GE24 สตรีปีศาจน้อยแห่งศาลาไร้ธรรม
บุรุษในชุดคลุมดำผู้นั้นคือหนิงกู่ เขาคือนักฆ่าที่โหดเหี้ยมในสนามประลอง ในที่นั่งของผู้อาวุโสที่อยู่ไม่ไกล มีผู้อาวุโสแก่นทองคำนั่งชมอยู่สี่คน สองบุรุษ สองสตรี พวกมันแสร้งทำเป็นตาบอดไม่สนใจการสังหารที่เกิดขึ้น
เมื่อมีผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำคุ้มกันที่นี่ถึง 4 คน หนิงฝานจึงต้องล้มเลิกแผนที่จะช่วยหนิงกู่ไปก่อน
หนิงฝานจะเฝ้าดูความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับหนิงกู่เพื่อรอให้หานหยวนจี๋เป็นผู้ช่วยเหลือแทน เพราะตัวเขาเพียงคนเดียวไม่สามารถช่วยเหลือหนิงกู่จากปีศาจเฒ่าแก่นทองคำทั้ง 4 ได้
หนิงกู่ใช้บรรทัดน้ำแข็งในมือสังหารผู้ประลองอีกฝ่ายอย่างไร้อารมณ์ หนิงฝานเองก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้น
เมื่อได้เห็นหนิงกู่สังหารผู้บ่มเพาะฝ่ายอธรรมอย่างง่ายดาย ในโลกนี้คงไม่มีอะไรที่สุขยิ่งกว่านี้แล้ว
แต่การสังหารศิษย์ของนิกายเทียนหลีโม่ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือ?
ความอบอุ่นและความรักประกายพาดผ่านแววตาของหนิงฝาน นี่คือแววตาที่หนิงฝานจ้องมองหนิงกู่ตลอดมา หนิงกู่เติบโตจนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรที่ 10... ช่างรวดเร็ว
แต่เดี๋ยวก่อน... ขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 10 นั้นเหลือเพียงเส้นกั้นบางๆก็จะบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณแล้วไม่ใช่หรือ?
หนิงฝานเริ่มทราบถึงปัญหาใหญ่ เพราะผู้บ่มเพาะฝ่ายอธรรมที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วเหมือนหนิงฝานอาจไม่ใช่เรื่องดี
‘กระถางปีศาจลึกลับ’ คือ กระถางคู่ที่ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำสตรีใช้บ่มเพาะ ผู้ที่จะเป็นกระถางคู่ให้นั้นอย่างน้อยต้องบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณ ถึงจะสามารถเพิ่มพลังของผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำสตรีในการบ่มเพาะผสานได้
หนิงกู่ที่บรรลุขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 10 ย่อมหมายความว่าอีกไม่นานเขาจะบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณ เมื่อถึงยามนั้นหยางของหนิงกู่ก็จะกลายเป็นอาหารที่เติมเต็มหยินให้กับพวกมัน!
ด้วยพรสวรรค์ของหนิงกู่ที่ไม่มีทั้งผลไม้แห่งเต๋าและสร้อยหยินหยาง อย่างน้อยหนิงกู่ต้องใช้เวลา 10 ปีจึงจะบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณไม่ใช่หรือ?
