ตอนที่ 81 ภัยพิบัติครั้งใหญ่ของตระกูลหลิง
จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ ตอนที่ 81 ภัยพิบัติครั้งใหญ่ของตระกูลหลิง
ปราณก่อเกิดที่ควบแน่นเป็นฝ่ามือขนาดยักษ์ตบลงมา พลังของฝ่ามือนั่นได้กําราบหลิงตงซิงและทำให้ตันเถียนถูกผนึก หลิงตงซิงในตอนนี้ไม่ได้แข็งแกร่งไปมากกว่าคนธรรมดา
“ฮ่าๆๆ!” เชิงเหวิงควินหัวเราะดัง มันรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากและรอให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว
ตั้งแต่ตอนที่มันปลุกรากฐานวิญญาณและเริ่มต้นเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ มันถูกนำไปเปรียบเทียบกับหลิงตงซิงเสมอมา แต่พลังของหลิงตงซิงมักจะก้าวหน้าตัวมันทำให้มันเป็นได้พเพียงที่สอง โชคยังดีที่หลิงตงซิงไม่สามารถทะลวงผ่านไปยังระดับก่อเกิดธาตุได้ มันจึงยังคงมีความหวังอันริบหรี่อยู่
และตอนนี้คู่แข่งที่อยู่เหนือมันตลอดมาได้ถูกกำราบลงอย่างง่ายดาย จะไม่ได้ให้มันรู้สึกยินดีได้อย่างไร? แต่ในขณะเดียวกันมันก็รู้สึกตกตะลึงเช่นกัน ระดับก่อเกิดธาตุช่างแข็งแกร่งจริงๆ เชิงจือเยว่เพิ่งจะทะลวงผ่านระดับมาได้ แต่หลิงตงซิงกลับไม่สามารถต้านทานอะไรได้เลยแม้แต่น้อย
“จัดการพวกมันทุกคน! ใครกล้าขัดขืน สังหารทิ้งได้โดยไม่มีข้อยกเว้น!” มันสะบัดมือและพูดสั่งออกมาอย่างเลือดเย็น เหล่าจอมยุทธตระกูลเชิงที่อยู่เบื้องหลังของมันต่างก็พุ่งกระโจนบุกรุกเข้าไปยังตระกูลหลิง
ในทางด้านของตระกูลหลิง จากการที่หัวหน้าตระกูลของพวกมันถูกกำราบ แถมอีกฝ่ายยังมีจอมยุทธที่ทรงพลังในระดับก่อเกิดธาตุคอยช่วยเหลืออยู่ ทำให้ขวัญกำลังใจของพวกมันสั่นคลอนลงไปอย่างมาก พวกมันจึงไม่สามารถทำการต่อต้านใดๆได้ มีสมาชิกตระกูลบางคนที่มีพลังอยู่ในระดับรวมธาตุพยายามคิดจะหลบหนี แต่พวกมันทุกคนก็ถูกจัดการโดยเชิงจือเยว่ ด้วยอำนาจของพลังฝ่ามือที่โจมตีลงมา พวกมันทุกคนต่างตกอยู่ในสภาพครึ่งเป็นครึ่งตาย
“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าตระกูลเชิงจะมีจอมยุทธในระดับก่อเกิดธาตุเป็นไพ่ลับซ่อนเอาไว้อยู่!”
“มันคงจะเพิ่งทะลวงผ่านระดับมาได้ไม่นาน ไม่เช่นนั้นพวกมันคงไม่รอจนถึงตอนนี้ถึงจะเริ่มตอบโต้กลับ”
“จากภาวะจิตใจของสมาชิกตระกูลเชิง ข้าเกรงว่าจะไม่มีใครในตระกูลหลิงที่จะสามารถหนีออกไปได้อย่างมีชีวิต!”
“เฮ้อ ในอนาคตตระกูลเชิงจะเป็นคนควบคุมเมืองนี้ และหลังจากนี้วันในแต่ละวันของพวกเราคงไม่สงบสุขเช่นนี้!”
