DND.34 - พิธีหมั้นหมาย
องค์หญิงนั้นแข็งแกร่ง...แต่อ่อนแอหากเทียบกับเสี่ยวฉี
ฟางหยุนโศกเศร้า เขาไม่มีทางแตะซือหยูได้อีกแล้ว
เซี่ยหลินฉวนตอบสนองอย่างเชื่องช้า เขาสาปแช่งฟางหยุนในใจ ดยุคเซี่ยนหยูเปลี่ยนใจแล้วเมื่อได้เห็นพลังของซือหยู
“ท่านดยุค! เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว ซือหยูไม่ได้ทำอะไรผิด สำนักจะไม่ทำอะไรเขาอีกแล้ว ซือหยูจะยังคงเป็นศิษย์สำนัก”
เซี่ยหลินฉวนมิใช่คนโง่ เขาอยากจะได้ตัวซือหยูคืนมา
แล้วดยุคจะยอมรับได้อย่างไร?
“มิต้องกังวล ซือหยูจะได้รับการดูแลอย่างยอดเยี่ยมในตำหนักข้า ข้าจะบ่มเพาะซือหยูด้วยหัวใจ ท่านเซี่ย ท่านมิจำเป็นต้องออกแรงให้เหนื่อยอีก”
ดยุคต้องการจะสื่อว่าในสำนักไม่มีท่อน้ำเลี้ยงที่ดีพอกับอัจฉริยะเช่นซือหยู ดยุคไม่ยอมให้ผู้มีพรสวรรค์ต้องมาจมปลักอยู่ในสำนักแน่
เซี่ยหลินฉวนเปิดปากอยากจะยืนกราน
แต่ซือหยูก็ขัดจังหวะ เขาโค้งคำนับเซี่ยหลินฉวนและเย่ฉวน
“ขอบคุณท่านที่ห่วงใย ข้าจะไม่ลืมความกรุณานี้จากท่านทั้งสอง แต่ข้าอยากจะไปไกลกว่านี้ สูงกว่านี้ หวังว่าท่านทั้งสองจะปล่อยให้ข้าไป”
หลายคนจ้องมองไปยังฟางฉิงโจวและฉินเฟิง
ซือหยูไม่ได้รับการคุ้มครองจากสำนัก ฉินเฟิงอาจจะไม่มีอำนาจมากในสำนัก แต่พ่อของฟางฉิงโจวนั้นมีอำนาจโดยตรง!
ผู้ชมต่างโล่งใจ
อัจฉริยะที่ได้รับเกียรติเช่นนี้ท้ายที่สุดจะต้องออกไปจากสำนักอย่างแน่นอน ไม่มีใครคิดว่าซือหยูทรยศต่อสำนักเลย เพราะหากไม่มีพลังอำนาจ...แม้จะเป็นอัจฉริยะก็ยากที่จะได้บ่มเพาะในสำนัก
อัจฉริยะอาจจะไม่เติบโตก็เป็นได้ แต่ถ้าหากอัจฉริยะ ผู้นั้นไม่มีพลังอำนาจ เขาก็พังตั้งแต่เริ่ม
ทั้งเซี่ยหลินฉวนและเย่ฉวนถอนหายใจ พวกเขาสลักความชิงชังต่อฟางหยุนไว้ในกระดูกดำ อัจฉริยะที่มีสิทธิ์ได้เป็นราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ถูกเขาขับออกจากสำนัก!
เมื่อถูกมองอย่างอาฆาต ฟางหยุนก็ไม่มีหน้าอยู่ในโถงประลองอีกต่อไป เขามองซือหยูอย่างโหดร้ายและจากไป
ซือหยูลูกล้อมโดยองครักษ์เกราะทมิฬและถูกพาตัวออกจากโถงประลอง นับแต่นี้ไปซือหยูจะไม่ใส่ศิษย์สำนักอีกแล้ว เขาจะได้ไปอยู่ในตำหนักดยุค
เจียงซื่อฉิงมองแผ่นหลังซือหยูที่เดินจากไปด้วยแววตาซับซ้อน
อำนาจ ซือหยูได้มันมาแล้ว
เซี่ยจิงหยูโล่งใจเช่นกัน นางมิอาจหุบยิ้มได้
“ชะตาขององค์หญิงกับซือหยูช่างลึกซึ้ง ใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะได้เป็นคู่ครองกัน ฮ่าๆๆๆ”
เมื่อนึกถึงเรื่องระหว่างซือหยูและองค์หญิง เซี่ยจิงหยูต้องยอมรับว่าเขาทั้งสองถูกลิขิตให้คู่กัน ใครจะคิดว่าเรื่องในเขารัตติกาลครั้งนั้นจะทำให้เกิดงานวิวาห์ได้?