ดวงตาของหนิงฝานเป็นประกาย แม้ดวงตาของหนิงฝานจะเป็นเพียงดวงตาของเด็กหนุ่ม แต่แววตาของเขากลับเป็นของจักรพรรดิสวรรค์ที่ผ่านประสบการณ์ต่างๆมาทั้งชีวิต
บรรทัดน้ำแข็งในมือของหนิงกู่เปรอะไปได้โลหิต ผมสีขาวยาวพลิ้วสไว
เมื่อหนิงฝานฉุกคิดถึงบางสิ่งได้จากความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์ เขาโกรธ เกลียด และเคียดแค้นนิกายเทียนหลีโม่มากขึ้น
“บรรทัดน้ำแข็งนั่น... ไม่อยากเชื่อว่ามันจะเป็นทักษะปีศาจที่สาบสูญ... ‘บรรทัดผนึกชีวิต’ สังหารผู้อื่นเพื่อช่วงชิงพลัง แต่กลับต้องแลกด้วยพลังชีวิตของตน... มันไม่ใช่ทักษะปีศาจ แต่เป็นทักษะที่ต้องแลกด้วยชีวิต นอกจากมันจะเอาชีวิตศัตรู แล้วมันยังเอาชีวิตของผู้เป็นนายไปด้วย! และสิ่งที่ร้ายกาจที่สุดคือ...มันจะช่วงชิงความทรงจำของผู้ใช้ไปจนหมดสิ้น!”
หากตามที่หนิฝานคาดเดา หนิงกู่ใช้บรรทัดน้ำแข็งสังหารผู้คนอย่างต่อเนื่องจนทำให้ตนเองบรรลุขอบเขตเปิดเส้นโลหิตที่ 10 และยามนี้ พลังชีวิตของหนิงกู่สมควรเหลือน้อยแล้ว ต่อให้หนิงกู่ไม่ถูกช่วงชิงหยางในการบ่มเพาะผสานไป อีกไม่นานเขาอาจจะต้องตายอยู่ดี
แม้หนิงฝานจะช่วยหนิงกู่ได้ แต่หนิงกู่อาจจดจำหนิงฝานที่เป็นพี่ชายไม่ได้ นอกจากนี้ หากช่วยเหลือแล้ว หนิงกู่จะบ่มเพาะไม่ได้อีก เพราะการบ่มเพาะจะเป็นการปลุกสัญชาตญาณสังหารขึ้นมาซึ่งอาจพรากชีวิตของหนิงกู่ไปด้วย
บรรทัดผนึกชีวิตคือทักษะชั่วร้ายที่ทำลายผู้บ่มเพาะ0 ต่อให้เป็นจักรพรรดิสวรรค์ย่อมไม่เหลียวแลมัน แต่นิกายเทียนหลีโม่ไปหามันมาจากที่ใด...
“นิกายเทียนหลีโม่ พวกเจ้าจะมากเกินไปแล้ว!”
หนิงฝานจ้องมองหนิงกู่อย่างโศกเศร้า แต่ไม่นานความรู้สึกเหล่านั้นก็ถูกแทนที่ด้วยความเย็นชา
‘ข้าไม่ใช่หนิงฝานคนเดิมอีกต่อไปแล้ว วันนี้ข้าจะช่วยเหลือหนิงกู่และทำลายนิกายเทียนหลีโม่ให้ได้!’
เหนือสิ่งอื่นใด การจะทำให้ทุกอย่างลุล่วงจำเป็นต้องพึ่งพาหานหยวนจี๋ แต่ขณะที่หนิงฝานรอชายชรา เขายังคงมีบางอย่างต้องทำ
หนิงฝานต้องเดินตามฉินหลงไปเพื่อหาเหตุผลแยกจากนาง
ประกายเย็นชาปรากฏขึ้นในแววตาของหนิงฝาน เขาเอื้อมมือสัมผัสกระเป๋าที่เอว
ภายในกระเป๋ามีหยกสวรรค์อยู่หลานแสนที่ชายชราช่วยชิงมาเพื่อเป็นของขวัญให้หนิงฝาน ด้วยหยกสวรรค์จำนวนขนาดนี้ย่อมสร้างเรื่องราวใหญ่โตให้นิกายเทียนหลีโม่ได้
ในความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์มีข่ายพลังสังหารขนาดใหญ่อยู่มากมาย พวกมันต้องใช้หยกสวรรค์หรือแร่สวรรค์เป็นแหล่งพลังงาน ใช้สัมผัสเทพสลักข่ายพลัง ใช้ขุนเขาและสายน้ำก่อเกิดอำนาจ หยิบยืมพลังแห่งสายน้ำและขุนเขาเพื่อให้กำเนิดข่ายพลังสังหารที่จะปลิดชีวิตทุกสิ่งที่อยู่ภายใน
“ขุนเขาสายน้ำหวนกลับ” หากหนิงฝานวางข่ายพลังนี้สำเร็จ นิกายเทียนหลีโม่จะกลายเป็นทะเลโลหิต!
