DND.31 - ตำนานไร้พ่าย
ฉินเฟิงจมกองเลือด เจียงซื่อฉิงตกตะลึง ตัวตนอันงดงามที่กำลังสงสัย เซี่ยหลินฉวนที่ยินดี ท่ามกลางความเงียบ ทุกคนมองไปที่ซือหยู
ซือหยูรู้สึกกดดันเล็กน้อย เขาหยิบสัญลักษณ์ประจำตัวโยนไปที่เจียงซื่อฉี มันเป็นสีเงินบริสุทธิ์จนเกือบจะเป็นสีทองแล้ว
เจียงซื่อฉีตกใจราวกับถูกสายฟ้าฟาด เขาไม่เชื่อในสิ่งที่ได้เห็น
“จะ จะ เจ้า...ราชาระดับเงิน ซือหยู!”
เจียงซื่อฉียืนยันอย่างไม่เชื่อสายตา
ภาพคนอ่อนแอในใจเขาได้กลายเป็นคนที่สง่างามสวมชุดม่วงที่ทำจากผ้าคุณภาพดี เขาคิดมาตลอดว่าชายหนุ่มในชุดม่วงนี้มีใบหน้าคุ้นเคย เมื่อเทียบกันแล้วเขาก็ได้รู้ทันทีว่าชายคนนี้คือซือหยู
ชายชุดม่วงคือราชาระดับเงิน ซือหยู! ศิษย์ทองคำทุกคนท่าทางเปลี่ยนแปลงไป
“เป็นไปไม่ได้! เขาที่เป็นแค่ราชาระดับเงินจะชนะราชาทองคำคนใหม่ได้ยังไง?”
“นั่นคือราชาระดับเงินคนปัจจุบันงั้นหรือ? มันจะเป็นไปได้ยังไง?”
ศิษย์ระดับเงินรู้สึกราวกันถูกค้อนยักษ์ทุบใส่ เฉินเทียนหนานกับฉวนหลีเฟยตกตะลึง ชายผู้ลึกลับและสง่างามผู้นีัคือซือหยูงั้นเหรอ?
แต่เมื่อเขาพูดคุยกัน พวกเขาก็พบว่าชายคนนี้คือซือหยูตัวจริง!
ตรงที่นั่งพิเศษ…
เย่ฉวนตกใจ
“อะไรกัน? นั่นเขารึ? เป็นไปไม่ได้ เดือนก่อนเขามีพลังแค่ระดับสองขั้นสูง แต่ตอนนี้เขาชนะราชาทองคำแล้ว!”
เซี่ยหลินฉวนตาเป็นประกายก่อนจะหัวเราะออกมาดังๆ
“ฮ่าๆๆ ดี! ดีมาก! ราชาระดับเงินผู้นี้เก็บซ่อนพลังเอาไว้ เขาใช้สถานะราชาเพื่อเข้าประลองกับราชาทองคำ นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สำนักแน่นอน!”
ที่จุดชมลานประลองของสิบศิษย์อสูร…
ตัวตนอันงดงามเซี่ยจิงหยูยืนขึ้นด้วยความตกตะลึง นางอ้าปากค้าง
“จะเป็นเขาได้ยังไง?”
ในสายตานาง ซือหยูเป็นอัจฉริยะด้านธนู และวิชาบ่มเพาะของเขาก็ยอดเยี่ยม แต่ทำไมเขาถึงทำให้นางประหลาดใจได้เช่นนี้นะ?
ชายหนุ่มคิ้วหนาหัวเราะและเอามือตบหน้าตัวเอง
“ฮ่าๆๆ...กลายเป็นว่าเขาคือซือหยู ศิษย์ระดับเงินในห้องตำราที่เราเจอวันก่อน เขาเปลี่ยนแปลงเยอะมาก เจ้าว่าเช่นนั้นไหม?”
ชายหนุ่มผมเงินเลิกคิ้ว
“มันก็แค่ขยะระดับเงิน! ทนการโจมตีเดียวของข้าไม่ได้หรอก!”
