DND.30 - กระบวนท่ามิอาจต้าน
ฟางฉิงโจวลงมาจากเสาศิลา
“มาถึงระดับนี้แล้วหรือ! เจ้าพัฒนาขึ้นจริงๆ!”
ฉินเฟิงมองหาเจียงซื่อฉิง เขาสัญญาว่าหากเขาได้ตำแหน่ง “ราชาทองคำ” แล้วเขาจะได้หมั้นกับนาง เขาฝึกอย่างอดทนมาโดยตลอดเดือนที่ผ่านมา และมันก็ได้รับผลที่ดี
ฉินเฟิงพยักหน้า
“มาเถอะพี่ฟาง ราชาทองคำจะเป็นของข้า!”
“เจ้าไม่คู่ควร!”
ฟางฉิงโจวตะโกน เขาจะยอมให้คนอื่นแย่งตำแหน่งไปได้อย่างไร?
“ดัชนีแปดทิศ!”
ฟางฉิงโจวเร็วราวกับเงา เขาพุ่งไปหาฉินเฟิงอย่างรวดเร็ว
นิ้วของเขาคล่องแคล่วราวมังกร มันเคลื่อนไหวแปดทิศด้วยความเร็วเหลือเชื่อ
“ฝ่ามืออรหันต์!”
สายลมที่บีบอัดจากฝ่ามือของเขารุนแรงมาก ทุกการเคลื่อนไหวมันทรงพลัง สายลมรอบฝ่ามือของเขาราวกับลมหายใจอันเกรี้ยวกราดที่รอการปลดปล่อย
ฝ่ามือและดัชนีปะทะกัน ทั้งสองกระเด็นถอยหลังคนละก้าว ยังไม่รู้ตัวผู้ชนะ!
ฟางฉิงโจวจริงจัง
“ตำแหน่งราชาทองคำเป็นของข้า ใครกันจะกล้าเอามันไป?”
ฟางฉิงโจวมีพลังสนับสนุนจากพ่อเขาที่มาด้วยจึงกล้าหยาบคายเช่นนี้
แต่โชคไม่ดีที่ฉินเฟิงก็มิใช่คนธรรมดา
“ราชาทองคำจะเป็นของคนที่เก่งที่สุด หากเจ้าอยากจะปกป้องมัน เจ้าก็ต้องชนะข้าให้ได้!”
ฉินเฟิงเผชิญหน้ากับฟางฉิงโจว
ฟางฉิงโจวเริ่มปะทะหมัดกับฉินเฟิง
พลังของพวกเขาใกล้เคียงกันมาก ผ่านไป 80 กระบวนท่าก็ยังไม่ได้ผู้ชนะ ฟางฉิงโจวเริ่มกังวลและตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด
แต่ฉินเฟิงนั้นไม่สนใจ สถานะของพวกเขาเทียบเท่ากัน ฉิงเฟิงไม่ต้องระวังฟางฉิงโจว เมื่อเวลาผ่านไปฉินเฟิงก็เริ่มได้เปรียบอย่างมาก
วิชาดัชนีต้องเสียเปรียบวิชาฝ่ามืออยู่แล้ว นี่หมายความว่าฉินเฟิงชนะฟางฉิงโจวไปแล้วหนึ่งก้าว
ฉินเฟิงได้โอกาสโจมตีใส่ช่องว่างของฟางฉิงโจว เขาโจมตีถูกกลางอก
อ๊ากก---
ฟางฉิงโจวกระเด็นลอยออกจากลานประลอง เขาที่เป็นราชาทองคำคนก่อนได้แพ้แล้ว!
ฟางหยุนไม่พอใจ แต่ด้วยสถานะของเขานั้นไม่อาจทำอะไรได้เพราะจะเสื่อมเสียชื่อเสียง
“เจ้าขยะ! กลับไปส่องกระจกดูตัวเองซะ!”
จากนั้นเขาก็กลับมาพูดกับเซี่ยหลินฉวน
“เจ้าดูแลศิษย์พวกนี้ดีมาก”
ฟางหยวนที่กำลังจะออกไปถูกเซี่ยหลินฉวนรั้งเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม
“ทำไมท่านไม่อยู่ดูให้จบก่อนล่ะ? การประลองอื่นอาจจะทำให้ท่านอารมณ์ดีขึ้นมานะ”
ฟางหยุนหยุดชั่วครู่ก่อนจะกลับมานั่ง
เจียงซื่อฉียิ้มแย้มขณะสวมมงกุฏทองคำให้กับฉินเฟิง
“ยินดีด้วย”
ฉินเฟิงเหนื่อยมาก เขาพักและมองหาเจียงซื่อฉิง ตำแหน่งราชาทองคำ! เขาได้มันมาแล้ว!