หนิงฝานเดินออกจากถนนเงียบๆ แต่จู่ๆกลับชนเข้ากับสตรีนางหนึ่ง
สตรีนางนี้ดูบอบบางราวกับร่างไม่สามารถต้านทานสายลมที่พัดโชย ทันทีที่หนิงฝานชนนาง นางก็ล้มลงกับพื้นทันที
ผ้าสีดำปิดคลุมใบหน้า อาภรณ์ห่มคลุมร่างกายส่วนบน เรียวขาที่งดงามราวกับหยก ผมดำยาวสลวยพลิ้วไสว แม้ไม่อาจมองเห็นใบหน้าของนางแต่ยังคาดเดาได้ว่านางงดงาม ทั้งดวงตากลมโตดำขลับคู่งามของนางยังให้ความรู้สึกถึงเสน่ห์ที่ยากจะบรรยาย
สตรีนางนี้ดูราวกับไร้ซึ่งปราณ... แต่การที่นางขึ้นมาบนแผ่นหยกแห่งนี้ได้ นางย่อมต้องมีปราณ... นางนับเป็นสตรีประหลาด
สาวน้อยเผยท่าทีอ่อนแอเพื่อรอให้หนิงฝานพยุงนางขึ้น
แต่ด้วยหนิงฝานไม่อยากเข้าไปพัวพันกับนาง เขาจึงหันกายจากไปทันที
สตรีนางนี้ใช้บางสิ่งที่อยู่ในระดับเดียวกันกับผ้าคลุมอำพรางของหนิงฝาน นอกจากนี้นางยังมีกลิ่นอายบางอย่างที่ทำให้หนิงฝานรู้สึกไม่สบายใจ ความรู้สึกนี้ออกมาจากสร้อยหยินหยาง มันย่อมเป็นความจริง ดังนั้นหนิงฝานจึงไม่อยากพัวพันกับนางเพราะนั่นอาจนำปัญหาที่ไม่สิ้นสุดมาสู่ตน
หนิงฝานหันกายเร่งจากไป แต่เมื่อสาวน้อยเห็นหนิงฝานกำลังจะจากไปด้วยท่าทีเมินเฉย แววตาของนางจึงปรากฏความขุ่นเคือง นางเร่งเอื้อมมือดึงชายอาภรณ์ของหนิงฝานไว้
“เจ้าจะไปที่ใด? เจ้าจะไม่ขอโทษที่ชนสตรีผู้งดงามอย่างข้าล้มเลยหรือ!?”
หนิงฝานไม่เคยพบนางมาก่อนแต่ดูเหมือนนางจะเคยพบหนิงฝานมาแล้ว อา... ในศาลาไร้ธรรม... หรือสตรีนางนี้คือผู้นำของศาลาไร้ธรรม?
นางมาเยือนนิกายเทียนหลี่โม่เพื่อเที่ยวเล่น แต่นางคาดไม่ถึงว่าจะได้พบหนิงฝานที่นี่ นางมีแผนบางอย่างที่วางไว้เพื่อหนิงฝาน ยิ่งโอกาสที่พบกันได้ยากเช่นนี้ นางย่อมไม่ปล่อยหนิงฝานไปโดยง่าย
“แม่นาง... โปรดสำรวมด้วย” หนิงฝานขมวดคิ้ว นางรู้ว่าตนพบปัญหาเข้าแล้ว
“ช่วยพยุงข้าขึ้นหรือจะอุ้มข้าขึ้นก็ได้หากเจ้าต้องการ...” นางปล่อยชายอาภรณ์ของหนิงฝาน จากนั้นนั่งคุกเข่าแล้วกางแขนทั้งสองข้างออก ด้วยท่าทางที่น่ารักของนางย่อมหมายความว่านางต้องการให้หนิงฝานอุ้ม
*พรึบ!* หนิงฝานสะบัดชายเสื้อและใช้พลังของขอบเขตประสานวิญญาณ สร้างเป็นกระแสลมพยุงตัวนางขึ้น จากนั้นจึงหันกายเร่งจากไปทันที
“ช้าก่อน...”
