DND.29 - ราชาแห่งศิษย์ทองคำ
ในตอนนี้ สิ่งที่นางต้องการรู้คือนามของผู้ที่ขโมยหัวใจของนางได้เป็นครั้งแรก
ที่มุมลานประลอง เซี่ยจิงหยูและชายหนุ่มผมเงิน และชายหนุ่มคิ้วหน้าตาโต ทั้งสามคนนั่งอยู่ตรงนั้น
“อาจารย์จิงหยู เด็กหนุ่มชุดม่วงนั่นใครกัน? ถ้าเขามีพลังระดับสี่แล้วทำไมข้าถึงไม่รู้จักเขา? ข้าเห็นศิษย์ทองคำ 10 อันดับแรกทุกคนแล้วนะ”
ชายหนุ่มคิ้วหนาถามด้วยความงงงวย
เซี่ยจิงหยูสงสัยเช่นกัน
“แปลกเสียจริง ข้าไม่คุ้นหน้าเขาเหมือนกัน แต่ข้ามั่นใจว่าเขาไม่ได้ศิษย์ทองคำ”
เซี่ยจิงหยูยังคงไม่รู้ว่านางเคยพบกันคนคนนี้มาก่อน แต่นางไม่เคยพบกับขุนนางแบบนี้มาก่อนแน่
ชายหนุ่มผมเงินยังคงหงุดหงิดตามเดิม
“ก็ยังเป็นขยะอยู่ดีนั่นแหละ!”
ตัวตนของชายหนุ่มชุดม่วงได้ทำให้ทุกคนสงสัย ไม่มีใครคุ้นหน้าเขาเลย! เขาทำให้ทุกคนสับสน! หลายคนถึงกับสับสนว่ามีศิษย์สำนักอื่นแอบเข้ามา
“เจ้าคิดว่าเขามาจากไหนกัน? เขาดูดีจริงๆ!”
เหล่าสาวๆต่างพูดคุยกันเมื่อได้เห็นซือหยู
“ข้าเขินจริงๆ!”
นางเอามือปิดหน้าและแอบมองเขาอย่างเขินอาย
พลังอันล้นหลาม รูปลักษณ์ที่ยากหาใครเทียบ และรังสีของขุนนางก็เพียงพอที่จะขโมยหัวใจของสตรีได้คนได้
สองคนที่นั่งอยู่บนเสาศิลาใกล้ซือหยูคือฉินเฟิงและฟางฉิงโจว พวกเขาช้ากว่าซือหยูเล็กน้อย
พวกเขาทั้งสองแข็งแกร่งที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย และเสาศิลานี้คือที่แสดงพลังของพวกเขา
ฉินเฟิงไม่พอใจ เขารู้ว่าทำไมเจียงซื่อฉิงถึงใจลอยมาตลอดสองวันที่ผ่านมา นางคิดถึงเพียงแต่เรื่องชายคนนี้!
“ข้าฉินเฟิง ขอข้ารู้นามท่านได้หรือไม่?”
ฉินเฟิงพูดอย่างสุภาพและประสานมือ เพราะอย่างไรอีกฝ่ายก็มีพลังระดับสี่
ซือหยูไม่ได้หันกลับไปมอง เขาตอบอย่างสุขุม
“สหายเก่าเจ้าไง”
สหายเก่าข้า? ฉินเฟิงนึกไม่ออกว่ามีเพื่อนคนไหนมีพลังเช่นนี้ และสถานะก็ดูเทียบเท่าเขา
ฟางฉิงโจวที่สับสนก็ถามออกมา
“ข้าไม่เคยเจอเจ้ามาก่อน เจ้าลักลอบเข้ามาจากสำนักอื่นใช่หรือไม่?”
ซือหยูไม่ตอบ เขาเห็นฟางฉิงโจวเป็นแค่คนโง่เท่านั้น การพูดกับเขาเพียงคำเดียวถือเป็นการดูหมิ่นตนเอง
“ฮื่ม! เจ้ากล้าหยาบคายเช่นนี้ต่อข้าเชียวหรือ? ก็ได้! หลังจากนี้เราจะได้รู้กันว่าเจ้าเก่งแค่ไหน”
ฟางฉิงโจวมองอย่างเกรี้ยวกราด
เขาเผลอไปมองที่มุมลานประลองอย่างไม่ตั้งใจ เขาพบตัวตนอันงดงามและเสียใจ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าโกรธแค้น
“อย่าให้ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นใครก็แล้วกัน!”
ฟางฉิงโจสกำหมัดแน่น
ถ้าไม่ใช่เพราะเขามาช่วยเซี่ยจิงหยู เขาก็จะได้นางไปครองแล้ว ถึงจะเป็นแค่นางไร้วิญญาณก็ตามที!
