ตอนที่แล้วบทที่ 60 - ฉันแบกเอง (8) [อ่านฟรีวันที่ 15/10/61]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 62 - ฉันก็ยังเป็นเจ้าของตึก (1) [อ่านฟรีวันที่ 19/10/61]

บทที่ 61 - ฉันแบกเอง (9) [อ่านฟรีวันที่ 15/10/61]


บทที่ 61 - ฉันแบกเอง (9)

 

ดันเจี้ยนสิ่งมีชีวิตที่กลายพันธ์มันมีสัตว์หลากหลายชนิดและมีระดับต่างๆที่ต่างกันออกไปทำให้ยูอิลฮานไม่ได้เบื่อเลย แต่ว่าในดันเจี้ยนที่จีนที่มีชื่อว่าเคร๊กน่า เขาเข้ามานี้มันมีแต่มอนสเตอร์ที่มีสีเทาขี้เถ้าบนใบหน้าของพวกมันดูไม่ต่างไปจากภาพวาดของมัคเลย พวกมันได้เดินไปรอบๆอย่างเคร่งขรึม

พวกเคร๊กน่ามันมีพลังเวทย์อยู่ในกระดูกโลหะของพวกมันและมันก็ยังมีความสามารถในการคายพลังที่เก็บเอาไว้ออกมาใส่ศัตรู

ในเวลาปกติพวกมันจะขยับอย่างช้าๆ แต่ว่าเมื่อพวกมันเจอเข้ากับศัตรูมันจะร้องออกมาจนสุดเสียงเพื่อเรียกพรรคพวกของมัน และโจมตีศัตรูของพวกมันด้วยกระสุนเวทย์ที่ไม่สิ้นสุดลง

ยังไงก็ตามมันก็มีองค์ประกอบที่ทำให้พวกมันสู้อย่างป่าเถื่อนและจบการต่อสู้อยู่อย่างรวดเร็วนั่นก็คือในตอนที่มันต้องเห็นศัตรูและดึงเอาพลังเวทย์โยนไปใส่ศัตรูดังนั้นหากพวกมันสู้เป็นเวลานานจะทำให้กระดูกค่อยๆหมดพลังลงไป เป็นปกติที่คุณภาพของกระดูกมันก็จะต่ำลงไปเรื่อยๆและในท้ายที่สุดก็จะไร้ประโยชน์

นี่เป็นเพียงส่วนเดียวของเคร๊กน่าที่สามารถจะนำมาใช้ประโยชน์ได้ซึ่งแม้ว่ามันจะมีเลเวลต่ำแต่ว่ากระดูกของพวกมันก็ทนทานอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะแบบนี้เองทำให้คนที่ไม่ได้มีความมั่นใจในการล่าพวกมันอย่างรวดเร็วด้วยปืนจึงเลือกที่จะไม่เข้ามาในดันเจี้ยนนี้แม้ว่าจะพบมันก็ตาม นี่เป็นคำอธิบายของเอิลต้าที่บอกกับเขามา

แต่ว่ามันก็เห็นได้ชัดว่าเรื่องพวกนี้มันไม่มีความหมายอะไรกับยูอิลฮานเลยสักนิด

[คุณได้รับค่าประสบการณ์ 335,989]

[คุณได้รับบันทึกเคว๊กน่าเลเวล 54]

มันไม่มีมอนสเตอร์ตัวใดที่จะสามารถเห็นการปกปิดตัวตนของยูอิลฮานได้ เพราะแบบนี้เองทำให้งานทุกๆอย่างในดันเจี้ยนเป็นไปอย่างสบายๆ มันจะมีอะไรที่ง่ายและสบายไปกว่านี้อีกไหม?