“เจ้าต้องการอะไรอีก!” หนิงฝานมั่นใจว่านางตั้งใจจะหาเรื่องยุ่งยากให้เขา
“เจ้าจะไปที่ใดก็พาข้าไปด้วย...”
“ข้าไม่รู้จักเจ้า...”
“แต่ข้ารู้จักเจ้า... นามของเจ้าคือหนิงฝานใช่หรือไม่?” นางยิ้มให้หนิงฝานอย่างสดใส แต่หนิงฝานกลับถอยห่างจากนางสองก้าว จากนั้นชักกระบี่ไร้เงาออกมาทำท่าราวกับพบศัตรูตัวฉกาจ
“เจ้าเป็นใคร?!”
“ข้าไม่บอก... ถ้าเจ้าไม่ยอมเล่นเป็นเพื่อนข้า ข้าจะตะโกนว่า ‘อ้า~~’ ผู้ที่สังหารผู้อาวุโสหวู่อยู่ที่นี่ นายน้อยแห่งเมืองฉีเหม่ยเป็นผู้ลงมือ ทุกคนมาทางนี้เร็ว..”
หนิงฝานจ้องตานางอยู่นาน และในระหว่างนั้น แววตาของนางกลับเผยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งงดงาม เคร่งขรึม ดุร้าย บริสุทธิ์ และจริงใจ... แต่ท้ายที่สุด แววตาของนางกลับกลายเป็นเย้ายวนจนทำให้หนิงฝานกังวลกับนางมากขึ้น
สตรีนางนี้เชี่ยวชาญการแสดง ทั้งความเจ้าเล่ห์ของนางยังลึกล้ำราวกับมหาสมุทร ไม่เช่นนั้นนางคงไม่สามารถแสดงแววตาด้วยความรู้สึกที่แตกต่างได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้
หนิงฝานไม่อาจสัมผัสได้ถึงระดับพลังของนาง ดังนั้นสิ่งที่พอเป็นไปได้ย่อมมีอยู่สองอย่าง หนึ่งคือนางไม่มีพลัง สอง...คือระดับพลังของนางอยู่เหนือกว่าขอบเขตไร้แบ่งแยกไปจนถึงระดับที่เกินความเข้าใจของหนิงฝาน
หนิงฝานไม่เชื่อว่านางจะไร้พลัง เขามั่นใจว่านางปีศาจอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เหตุใดปีศาจอย่างนางถึงได้อยากติดตามเขา?
‘บางทีข้าอาจต้องยอมเล่นกับนางจนกว่านางจะพอใจ... แต่หลังจากนั้นนางจะยอมจากไปหรือไม่?’
‘แต่หากนางยังติดตามข้า ข้ากลัวว่าข้าจะพลาดโอกาสในการช่วยเหลือหนิงกู่...’
‘นางมาจากที่ใด? นางรู้ถึงตัวตนของข้าได้อย่างไร? นางรู้ว่าข้าสังหารหวู่ตงหนานได้อย่างไร? หรือข้าควรคิดหาวิธีสังหารนาง?’
หนิงฝานชูนิ้วขึ้นพลางโคจรดรรชนีคลายหยิน แต่ขณะที่หนิงฝานยกนิ้วขึ้น นางพลันกระโดดถอยหลังและจ้องมองหนิงงานด้วยสีหน้าที่แตกตื่น
“เจ้ามัน...เจ้ามันไร้ยางอาย! เจ้ามัน... ฮึ่ม! ในเมื่อเจ้ากล้าใช้ทักษะเย้ายวนกับข้า ข้าจะตามหลอกหลอนเจ้าไปตลอดชีวิต!”
