยนเอ๋อ ข้าจะช่วยเจ้าหาวิชาระดับสวรรค์ในตระกูลราชวงศ์ให้เจ้า!”
ดยุคเซี่ยนหยูมอบข้อเสนอให้อย่างใจดี เขาภูมิใจมากที่ได้เลือกลูกเขยอย่างซือหยู
วิชาระดับสวรรค์ของตระกูลราชวงศ์? ซือหยูรู้สึกหัวใจเต้นแรง หลังจากที่เขาได้เห็นพลังอันน่ากลัวของสายฟ้าดาราม่วงเขาก็มั่นใจว่ามันเป็นวิชาระดับสวรรค์เช่นกัน
ซือหยูยินดีมาก เขาเห็นภาพดยุคที่ต้องลำบากไปขอยืมตำราระดับสวรรค์จากตระกูลราชวงศ์พวกนั้น แต่เขาก็ให้สัญญากับซือหยูอยู่ดี ดยุคเซี่ยนหยูช่างพึ่งพาได้ มันเติมเต็มหัวใจของเขา
หลังจากดยุคไปกับเซี่ยนเอ๋อ ซือหยูก็กลับห้อง
เมื่อเขาผ่านสวนที่องค์ชายทั้งสามเคยอยู่ซือหยูก็นึกถึงองครักษ์ชุดเขียวขององค์ชายลำดับหนึ่งที่มีพลังระดับหกอันน่ากลัว
“เป็นเขานี่เอง!”
ซือหยูจำมันได้ขึ้นใจ
องครักษ์นั่นคือคนที่เขาเจอในเทือกเขารัตติกาล
ศิษย์ทองคำลำดับสี่โดยเขาสังหารอย่างง่ายดาย ศพยังคงเน่าเปื่อยอยู่ในเงามืดของหุบเขานั่น ซือหยู ลู่ฉวนและลู่ฉิงเกือบจะติดกับดักเขาแล้ว เป็นเพราะดวงตาของซือหยูเองที่ช่วยชีวิตพวกเขาไว้
แต่เขาเป็นองครักษ์ขององค์ชายลำดับหนึ่งได้ยังไง? ซือหยูรู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องนี้
ในห้อง องค์ชายลำดับหนึ่งห่ดหู่ใจ
“ไป่ชี่เซียง เจ้าเคยเปิดเผยตัวให้ซือหยูเห็นมาก่อนงั้นรึ?”
คนในเทือกเขารัตติกาลนั่นคือเขาแน่นอน
เมื่อได้ยินไป่ชี่เซียงก็คุกเข่า
“องค์ชาย! ข้าไม่เคยพบเขา หลายเดือนที่ผ่านมาข้าอยู่แต่ในเขารัตติกาล ข้าเจอคนไม่มากเลย หากข้าเจอเข้าข้าต้องจำเขาได้แน่”
ในวันนั้นซือหยูพบเขาจากระยะหนึ่งลี้ ซือหยูเห็นไป่ชี่เซียงอย่างชัดเจน แต่ซือหยูในตอนนั้นรูปลักษณ์ต่างจากตอนนี้ ทั้งสีผิวและเสื้อผ้า ไป่ชี่เซียงไม่คุ้นหน้าเขาแน่แม้จะอยู่ใกล้ๆ
องค์ชายลำดับหนึ่งพยักหน้า
“ลุกขึ้น ข้าหวังว่าซือหยูจะจำคนผิด เจ้าไปเตรียมตัวทำตามแผนซะ”
อีกห้าวันซือหยูจะยุ่งอยู่กับการรับแขกและไม่มีเวลาฝึกฝน โดยเฉพาะองค์หญิงที่มักจะหายตัวไปเล่นสนุก เขาไม่มีเวลาว่างเลย
งานหมั้นลูกสาวของดยุคที่แข็งแกร่งที่สุดในแคว้นนั้นยิ่งใหญ่มาก แขกทุกคนคือคนสำคัญในแคว้น ผู้มีชื่อเสียง พ่อค้ารายใหญ่ ความเคลื่อนไหวในแขกทุกคนที่มาล่วนแต่ทำให้เกิดผลกระทบกับแคว้น
สำหรับแขกในเขตนั้นไม่มีใครคู่ควรนอกจากเซี่ยหลินฉวนแห่งสำนัก ในวันที่ห้าเซี่ยหลินฉวนได้พาเซี่ยจิงหยูลูกสาวเขามาด้วย
“ยินดีด้วยเจ้าหนู”
เซี่ยหลินฉวนรู้สึกแปลกๆเล็กน้อย ซือหยูเคยเป็นศิษย์สำนักที่หลบซ่อนอยู่ในเงาของผู้อื่นมาตลอด แต่ในตอนนี้เขาทั้งสง่าผ่าเผยและได้กลายเป็นหนึ่งในตระกูลราชวงศ์
ซือหยูประสานมือ
“ขอบคุณท่านเซี่ย”
เซี่ยจิงหยูยิ้มแย้ม เสียงของนางอ่อนโยน
“ยินดีด้วยซือหยู เจ้าจะต้องดูแลเซี่ยนเอ๋อให้ดี หัวใจนางอ่อนโยนและบริสุทธิ์ อย่าทำนางเสียใจล่ะ”
ซือหยูหัวเราะ
“ข้าจะจำคำของศิษย์พี่เซี่ยไว้อย่างดี เชิญนั่งด้านในก่อนเถอะ”
ซือหยูเคารพนับถือเซี่ยจิงหยูมาก เขาไม่เคยลืมพระคุณจากธนูที่นางมอบให้เลย
เซี่ยหลินฉวนเดินมาด้านหน้า เขาหันมาพูดกับซือหยู
“ซือหยู ข้าได้ยินความสัมพันธ์ของเจ้ากับจิงหยูแล้ว จิงหยูมีปัญหาเรื่องบ่มเพาะพลังนิดหน่อย ข้าหวังว่าเจ้าจะชี้แนะนางได้บ้าง”
“ท่านพ่อ!”