ยังไงก็ตามมันก็มีข้อจำกัดเหมือนกัน ถึงแม้ว่าเขาจะชอบการทำงาน แต่ว่าเขาก็เกลียดการทำงานที่ไม่ได้อะไร ยูอิลฮานได้ฆ่าเคว๊กน่าตัวที่ 523 ด้วยการโจมตีที่เผลอและบ่นออกมา

"เป็นงี้ไม่ได้แล้ว ฉันจะมาเสียเวลาทำอะไรที่เปล่าประโยชน์แบบนี้ได้อีกต่อไปแล้ว"

[มันเป็นเพราะว่าคุณพัฒนาเร็วเกินไป สิ่งนี้มันเป็นระดับที่เหมาะสมสำหรับการล่าวัตถุดิบสำหรับคุณ] (เอิลต้า)

เหตุผลที่ยูอิลฮานมาที่นี่ก็เพราะเขามาหาวัตถุดิบในการทำอาวุธเวทย์ให้คังมิเรย์ ซึ่งในเป้าหมายนี้มันได้เสร็จตั้งแต่ที่เขาฆ่าตัวที่สามไปแล้ว ดังนั้นหากเขาไม่เป็นมีเป้าหมายในค่าประสบการณ์งั้นการที่เขาจะกลับไปก็คงไม่มีใครจะมาว่าอะไรได้

ยังไงก็ตามเนื่องจากเขาตัดสินใจจะทำมันแล้ว เขาก็ต้องการจะทำอาวุธที่ดี

"มันไม่มีบอสหรอ?"

[คุณไม่คิดว่ามอนสเตอร์ระดับบอสจะปรากฏตัวในทุกๆดันเจี้ยนใช่ไหม?] (เอิลต้า)

"ฉันคิดว่าฉันจะต้องทำอาวุธระดับตำนานได้ถ้าฉันมีกระดูก...."

เธอได้บอกว่าราคามันจะเป็นไปตามความสามารถของอาร์ติแฟค ดังนั้นเขาจะต้องได้เงินจำนวนมากแน่ แต่ยังไงก็ตามเอิลต้าได้ตะโกนออกมาอย่างตกใจ

[คุณกำลังคิดจะทำให้เธอถังแตกหรอ? ไม่สิ เธออาจจะขอแต่งงานกับคุณและจ่ายด้วยชีวิตทั้งชีวิตของเธอ]

"เอิลต้าฉันว่าเธอเป็นเอาหนักแล้วนะ"

[ฉันเป็นปกติมากๆ!] (เอิลต้า)

ถ้าหากว่านี่มันเป็นเกมหรือในนิยายแฟนซีงั้นบอสก็จะออกมาในส่วนท้ายของดันเจี้ยน วิกฤติการณ์แบบฉับพลัน! ตัวเอกก็จะต้องต่อสู้ท่ามกลางความตกใจและความกลัว

แต่ปัญหาก็คือคนที่ไม่ใช่ตัวละครหลักก็จะต้องตายไปในช่วงวิกฤตินั้นและตัวเอกก็จะรู้สึกเสียใจและรู้สึกว่าจะต้องรับผิดชอบในการตายของเพื่อนด้วยการพัฒนาตัวเองขึ้นไป แต่ยังไงก็ตามดันเจี้ยนมันไม่น่าจะเป็นแบบนี้

ความเป็นจริงมันโหดร้าย หากว่ามันไม่มีมอนสเตอร์กลายพันธ์หรือดันเจี้ยนมีมานาอยู่ไม่เพียงพอบอสมอนสเตอร์ก็จะไม่เกิดขึ้นมา มันอาจจะใช้เวลาไม่นานนักแต่อย่างน้อยในตอนนี้ก็ไม่มีอะไรแบบนั้นในดันเจี้ยนนี้

แต่เรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องดีสำหรับคนส่วนใหญ่เพราะพวกเขาไม่ได้ต้องการที่จะเจอกับมอนสเตอร์ระดับสูงในดันเจี้ยน

สมมติว่าดันเจี้ยนนี้จำกัดการเข้าที่เลเวล 50 ตามปกติแล้วคนที่จะเข้ามาก็จะจำกัดอยู่ในช่วงประมาณ 60 ส่วนคนที่เลเวลสูงกว่านี้ก็ไปหาดันเจี้ยนอื่นที่เหมาะสมกับเลเวลของพวกเขาไปแล้ว

ยังไงก็ตามในตอนที่บอสของดันเจี้ยนปรากฏออกมาการที่มันออกมาเป็นเลเวล 80 มันปกติมากและหากว่าโชคร้ายมันก็อาจจะเป็นเลเวล 90 และถึงแม้ว่ามันจะเป็นไปได้ยากแต่ก็อาจจะมีคลาส 3 ปรากฏออกมาด้วยซ้ำไปซึ่งยูอิลฮานก็เคยเจอมาแล้ว