แต่เขาก็ต้องหยุดยิ้ม เพราะนางอันเป็นที่รักไม่ได้สนใจเขาเลย นางกลับมองเจ้าหนุ่มชุดม่วงที่ดูลึกลับนั่น! ฉินเฟิงระเบิดความโกรธและตะโกนไปหาซือหยู
“ท่านผู้ตัดสิน! ราชาทองคำมีสิทธิ์ท้าประลองกับใครก็ได้ใช่หรือไม่?”
ฉินเฟิงที่ชิงชังไม่ละสายตาไปจากซือหยูเลย
ใครก็ตามที่ขโมยหัวใจผู้หญิงของเขาไปถือเป็นศัตรู ช่างหัวเจ้าขยะซือหยูไปก่อน เขายังมีสิทธิ์ประลองกับมันได้อีก
เจียงซื่อฉีพยักหน้า
“ดี! ข้าจะประลองกับมัน!”
ฉินเฟิงชี้ไปยังชายหนุ่มที่สวมชุดสีม่วงบนเสาศิลา
เกิดความวุ่นวายขึ้นทั้งโถงประลอง
ชายชุดสีม่วงที่ทำให้พวกเขาต้องสับสนนั้นยังคงเป็นตัวตนที่ลึกลับ ไม่มีใครคิดว่าราชาทองคำจะประลองกับเขา เจียงซื่อฉีสับสนเช่นกัน ชายคนนั้นช่างดูคุ้นเคย แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด
ซือหยูลืมตาช้าๆ เขามองฉินเฟิงจากข้างบน
“ประลองกับข้าตอนที่เจ้าพักก่อนเถอะ มิเช่นนั้นชัยชนะของข้าจะเสื่อมเกียรติ”
ฉินเฟิงเหนื่อยอ่อน เขาเหลือพลังไม่ถึงเจ็ดส่วนจากปกติ
“นั่นไม่ใช่เรื่องของเจ้า!”
ไฟสู้ในใจของฉินเฟิงปะทุขึ้นมา มีเพียงการชนะมันต่อหน้าเจียงซื่อฉิงเท่านั้นที่จะทำให้เขาคลายความชิงชังนี้ไปได้
เขาหยิบโอสถล้ำค้าจากเสื้อคลุมออกมาดื่ม หลังจากนั้นความเหนื่อยล้าก็ได้หายไป พลังของเขากลับมาแล้ว
“ดูเหมือนตำแหน่งดยุคน้อยจะทำให้เจ้าใช้โอสถฟื้นฟูพันตำลึงเงินได้อย่างไม่ลังเลเลยนะ”
ฉินเฟิงโกรธเกรี้ยว
“มาสู้กับข้า!”
ซือหยูลอยลองมา เขาเงยหน้าขึ้นและพูดเบาๆกับตัวเอง
“ข้ารอคอยวันนี้มานานเหลือเกิน”
ฟึ่บ--
ร่างสีม่วงราวกับสายลม มันเหมือนกับเงาเมฆที่มองได้ไม่ใช่เจน แต่ก็มั่งคงราวกับคลื่นน้ำ สง่างามในทุกท่วงท่า
เซี่ยหลินฉวนมองอย่างประหลาดใจ
“เงาเมฆาระดับสามงั้นเหรอ? ยังมีศิษย์คนอื่นนอกจากสิบศิษย์อสูรที่มีสติปัญญาจนสำเร็จวิชานี้ได้เชียวหรือ? เย่ฉวน...เด็กคนนี้คือใครกัน? เขามีพลังระดับสี่ขั้นต้น ทำไมเราไม่รู้จักเขา?”
เย่ฉวนเหม่อลอย
“เขาดูคุ้นๆ แต่ข้าไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร”
เซี่ยหลินฉวนประหลาดใจ เขาหัวเราะ
“น่าสนใจ! มันอาจจะไม่ใช่การประลองทั่วไปแล้ว”
ซือหยูร่อนลงมาที่ลานประลองอย่างสง่างามราวกับหงส์ เขาเอามือไพล่หลัง
เจียงซื่อฉีไม่รู้ว่าคนตรงหน้าคือใคร เขาพูดอย่างสุภาพ
“เจ้าจะเลือกปฏิเสธการประลองก็ได้ เขาเป็นราชาทองคำ ตามกฎแล้วจะสู้กับราชาระดับเงินได้เท่านั้น”
ซือหยูพูดด้วยความสุขุม
“ข้ารอคอยเวลานี้มาเนิ่นนาน ข้าจะปฏิเสธได้อย่างไร?”