เรื่องในสำนักดังไปทั่วเมืองอย่างรวดเร็ว อัจฉริยะที่สำนักขับไล่ออกไปคือลูกเขยของดยุคเซี่ยนหยู นี่กลายเป็นเรื่องที่คนพูดคุยกันไปทั่ว
ซือหยูที่เป็นราชาระดับเงิน เหนือกว่าราชาทองคำสองรุ่น และยังทำให้เจียงซื่อฉีบาดเจ็บด้วยกระบวนท่าเดียว เขาชนะเฉาลี่ที่เป็นหนึ่งในศิษย์อสูรในไม่กี่วินาที เรื่องราวเหล่านี้ช่างเหนือจินตนาการต่อเหล่าผู้คน
สำนักที่เสียอัจฉริยะให้กับดยุคเซี่ยนหยูกลายเป็นเรื่องขำขันไปอีกนานแสนนาน
ซือหยูอยู่ในตำหนักของดยุค ทุกคนในตำหนักตั้งแต่ข้ารับใช้ต่างสุภาพกับซือหยู แม้แต่หลีหมิงไห่และหลีจิ้นฉางก็ไม่กล้าอยู่ต่อหน้าซือหยู
ซือหยูรู้สึกว่าประสบความสำเร็จในชีวิต แต่ความรู้สึกนั้นก็คงอยู่ไม่นาน เขารู้ดีว่าอำนาจนี้เป็นของดยุคเซี่ยนหยู
วันหนึ่ง...ในห้องตำราของดยุค…
“ซือหยู เจ้ามีพ่อแม่อยู่ที่บ้านหรือไม่? เราจะเชิญพวกเขามาคุยเรื่องพิธีแต่งงาน”
ดยุคเซี่ยนหยูรู้สึกยินดีทุกครั้งที่ได้เห็นซือหยู
ผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศที่มีฎีกาสวรรค์ ทั้งยังมีรูปลักษณ์ที่ดี เขามีแรงคุณธรรมสูงส่ง เคยช่วยลูกสาวของเขาและเซี่ยจิงหยู เขาคือมังกรในหมู่บุรุษโดยแท้
ซือหยูส่ายหัว
“ข้าไม่มีพ่อแม่ ข้าถูกเก็บมาจากข้างทาง”
พ่อแม่ซือหยูจากไปด้วยโรคระบาด เขาไม่มีครอบครัวหลงเหลือ ซือหยูอยู่รอดด้วยความเอื้อเฟื้อจากวัดวาและคนในละเวกนั้น
ดยุคถอนหายใจเมื่อคิดถึงอดีตอันเลวร้ายของซือหยู
“งั้นแบบนี้ ข้าจะแจ้งงานแต่งงานของเจ้ากับเซี่ยนเอ๋อและงดเว้นภาษีในหมู่บ้านเจ้าสิบปี เพื่อเป็นการขอบคุณที่เลี้ยงดูเจ้าขึ้นมา”
เซี่ยนเอ๋อคือชื่อขององค์หญิง นางมาจากสกุลฉิน ชื่อเต็มนางคือฉินเซี่ยนเอ๋อ
“ขอบคุณครับท่านดยุค!”
ซือหยูประสานมือขอบคุณ
ซือหยูไม่ได้รู้สึกพิเศษกับเมืองฉิงซานมากนัก แต่มันก็คือบ้านเกิดของเขา ซือหยูยังคงรู้สึกดีในความเอื้อเฟื้อของดยุคต่อผู้คน
“เจ้าวางแผนในอนาคตไว้อย่างไรรึ?”
ดยุคถามซือหยู
ซือหยูมิลังเล
“ข้าจะเป็นราชันย์ศักดิ์สิทธิ์”
ในโลกใบนี้ พลังคือสิ่งเดียวที่จะรักษาอำนาจ หากไร้ซึ่งพลังแล้วซือหยูคงอยู่อย่างสงบไม่ได้
ดยุคพอใจกับคำตอบของซือหยู เขากังวลว่าหากซือหยูที่เคยยากจนได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายและเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลราชวงศ์จะทำให้เขาลืมเส้นทางยุทธ แต่ดูไม่เหมือนจะเป็นเช่นนั้น
“ดีมาก!”