เอาเถอะ หากว่าพวกเขาฆ่าบอสได้งั้นพวกเขาก็จะได้รับค่าประสบการณ์และสินสงครามจำนวนมาก แต่ว่ามันก็ไม่ได้มีอะไรที่มันมีค่าไปมากกว่าชีวิตอยู่แล้ว เพราะแบบนี้คนจึงไม่เคยต้องการเจอบอสเลย พวกเขาต่างก็ภาวนาให้ไม่เจอมันและหากเจอก็วิ่งหนีในทันที

เพราะแบบนี้เองบอสจึงไม่ได้มีตัวตนอยู่เพื่อถูกคนล่า

พวกมันมีตัวตนอยู่เพื่อให้ผู้คนวิ่งหนีไปในทันทีที่เจอ

[ฉันกำลังจะบอกว่าโอกาสที่บอสจะโผล่ขึ้นมามันต่ำมากๆ ตอนนี้คุณเข้าใจแล้วนะ] (เอิลต้า)

ต้องขอบคุณคำอธิบายง่ายๆนี้ของเอิลต้าได้ทำให้ยูอิลฮานต้องหยักหน้ารับอย่างทำอะไรไม่รู้ แต่ว่ามีคำอธิบายบางคำที่ทำให้เขาชั่งน้ำหนักอยู่ในหัว

"ทำไมเธอถึงได้เน้นคำว่า 'ปกติล่ะ' มันมีในบางช่วงที่จะมีคนที่เลเวลสูงๆไปที่ดันเจี้ยนเลเวลต่้ำๆหรอ"

ดันเจี้ยนมันไม่ได้แตกต่างไปกับกับดักของมอนสเตอร์ที่ทำขึ้นจากการใช้พลังของสวรรค์เลย การที่คนสามารถจะล่ามอนสเตอร์ได้ตามเลเวลอย่างปลอดภัยก็ต้องขอบคุณสิ่งนี้ แต่แล้วทำไมล่ะ?

[อ่า ถ้าหากว่าคุณไปโลกอื่น งั้นคุณก็จะรู้] (เอิลต้า)

"เธอกำลังพยายามอยากจะสู้กับฉันใช่ไหม? รออีกเดี๋ยวให้ฉันการเป็นสิ่งมีชีวิตระดับสูงก่อนเถอะนะ"

[....ก่อนที่โลกจะเจอกับหายนะครั้งใหญ่ครั้งที่สองมันจะไม่เป็นไร]

ไม่ว่ามันจะเป็นครั้งที่สองหรือครั้งที่สามเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรเว้นเสียแต่ว่าเขาจะกลายเป็นคนที่ถูกทิ้งอีกครั้งเท่านั้น ยูอิลฮานก็แค่หยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจและตัดเคว๊กน่าที่อยู่ใกล้ๆ ในตอนนี้เองได้มีการเปลื่ยนแปลงเล็กๆเกิดขึ้น

[คุณได้รับค่าประสบการณ์ 359,998]

[สกิลผู้สะสมความตายได้กลายเป็นเลเวล 10 ในตอนนี้คุณสามารถจะเข้าใจในความคิดของคนตายที่หลงเหลืออยู่ในพลังชีวิตได้]

สกิลนักสะสมความตายเป็นสกิลที่ยูอิลฮานได้รับมาหลังจากที่กลายเป็นยมทูตมือใหม่ และมันทำได้เพียงสะสมพลังชีวิตของคนที่ยูอิลฮานฆ่าเท่านั้น มันไม่มีประโยชน์อย่างอื่นเลย

การสะสมพลังชีวิตมันไม่ได้หมายความว่าพลังเวทย์ของเขาจะเพิ่มขึ้นเลยสักนิด เขาเพิ่งจะได้รับอาร์ติแฟคแปลกๆที่จะดูดควันสีขาวจางๆที่ปรากฏออกมาในตอนที่เขาฆ่าสิ่งต่างๆ แต่ว่ามันก็ใช้อะไรไม่ได้อีก

เขาก็แค่คิดเอาไว้ว่ามันจะกลายเป็นมีประโยชน์มากขึ้นในตอนที่เขากลายเป็นยมทูตเต็มตัวในคลาสที่ 3 และเรียนสกิลใช้งานหลังจากใช้มานาได้

การเก็บพลังชีวิตมันไม่ได้มีอันตรายใดๆและมันก็ยังเป็นสกิลติดตัวเขาก็เลยไม่คิดจะหยุดการทำงานของมันเขาแค่ปล่อยมันไว้เฉยๆเท่านั้นเอง

ยังไงก็ตามในตอนที่สกิลนี้ได้มาถึงเลเวล 10 ความคิดของยูอิลฮานก็ได้เปลื่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

[ก๊าซซซซซซซ]

[กี๊ซซซซซ]

[ก๊าาาาาาาาาา]

"อึก!"