ผู้คนที่เดินตามมาชมล้วนแต่ตกตะลึงในพลังของเชิงจือเยว่ แต่ทุกคนต่างก็อดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้ สมาชิกของตระกูลเชิงล้วนแต่ยิ่งยโสและอวดดี และในอนาคตตระกูลพวกมันจะเป็นคนที่ควบคุมเมืองหมอกเมฆา ชาวเมืองคงจะมีแต่วันที่แสนลำบากรออยู่
ไม่เกินครึ่งชั่วโมงต่อมา สมาชิกทุกคนของตระกูลหลิงได้ถูกทิ้งเกือบหมด มีเพียงสาชิกบางคนที่ทำหน้าที่อยู่นอกที่พักหลักของตระกูลหลิงเท่านั้นที่โชคดีหนีจากภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ชั่วคราว
“หลิงฮันอยู่ที่ไหน!” เชิงจือเยว่เดินเข้ามาหาหลิงตงซิง ดวงตาของมันปรากฏจิตสังหารขึ้นมา มันได้สั่งให้คนของมันค้นหาหลิงฮันแล้ว แต่ไม่ว่าจะหาที่ไหนในที่พักตระกูลหลิงก็หาไม่พบ
“ฮ่าๆๆ!” หลิงตงซิงหัวเราะลั่น “บุตรของข้าได้เข้าร่วมเป็นศิษย์ของสำนักฮูหยางเรียบร้อยแล้ว ถ้าพวกเจ้ากล้าแตะเขาแม้เพียงผมเส้นเดียว นั่นก็เท่ากับว่าพวกเจ้าประกาศสงครามกับตระกูลจักรพรรดิของแคว้นพิรุณ!”
เชิงเหวิงควินเดินเข้ามาและพูด “บุตรขยะของเจ้าน่ะรึเข้าร่วมกับสำนักฮูหยาง? เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังหลอกใครอยู่กัน!”
หลิงตงซิงพูดอย่างเย็นชา “บุตรของข้าไม่เพียงเข้าร่วมกับสำนักฮูหยาง แต่ยังได้อันดับหนึ่งของการประลองต้าหยวนครั้งนี้! ในอนาคต เขาจะทะลวงผ่านระดับระดับห้วงจิตวิญญาณได้เป็นอย่างน้อย พวกเจ้าล้างคอรอเอาไว้ได้เลย!”
“ไร้สาระ!” เชิงเหวิงควินพูดอย่างเย้ยหยัน “บุตรขยะของเจ้าฝันที่จะได้อันดับหนึ่งของการประลองต้าหยวน? หลิงตงซิง เจ้ากล้าจริงๆที่เอาเรื่องเพ้อฝันเช่นนั้นมาหลอกลวงพวกข้า!”
ในความจริง ถ้าหลิงตงซิงพูดว่าหลิงฮันสามารถเข้าร่วมกับสำนักฮูหยางได้มันอาจจะยังเชื่อ เพราะอย่างไรเชิงเซียวหยวนก็ถูกโค่นโดยหลิงฮัน แต่ตอนนี้หลิงตงซิงกลับพูดว่าหลิงฮันได้อันดับที่หนึ่ง? ช่างเป็นเรื่องที่น่าตลกเสียจริง!
การประลองต้าหยวนครั้งนี้เป็นสถานที่รวมตัวกันของเหล่าอัจฉริยะ ซึ่งมีทั้งจอมยุทธที่แข็งแกร่งจากการประลองต้าหยวนครั้งก่อนอย่างองค์ชายสี่กับจิงหวู่จื้อ แถมยังมีจอมยุทธหน้าใหม่ที่มีพรสวรรค์อย่างไป๋ลี่เถิงหยุนกับเซี่ยจงกวัง แล้วหลิงฮันจะไปชนะได้อย่างไร?
“ฮึ่ม ได้เข้าร่วมกับสำนักฮูหยางแล้วจะทำไม? ตราบใดที่ยังไม่ได้ก้าวเข้าไปยังสำนัก ก็ยังไม่ถูกนับว่าเป็นศิษย์ของสำนักอยู่ดี!” จิตสังหารของเชิงเหวิงควินเพิ่มสูงขึ้น มันหันไปพูดกับเชิงจือเยว่ “ท่านลุงสาม ทำไมพวกเราไม่จับพวกมันแขวนเอาไว้ที่ทางเข้าเมืองและรอให้เจ้าหนูหลิงฮันนั่นกลับมา แล้วค่อยสังหารพวกมันทั้งหมดทิ้งทีเดียวล่ะ?”