ผิวขาวราวหิมะของจิงหยูเปลี่ยนเป็นแดง นางกระทืบเท้าด้วยความเขินอาย
ซือหยูตอบอย่างเป็นธรรมชาติ
“ศิษย์พี่เซี่ยเป็นศิษย์อสูรที่พลังเหนือกว่าข้ายิ่งนัก ข้าจะชี้แนะได้อย่างไร? เราค่อยคุยกันตอนบ่ายที่ข้าเสร็จธุระในงานแล้วจะดีกว่า”
เซี่ยหลินฉวนมองซือหยูที่ตอบอย่างสุภาพด้วยความนับถือ ซือหยูนั้นมารยาทดีกว่าคนของเขาซะอีก
เขาอิจฉาดยุคมาก
“ดยุคเซี่ยนหยูเลือกลูกเขยได้ดีจริงๆ”
ซือหยูพาพวกเขาสองคนเข้าไปนั่งด้านในและออกมารับแขกด้านนอก
“ท่านดยุคฉินมาถึงแล้ว!”
ข้ารับใช้รายงาน
ซือหยูมองอย่างเย็นชา ดยุคฉินในวันนั้นบังคับให้เขายอมแพ้เรื่องเจียงซื่อฉิง เขาไม่มีวันลืมเลือน!
แต่เพียงพริบตาซือหยูก็กลับมาใจเย็น
งานหมั้นที่ดยุคเซี่ยนหยูจัดได้สร้างความวุ่นวายในสภา หลายคนที่มีตำแหน่งสูงถูกเชิญมาเข้าร่วมงาน ดยุคฉินไม่ใช่ทั้งเพื่อนและศัตรูของซือหยู การที่เขามาปรากฏตัวไม่มีผลกับซือหยูเลย
“ยินดีต้อนรับท่านดยุคฉิน”
ซือหยูทักทาย
เป็นสองเดือนมาแล้วที่เรื่องเศร้านั้นเกิดขึ้น เป็นเพียงสองเดือนที่ดยุคฉินพบซือหยู และตอนนี้เขาก็ให้ความนับถือแก่ซือหยู
ในครั้งนั้นซือหยูเป็นเพียงสามัญชน เขาเคยประเมินไว้ว่าซือหยูคืออัจฉริยะ ในวันนี้หลักฐานตรงหน้าบอกว่าเขาคิดถูก! ดยุคเซี่ยนหยูจะต้องชอบซือหยูมากจนต้องการเขาเป็นบุตรเขย
และซือหยูยังแสดงพลังฎีกาสวรรค์ในสำนักอีก เขาคือผู้มีสิทธิ์จะได้เป็นราชันย์ศักดิ์สิทธิ์
ดยุคฉินเสียใจมาก หากเขารู้มาก่อนเขาคงจะไม่ทำเรื่องแย่ๆกับซือหยู การตัดสินใจของเขาในวันนั้นทำให้ซือหยูมีโอกาสเติบโต และตอนนี้ก็ยากที่จะจัดการแล้ว
“ฮ่าๆๆ ซือหยู อนาคตเจ้าสว่างไสวนัก หากมีโอกาสเข้าเมืองหลวง เจ้ามาคุยกับข้าที่ตำหนักก็ได้นะ”
ดยุคฉินยิ้มอย่างเป็นมิตรเช่นเดียวกับวันนั้น
ดยุคฉินอยากจะกู้ความสัมพันธ์คืนมา ข้างหลังดยุคฉินมีชายหญิงกำลังเดินเข้ามาเช่นกัน
“ยินดีด้วยท่านซือ”
เขาทั้งสองคือฉินเฟิงและเจียงซื่อฉิง พวกเขาดูกระอักกระอ่วน
ฉินเฟิงอัปยศยิ่งนัก เมื่อก่อนเขาคิดว่าซือหยูเป็นเพียงขนะที่มิควรค่าแก่การพูดถึง แต่ในวันนี้เขาเป็นคู่หมั้นขององค์หญิงเซี่ยนหยู! ฉินเซี่ยนเอ๋อคือหนึ่งในสามสาวงามแห่งสำนัก นางงดงามเทียบเท่าเจียงซือฉิง วันนี้เขากำลังจะได้แต่งงานกับสาวงามเช่นนี้และยังมีดยุคเซี่ยนหยูหนุนหลัง ซือหยูในตอนนี้มีฐานะเทียบเท่าเขาแล้ว