แต่เซี่ยจิงหยูและหนุ่มคิ้วหนาบอกได้เลยว่าชายหนุ่มผมเงินนั้นตกใจมากกว่าโกรธ ดูเหมือนว่าพลังของซือหยูจะทำให้เขากระวนกระวาย
ฉินเฟิงไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น เขาถอดชุมคลุมที่เปื้อนโลหิตออก ขยะที่ทนกระบวนท่าเดียวของเขาไม่ได้ในวันนั้น ในวันนี้มันชนะเขาในการประลองและบอกว่าเขา “อ่อนแอเกินไป”
ฉินเฟิงไม่เชื่อสายตาตนเอง เขายอมรับความจริงอันโหดร้ายนี้ไม่ได้
เจียงซื่อฉิงใจหาย นางไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นอีกแล้ว นางยังคงยิ้มแย้มและตื่นเต้น แต่ตอนนี้นางแข็งทื่อราวกับบุพผายามเหมันต์ ในตอนนั้นหัวใจนางเย็นเยือกราวน้ำแข็ง
ท้ายที่สุด...นางส่ายหัวเพราะยอมรับความจริงไม่ได้
“ไม่...ไม่ใช่เขา...เขาจะเป็นซือหยูไม่ได้...คนที่ข้าทิ้งไป...”
เจียงซื่อฉิงตกอยู่ในภวังค์ นางทิ้งซือหยูอย่างไร้เยื่อใยเพื่อไปหาคนที่สถานะสูงกว่า
ในวันนี้ที่นางพบคนที่นางรัก คนที่เหมาะสมกับนาง แต่ก็ต้องพบว่าเขาคือบุรุษที่นางทิ้งไปอย่างไร้เยื่อใย ความต่างของเขาจากตอนนั้นและตอนนี้มันช่างเป็นบาปกรรมสำหรับนาง นางนิ่งงันพูดอะไรไม่ออก
ที่น่าขันยิ่งกว่าคือเมื่อก่อนเขาทั้งรักทั้งหลงนางอย่างโงหัวไม่ขึ้น
“เขาโกหก! นั่นจะเป็นซือหยูได้ยังไง? นั่นมันคนละคนชัดๆ!”
“เป็นไปไม่ได้! ช่องว่างระหว่างราชาระดับเงินกับราชาทองคำมันต้องต่างกันสิ!”
เจียงซื่อฉีโกรธ เจ้าเด็กที่ดยุคหมายมั่นจะจัดการได้กลายเป็นราชาทองคำแล้ว เขารู้ว่าเขามิอาจทำอะไรซือหยูได้แล้ว พรสวรรค์เช่นนี้สมควรที่เขาจะได้เป็นศิษย์อสูร เขาจะไม่ตกอยู่ใต้อำนาจของเจียงซื่อฉีอีกแล้ว
เมื่อเหล่าศิษย์ต่างพากันยอมรับแล้วว่าชายสง่างามลึกลับคือราชาระดับเงินตัวจริง คนมากมายนับไม่ถ้วนได้แต่กล่าวสรรเสริญอย่างเคารพ
พวกเขารู้ว่าต่อจากนี้ไป ซือหยูจะขึ้นเป็นใหญ่ ไม่มีใครฉุดเขาลงมาได้อีกแล้ว เขาจะเป็นตำนานของสำนัก! เขาเป็นราชาระดับเงินที่เหนือกว่าราชาทองคำที่เป็นตำนานเช่นกัน และเป็นตำนานที่ถูกก้าวข้ามโดยตำนานเช่นซือหยู
เซี่ยหลินฉวนหัวเราะร่วน
“ฮ่าๆๆๆ ดีมาก! ดี! เรามีอัจฉริยะคนใหม่เกิดขึ้นในสำนักแล้ว!”
พลังระดับสี่ขั้นต้นที่สามารถเอาชนะระดับสี่ขั้นกลาง พรสวรรค์นี้ช่างใกล้เคียงกับศิษย์อสูร
ครืนน--
ในตอนนั้นเองประตูโถงก็ถูกพังเข้ามา
องครักษ์เกราะทมิฬ 20 คนวิ่งเข้ามาในโถงประลองอย่างบ้าคลั่ง
“องครักษ์เกราะทมิฬจากตำหนักดยุค!”
เซี่ยหลินฉวนชักสีหน้าทันที
เย่ฉวนรู้สึกว่ากำลังจะมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้น ดยุคเซี่ยนหยูคือหนึ่งในสามผู้ที่มีอำนาจอย่างแท้จริงในแคว้นเฟิงหลิน
เขามีพลังระดับหกและได้บ่มเพาะผู้มีพลังระดับห้าเอาไว้ องครักษ์เกราะทมิฬก็เป็นกลุ่มคนที่เขาบ่มเพาะมาเช่นกัน!