“เยี่ยมมาก เอาเช่นนั้นแล้วกัน ข้าอยากจะควักหัวใจและปอดของเจ้าหนูหลิงฮันนั่นออกมา และให้มันลิ้มรสเลือดและเนื้อสดๆของตัวมันเอง!” เชิงจือเยว่คำรามออกมาอย่างเลือดเย็น
“พวกเราจะเหลือพวกมันเอาไว้สิบกว่าคนเท่านั้น ส่วนคนอื่น... สังหารพวกมันทิ้งให้หมด!” เชิงเหวิงควินพูดอย่างโหดเหี้ยม
“เชิงเหวิงควิน เจ้ากล้ารึ!” หลิงตงซิงคำรามออกมา สมาชิกของตระกูลหลิงมีทั้งหมดร้อยกว่าคน และหากรวมเหล่าคนรับใช้และทหารยามที่ไม่ใช่นามสกุลหลิงเข้าไป พวกมันมีจำนวนมากกว่าหนึ่งพันคน และตอนนี้จะมีเพียงสิบกว่าคนเท่านั้นที่จะมีชีวิตรอด จะต้องมีคนมากมายเท่าใดกันที่จะต้องถูกสังหาร?
“ทำไมข้าจะไม่กล้า?” เชิงเหวิงควินหัวเราะ นี่คือการประกาศอำนาจของตระกูลเชิง พวกมันจะสังเวยชีวิตของคนจากตระกูลหลิงเพื่อให้ชาวเมืองรู้เอาไว้ว่านี่คือผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นเมื่อต่อต้านตระกูลหลิงของพวกมัน
“สังหารพวกมัน!” มันตะโกนดังออกมา
“ฉัวะ ฉัวะ ฉัวพ...” คนของตระกูลหลิงถูกตัดหัวทีละคนทีละคนอย่างไม่มีข้อยกเว้น มันกลายเป็นสถานที่ที่นองเลือดและเต็มไปด้วยศพ
ไม่ใช่ทุกคนในตระกูลหลิงที่จะไม่กลัวความตาย พวกมันหลายคนต่างร้องขอความเมตตาแต่ก็ไร้ความหมาย ตระกูลเชิงตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะลบตัวตนของตระกูลหลิงทิ้งไป และไม่คิดที่จะยอมให้มีการยอมจำนนเด็ดขาด จะมีก็เพียงการเข่นฆ่าที่จะเปลี่ยนให้ที่พักตระกูลหลิงให้กลายเป็นดินแดนแห่งความตาย
เมื่อหลิงตงซิงมองดูเหตุการณ์ที่เกินขึ้นตรงหน้าของมัน มันรู้สึกราวกับว่าเป็นตัวมันเองที่กำลังถูกฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ ผู้คนเหล่านั้นเป็นสมาชิกตระกูลของมัน แหละในฐานะผู้นำตระกูล หัวใจของมันจะไม่ถูกกรีดแทงกับเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร? แต่มันก็ยังกังวลเกี่ยวกับบุตรของมันมากกว่า ถ้าหลิงฮันกลับมาแล้วตกไปอยู่เงื้อมมือของตระกูลเชิงล่ะ?
ถึงแม้หลิงฮันจะมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับนักปรุงยาระดับดำอยู่หลายคน แต่ปัญหาก็คือตระกูลเชิงจะเชื่อมันรึเปล่า? ยิ่งกว่านั้น ข่าวที่ว่าหลิงฮันได้รับชัยชนะอันดับหนึ่งของการประลองต้าหยวนก็ยังไม่แพร่กระจายมาถึงที่นี่ ดังนั้นตระกูลเชิงคงจะจัดการกับบุตรของมันอย่างไม่รู้สึกกังวลอะไรแน่
ถ้าบุตรของมันตาย และถึงแม้ตัวมันจะตายเช่นกันก็ตาม แต่มันจะมีหน้าไปพบกับภรรยาของมันได้อย่างไร?
จิตใจของมันกำลังลุกไหม้ไปด้วยความกังวล แต่ก็ไม่มีสิ่งใดที่มันสามารถทำได้
ผู้รอดชีวิตสิบกว่าคนของตระกูลหลิงถูกนำไปยังทางเข้าทิศตะวันออกของเมือง โดยที่มีเสาไม้สั้นๆสิบต้นปักเอาไว้อยู่ หลิงตงซิงและคนอื่นๆถูกผนึกตันเถียนเอาไว้ทุกคน รวมทั้งพวกมันทุกคนยังถูกบังคับให้ก้มหัวอยู่กับพื้นโดยที่มือและเท้าของพวกมันถูกมัดไว้กับเสาไม้
“ฮึก ฮึก ฮือออ พี่ชายต้าซง!” หลิงจือซ่วนร้องไห้ออกมา นางเป็นหนึ่งในคนไม่กี่คนที่ยังมีชีวิตอยู่
“เพี๊ยะ!”
หนึ่งในสมาชิกของตระกูลเชิงตบเข้าไปที่หน้าของนางและตระโกน “หยุดร้องได้แล้ว!”