เจียงซื่อฉิงใบหน้าขมขื่น เป็นนางเองที่ทิ้งซือหยูไป และตอนนี้เขาคืออสูรอัจฉริยะที่มีสิทธิ์ได้เป็นราชันย์สวรรค์ เขายังเป็นคู่หมั้นของฉินเซี่ยนเอ๋อ เป็นลูกเขยของดยุคที่มีอำนาจสูงสุดในแคว้น ที่ทำให้นางรู้สึกขื่นขมมากกว่าเดิมก็คือเป็นนางเองที่หลงรักชายชุดม่วงในวันนั้น
ซือหยูพยักหน้าเบาๆ
“พวกเจ้ามาไกลน่าจะเหนื่อย ข้าจะให้ข้ารับใช้พาไปที่ห้อง”
ในตอนนั้นเซี่ยนเอ๋อก็วิ่งมาหาซือหยูอย่างตื่นเต้น
“พี่ซือหยู พี่ซือหยู มานี่เร็ว! พี่จิงหยูก็อยู่นี่ด้วยนะ เราไปนั่งคุยกันเถอะ”
หลังจากที่สำเร็จระดับสามนางก็กระฉับกระเฉงขึ้น มันคือความตื่นเต้นที่พลังนางเลื่อนระดับอย่างง่ายดาย แม้ว่ามันจะเป็นช่วงสั้นๆ นั่นก็ทำให้ดยุคเซี่ยนหยูโล่งใจไปบ้าง
เซี่ยนเอ๋อเกาะแขนซือหยูและลากเขาไปอย่างใกล้ชิด หลังจากครึ่งเดือนที่ได้พบปะกันก็ทำให้นางคุ้นเคยกับซือหยู แน่นอนว่านางใช้ซือหยูไว้คุยโอ้อวดกับคนอื่น
เซี่ยนเอ๋อที่เพิ่งเห็นดยุคฉินกับคนอื่น สายตาน่ารักของนางก็มองไปยังเจียงซื่อฉิง
นางได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นกับซือหยูมาแล้ว เมื่อเห็นเจียงซื่อฉิงนางก็เอามือเท้าเอวและจ้องอย่างโมโหให้กับความไม่ยุติธรรมที่ซือหยูต้องพบเจอ
“ฮื่ม! เจ้าคิดหญิงเลวที่ทิ้งพี่ซือหยูสินะ? เจ้าอาจจะดูดีล่ะนะ แต่ไม่เท่าข้าหรอก!”
“ไปเถอะพี่ซือหยู!”
เซี่ยนเอ๋อลากซือหยูไปด้านใน
ซือหยูหันมาประสานมือขอโทษและสั่งข้ารับใช้ให้นำทางพวกดยุคฉิน
เจียงซื่อฉิงปากสั่น นางขบริมฝีปากอย่างขมขื่น ถูกแล้ว ข้าเป็นใครกัน จะเทียบกับองค์หญิงได้ยังไง?
องค์หญิงดูสวยน่ารักไม่แพ้นาง แต่ฐานะของนางอยู่ชั้นบนสุด นางเป็นราชวงศ์ เจียงซื่อฉิงจะไปเทียบได้อย่างไร?
ฉินเฟิงรู้สึกอัปยศอย่างมาก
“ฉิงเอ๋อ เราไม่ต้องสนใจพวกนั้น ข้าไม่คิดว่าเจ้าซือหยูมันจะไปได้ตลอดหรอก”
เขาและเจียงซื่อฉิงไม่ได้อยากเข้าร่วมงานนี้เลย เขาพ่ายแพ้ให้กับซือหยู นางเคยทิ้งซือหยู แต่พ่อของฉินเฟิงอยากจะให้พวกเขามา พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกและรับความอัปยศเช่นนี้
เซี่ยนเอ๋อพาซือหยูไปศาลาด้านใน มันเป็นเวลาเย็นและเริ่มจุดแสงไฟ พวกมันเปล่งประกายราวกับดวงดาราส่องสว่างศาลาแห่งนี้ให้งดงามราวกับบุพผา
เซี่ยจิงหยูนั่งอยู่บนแผ่นหินใต้แสงและมวลหมู่บุพผา รูปร่างผอมบางของนางราวกับนางสวรรค์ ซือหยูที่อยู่ด้านนอกศาลายินดีเมื่อได้เห็น ไม่ว่าจะอย่างไร นางก็คือตัวตนอันงดงามเสมอมา
ติชมให้กำลังใจ กดไลค์แฟนเพจมาคุยกันได้เลยจ้าาา