“ในยุคนี้ พลังอำนาจคือสิ่งสำคัญ มีเพียงพลังเจ้าเท่านั้นที่สำคัญ หากราชันย์ศักดิ์สิทธิ์อ่อนแอแล้วไซร้ เขาจะปกครองโลกได้อย่างไร?”
ซือหยูจดจำคำของดยุคและโค้งยอมรับ
ไม่นานดยุคก็ถามอีก
“เจ้าคิดว่าเขตเซี่ยนหยูนี้กว้างใหญ่แค่ไหนกัน?”
ซือหยูตัวสั่นเล็กน้อย
“กว้างใหญ่ไร้พรมแดน พื้นที่นับไม่ถ้วนหลายตารางลี้ มีเมืองน้อยใหญ่เต็มไปหมด แต่ละเมืองมีผู้คนนับหมื่น ตั้งแต่เกิดมาข้าไม่เคยก้าวออกจากเซี่ยนหยูเลย”
เขตเซี่ยนหยูใหญ่กว่าแผ่นดินโบราณเสียอีก
ดยุคส่ายหัวเบาๆ
“เจ้ามองว่าเซี่ยนหยูกว้างใหญ่ แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าเซี่ยนหยูเป็นแค่หนึ่งในสิบสามเขตในแคว้นเฟิงหลิน และเป็นเขตที่เล็กที่สุด?”
ซือหยูตกใจ เซี่ยนหยูที่กว้างใหญ่กว่าแผ่นดินโบราณยังเป็นเขตที่เล็กที่สุดในเฟิงหลินอีกเช่นนั้นหรือ? ถ้าเอาทั้ง 13 เขตมารวมกันมันจะไม่ใหญ่กว่าดาวทั้งดวงหรือไง?
“โลกนั้นกว้างใหญ่ หากเจ้าอยากจะเป็นบุรุษเหนือบุรุษทั้งปวง เจ้าจะพอใจกับการปกครองเขตเซี่ยนหยูไม่ได้ เจ้าต้องตั้งเป้าหมายกับทั้งแคว้น! นี่คือสนามจริงของเจ้า!”
โลกกว้างใหญ่นัก ข้าจะพอใจแค่นี้ได้เช่นไร?
ซือหยูขอบคุณดยุค
“ขอบคุณสำหรับการสอนสั่ง! ข้า..ซือหยู..จะฝึกให้จงหนัก นามข้าจะดังก้องไปทั่วแว่นแคว้น!”
“ดีมาก! ข้านับถือจิตวิญญาณเจ้า!”
ดยุคสบายใจมาก เขาชื่นชมซือหยูในใจ เขาคิดไม่ผิดจริงๆ ซือหยูมิใช่เพียงมัจฉาในมหาสมุทร
“ข้าจะให้โอกาสเจ้ายิ่งใหญ่กว่านี้!”
“ยิ่งใหญ่กว่านี้รึ?”
ดยุคหัวเราะ
“ใช่แล้ว! อีกเดือนจะมีงานประชุมศักดิ์สิทธิ์ของเฟิงหลิน ศิษย์อสูรจากทั้งสิบสามเขตจะต้องแข่งขันกันเพื่อแย่งตำแหน่งสวรรค์ ดยุคอย่างข้ามีสิทธิ์เลือกตัวแทนของตระกูล เจ้ายินดีรับไหมล่ะ?”
ทั้ง 13 เขต...นั่นหมายถึงผู้มีพรสวรรค์จากทั่วโลก…
ซือหยูตกใจ
“ข้า ซือหยู จะไม่มีวันลืมความเอื้อเฟื้อนี้!”
คนที่กำลังจะถูกฟางหยุนและดยุคฉินจัดการ คนที่อนาคตถูกทำลายสิ้น ในความมืดมิดสูงสุดของชีวิต เขาได้ถูกดยุคเซี่ยนหยูยอมรับและปกป้อง ในตอนนี้เขายังได้รับโอกาสเติบโตขึ้นอีก
นี่เป็นจุดพลิกผันในชีวิตไม่ผิดแน่
แม้ว่าดยุคเซี่ยนหยูจะมีส่วนทำให้เขาถูกขับออกจากสำนั เขาก็เข้าใจว่าหากไม่มีพลังอำนาจ เขาคงจะต้องถูกจองจำอยู่ในสำนัก ฟางฉิงโจวกับฉินเฟิงต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อกำจัดเขา
“ข้าไม่มีลูกชาย เซี่ยนเอ๋อนั้นซุกซนไปตามธรรมชาติ มิได้สนใจทางยุทธมากนัก เป็นความเสียใจเดียวของข้า สวรรค์เห็นจึงประทานเจ้ามาสู่ข้า ชีวิตข้าช่างคุ้มค่านัก!”