ในเขตเซี่ยนหยู ทหารเกราะทมิฬเป็นตัวตนอันยิ่งใหญ่ แม้แต่ผู้มีพลังระดับเจ็ดยังต้องยกย่อง
ดยุคมีอำนาจในแคว้น ไม่มีใครกล้าต่อกรกับเขา
ฟางหยุนคิ้วขมวด แม้ว่าเขาจะคุ้นเคยกับคนในราชตระกูล แต่ราชตระกูลก็เป็นลูกหลานของราชันศักดิ์สิทธิ์ หรือฟางหยุนก็คือคนรับใช้งานนั่นเอง! ฟางหยุนจะไปโต้เถียงกับลูกหลานของราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร?
เซี่ยหลินฉวนรู้สึกไม่ดี เขารีบลงไปทางชายรูปงามวัยกลางคน
“ท่านดยุคเซี่ยนหยู เหตุใดจึงมากระทันหันเช่นนี้?”
เซี่ยหลินฉวนเขามีสัมพันธ์ไม่ค่อยดีกับดยุค การฟังเข้ามาในตำนักโดยไม่ไว้หน้าเขาบ่งบอกถึงนิสัยของดยุคเซี่ยนหยู
ดยุคเซี่ยนหยูไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่ทำลงไปแต่ดวงตาของเขาลุกเป็นไฟ เอาประสานมือและพูดด้วยเสียงนุ่มลึก
“ขออภัยด้วยท่านเซี่ย ข้ามาหาคน เดือนก่อนข้าตามหา้ขาและข้าก็ได้รู้ว่าเขาคือศิษย์ในสำนักนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ข่าวหลุดรอดและทำให้เขามีโอกาสหนี ข้าจำเป็นต้องชิงลงมือก่อน”
เซี่ยหลินฉวนโล่งใจเล็กน้อย เขาได้ยินมาว่าดยุคกำลังล่าตัวคนที่เป็นอัจฉริยะธนูในเดือนก่อน เขาเป็นคนในสำนักหรือนี่….
“ท่านดยุค ท่านรู้ตัวคนคนนั้นหรือไม่? ข้ายินดีจะช่วยจับตัวมันอย่างยิ่ง”
เซี่ยหลินฉวนมองอย่างเย็นชา ดยุคเซี่ยนหยูเป็นผู้มีคุณธรรม ใครก็ตามที่ทำให้เขาต้องตามตัวจะต้องมีความผิดร้ายแรงแน่นอน
ที่ด้านหลังดยุคคือหญิงสาวตัวเล็กงดงาม นางมีคางแหลม ดวงตาราวกับตุ๊กตาแลผิวสีขาวหิมะราวตุ๊กตาหยก องค์หญิงน้อยสวมชุดสีเหลืองและกำลังโมโห
“เขาชื่อซือหยู! เจ้าโรคจิตนั่น...เจ้าคนชั่ว! เรามาจับเขา เขาอยู่ไหน!”
เรื่องที่เกิดขึ้นคือดยุคได้ตามหาตัวเขาทั้งเมืองเมื่อได้เบาะแสจากเขี้ยวราชสีห์เพลิง
โชคดีที่พวกเขาได้สอบถามหลีหมิงห่าว
ที่บังเอิญกว่านั้นคือในที่ร้านวันนั้น หลังจากที่สอบถามหลีหมิงห่าวก็ได้พบว่าผู้ขายเขี้ยวราชสีห์เพลิงก็คือซือหยู จากนั้นตัวตนของผู้ที่ล่วงเกินองค์หญิงก็ถูกประกาศไปทั่ว
ทั้งโถงประลองมองไปที่ชายหนุ่มชุดม่วงบนลานประลอง อัจฉริยะผู้คว่ำราชาทองคำในขณะที่เป็นราชาระดับเงิน! ฝูงชนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาโวยวายไปทั่ว
ฉินเฟิงหัวเราะอย่างชั่วช้า
“เจ้าอยู่ด้วยบาปที่เจ้าทำลงไปไม่ได้หรอก! ในที่สุดเจ้าก็ต้องหายไป!”