เขาไม่สามารถจะเอาชนะในเสียงตะโกนกับเสียงกรีดร้องที่จู่ๆมาดังก้องในหูเขาได้ทำให้ยูอิลฮานได้จับที่หัวตัวเองและจบด้วยการลงไปสั่นอยู่บนพื้น

[กี้!!!]

[กรรร กรรรรรรรร!]

[....ฆ่า ข้า... โลก...]

[ก๊าซซซซซซซ]

[แมงเม่าเวรเอ้ย!]

[ยูอิลฮานเป็นอะไร? ยูอิลฮาน!]

"เวรเอ้ย ฉันไม่รู้เลยสักนิด"

สิ่งทั้งหมดนี่มันเกิดขึ้นแค่ในหัวของยูอิลฮานเท่านั้นทำให้เอิลต้าเข้าใจในสถานการณ์ไม่ได้เลย เธอได้แต่หวังว่าเขาจะทนมันไหว

[ก๊าาาาาาา]

[ขอ... ....เลือดดด....]

[ชาวโลกที่โสมนกล้าที่จะทำแบบนี้กับข้าดากี้ วอน อิลาสต้าผู้ยิ่งใหญ่]

ยูอิลฮานได้ฝืนทนกัดฟันตัวเองเอาไว้ตลอดเวลา สติของเขาพร่ามัวไปเพราะเสียงพวกนี้

'ใจเย็นยูอิลฮาน ไม่ว่ายังไงสิ่งพวกนี้คือสิ่งที่ตายไปแล้ว'

พวกนี้คือคนตายที่ยูอิลฮานได้พรากชีวิตไป

นอกไปจากนี้เจ้าพวกนี้ก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าความคิดที่ติดมากับพลังชีวิต

มันน่ารำคาญเล็กน้อยแต่ว่าก็ไม่จำเป็นต้องกลัวมันอีกต่อไป

[กี๊ซซซซซซ]

[ได้โประ... โลก... ช่วย....]

[จักรวรรดิจะไม่...]

'เงียบไปซะ!'

เขารู้สึกว่าเขาจะบ้าไปแน่หากเขาได้ฟังเสียงของจอมเวทย์ไปมากกว่านี้ทำให้เขาตะโกนอยู่ภายในใจ

ยังไงก็ตามในตอนที่เขาได้ตะโกนออกมาเสียงดังวุ่นวายก็ได้ดับลงไป

[สกิลผู้สะสมความตายได้กลายเป็นเลเวล 11]

"บ้าอะไรเนี้ย...."

มันดูเหมือนว่าการทรมาณในรูปแบบของเสียงที่เขาเพิ่งจะเจอมามันจะเป็นพิธีที่ทุกๆคนที่มีสกิลผู้สะสมความตายจะต้องผ่านมันไป เขาน่าจะรู้ตั้งแต่เห็นคำว่า 'ยมทูต' แล้วว่าคลาสนี้มันเป็นคลาสที่แปลกประหลาดที่สุด

[คุณได้ยินความคิดของพวกคนที่คุณฆ่าหรอ? การที่คุณทนมันเอาไว้ด้วยแค่พลังใจนี่มัน... คุณไม่เป็นไรนะ?] (เอิลต้า)

"ยังไงพวกนั้นก็ตายไปแล้ว"

ทำไมเขาถึงได้สกิลที่ไร้ประโยชน์แบบนี้มากันนะ! สำหรับตอนนี้เสียงพวกนั้นได้สงบลงไปแล้ว แต่ว่าความคิดนี้ก็อาจจะดังขึ้นมาอีกเว้นเสียแต่ว่ามันจะถูกลบไปโดยสมบูรณ์ เมื่อคิดมาถึงในจุดนี้ทำให้เขาเริ่มรำคาญขึ้นอีกครั้ง

เขายังคิดแม้กะรทั่งว่าเขาอาจจะต้องตะโกนในสมองจนเป็นปกติและสกิลที่ชื่อว่าผู้สะสมความตายอาจจะเป็นบทลงโทษของคลาสยมทูตมือใหม่ที่มีพลังที่แข็งแกร่งก็ได้

ยังไงก็ตามในเวลาต่อมาเขาก็ได้คิดย้อนกลับไป

[คุณได้ยิน... เสียงของฉัน?]