นางแค่นเสียง นางจำได้ว่าทักษะที่หนิงฝานใช้คือดรรชนีคลายหยิน นางครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนนำมีดสั้นสีน้ำเงินเข้มออกมาเอว จากนั้นเริ่มกวัดแกว่งมันเข้าใส่หนิงฝานราวกับจะแสดงพลังของตน
“นั่นมัน ‘สมบัติคงชู’!” หนิงฝานสูดหายใจลึก มีดสั้นสีน้ำเงินเข้มนั้นดูราวกับมีดล่องหน แม้มันจะมีตัวตนอยู่จริงแต่กลับมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ที่สำคัญ พลังที่อัดแน่นอยู่ภายในยังมากมายมหาศาล
สมบัติคงชู สุดยอดสมบัติที่มีเพียงผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตไร้แบ่งแยกเท่านั้นที่ใช้ได้! หรือนางจะเป็นผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกจริงๆ?
ด้วยมีดสั้นที่นางมี นางสามารถทำลายแคว้นเยว่ได้ด้วยการกวัดแกว่งเพียงครั้งเดียว! นางไม่จำเป็นต้องมาก่อความวุ่นวายที่นี่
“เจ้า... เจ้าต้องการอะไร?” หนิงฝานเก็บกระบี่ไร้เงาไป เพราะต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกแล้วหนิงฝานเป็นเพียงมดปลวกที่ไร้หนทางสู้
หากนางต้องการสังหารหนิงฝานจริงนางย่อมทำได้ง่ายราวกับบี้มด... แต่หากเติมเต็มความต้องการของนาง นางก็จะไม่ติดตามหนิงฝาน
“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือ? ว่าให้พาข้าไปในที่ที่เจ้าไป ข้ารับรองว่าจะไม่สร้างปัญหาให้เจ้า ตกลงหรือไม่?” นางยิ้มอย่างงดงาม หากผู้อื่นมองมาย่อมคิดว่านางเป็นสาวน้อยผู้บริสุทธิ์ผุดผ่อง
แต่หนิงฝานกลับขุ่นเคืองและรู้สึกราวกับกำลังจะปวดหัว
‘เหตุใดข้าต้องพานพบปีศาจอย่างนาง... หรือเป็นเพราะสร้อยหยินหยาง? แต่นางไม่ได้มีเจตนาทำร้ายข้า...’
‘รับรองว่าจะไม่สร้างปัญหาให้ข้า? แค่เจ้าอยู่ข้างกายข้าข้าก็รู้สึกรำคาญแล้ว...’
“เช่นนั้นไปเถอะ... ข้าจะไปวางข่ายพลังทำลายนิกายเทียนหลีโม่ หากเจ้าอยากตามมาก็เชิญ...” หนิงฝานไม่ปิดบังนาง เพราะไม่มีสิ่งใดที่นางไม่รู้ ดังนั้นการพยายามโกหกนางจึงถือเป็นเรื่องที่น่าขัน
“จริงรึ? วางข่ายพลัง อา... บนภูเขาเช่นนี้ เจ้ากำลังจะวางข่ายพลังขุนเขาสายน้ำหวนกลับสินะ! อืม... ข่ายพลังชนิดนี้เพียงพอให้ทำลายนิกายเทียนหลีโม่ที่ตั้งอยู่บนพื้นดินได้ แต่การวางข่ายพลังอาจจะยากอยู่บ้าง ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะทำได้ แต่หากเจ้าขอให้ข้าช่วยหล่ะก็...” สาวน้อยเผยรอยยิ้มอย่างซุกซน แต่หนิงฝานไม่ยอมขอร้องนางแน่
ทั้งสองต้องลงจากแผ่นหยกของงางประลอง หนิงฝานตั้งใจเหยียบย่างนภาไป แต่นางกลับรั้งหนิงฝานไว้และกระพริบให้เขาหลายครั้ง
“ข้าเหยียบย่างนภาไม่เป็น... อุ้มข้าไปที...”