แต่ถึงจะยังงั้นหลิงจือซ่วนกลับร้องดังยิ่งกว่าเดิม ทำให้คนของตระกูลเชิงคนั้นโมโหขึ้นมา และชักกระบี่ข้างเอวออกมา
“เอาน่า เอาน่า!” สมาชิกตระกูลเชิงอีกคนเข้ามาพูดโน้มน้าว บางทีอาจจะเป็นเพราะหลิงจือซ่วนยังเป็นเด็กอยู่ ทำให้ในตัวมันเกิดความสงสารขึ้นมา “ให้นางร้องเท่าที่อยากเถอะ พวกเราสามารถใช้สิ่งที่เป็นการแสดงออกไปได้ว่านี่คือชะตาของคนที่กล้าต่อต้านตระกูลเชิงของเรา!”
“ฮ่าๆ!”
“ผู้นำตระกูลอะไรกัน ตอนนี้เจ้าดันมาอยู่ใต้เท้าของข้าเสียนี่!” หนึ่งในพวกมันเหยียบไปยังหัวของหลิงตงซิง แถมมันยังจงใจป้ายฝุ่นดินบนรองเท้าของมันไปยังหน้าของหลิงตงซิง ทำให้หลิงตงซิงตัวสั่นด้วยความโกรธ
“ฮ่าๆๆ เจ้าอยู่ในระดับรวมธาตุขั้นเก้าแล้วยังล่ะ? ตอนนี้แม้แต่ระดับหลอมกายาขั้นหกก็ยังสามารถเหยียบย่ำเจ้าได้อย่างง่ายดาย!”
“ตระกูลหลิงจบสิ้นแล้ว! ตอนนี้เมืองหมอกเมฆาเป็นของตระกูลเชิงของพวกเรา!”
ค่ำคืนผ่านพ้นไป สิบกว่าคนที่เหลือรอดต่างก็ตัวสั่นจากอากาศที่หนาวเหน็บ ถึงขนาดที่ปลายผมของพวกมันกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง ยิ่งกว่านั้น หลังจากที่ไม่ได้กินอาหารหรือน้ำมาเกือบหนึ่งวัน ทำให้ท้องของพวกมันส่งเสียงร้องอย่างหิวโหย
เชิงเหวิงควินปรากฎตัวขึ้น มันอยากเห็นความหวังอันริบหรี่ค่อยๆหายไปจากแววตาของคู่แข่งของมัน รวมถึงความสิ้นหวังที่จะได้รับเมื่อเห็นบุตรของตัวเองต้องตายต่อหน้าต่อหน้า เมื่อถึงตอนนั้น มันก็จะสังหารหลิงตงซิงและคู่แข่งที่ต่อสู้กันมากว่าสามสิบปีของมันก็จะหายไปเสียที
“หลิงตงซิง เจ้ารู้สึกเสียใจรึยัง?” มันพูดเยาะเย้ยออกมา มันจะกลับก็ต่อเมื่อยั่วเย้าหลิงตงซิงจนพอใจแล้วเท่านั้น และในวันถัดมา มันได้ปรากฎตัวขึ้นอีกและพูดเยาะเย้ยคู่แข่งของมันอีกครั้ง
ภายในพริบตา เวลาสามวันก็ผ่านพ้นไป
หลังจากที่ไม่ได้กินอาหารมาเป็นเวลาสามวัน ชีวิตของหลิงตงซิงและคนอื่นๆเหลืออยู่เพียงริบหรี่เท่านั้น นี่ถ้าพวกมันไม่ได้กินน้ำด้วย พวกมันคงจะตายเพราะอาการขาดน้ำไปแล้ว ตอนนี้พวกมันทุกคนอ่อนแอเป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่ไม่สามารถแม้แต่พูดสาปแช่งคนที่จับกุมพวกมันเอาไว้
“ขอรายงาน!” ชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาและนั่งคุกเข่าข้างเดียว “ขอรายงานผู้นำตระกูล พวกเราค้นพบร่องรอยของหลิงฮันแล้ว เขาอยู่ห่างออกไปจากเมืองประมาณห้าสิบไมล์!”
“ฮ่าๆๆๆ!” เชิงเหวิงควินชะงักไปชั่วครู่ก่อนที่จะหัวเราะออกมา มันสะบัดมือพร้อมกับออกคำสั่ง “รีบไปเรียกท่านลุงสามมาเดี๋ยวนี้ ท่านจะได้ชำระแค้นในอีกไม่ช้านี้แล้ว”
*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*