แต่ซือหยูยังติดใจอยู่เล็กน้อย
“ข้าจะไม่ลืมความกรุณานี้ แต่ข้าอยากจะพูดอะไรซักหน่อย”
“ฮ่าๆๆ พูดมาเลยเจ้าลูกเขย!”
ซือหยูพูดช้าๆ
“ข้าพบองค์หญิงเพียงครั้งเดียว นางมิได้มีความรู้สึกใดๆต่อข้า การหมั้นหมายนี้จะไม่ยุติธรรมต่อนางรึ?”
ซือหยูไม่อยากฝืนใจองค์หญิง
“อ้อ เรื่องนี้รึ? ข้าคิดว่าเจ้ากังวลเรื่องฐานะของเจ้าซะอีก”
ดยุคเซี่ยนหยูหยุดหัวเราะที่ซือหยูกังวลเรื่องนี้แต่ยังคงยิ้มแย้ม
“เจ้ามิต้องกังวล นางต้องทำตามบิดาในเรื่องนี้อยู่แล้ว เซี่ยนเอ๋อยังมิได้ชอบพอใครอีกด้วย แม้นางจะไม่วิวาห์กับเจ้าวันนี้ นางก็ไม่ได้วิวาห์กับใครอื่นอยู่ดี นี่เป็นประเพณีของราชวงศ์ เซี่ยนเอ๋อเจ้าใจเรื่องนี้ดี เจ้ามิต้องกังวลเกินไป”
นางมิได้ชอบใครมาก่อนสินะ? ซือหยูโล่งใจ หากมีใครในใจนาง นั่นหมายความว่าซือหยูจะเป็นคนที่แย่งคนรักของผู้อื่น เขามิอาจทำเช่นนั้นได้
“เป็นเช่นนั้นข้าก็เบาใจ!”
ซือหยูหัวเราะ จากนั้นประสานมือ
“หากไม่มีสิ่งอื่น ข้าจะฝึกแล้ว การต่อสู้ในวันนี้ทำให้ข้าพัฒนาขึ้นมาก ข้าจะใช้โอกาสนี้บ่มเพาะพลัง ข้าคิดว่าจะพัฒนาขึ้นในอีกไม่นาน”
ดยุคยิ้มแย้มด้วยความใจดี
“ฮ่าๆๆ ไปเลยเจ้าหนู”
เขาพอใจเมื่อเห็นซือหยูรีบร้อนไปฝึก เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ซือหยูไม่ใช่ลูกจริงๆของเขา แต่ก็ดีใจที่อีกไม่นานซือหยูจะได้เป็นลูกเขย
เขาเอนหลังพักอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสั่งข้ารับใช้
“เตรียมเชิญแขกซะ ข้าอยากจะให้งานหมั้นของซือหยูกับเซี่ยนเอ๋อเป็นไปด้วยดีและสมเกียรติ”
ข้ารับใช้รีบเตรียมการตามคำสั่ง พวกเขาเตรียมรายนามผู้ร่วมงาน
“องค์ชายลำดับสองกับเซี่ยนเอ๋อเติบโตมาด้วยกัน และเขาก็รู้สึกกับเซี่ยนเอ๋อมากกว่าพี่น้อง ข้าไม่อยากจะให้เขามาพังงานนี้จริงๆ”
เรื่องนี้ทำให้เขาหงุดหงิด
ในอดีต การแต่งงานภายในตระกูลราชวงศ์ถือเป็นเรื่องปกติ องค์ชายที่จะมาขอองค์หญิงเป็นภรรยานับว่าปกติของแคว้นเฟิงหลิน
องค์ชายลำดับสองเคยขอเซี่ยนเอ๋อหลายครั้งแต่ก็ถูกดยุคปฏิเสธ เพราะเซี่ยนเอ๋อยังเด็กเกินไป
ในวันนี้เขาได้มอบเซี่ยนเอ๋อให้กับคนอื่น จึงได้แต่หวังว่าองค์ชายลำดับสองจะไม่ทำอะไร
ติชมให้กำลังใจ กดไลค์แฟนเพจมาคุยกันได้เลยจ้าาา