หนิงฝานไม่เชื่อว่านางจะไม่รู้วิธีเหยียบย่างนภา ผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกไม่รู้จักวิธีเหยียบย่างนภา? ‘นี่เจ้ากำลังแสร้งเป็นเด็กโง่เช่นนั้นหรือ?’ แต่ถึงอย่างนั้น หนิงฝานกลับไม่อยากต่อความกับนาง เขาจึงยอมอุ้มนางในที่สุด
หนิงฝานโอบร่างของนางไว้ มือสัมผัสกับเอวคอดกิ่วที่นุ่มละมุน แต่หนิงฝานไม่ได้ตั้งใจหยาบคายแม้แต่น้อย เพราะสตรีที่อยู่ข้างกายในยามนี้คือผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก เป็นผู้ที่มีชีวิตมานานกว่าหลายหมื่นปี นางย่อมไม่ใช่สาวน้อยอย่างที่เห็น
หนิงฝานเหยียบย่างสัมผัสแผ่นน้ำแข็งบางเบาร่อนถลาไปบนนภา ดูราวกับเซียนที่โอบอุ้มสาวน้อยเอาไว้ กระทั่งทั้งสองมุ่งหน้าไกลออกไปจากนิกายเทียนหลีโม่กว่าร้อยลี้
หากจะทำลายนิกายเทียนหลีโม่ หนิงฝานต้องการระยะห่างที่มากพอ ระยะหนึ่งร้อยลี้คือขีดจำกัดสัมผัสเทพของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม ไม่ว่าผู้ใดที่มีการเคลื่อนไหวภายในหนึ่งร้อยลี้ ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มจะทราบทันที
เงาร่างหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีท่องนภา ผู้คนมากที่เห็นล้วนทราบว่าผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณกำลังนำพาสตรีของตนเที่ยวชมทิวทัศน์ จึงไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นความผิดปกติ
หนิงฝานเหยียบย่างนภาวนรอบนิกายเทียนหลีโม่รอบรัศมีหนึ่งร้อยลี้อยู่ 3 รอบเพื่อสังเกตภูมิประเทศ และยามนี้ภาพของข่ายพลังขนาดยักษ์ก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขาแล้ว
หนิงฝานร่อนลงภูเขาลูกหนึ่งและปล่อยนางไว้ เขาหลับตาพลางใช้สัมผัสเทพสลักข่ายพลังลงไปบนพื้นดินและวางหยกสวรรค์ไว้ตรงกึ่งกลางข่ายพลัง
ศาสตร์แห่งข่ายพลังต้องใช้การเตรียมการอย่างพิถีพิถัน หนิงฝานเองก็ไม่ใช่อับจนปัญญาเพราะจากความทรงจำที่เขาได้รับจากจักรพรรดิสวรรค์ ทำให้ความคิดของเขาลุ่มลึกราวกับมหาสมุทรอันไพศาล ดังนั้นการเตรียมข่ายพลังจึงไม่ใช่เรื่องยาก
ด้านหลังของเขา ปีศาจน้อยนางหนึ่งกำลังกระโดดโลดเต้นพลางจ้องมองหนิงฝานด้วยความสนใจ
‘ฮ่าฮ่า หนิงฝานช่างน่าสนใจจริงๆ... เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณแต่กลับสามารถวางข่ายพลังขนาดใหญ่ระดับ ‘ฟานเหรินคงชู’ ได้ แต่ถึงวางข่ายพลังได้อย่างประณีต หากไร้ซึ่งหยกสวรรค์หรือแร่สวรรค์เป็นแหล่งพลังงานหล่ะก็... แต่นี่ก็ไม่เลว... การติดตามเขาไปตลอด 10 ชาติอาจไม่ได้เลวร้ายจนเกินไป เฮ้อ... แต่ช่างโชคร้ายที่ยามนี้เขายังอ่อนด้อยเกินไป...’