ตอนที่ 388 ระดับชีวิต
หลิน ฮวงได้รับใบอนุญาติการเป็นอาจารย์หลังจากที่พบลั่ว หมิง เขาเป็นคนแรกที่สามารถเป็นอาจารย์ได้ด้วยอายุ16ปีจากทั่วทั้งเขต1-12 นับประสาอะไรกับสถาบันที่เลืองชื่ออย่างสถาบันนักล่ายุทธ์ แม้กระทั่งสถาบันในเมืองเกรดBก็ยังไม่เคยมีอาจารย์อายุ16ปีมาก่อน
เหตุผลที่ว่าทำไมลั่ว หมิงจึงปล่อยให้หลิน ฮวงทำงานในฐานะอาจารย์ไม่ใช่เพราะคุณฟู่ แต่เป็นเพราะตัวหลิน ฮวงเอง ไม่ว่าจะเป็นระดับพลังเขาหรือความเข้าใจแก่นแท้ดาบ เขามีคุณสมบัติจะเป็นอาจารย์ เกี่ยวกับความรู้พื้นฐาน มันก็เป็นแค่เรื่องของเวลาในการเตรียมพร้อม มันจะไม่เป็นไรหากนักเรียนบางคนถามคำถามยากๆ ในความเป็นจริง อาจารย์ระดับเพลิงสวรรค์บางคนยังไม่อาจตอบคำถามยากๆได้เลยบางครั้ง
“หลิน ฮวง ฉันจะแนะนำวงจรการบ่มเพาะให้เธอฟัง เธอจะต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองในหอสมุดหลังจากที่ฉันไป”
เมื่อพวกเขากลับไปที่โรงแรม คุณฟู่ก็นั่งลงที่โซฟาในห้องนั่งเล่นและเริ่มสอนหลิน ฮวง
“ก่อนอื่น พลังชีวิตคืออะไร?หลิน ฮวง เธอคิดว่าพลังชีวิตคืออะไร?”
หลิน ฮวงนั่งตรงทันที เขาตกใจกับคำถาม เขาขบคิดอยู่สักพักก่อนจะให้คำตอบ
“ผมคิดว่าพลังชีวิตคือพลังบ่มเพาะ”
“คำตอบของเธอถูกแต่ก็ไม่ซะทีเดียว”คุณฟู่พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“พูดให้ถูก พลังชีวิตก็คืออายุขัย ก่อนยุคใหม่จะเริ่มขึ้น มนุษย์ไม่ได้มีกงล้อชีวิตอยู่ในร่าง ดังนั้นพลังชีวิตจึงไม่มีอยู่ในช่วงนั้น พลังชีวิตในยุคโบราณจะอยู่ในรูปแบบของพลังลมปราณ ลมปราณซึ่งแฝงอยู่ในเลือด ยิ่งลมปราณแข็งแกร่งมากเพียงใด อายุก็จะยิ่งยืนยาว ดังนั้น ผู้ฝึกตนทั้งหมดจึงบ่มเพาะลมปราณและร่างกายของพวกเขา ยิ่งร่างกายของพวกเขาแข็งแกร่ง พลังลมปราณของพวกเขาก็จะยิ่งมาก ส่งผลให้อายุขัยและความสามารถเพิ่มพูนขึ้น”
“มองย้อนกลับไปในยุคสมัยก่อนหน้านั้น มนุษย์ได้คิดค้นวิธีบ่มเพาะจากดวงวิญญาณของพวกเขา ในระหว่างนั้น ทุกคนจะบ่มเพาะวิญญาณเพราะเป็นทางเดียวที่จะเพิ่มพลังชีวิต อย่างไรก็ตาม มันแตกต่างกันในยุคนี้ มีกงล้อชีวิตในร่างเราและยิ่งพลังชีวิตในร่างเรามีมากแค่ไหน ความสามารถเราก็จะยิ่งแข็งแกร่ง...”
“เธอสังเกตเห็นไหม?ไม่สำคัญว่าเส้นทางการบ่มเพาะจะแตกต่างกันเพียงใด แต่มันก็มีความเหมือนกันอยู่เสมอ?”คุณฟู่ยิ้มให้หลิน ฮวง
“หมายความว่าพื้นฐานการบ่มเพาะคือการเพิ่มพลังชีวิต?ไม่สำคัญว่าพลังชีวิตจะอยู่ในรูปแบบไหน พื้นฐานก็ยังคงเหมือนกัน”หลิน ฮวงเข้าใจทันที จากคำแนะนำของคุณฟู่ ในที่สุดเขาก็รู้ถึงความจริงของการบ่มเพาะ
“พื้นฐานชีวิตคือการรวมกันของสสารและพลังงาน สสารสามารถอธิบายได้ว่าเป็นส่วมผสมของกายเนื้อและวิญญาณขณะที่พลังงานจะเกิดจากพลังชีวิต”คุณฟู่ยิ้มและพยักหน้า
“อาจารย์ วิญญาณคือสสาร?”หลิน ฮวงถาม
“มีข้อโต้แย้งมากมายว่าวิญญาณคือสสารหรือพลังงาน แต่ฉันคิดว่าวิญญาณคือสสารเฉพาะ พลังงานเป็นสิ่งง่ายๆในขณะที่วิญญาณจะคล้ายกับร่างกายมนุษย์ มันมีรายละเอียดและความซับซ้อน จากบางมุมมอง พวกมันคล้ายกับหุ่นยนต์หลายๆรูปแบบ หากเธอคิดว่ามันยากจะเข้าใจ ฉันก็สามารถลบหัวข้อวิญญาณและไม่พูดเกี่ยวกับมันได้”คุณฟู่อธิบาย
“ดังนั้นเราจะพูดถึงพลังชีวิตในแง่ของการรวมกันระหว่างสสารและพลังงาน....ไม่สำคัญว่าวิถีการบ่มเพาะเป็นยังไง มนุษย์จะประกอบไปด้วยร่างกาย วิญญาณและพลังชีวิต ยิ่งพลังชีวิตแข็งแกร่ง ร่างกายก็จะยิ่งแข็งแกร่ง นี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสสารของพลังชีวิตโดยตรง แต่ทว่า ความเกี่ยวข้องนี้จะเกิดขึ้นภายในตัวเธอเท่านั้นซึ่งอาจมีผลกระทบต่อพลังชีวิตเธอ การไหลเวียนของพลังชีวิตเธอจะเป็นทั้งการเสริมพลังและลดพลังชีวิตของเธอ”
“ในทางกลับกัน ยิ่งร่างกายเราแข็งแกร่ง มันก็ยังเก็บพลังชีวิตได้มากขึ้น ดังนั้น การบ่มเพาะพลังชีวิตจึงเป็นวงจรบวก พลังชีวิตจะเติบโตไปพร้อมกับร่างกาย ต่อจากนั้น ระดับพลังชีวิตเราก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน”
“ระดับพลังชีวิต?”หลิน ฮวงได้ยินเรื่องใหม่อีกครั้ง
“ใช่ ตามรูปแบบพลังชีวิตที่แตกต่างกันและความแข็งแกร่ง มันมีระดับของพลังชีวิตอยู่ เหมือนกับพีระมืด ระดับต่ำไปสูง”
“เกณฑ์การวัดฐานพีระมิดคือพลังชีวิตไม่อาจหลบหนีจากร่างมนุษย์ได้ สำหรับมนุษย์ ไม่สำคัญว่าจะเป็นคนธรรมดาหรือระดับทองสมบูรณ์ พวกเราล้วนอยู่ในระดับนี้”
“ระดับสองจะเป็นพลังชีวิตที่สามารถปล่อยออกจากร่างมนุษย์ได้และดำรงอยู่อย่างอิสระในโลกวัตถุ ในความเป็นจริง การมองไปที่วิถีบ่มเพาะในปัจจุบัน ไม่สำคัญว่าจะเป็นระดับเพลิงสวรรค์หรือจักรพรรดิ ระดับหลุดพ้นทั้งหมดล้วนอยู่ในระดับนี้”
“ระดับสาม พลังชีวิตจะไม่เพียงอยู่อย่างอิสระแต่มันยังสามารถปรับความถี่ให้เข้ากับพลังต่างๆในโลกวัตถุได้อีกด้วย การใช้เพื่อปรับแรงของโลก และยังสามารถเปลี่ยนสสารของมันเป็นสสารใดก็ได้ในโลกนี้”
“เราเรียกสิ่งมีชีวิตระดับนี้ว่าเทพ เมื่อบุคคลไปถึงระดับนี้ มันจะง่ายสำหรับพวกเขาที่จะขับเคลื่อนภูเขา สิ่งมีชีวิตระดับนี้สามารถเคลื่อนย้ายเปลวไฟเพื่อกลืนกินเมืองเกรดAได้ราวกับการสะบัดมือ แน่นอน พวกเขายังสามารถขยับภูเขาเพื่อบดขยี้เมืองจากด้านบนได้และแม้กระทั่งชักนำน้ำจากมหาสมุทรเพื่อโถมใส่เมือง....มีหลายวิธีที่จะทำให้มนุษย์หายไปในชั่วข้ามคืน”
หลิน ฮวงรู้สึกกลัวเมื่อได้ยิน เขาไม่รู้ว่าจะมีสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังขนาดนี้อยู่บนโลก เขามักจะคิดว่ามันเหมือนกับในนิยายที่เทพเจ้าเพียงทรงพลังกว่ามนุษย์เล็กน้อย เขาไม่คิดว่าระดับพลังชีวิตจะมีช่องว่างที่แตกต่างกันขนาดนี้
“มีมากกว่า...ระดับสามไหมครับ?”หลิน ฮวงถามอย่างระมัดระวัง
“ฉันไม่รู้ บางทีอาจจะมีหรือไม่มี ไม่มีใครรู้ก่อนจะไปถึงระดับนั้น”คุณฟู่ยิ้มและส่ายหัว
“ฉันเคยได้ยินแค่สามระดับนี้เท่านั้น”
“ระดับสามก็ไร้เทียมทานแล้ว ถ้าหากมีระดับที่สูงกว่านี้แล้วจะเป็นยังไงกัน?!”หลิน ฮวงไม่อาจจินตนาการได้ว่าคนที่อยู่เหนือกว่าระดับสามจะทรงพลังแค่ไหน
“เอาละ ทั้งหมดที่เธอต้องรู้คือผิวเผินของฐานชีวิต ระดับชีวิต และพลังชีวิต หฉันสอนเธอถึงวิธีการใช้พลังชีวิตก่อน...”คุณฟู่ขัดจินตนาการของหลิน ฮวง