“ก็ดี! ราชาทองคำ ประลองกับ….หนุ่มชุดม่วง!... เริ่มได้!”
เจียงซื่อฉีลืมถามชื่ออีกฝ่าย
ฉินเฟิงมองไปหาเจียงซื่อฉิง สายตายังคงจับจ้องไปที่ชายชุดม่วง ซึ่งในความจริงแล้วนางก็หวังจะใช้ชายชุดม่วงชนะ!
ฉินเฟิงเริ่มรู้สึกอยากจะฆ่าคู่ประลองมาก เขาคือผู้ชายของนาง และตำแหน่งนั้นก็ถูกแทนที่โดยคนแปลกหน้า!
“ฝ่ามืออรหันต์”
ฉินเฟิงปล่อยพลังสูงสุดและใส่พลังปราณลงไปด้วย
ฝ่ามือของเขาราวกับสายลมรุนแรง ซือหยูยังคงใจเย็นและเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว
“วายุกระหน่ำ!”
เขาเรียกคลื่นน้ำแข็งมาจากเท้า
หมอกขาวกระจายออกมารอบขาทันที เขาใช้โอกาสนี้เตะออกไป
ฉินเฟิงถอยกลับสามก้าวและซือหยูสองก้าวครึ่ง
ฉินเฟิงอ้าปากค้าง เขารีบสะบัดน้ำแข็งในมือออกและมองด้วยความตกใจ
“เจ้าใช้วายุกระหน่ำได้เหรอ?”
ฉินเฟิงมิอาจเชื่อสายตาตนเอง ตำราลับฝ่ามืออรหันต์และวายุกระหน่ำต่างต้องใช้ปัญญาขั้นสูงในการฝึกฝน ว่ากันว่ามันเป็นวิชาที่ยากที่สุดในบรรยาวิชาระดับกลาง
รวมทั้งฉินเฟิง ไม่มีใครเลยที่ฝึกวายุกระหน่ำได้! ที่ชายชุดม่วงฝึกวิชานี้ได้ต่างตกตะลึงยิ่งนัก
เซี่ยหลินฉวนลืมตากว้าง
“เย่ฉวน รีบไปตรวจสอบเร็วว่าคนนี้คือใครในสำนัก อายุน้อยเช่นนี้แล้วยังฝึกวายุกระหน่ำจนถึงระดับสองได้ เขาจะต้องถูกเลื่อนเป็นศิษย์อสูร!”
เย่ฉวนหยักหน้า แววตาเป็นประกายด้วยความสงสัย
ซือหยูยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร เขาเข้าไปใกล้และโจมตีฉินเฟิง พวกเขาทั้งสองโจมตีใส่กันไม่หยุด
ครืนน---
แต่ละครั้งที่ฝ่ามือเฉือนอากาศและลูกเตะน้ำแข็งปะทะกันทำให้การต่อสู้ช่างน่าจับตา
เวลาผ่านไปหนึ่งถ้วยชา….
เขาทั้งสองยังคงต่อสู้ เขาแลกกระบวนท่ามากว่า 30 ครั้ง เจียงซื่อฉียังคงตกใจ เขามีพลังระดับสี่ขั้นสูง และการต่อสู้ตรงหน้าก็ถือว่าเป็นระดับเทียบเท่ากัน!
เจียงซื่อฉิงหายใจเร็ว อกของนางขยับขึ้นลงอย่างรุนแรง นางมองตามชายชุดม่วงอย่างไม่ละสายตา นางกำหมัดแน่น หัวใจนางเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ แข็งแกร่งเกินไปแล้ว! เทียบได้กับฉินเฟิง!
“ดี! เยี่ยม! ยอดเยี่ยม! ยังมีเพชรเม็ดงามช่อนอยู่ในสำนักข้า!”
เซี่ยหลินฉวนออกอาการดีใจ
ที่มุมลานประลอง กลุ่มของเซี่ยจิงหยูมองด้วยความสนใจมาก
“แปลกมาก ชายชุดม่วงนั่นคือใครกัน?”
ชายคิ้วหนาขมวดคิ้วและเกาหัว เขาอยากรู้แทบจนแทบบ้า
“วายุกระหน่ำฝึกยากพอๆกับวิชาขาขั้นสูง แต่เขาก็ฝึกมันได้ เขามีพลังเทียบเท่าพวกเราสิบศิษย์อสูรทีเดียว บอกว่าทีว่าเขามาจากที่ใดกัน?”