"..."

ยูอิลฮานได้เงียบลงไปทันทีที่ได้ยินเสียงเบาๆของหญิงสาว เมื่อเขาได้เห็นเอิลต้าลอยอยู่หลังจากที่ออกมาจากหัวของเขาเธอก็ไม่ได้ดูต่างปกติแล้ว เธอได้หันหน้าหลบสายตาของเขา

[ไม่ใช่ว่าฉันห่วงคุณนะ ฉันก็แค่ถามเพราะว่าความคิดของคนตายมันรุนแรงเป็นปกติและคุณอาจจะได้รับอาการบาดเจ็บที่ถาวร] (เอิลต้า)

"อ่อ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ"

[อ๊าาาาา] (เอิลต้า)

แน่นอนเขารู้ว่าเอิลต้าไม่ใช่คนพูด

ใครสักคนที่เขาได้ฆ่าไปได้มีคนที่พูดในภาษามนุษย์ได้และน่าจะมีความสวยงา เขาคิดได้เพียงแค่คนเดียว

[ฉันมีเรื่องจะขอคุณ ได้โปรดแค่สักครั้ง...]

"ฟู่ววววว"

เมื่อตรวจสอบแล้วว่าไม่มีมอนสเตอร์เหลืออยู่รอบๆแล้วยูอิลฮานได้ถอนหายใจออกมาและนั่งลงก่อนจะเปิดปากขึ้นมา

"เธอจะขออะไรงั้นหรอเรต้าคาร์อิฮ่าห์?"

[คุณเพิ่งจะพูดอะไรนะยูอิลฮาน?] (เอิลต้า)

ในตอนที่เอิลต้าได้เปิดต่างกว้าง ภายในสมองของยูอิลฮานก็ได้เกิดการสั่นเบาๆที่เขารู้สึกได้อีกครั้งหนึ่ง แต่ว่าเนื้อหามันรุนแรงยิ่งกว่าเสียง

[ฉันไม่สามารถจะปิดกันได้แม้ด้วยร่างทั้งหมดของฉัน... ได้โปรดช่วยแก้แค้นเผ้ามังกรเพื่อฉันที!] (เรต้า)

ในระหว่างที่ยมทูตมือใหม่ยูอิลฮานกับเบรกเกอร์กำลังคุยกันอยู่นี้ ทางสรรค์ก็ได้เริ่มลงโทษทูตสวรรค์ที่ปกปิดดันเจี้ยนเอาไว้

[หยุดการทำงานเป็นเวลาห้าพันปีมันยังไม่พออีกหรอ?]

[ประหาร!]

ได้มีคนที่นั่งอยู่ได้ประท้วงในการลงโทษนี้นั่นก็คือลิต้า

[การปกปิดดันเจี้ยนมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆนะ ถ้าหากว่าเราหามันไม่เจอโลกก็จะต้องล่มสลายแน่]

[นี่มันเป็นบาปที่หนักหนา]

[ทำไมคุณถึงทำแบบนั้นล่ะ? มันมีอะไรดีบนโลกหรอ? คุณซ่อนขนมหรืออะไรแบบนี้หรือยังไง?]

เมื่อเห็นว่าก็มีทูตสวรรค์หลายๆคนเห็นด้วยกับลิต้าทำให้ประธานครางออกมา

[แต่ว่าการลดกำลังคนของกองทัพสวรรค์มันก็ไม่ใช่เรื่องฉลาดเลยนะ ทูตสวรรค์แต่ล่ะคนของเรามีค่ามาก]

[เราจำเป็นต้องกำจัดส่วนเน่าเสียออกไป ก่อนที่ทุกๆอย่างจะเน่าตามๆกันไปนะ]

นี่เป็นเสียงของทูตสวรรค์อีกคนหนึ่งและไม่ใช่ลิต้าด้วย คนๆนี้เป็นผู้หญิงที่มีภาพลักษณ์ที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่าลิต้าและในมือของเธอก็มีหอกที่ส่องแสงออกมาราวกับว่าฉันจะเจาะหัวใจของคนบาปได้ทุกเมื่อ

[เขาได้ทำบาปที่ขัดกับกฏการกระทำของทูตสรรค์ แค่เพราะว่าเราขาดกองกำลังเราเลยจะปล่อยคนๆนี้ทิ้งเอาไว้เหมือนระเบิดเวลางั้นหรอ?]

