GE23 หนิงกู่
Chapter 23 หนิงกู่
หนิงฝานที่อายุครบ 17 ปีหยุดยืนบนยอดเขาของนิกายเทียนหลีโม่ สายลมพลิ้วไหว คิ้วคู่เรียวขมวดมุ่น
วังที่ประดับประดาด้วยหยกและศาลาที่งดงามซ่อนเร้นจากแสงตะวันในรุ่งเช้า หมู่เมฆที่งดงามลอยวนเติมเต็มสีสัน นกกระเรียนจำนวนมากบินพาดผ่านระหว่างภูเขาและโฉบลงผิวน้ำ ทั้งยังมีชายชรากำลังตัดฟืน
‘สถานที่แห่งนี้คือนิกายเทียนหลีโม่จริงหรือ?’ หนิงฝานขมวดคิ้ว นิกายปีศาจอันดับหนึ่งของแคว้นเยว่ช่างแตกต่างจากที่เขาจินตนาการ
“ไม่อะไรแปลกหรือไง? นี่แหละนิกายปีศาจ แค่ภายนอกของมันเหมือนนิกายฝ่ายธรรมเท่านั้น” หานหยวนจี๋เย้ยหยัน
“อืม... ข้าเพียงสงสัย” หนิงฝานพยักหน้า
“ปีศาจที่แท้จริงไม่อาจมองกันได้ที่ภายนอก หากผู้บ่มเพาะมีสายตาเฉียบคมแล้วไซร้ ไม่ว่าจะเป็นพิภพหรือสวรรค์ก็มองออก แต่สิ่งที่ยากจะมองให้ทะลุปรุโปร่งนั้นคือจิตใจของมนุษย์ ปีศาจที่แท้จริงจะไม่กระทำเรื่องชั่วร้ายอย่างโจ่งแจ้ง ไม่งั้นพวกมันก็ไม่อาจมีชีวิตรอดอยู่ในโลกใบนี้... จิตใจของมนุษย์ไม่เที่ยงแท้ เจ้าต้องได้สัมผัสด้วยตนเองไม่งั้นก็ไม่มีทางเข้าใจ”
หนิงฝานและชายชรายืนอยู่บนยอดเขาของนิกายเทียนหลีโม่ นี่นับเป็นครั้งแรกที่ชายชราพูดคุยกับหนิงฝานอย่างเปิดใจ
“จิตใจของมนุษย์ไม่เที่ยงแท้?” หนิงฝานชื่นชมกับคำกล่าวของชายชราและครุ่นคิดเงียบๆ
“เมื่อ 40 ปีที่แล้วข้าเคยทำเรื่องผิดพลาด... ข้ากลับมายังโลกพิรุณ คืนสู่แคว้นเยว่ ก่อนจะเข้าร่วมกับนิกายกุ่ยเชว่... จิตใจของมนุษย์ยากจะเข้าใจ แต่ข้ามั่นใจว่ามองเจ้าไม่ผิด เจ้าเหมือนกับข้า...แต่ภายในใจของเจ้ายังคงมีโซ่ตรวน”
นิกายเทียนหลีโม่สร้างกินพื้นที่กว่าหลายร้อยลี้ สถานที่จัดงานประลองอยู่บนแผ่นหยกสีเขียวที่ลอยอยู่บนท้องนภา มีทางเข้า 4 ทิศ ที่กึ่งกลางมีถนนแยกกว่า 72 สาย ผู้ชมที่รวมตัวกันก็รวมตัวพูดคุยอยู่ที่นั่นเข่นกัน
ผู้คนมากมายเดินทางผ่านเส้นทางภูเขา
หานหยวนจี๋สัมผัสที่กระเป๋าเก็บของแล้วยื่นเหรียญหยกให้หนิงฝาน จากนั้นชี้ไปยังแผ่นหยกที่ลอยอยู่
“หนิงน้อย เจ้ารู้วิธีใช้เหรียญหยกด้วยสัมผัสเทพของเจ้าหรือเปล่า? เจ้าต้องถ่ายรูปลักษณ์ของน้องชายเจ้าเข้าไปในนี้ ส่วนข้าจะแอบเข้าไปในนิกายเทียนหลีโม่เพื่อตามหาน้องชายเจ้า ส่วนเจ้าต้องรอข้าอยู่ที่นี่ เพราะสถานที่สำคัญมากมายของนิกายเทียนหลีโม่จะมีทหารคุ้มกันอยู่มากมาย หากเจ้าฝืนเข้าไปก็รังแต่จะเป็นภาระให้ข้า หากข้าช่วยน้องชายของเจ้าพบ ข้าจะรีบกลับมาหาเจ้าทันที แต่หากไม่พบ เราค่อยวางแผนใหม่อีกครั้ง”
ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณสามารถใช้สัมผัสเทพได้ สัมผัสเทพคือพลังวิญญาณ ใช้งานหลากหลาย หนึ่งในนั้นคือการใส่ความทรงจำเข้าไปภายในเหรียญหยกเพื่อดูในภายหลัง ดังนั้นเหรียญหยกที่ชายชรามอบให้หนิงฝานจึงเป็นอุปกรณ์เก็บความทรงจำ
หนิงฝานรับเหรียญหยกมาแล้วยกขึ้นประทับที่หน้าผาก จากนั้นนึกถึงความทรงจำในตระกูลหนิง หวนนึกถึงความทรงจำที่เขาได้ใช้ร่วมกับหนิงกู่ในอดีต จากนั้นใช้สัมผัสเทพสลักมันลงไปในเหรียญหยก
รอยยิ้มอันอบอุ่นที่ยากปรากฏ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของหนิงฝาน หนิงฝานไม่มีบิดามารดา เขามีเพียงน้องชาย น้องชายเพียงคนเดียวที่ต้องเป็นห่วง
ยามที่หนิงฝานอายุได้ 6 ปี หนิงกู่อายุได้ 5 ปี ทั้งสองอยู่ร่วมกัน ใช้ชีวิตร่วมกัน แม้มีเงินไม่พอให้ประทังชีวิต แต่ทั้งคู่ก็ต้องอดทน อดทนกับความหิว ความหนาวเหน็บ กระทั่งหนิงฝานตัดสินใจซื้อลูกอมให้หนิงกู่
ในปีที่หนิงฝานอายได้ 10 ปีและหนิงกู่อายุได้ 9 ปี หนิงกู่ถูกคนขี้เมาทุบตี หนิงฝานเข้าช่วยน้องชายราวกับหมาบ้าและต่อสู้กับคนพวกนั้น
และในปีนั้น...