เซี่ยจิงหยูเห็นพ่อที่ดีใจก็เป็นสุข พ่อของนางจะต้องดีใจแน่ที่พบอัจฉริยะคนอื่นในสำนัก และนางก็มีความสุขเหมือนพ่อของนางเช่นกัน
ชายหนุ่มผมเงินยังคงหยิ่งยโส
“ไม่ใช่เรื่องแปลก ยังไงเขาก็แหลกคามือข้าอยู่ดี”
...
ในลานประลอง….
ครืน---
เมื่อเวลาผ่านไปความต่างของพลังก็ยิ่งมากขึ้น ฉินเฟิงทนร่างกายที่เริ่มแข็งตัวไม่ได้อีก เส้นผมและใบหน้าของเขาซีดเผือด
“ข้าจะไม่แพ้!”
ฉินเฟิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด เขาใช้พลังปราณและพลังกายอย่างเต็มที่
แต่ด้านของซือหยูยังคงเยือกเย็น เขาสงบราวกับวารีในสระน้ำ ตั้งแต่ต้น ซือหยูใช้แค่วายุกระหน่ำ เขายังไม่ได้ใช้วิชาอื่นใดเลย
ครืน---
ในที่สุดฉินเฟิงก็มิอาจทนวิชาวายุกระหน่ำได้อีก เขาถูกเตะเข้าอย่างจังที่ใบหน้าและกระเด็นออกนอกลานประลอง เขากระอักเลือดออกมาอย่างน่ากลัว
ฉินเฟิงพ่ายแล้ว! หลังจาก 50 กระบวนท่า เเขาได้พ่ายแพ้เป็นครั้งแรกในศึกราชาทองคำครั้งนี้
ซือหยูเดินไปที่ขอบลานประลองและเอามือไพล่หลัง เขาเห็นฉินเฟิงที่นอนกระอักเลือดอยู่ข้างล่าง
“เจ้าอ่อนแอเกินไป ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ”
ซือหยูพูดอย่างไม่ใสใจ
เขาชนะคนที่แย่งสตรีไปจากเขาได้แล้ว คนที่พยายามจะใส่ร้ายป้ายสีเขาหลายต่อหลายครั้ง คนที่เขาจะต้องเอาชนะให้จงได้
แต่ซือหยูไม่ได้รู้สึกถึงความสำเร็จใดๆ เมื่อก่อนฉินเฟิงคือศัตรูตัวฉกาจที่เขามิอาจรับมือได้ แต่ตอนนี้มันช่างง่ายดาย เขายังไม่ได้ใช้พลังปราณด้วยซ้ำ ชัยชนะเช่นนี้ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไรเลย
ดวงตาของเจียงซื่อฉิงเปล่งประกาย นางเอามือปิดปากด้วยความไม่เชื่อ เจ้าชายชุดม่วงแกร่งกว่าฉินเฟิง ตอนที่เขาพูดว่า “เจ้าอ่อนแอเกินไป” นั้นทำให้นางใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ชายชุดม่วงแข็งแกร่งเกินไปแล้ว! ราชาทองคำในสายตาของเขามีค่าเพียงคำว่า “อ่อนแอเกินไป”!
ในตอนนั้นชายชุดม่วงได้ถูกสลักอยู่ในใจของนาง ใจของนางถูกเขาคว้าเอาไว้ทั้งดวง
ฝูงชนอ้าปากค้าง บุรุษชุดม่วงลึกลับแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ ราชาทองคำอ่อนแอเกินไป! ในตอนนั้นเหล่าคนดูก็เริ่มสงสัยจนทนไม่ไหว เขาคือใครกันในสำนักแห่งนี้?
ฉินเฟิงแพ้ไปแล้ว เขาเงื่อนภายในใจก็ยังไม่ถูกคลาย
ซือหยูมองไปยังเส้นขอบฟ้า ยังรู้สึกเพียงว่าพลังของเขาเป็นเพียงจุดเล็กๆและยังไม่เพียงพอ
ฉินเฟิงเป็นลูกชายของดยุคฉิน ตระกูลฉินมีอำนาจอย่างมหาศาล
เจียงซื่อฉีชักสีหน้า เขาค่อยๆก้าวมาข้างหน้าอย่างระมัดระวัง เขาประสานมือและถาม
“ข้าขอทราบชื่อ….ของท่านได้หรือไม่?”
คำถามนี้ทำให้ทั่วทั้งโถงประลองตกอยู่ในความเงียบ
ติชมให้กำลังใจ กดไลค์แฟนเพจมาคุยกันได้เลยจ้าาา