[ยังไงก็ตาม]

[คุณก็เป็นคนทรยศด้วยงั้นหรอ?]

เสียงที่มั่นคงของเธอไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรเลยสักนิด ถ้าหากว่าประธานหยักหน้าผิดงั้นหอกของเธอก็จะต้องแทงเข้าไปในหัวใจของประธานทันทีแน่ๆ

ประธานได้ส่ายหัวออกมา

[ช่วยลดการแยกฝั่งอย่างชัดเจนของเธอลงด้วย การไม่ผ่อนปรนของเธอมันไม่เหมาะสมกับสิ่งมีชีวิตชั้นสูง]

[มันก็ดีกว่าการเสียทุกๆอย่างไปเพราะการผ่อนคลายนั่นแหละ นอกไปจากนี้ในการตัดสินดีชั่วแล้วไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงหรือต่ำมันก็ไม่ได้ต่างกัน]

ทูตสวรรค์ได้เล็งหอกของเขาไปที่คนบาปที่กำลังถูกมัดเอาไว้กับเสา ตอนนี้ลิต้าได้ปรบมือขึ้นมา ทูตสวรรค์บางคนก็มองเธอและบางคนก็หัวเราะออกมา

[อย่าฆ่าฉัน! อย่าฆ่าฉันเลย!]

ทูตสวรรค์ที่ถูกมัดเอาไว้อยู่ได้ร้องออกมา เขาได้มองไปที่ประธานเป็นครั้งสุดท้าย แต่ว่าประธานก็ทำได้เพียงแต่ถอนหายใจออกมาและส่ายหัว

[คุณควรจะโทษตัวเองนะที่ทำเรื่องโง่ๆไปนะ]

[อ่า ไม่นะ นี่มันคือ... มันไม่มีทางเป็นแบบนี้ไปได้! มันควรจะจบลงอย่างรวดเร็วสิ พวกเขาบอกว่า....]

ทูตสวรรค์ที่ถือหอกอยู่ได้สะบัดปาหอกออกไปเบาๆทำให้หอกทะลุเข้าที่ช่องท้องของคนทรยศ

[อึก!]

[พูดมาคนทรยศ!]

ทูตสวรรค์สาวได้โยนหอกของเธอไปใกล้ๆเขาอีกในขณะที่เปล่งออร่าที่ทรงพลังออกมาและยื่นหน้าที่สวยงามของเธอเข้าไปหา

ยังไงก็ตามเนื่องจากความเจ็บปวดที่มหาศาลของคนบาปทำให้เขาไม่มีเวลามาชื่นชมในความสวยงามนี้

[ใครคือคนอยู่เบื้องหลัง? มันใช่กองกำลัพปีศาจแห่งการทำลายไหม? พวกสวนอัศดง? หรอว่ากองทัพแห่งแสง?]

[แค่ก... แค่กกก!]

ทูตสวรรค์ที่ถูกมัดเอาไว้ไม่สามารถจะทนกับความเจ็บปวดไว้ได้และพ่นเลือดออกมาจากปาก ยังไงก็ตามเนื่องจากบางทีเขาอาจจะรู้แล้วว่าเขาคงจะไม่รอดอีกต่อไปแล้วทำให้เขาถ่มน้ำลายพร้อมด้วยเลือดเข้าใส่ผู้หญิงคนนี้และตะโกนออกมา

[เจ้าทึบ แกมันก็แค่หมากชิ้นหนึ่งที่ทำตามในคำสั่งของการคำนวณของหุ่นเท่านั้น เจ้าพวกหนอนแมลง! สวรรค์จะต้องล่มสลาย! หลักการและข้อจำกัดพวกนี้จะนำแกไปสู่ความพินาศ]

[ฉันได้รับแล้ว]