ได้เกิดความทรงจำที่แสนขมขื่นนับไม่ถ้วน แต่หนิงฝานยังคงอบอุ่น หากช่วยน้องชายจากสถานที่แห่งนี้ได้ หากออกไปจากที่นี่ได้ เขาจะไม่ยอมให้ผู้ใดทำร้ายหนิงกู่เด็ดขาด
“หนิงน้อย เร็วเข้า!” ชายชราเร่งเร้าและขัดขวางหนิงฝานจากความทรงจำที่มีความสุข ชายชราเร่งนำเหรียญหยกครึ่งนึงที่หนิงฝานถือไว้แล้วจากไป
“รอข้าอยู่ที่นั่น อย่าไปไหนเด็ดขาด! เรื่องที่เจ้าสังหารผู้อาวุโสหวู่ของพวกมันยังไม่จบ เจ้าต้องระวังและไม่เปิดเผยตัวตน หากเจ้าตายในนิกายเทียนหลีโม่ บิดาจะไม่แก้แค้นให้เจ้าเด็ดขาด...”
คำกล่าวเตือนทั้งหมดแฝงด้วยความห่วงใยอย่างชัดเจน แม้คำที่ออกมาจากปากของชายชราจะดูเหมือนคำข่มขู่ก็ตาม ไม่นานชายชราก็ใช้ ‘ทักษะอำพรางกาย’ และหายตัวไป ชายชราอาจเริ่มแทรกซึมเข้าไปยังนิกายเทียนหลีโม่แล้ว
หนิงฝานยิ้ม ชายชราปากร้าย แต่จิตใจกลับอ่อนโยนราวกับเต้าหู้
หนิงฝานสวมผ้าคลุมอำพรางใบหน้าเพื่อปิดบังตัวตน ผ้าคลุมนี้ยังคงมีกลิ่นริมฝีปากที่หอมหวานของหยุนโร่วเวย ทำให้หนิงฝานแอบเสียใจ
ด้วยผ้าคลุมอำพรางจะไม่มีผู้ใดในนิกายเทียนหลีโม่จดจำหนิงฝานได้ ดังนั้นเรื่องเปิดเผยตัวตนจึงสามารถวางใจได้
หนิงฝานเหยียบย่างนภาด้วยชุดขาวดำที่แผ่กลิ่นอายอันโอ่อ่า เมื่อผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตเปิดเส้นชีพจรสังเกตุ เขาจึงกลายเป็นจุดสนใจทันที
“นั่นใช่ผู้อาวุโสประสานวิญญาณหรือไม่? เขาทั้งหล่อเหลา เยาว์วัย... เมื่อใดกันที่มีตัวตนที่หล่อเหลาเช่นนี้ปรากฏตัวในแคว้นเยว่?” ผู้คนที่ผ่านไปมาจ้องมองหนิงฝานด้วยความอิจฉา ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณเช่นนี้จะปรากฏเพียง 1 คนในหมู่ผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรจำนวนมากเท่านั้น คนเหล่านั้นจินตนาการว่าตนได้เป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ เป็นผู้ที่สามารถเหยียบย่างไปบนนภาอย่างอิสระ
แต่เหล่ามนุษย์ในขอบเขตประสานวิญญาณกลับเป็นเพียงมดในสายของผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก !
หนิงฝานเหยียบสัมผัสหิมะบางๆบนนภาก่อนจะร่อนลงยังแผ่นหยกขนาดยักษ์ ที่นั่นมีทางเข้าหลัก 4 ทาง แต่ละทางมีศิษย์นิกายเทียนหลีโม่ให้การต้อนรับ พวกมันจะแสดงความเคารพผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณเป็นพิเศษ
เมื่อเห็นหนิงฝานเหยียบย่างนภามา พวกมันจึงทราบว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ นั่นทำให้เหล่าศิษย์สตรีต้อนรับด้วยความกระตือรือร้น
“ผู้อาวุโสดูราวกับมาที่นี่เป็นครั้งแรก ท่านสมควรไม่ใช่คนของนิกายเทียนหลีโม่เรา... ข้ามีนามว่า ‘ฉินหลง’ ท่านสามารถกล่าวถามข้อสงสัยกับข้าได้...”
สาวน้อยผู้บรรลุเปิดเส้นชีพจรที่ 3 ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนทั้งแววตายังเย้ายวนยามที่จ้องมองหนิงฝาน
การจ้องมองของนางคือทักษะเย้ายวน ต่อให้เป็นผู้บรรลุเปิดเส้นชีพจรที่ 10 ยังยากจะต้านทาน แต่ในสายตาของหนิงฝาน แววตาของนางไม่ต่างจากแววตาทั่วไปที่กำลังต้องการ ‘บางสิ่งเป็นพิเศษ’
บางสิ่งที่พิเศษย่อมหมายถึงการร่วมรัก สตรีนางนี้ไม่ใช่สาวพรหมจรรย์ นางเป็นผู้บ่มเพาะฝ่ายอธรรมซึ่งหนิงฝานไม่เห็นนางอยู่ในสายตา
“เช่นนั้นพาข้าเที่ยวชมนิกายก็พอ ข้าไม่ต้องการสิ่งอื่น” หนิงฝานลดระดับเสียงให้ทุ้มต่ำลงเพื่อให้ดูมีอายุ
นางไม่กล้าดูแคลนหนิงฝาน นางจึงยิ้มพลางกล่าว “ย่อมได้... ฉินหลงจะพาผู้อาวุโสเที่ยวชมนิกายทันที... บนแผ่นหยกเขียวแห่งนี้มีถนนทั้งหมด 72 สาย แต่ละสายมีศิษย์ประลองกันร่วม 200 คน”
“เป็นเช่นนั้น” หนิงฝานแกล้งเที่ยวชมเพื่อรอหานหยวนจี๋ เขาไม่สนใจการประลองของนิกายเทียนหลีโม่แม้แต่น้อย
หนิงฝานเที่ยวชมไปตามถนนเส้นต่างๆ ในหมู่ถนนทั้ง 72 สาย หนิงฝานพบผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณประมาณ 100 คนขึ้นประลอง ผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นโลหิตที่ 10 ประมาณหลายพันคน... นิกายเทียนหลีโม่ช่างทรงพลัง
จำนวนผู้เชี่ยวชาญของนิกายเทียนหลีโม่นั้นแตกต่างจากนิกายกุ่ยเชว่อย่างลิบลับ เพียงขุมกำลังของนิกายเทียนหลีโม่แห่งเดียวก็สามารถทำลายแคว้นเยว่ได้แล้ว... นับว่าแม่น้ำสายนี้ช่างไหลลึก
หนิงฝานส่ายหน้า แม้แม่น้ำจะไหลลึกกว่านี้ เขายังคงไม่หวาดกลัว นิกายแห่งนี้จะไปมีอำนาจมากขนาดนั้นได้อย่างไร?
แม้หนิงฝานจะได้รับสืบทอดความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์มา แต่จะมีผู้ใดกล้ากล่าวว่าในแคว้นเยว่จะไม่มีผู้ใดเหมือนหนิงฝานอีก?
ขณะที่หนิงฝานกำลังเดินผ่านถนนสายหนึ่ง เขากลับสะดุดตากับเด็กหนุ่มอายุ 15 ปี แววตาดูน่าสะพรึงกลัว
ใบหน้าเช่นนั้นไม่ผิดแน่!
ในถนนสายนี้มีเด็กหนุ่มถือบรรทัดน้ำแข็ง เด็กหนุ่มผู้นี้เอาชนะผู้บรรลุเปิดเส้นชีพจรที่ 10 ทั้งกลิ่นอายที่แผ่ออกมายังไม่ธรรมดา
ในแต่ละครั้งที่ชนะ เด็กหนุ่มผู้นี้จะไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายได้เอ่ยปากยอมแพ้ เขาจะใช้บรรทัดน้ำแข็งในมือหักกระดูกของอีกฝ่ายอย่างโหดเหี้ยม
สิ่งที่ทำให้หนิงฝานตกใจไม่ใช่ความโหดร้ายของเด็กหนุ่มผู้นี้ แต่เป็นใบหน้าที่คุ้นเคน
‘หนิงกู่...เหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่นี่?’
‘เจ้าไม่ได้ถูกขังอยู่ในนิกายเทียนหลีโม่หรอกหรือ?... เหตุใดเจ้ากลายเป็นศิษย์ของมันและขึ้นประลอง?’
บรรทัดน้ำแข็งในมือของหนิงกู่ทำให้หนิงฝานรู้สึกประหลาด เพราะมันแผ่กลิ่นอายชั่วร้าบ
มีบางอย่างแปลกไป!...