เจียงซื่อฉิงที่นิ่งงันมานานยังคงไม่คิดว่าชายชุดม่วงคือซือหยู หัวใจนางผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินว่าดยุคเซี่ยนหยูต้องการตัวเขา
ซือหยู นี่คือชะตาของเจ้า คนที่มีพลังน้อยนิดและไร้อำนาจ ไม่ว่าเจ้าจะดียังไง เจ้าก็มีจุดจบเหมือนเดิม นางคิดกับตัวเองเมื่อมองชายชุดม่วง
เซี่ยจิงหยูมิอาจเชื่อ คนที่ล่วงเกินองค์หญิงคือซือหยู! นางก้าวเดินอย่างงดงามราวบุพผาจนร่างไร้นำหนักและลอยไปถึงประตูโถงประลอง
“ท่านลุง มันเข้าใจผิดกันหรือเปล่า?”
ดยุคไม่ตอบ องค์หญิงผลักเซี่ยจิงหยูออก
“ฮื่ม! ไม่ผิดแน่! หนังมังกรไฟที่พี่จิงหยูใส่เป็นของมัน...”
องค์หญิงน้อยตบหน้าผากตัวเองเมื่อตระหนักถึงอะไรบางอย่าง
“อ๊ะ! งั้นนี่ก็เป็นคนเดียวกับคนที่ช่วยพี่จิงหยูน่ะสิ! เขาจะต้องล่วงเกินพี่ตอนที่สลบแน่ๆ เจ้าคนลามก!”
องค์หญิงปิดปาก นางจ้องมองอย่างโกรธแค้น
“ข้าจะไม่มีวันอภัยให้เขา”
ครืน--
เซี่ยจิงหยูรู้ทันที เป็นเขานั่นเอง! ใช่เขาจริงๆ! ดวงตาอันกว้างใหญ่นั่นเป็นดวงตาที่นางเคยเห็นก่อนจะหมดสติไป! นางโล่งใจและรู้สึกดีขึ้นมาก
“ท่านลุง ข้าขอร้องให้ตัดสินอย่างเป็นธรรม เขาช่วยชีวิตองค์หญิงนะ!”
ตัวตนอันงดงามขอร้องดยุคเซี่ยหยู ดยุคเริ่มลังเล
เขาเป็นคนมีคุณธรรม ซือหยูช่วยลูกสาวของเขา ตามปกติควรจะต้องถูกตบรางวัล แต่เขาก็ล่วงเกินนางด้วย ดยุคตัดสินใจไม่ได้ เขาเพียงคิดว่ามันคือเรื่องของลูกสาวของเขา อย่างน้อยหากเรื่องนี้สะสางไปลูกสาวของเขาจะบ่มเพาะพลังต่อไปได้
เซี่ยหลินฉวนตกใจ ลูกสาวของเขาใจเย็นและเป็นเด็กที่น่าภูมิใจมาก เขาไม่เคยเห็นนางขอร้องใครมาก่อน
“ท่านดยุค มีเรื่องเข้าใจผิดหรือไม่?”
เซี่ยหลินฉวนเสียดายตัวอัจฉริยะเช่นซือหยู
ดยุคส่ายหัวช้าๆและมองอย่างเย็นชา
“องครักษ์ จับตัวซือหยู!”
ไม่มีใครหยุดดยุคที่ด่วนตัดสินใจไปแล้วได้
เซี่ยจิงหยูเริ่มกังวล นางขบริมฝีปากและรีบไปหาฟางฉิงโจวที่พยายามจะขืนใจนางและขอร้อง
“ฟางฉิงโจว บอกให้พ่อเจ้าปกป้องเขาได้ไหม?”
ในโถงนั้น มีเพียงฟางหยุนที่หยุดดยุคเซี่ยนหยูได้
นางขอร้องสัตว์ป่าที่พยายามจะล่วงเกิดนางอย่างหยิ่งยโส นางประหลาดใจที่ฟางฉิงโจวในตอนนี้นิ่งราวกับน้ำแข็ง
นี่เป็นครั้งแรกที่เซี่ยจิงหยูทำเพื่อคนอื่น
ทั้งโถงนี้มีเพียงคนเดียวที่เรียกร้องความเมตตาแก่ซือหยู ซึ่งนั่นก็คือเซี่ยจิงหยู!
ติชมให้กำลังใจ กดไลค์แฟนเพจมาคุยกันได้เลยจ้าาา