ถึงแม้ว่าจะถูกดูถูกอย่างรุนแรงทูตสวรรค์สาวก็ทำเพียงหยักหน้าอย่างมั่นคง

เธอไม่ได้คิดว่าจะได้ข้อมูลที่มีประโยชน์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องดีที่ระบุได้ว่านี่ไม่ใช่ทูตสวรรค์ที่ล่วงหล่นที่เพิ่งจะบ้าไป แต่ว่าเป็นคนที่เคลื่อนไหวตามคำสั่งของคนอื่น

ทูตสวรรค์ได้จับหอกที่ปักอยู่ในท้องของชายทูตสวรรค์และสะบัดขึ้นทันที

[อ๊ากก!]

[... คุณต้องเสียสละแล้ว ถึงแม้ว่าคุณจะหัวเราะเราแบบนั้นก็ตาม แต่คุณไม่ได้ตระหนักในจุดยืนของคุณจนกระทั่งตอนจบเลย]

คนบาปไม่สามารถจะตอบอะไรได้อีกแล้วเพราะส่วนบนนับตั้งแต่ท้องขึ้นมาได้แยกออกไปโดยสมบูรณ์

[กรี๊ด]

[เป็นการโจมตีที่หมดจดจริงๆ]

[สเปียร่า! เธอทำมันด้วยเธอเองได้ยังไง...!]

ทูตสวรรค์บางคนก็ชื่นชมยินดีในขณะที่บางคนก็ตกใจไปซึ่งนั่นรวมถึงประธานด้วย ยังไงก็ตามทูตสวรรค์สเปียร่าก็ทำเพียงประกาศออกมาด้วย 'สีขาวและดำ' พร้อมกับเลือดที่ปกคลุมตัวเธอ

[ฉันจะกำจัดเฉพาะคนที่ทรยศสวรรค์เท่านั้น]

[เขายังมีปีกของทูตสวรรค์อยู่! พวกเราจะช่วยเขาไม่ได้จริงๆ!]

[ลิต้า รับคำสั่ง]

ทูตสวรรค์ไม่ได้ฝั่งคำพูดของประธานเลยและหันไปทางอื่น ในขณะเดียวกันลิต้าที่ถูกเรียกได้ตอบกลับไปอย่างงงๆ

[ทำไมล่ะ? ฉันจะเป็นต้องกลับลงไปเร็วๆพร้อมกับรางวัลของอิลฮาน]

[กรรมได้พอกพูนขึ้นมาเป็นเวลานานได้เริ่มที่จะแตกออกแล้ว การต่อสู้ครั้งใหญ่กำลังจะมาถึงแล้ว... เพราะแบบนี้นับจากวันนี้ไปเธอจะต้องอยู่ในการฝึกพิเศษเพื่อความก้าวหน้าของคุณ]

ลิต้าเป็นที่รู้จักเนื่องจากพลังในการต่อสู้ทางกายภาพที่แข็งแกร่งแม้แต่ในหมู่ทูตสวรรค์ แต่เดิมแล้วเธอก็แข็งแกร่ง แต่ว่าหลังจากที่เธอได้ผ่านภารกิจเกี่ยวกับโลกที่แกนเวลาบิดเบี้ยวพลังของเธอก็ยังก้าวหน้าขึ้นมามากเช่นกัน การที่สเปียร่าเรียกเธอมันไม่ใช่ว่าจะไม่มีอะไรเลย

แต่ยังไงก็ตามลิต้าไม่ได้สนในเรื่องนี้เลย

[ฉันมีธุระในด้านความรักอยู่ดังนั้นคือไม่!]

การฝึกพิเศษงั้นหรอ? เธอกำลังยุ่งกับการขโมยหัวใจยูอิลฮานนะและถ้าเธอทำอะไรที่ต้องใช้แรงแบบนี้เธอก็จะต้องถูกเอิลต้าทิ้งห่างไปแน่! ลิต้าได้ถอยออกมาแต่ว่าสเปียร่าได้เดินก้าวมาเร็วยิ่งกว่าและคว้าหลังของลิต้าเอาไว้

[ใช่]

[อ๊าาาา อิลฮานนนนนนนนนน!]

การกลับมาของลิต้าได้ล่าช้าลงไปแล้ว แต่แน่นอนว่ายูอิลฮานกับเอิลต้าไม่ได้รู้เรื่องนี้เลย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด