DND.33 - เข่นฆ่าด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์
ซือหยูยืนมือไพล่หลังสังเกตชายผมเงินที่อายุราว 17 ปี
เขานึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องตำรา ชายผมเงินคนนี้กล่าวว่าศิษย์ระดับเงินทำให้บรรยากาศเป็นพิษและออกจากห้องตำราไป แม้จะเป็นตอนนี้เขาก็ยังคิดว่าซือหยูเป็นพิษต่อสายตาเขา
แต่พลังของเขานั้นเป็นของจริง เขาจึงมีสิทธิ์พูดหยาบคายเช่นนี้ได้! เขามีพลังระดับห้าขั้นต้นและเป็นศิษย์อสูรลำดับ 4 อ่อนแอกว่าเซี่ยจิงหยูเพียงนิดเดียวเท่านั้น
“หากเจ้าคิดว่าข้าเป็นพิษต่อสายตา ใยเจ้าไม่หลับตาซะล่ะ ไม่มีใครห้ามเจ้านะ”
“เข้ามาซะ! อย่าทำให้ข้าเสียเวลากับขยะเช่นเจ้า!”
ซือหยูยิ้ม
พลังระดับห้านั้นแข็งแกร่งแน่นอน! เขาที่กล้าขึ้นมาบนลานประลองจะต้องมั่นใจว่าไม่ถูกเนตรอสูรจัดการแน่
วายุกระหน่ำของเขายังฝึกไม่ถึงระดับสาม มันอาจจะใช้ได้ดีกับพวกระดับสี่ แต่น่าจะไม่มีโอกาสกับพวกระดับห้าเลย ดูเหมือนเขาจะต้องใช้วิชานั้น
“เจ้าขยะโสโครก! ข้าให้เจ้าเข้ามาก่อนแล้วยังกล้าลังเล เจ้าไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว!”
ชายผมเงินรู้สึกว่าการอยู่บนลานประลองเดียวกับซือหยูนั้นเป็นการหมิ่นเกียรติตัวเอง เขาจึงรีบพุ่งออกไป
“ดัชนีดาราพินาศ!”
เขาใช้วิชาระดับสูง เขาวาดนิ้วเป็นวงกลมราวกับดวงดาว เคลือบมันด้วยพลังปราณอันน่ากลัว สั่นสะเทือนทุกสรรพสิ่ง
ครืน---
วิชาของเขาสร้างแรงกดดันกับสิ่งรอบข้าง ซือหยูไม่ขยับตัว เกิดคลื่นพิเศษปกคลุมทั่วร่าง
เขายังคงเป็นคนเดิม แต่เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ เขาเป็นสิ่งเดียวกับสิ่งรอบตัว ซือหยูลบเลือนตัวตนราวกับในภาพเขียนนั้น ตอนนี้เขาดูเหมือนชายแก่ในภาพเขียน ฟางหยุนเริ่มรู้สึกหม่นหมองอีกครั้ง
เซี่ยหลินฉวนเบิกตากว้าง เย่ฉวนหายใจรุนแรงเพราะไม่เชื่อในสิ่งที่ตาเห็น ดยุคเซี่ยนหยูเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เซี่ยจิงหยูเอามือปิดปาก
“นั่นมัน...”
ชายคิ้วหน้าอุทาน
“ในบรรดาสิบศิษย์อสูน มีแค่ลำดับบนเท่านั้นที่จะใช้ฎีกาสวรรค์ได้!”
ฎีกาสวรรค์เป็นสิ่งเบื้องต้นในการเข้าสู่ขอบเขตราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ มีหลายคนที่บ่มเพาะพลังถึงระดับหก เจ็ด แปด และแม้ระดับเก้า ก็มิอาจได้รับฎีกาสวรรค์ และไม่มีทางได้เข้าสู่ขอบเขตราชันย์ศักดิ์สิทธิ์
ผู้คน ณ ที่นี้เช่นฟางหยุน เซี่ยหลินฉวน และแม้แต่ดยุคเซี่ยนหยูก็ยังไม่มีสติปัญญาระดับฎีกาสวรรค์ มีเพียงศิษย์อสูรที่ยอดเยี่ยมเท่านั้นที่จะได้มีสติปัญญาระดับนี้
ใน 10 ศิษย์อสูร มีเพียงลำดับหนึ่งเท่านั้นที่รู้พื้นฐานฎีกาสวรรค์ได้ และฎีกาสวรรค์ที่เหนือกว่าวิชาระดับสูงนับหมื่นทั้งหลายในตอนนี้ถูกใช้โดยชายหนุ่มอายุเพียง 14 ปีที่มีพลังระดับสี่เท่านั้น!
ทุกคนตะลึงงัน! การใช้ฎีกาสวรรค์ได้นั่นหมายถึงการครอบครองกุญแจแห่งราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ หากซือหยูเติบโตต่อไป เขาจะมีคุณสมบัติขึ้นเป็นราชันย์รุ่นต่อไป
บนลานประลอง….
เฉาลี่ที่โจมตีด้วยนิ้วรู้สึกการเปลี่ยนแปลงของศัตรูทันที ความรู้สึกไม่สบายใจแผ่ไปทั่วร่าง
“ดัชนีสวรรค์!”
ซือหยูใช้วิชาเดียวกับชายแก่ในภาพเขียน เขาเคลื่อนไหวตามภาพเขียนโดยไม่ตั้งใจ
วิชาดัชนีนี้ดูธรรมดา ไม่ได้ดูน่าหลงใหลเท่าใดนัก แต่จังหวะของธรรมชาติคู่ขนานมากับนิ้วของเขาทำให้ทุกคนต้องมองตาม สติล่องลอยราวกับได้ไหลไปตามธรรมชาติ
ซือหยูวาดนิ้วผ่านอากาศ เฉาลี่อยู่ห่างออกไปสามก้าว
แต่วิชาดัชนีดาราพินาศได้ถูกสวนกลับ!
ปั้ง--
เฉาลี่โลหิตกระจายออก เกิดแผลน่ากลัวบนอกของเขาขณะที่กระเด็นไปข้างหลังและกระแทกอย่างแรงกับพื้นใต้ลานประลอง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ
ซือหยูดึงมือกลับ เขามองเห็นรอบข้างชัดเจนขึ้น
เขาแอบดีใจอยู่เล็กๆที่ใช้วิชาระดับสูงนี้ได้
ขณะนั้นเอง สายฟ้าดาราม่วงที่เข้าใจยากยิ่งก็เข้าใจได้ง่ายขึ้น บางทีหากบ่มเพาะอีกเล็กน้อยเขาจะใช้พลังระดับแรกของวิชาได้แล้ว แต่เขายังไม่มีเวลาบ่มเพาะวิชานี้เลย
เขาเดินมือไพล่หลังไปยังขอบลานประลอง เขามองเฉาลี่ที่เต็มไปด้วยโลหิตจากที่สูงกว่า เขาส่ายหัวเบาๆ
“เจ้าเป็นหนึ่งในสิบศิษย์อสูรจริงๆงั้นรึ? เก็บคำว่า ‘ขยะระดับเงิน’ ของเจ้าไปซะเถอะ ข้าคิดว่าเจ้าจะแกร่งจริงๆ แต่เจ้ายังชนะศิษย์ระดับเงินไม่ได้ด้วยซ้ำ ช่างอ่อนแอ...”
เฉาลี่กระอักเลือดด้วยความโกรธแค้นออกมาอีกครั้งก่อนจะหมดสติไป เขาที่หยิ่งยโสได้แพ้ให้กับขยะระดับเงิน ผู้ชมต่างเงียบกริบ
เฉาลี่...ที่อยู่ลำดับ 4 ของ 10 ศิษย์อสูรทนการโจมตีเดียของซือหยูไม่ได้
คนมากมายกลั้นหายใจเมื่อมองเงาร่างสีม่วงของซือหยู ราวกับได้เห็นตัวตนไร้พ่ายอยู่ตรงหน้า
เจียงซื่อฉิงตัวแข็งทื่อ จิตใจนางว่างเปล่า นางได้ทิ้งคนที่เอาชนะศิษย์อสูรได้ไปเสียแล้ว
เซี่ยจิงหยูกับชายคิ้วหนางุนงงไม่ต่างกัน
เย่ฉวนหายใจเร็วและแรง เขากำหมัดแน่นอย่างกังวล
“ท่าน! เราสูญเสียไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว! ท่านฟางหยุน เพื่อจะรักษาหน้าถึงกับต้องขับไล่อัจฉริยะที่มีคุณสมบัติเป็นราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ออกไปเชียวหรือ! เราไม่เอาผิดเขาไม่ได้รึ?”
เซี่ยหลินฉวนคิดแบบเดียวกัน
“ผู้ประเมินฟาง! คิดใหม่เถอะ! เขาไม่ได้ทำความผิดร้ายแรง เรามิต้องไล่เขาออกจากสำนักหรอก!”
เขาจะเสียอัจฉริยะที่มีสติปัญญาระดับฎีกาสวรรค์ได้อย่างไร?
ฟางหยุนชักสีหน้า ใบหน้าเขาร้อนผ่าว เขาจ้องมองลูกชายอย่างไร้ทางออก หากไม่ใช่เพราะลูกชายเขา เขาจะขับอัจฉริยะออกจากสำนักไปเพื่อสิ่งใดกัน? ในฐานะผู้ประเมิน ผลงานของสำนักเซี่ยนหยูอยู่ในความดูแลของเขา
เขาจะต้องกลายเป็นที่ขำขันกับสายตาภายนอกที่ได้ขับไล่อัจฉริยะฎีกาสวรรค์ออกไป แต่เขาประกาศขับซือหยูออกไปแล้วต่อหน้าทุกคน การถอนคำพูดนั้นก็ถือเป็นเรื่องตลกต่อสายตาทุกคนเช่นกัน
หลังจากคิดอย่างหนัก เขาตัดสินใจว่าการฆ่าซือหยูเท่านั้นที่จะรักษาชื่อเสียงเอาไว้ได้ ดยุคเซี่ยนหยูต้องการเช่นนั้นอยู่แล้ว ดยุคเซี่ยนหยูต้องไม่ปฏิเสธที่จะกำจัดซือหยูแน่
เมื่อคิดแผนเสร็จ ฟางหยุนลุกจากที่นั่ง
“อวดดีนัก! แทนที่จะยอมแพ้ เจ้ายังทำร้ายศิษย์ในสำนัก ข้าจะไม่อภัยให้เจ้า”
ครืน--
พลังปราณอันรุนแรงจากระยะไกลถูกส่งตรงไปหาซือหยู ผู้มีพลังระดับเจ็ดเท่านั้นที่สามารถปล่อยพลังปราณออกมาเช่นนี้ได้ ซือหยูไม่มีที่ให้หนีอีกแล้ว
ซือหยูคำราม เขาสู้ต่อไปไม่ไหวแล้ว
“ไม่นะ!”
เซี่ยจิงหยูน้ำตาคลอ นางรีบบินไปยังลานประลอง
องค์หญิงหน้าแดงด้วยความเป็นห่วง
“ไม่นะ! ข้าไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าเขา หยุดเถอะ….”
ผู้ที่ดูอยู่แอบถอนหายใจ อัจฉริยะที่เพิ่งแสดงพลังกำลังจะตายไปทั้งอย่างนั้น
ในช่วงวิกฤติ พลังรุนแรงถูกยิงตรงมา มันเป็นพลังปราณที่เทียบไม่ได้กับฟางหยุนและมันทำให้พลังปราณของฟางหยุนเปลี่ยนทิศไป
ครืน--
พลังปราณที่ออกมาโจมตีซือหยูได้กลายเป็นเพียงฝุ่นควัน
ถ้าหากพลังนั้นโดนซือหยู เขาจะหายไปทันที
ฟึ่บ--
ในตอนนั้นเองมีคนบินมาบนลานประลองและยืนหน้าซือหยู เขาไม่ใช่เซี่ยหลินฉวนหรือเย่ฉวน
แต่กลับเป็น...ดยุคเซี่ยนหยู! คนที่อยากจะให้ซือหยูตาย! แต่ตอนนี้เขากลับเป็นคนที่มาช่วยชีวิตซือหยูเอาไว้!
ฝูงชนสับสนอลหม่าน แม้แต่เซี่ยหลินฉวนหรือเย่ฉวนก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ฟางหยุคตกตะลึงไปชั่วครู่ และถามอย่างสุภาพ
“ท่านดยุคเซี่ยนหยู ท่านทำแบบนี้เพื่อสิ่งใดกัน? ข้าช่วยท่านจับตัวมันอยู่นะ”
“ฮ่าฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ...”
ดยุคหัวเราะเสียงดัง
เขาวางมือลงบนไหล่ซือหยู ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
“เป็นข้าเองที่คิดผิด ทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดเช่นนี้ ซือหยูคือคนที่ข้าหวังให้เป็นบุตรเขย การจับเขาถือเป็นความคิดที่แย่ทีเดียว”
บุตรเขย? บุตรเขยของดยุคเซี่ยนหยูน่ะเหรอ?
ทั้งโถงตกตะลึง พวกเขาตอบสนองต่อเรื่องนี้ไม่ได้อีก
ก่อนหน้านี้ดยุคเซี่ยนหยูตามล่าหาตัวซือหยูและหมายเอาชีวิต แต่ตอนนี้เขากลับประกาศว่าซือหยูเป็นลูกเขยได้ยังไง?
“บุตรสาวข้าและซือหยูถูกลิขิตให้พบกัน นางลืมเจ้าที่ช่วยชีวิตนางเอาไว้ไม่ลง ข้าที่เป็นพ่อนางย่อมต้องการหาตัวเจ้าไปทั้งเมือง โชคดีที่ข้าได้พบเจ้า!”
ดยุคดีใจลิงโลด เขาตบบ่าซือหยูด้วยรอยยิ้ม
“ซือหยู! อย่าทำให้นางผิดหวัง”
ซือหยูรู้สึกราวกับถูกสายฟ้าฟาด เขาเคยคิดว่าเขาคงรอดพ้นความตายไปไม่ได้อีกแล้ว กลับกลายเป็นว่าเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น!
ไม่นาน ซือหยูก็เข้าใจ
ในขั้นแรก ดยุคอยากจะจับตัวเขาจริงๆ แต่เมื่อได้เห็นพลังของซือหยูเขาจึงใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้เปลี่ยนใจ และอ้างว่าซือหยูเป็นลูกเขยเพราะจะเก็บซือหยูไว้กับตัว
ซือหยูคิดอย่างรวดเร็ว พลังที่เขาใช้ในวันนี้ช่างน่าตกตะลึง ฉินเฟิงกับฟางฉิงโจวจะต้องหาทางกำจัดเขาแน่ สำนักมิอาจปกป้องเขาได้เลย
ด้วยอำนาจของฟางหยุน แม้แต่เซี่ยหลินฉวนกับเย่ฉวนก็มิอาจต่อต้านได้แม้จะอยากทำ
มีเพียงดยุคเซี่ยนหยูผู้เดียวเท่านั้นที่จะหนุนหลังซือหยูได้ เมื่อเป็นเช่นนี้แม้แต่ฟางหยุนหรือดยุคฉินก็แตะต้องเขาไม่ได้ ซือหยูไม่มีทางเลือก
“คนอยากข้าจะได้รับสิ่งนี้ได้อย่างไร?”
ซือหยูถ่อมตัว
ดยุคเซี่ยนหยูประสานมือหัวเราะ
“ฮ่าๆๆ...เจ้าได้รับฎีกาสวรรค์และมีโอกาสได้เป็นราชัยน์ มังกรในหมู่บุรุษเช่นเจ้าคู่ควรแล้วกับลูกสาวข้า”
“ดี! หากเป็นเช่นนี้ข้าจะถือว่าเจ้ายอมรับ ในอีกครึ่งเดือนข้าจะจัดงานแต่งงานของเจ้ากับลูกสาวข้า!”
ดยุคเซี่ยนหยูที่กำลังดีใจมองไปรอบๆ
“เมื่อถึงเวลานั้น ข้าหวังว่าพวกเจ้าทุกคนจะมาร่วมงาน!”
องค์หญิงตกตะลึง นางชี้ใบหน้าตัวเองอย่างงุนงง เกิดอะไรกัน? ข้าน่ะเหรอลืมซือหยูไม่ลง? อะไรกัน? เขากำลังจะจัดงานแต่งงานให้ข้า? เจ้าโรคจิตนั่นจะเป็นคู่หมั้นข้าเช่นนั้นหรือ?
องค์หญิงตะโกนด้วยความโกรธ
“ขะ...ข้า...”
เสี่ยวฉีที่เป็นข้ารับใช้รีบปิดปากนางทันทีและกระซิบข้างหู
“องค์หญิง อย่างทำให้เรื่องมันยากกว่านี้เลยค่ะ ท่านดยุคจะเสียหน้าเอาได้”
เสี่ยวฉีมองซือหยูที่ลานประลอง เขาเป็นหนุ่มรูปงามที่มีพลังเหลือล้น นางอิจฉาในความโชคดีขององค์หญิงมาก ชะตาที่พลิกผันทำให้นางพบกับคู่ครองที่สมน้ำสมเนื้อ...ราชันย์คนต่อไป สตรีมากมายทำได้เพียงฝันที่จะได้แต่งงานกับคนเช่นนี้ องค์หญิงยังไม่รู้ตัวว่าได้รับพรวิเศษเข้าแล้ว...
ติชมให้กำลังใจ กดไลค์แฟนเพจมาคุยกันได้เลยจ้าาา