เจียงซื่อฉีมองซือหยูอย่างสงสัยหลายครั้ง แต่ก็ไม่รู้สึกว่าเป็นคนที่เขารู้จัก
ครืน---
เสียงความวุ่นวายดังมาจากประตู
ชายสามคนค่อยๆก้าวเข้ามาในโถงประลอง หนึ่งในนั่นคืออาจารย์เย่ผู้มีพระคุณกับซือหยู
แต่อาจารย์เย่ยืนอยู่ด้านหลังของกลุ่ม เขาเดินตามชายข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ชายคนนั้นดูสง่างามและใจดี เขาสวมชุดคลุมยาวสีขาวและผมดำปลิวไสว
เขาคือผู้อยู่เหนือสำนักนี้ เซี่ยหลินฉวน! พลังของเขาอยู่ในระดับเจ็ด และเป็นตำนานที่ยังมีชีวิตในโลกใบนี้
เหล่าศิษย์ต่างมองด้วยความเคารพนับถือ
เซี่ยหลินฉวนเป็นตัวตนในตำนานที่ศิษย์มากมายในสำนักใฝ่ฝันอยากจะเป็น แม้อย่างนั้น เขาก็ไม่ได้ยืนอยู่หน้าสุด
คนที่อยู่หน้าสุดคือชายวัยกลางคนที่น่าดึงดูด เขามีสายตาเยือกเย็น รังสีอันดุดันแผ่กระจายรอบตัวเขา แม้แต่คนที่แข็งแกร่งอย่างเซี่ยหลินฉวนก็อยู่ระดับต่ำกว่า
เขาหน้าเหมือนฟางฉิงโจวอย่างมาก!
ฟางฉิงโจวนั่งยิ้มอยู่ที่เสาศิลา ฉินเฟิงทั้งกลัวและให้ความเคารพ ในตอนนั้นเขาไม่กล้าแม้จะหายใจ
ชายทั้งสามนั่งลง เขาคือฟางหยุน พ่อของฟางฉิงโจว เขานั่งอยู่ตรงกลางสำหรับแขกผู้มีเกียรติ เซี่ยหลินฉวนและอาจารย์ใหญ่เย่นั่งข้างเขา
ซือหยูสงสัย
“นั่นพ่อของฟางฉิงโจวหรือเป็นลุงกัน? ใครกันที่มีตำแหน่งสูงขนาดนี้?”
เขาไม่เคยเห็นโลกภายนอกเขตเซี่ยนหยูมาก่อน เขาเห็นเพียงความกว้างใหญ่ของเซี่ยนหยูและหลายคนที่อยากจะเข้ามา ณ ที่แห่งนี้ คนที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขารู้จักคือเซี่ยหลินฉวนที่เป็นตำนาน
แต่ในตอนนี้เขาได้พบกับฟางหยุน เขาตระหนักได้ว่าโลกภายนอกช่างกว้างใหญ่ เซี่ยหลินฉวนมองเจียงซื่อฉีและพยักหน้าส่งสัญญาณ
เจียงซื่อฉียื่นมือและประกาศ
“การประเมินศิษย์ทองคำ เริ่มได้!”
การประเมินศิษย์ทองคำนั้นไม่ต่างจากของระดับเงิน ศิษย์ทองคำจะถูกแบ่งเป็น 10 กลุ่มตามระดับของตน และต่อสู้กันเพื่อเฟ้นหาผู้ที่แกร่งที่สุดมาประลองในรอบลองชนะเลิศและสุดท้ายจะได้สู้กับราชาทองคำ
เดือนก่อนซือหยูเคยคิดว่ามันน่าตื่นเต้นมากที่ได้ดูการประลองของเหล่าศิษย์ทองคำ แต่เมื่อแข็งแกร่งขึ้นแล้วความคิดนั้นก็หายไป
สามชั่วโมงถัดมา การประลองแบบกลุ่มได้จบลง รู้ตัวศิษย์ 10 อันดับแรกแล้ว
เซี่ยหลินฉวนถาม
“ท่านฟาง ท่านคิดว่ากลุ่มศิษย์ชุดนี้เป็นเช่นใด?”
ฟางหยุนมองศิษย์ทั้ง 10 และมองลูกชายของเขา เขาแอบยิ้ม
“พอใช้ได้”
เซี่ยหลินฉวนหัวเราะเบาๆ เย่ฉวนเพียงถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เราพยายามมาตลอดทั้งปี!”
ฟางหยุนจากวิหารศักดิ์สิทธิ์มีหน้าที่ดูแลสิ่งที่เกิดขึ้นในสำนักเหนือผู้ใด
เขาเป็นตัวแทนจากวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถลงโทษสำนักที่มีศิษย์อ่อนแอเกินไป ฟางหยุคมีพลังระดับเจ็ดเทียบเท่ากับเจ้าสำนัก
แต่ฟางหยุนมาจากวิหารศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งหมายความว่าเขามีอำนาจสูงกว่าอย่างมาก
ในสายตาคนธรรมดามองว่าสำนักคือสถานที่ที่ผู้มีพรสวรรค์มารวมตัวกันและไม่อยู่ในอำนาจวิหารศักดิ์สิทธิ์ แต่หารู้ไม่ว่าสำนักก็คือสาขาของวิหารศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง
ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ทุ่มเทในการบ่มเพาะพลังของคนทั้งโลก เขาจึงได้สร้างสำนัก 13 สำนักในแต่ละเขตของแคว้นเฟิงหลิน
เขายังส่งผู้ตรวจสอบ 13 คนมาทำหน้าที่ตรวจสอบสำนักอีกด้วย หากสำนักใดอ่อนแอจะมีการลงโทษ
ฟางหยุคมีพลังที่จะกำจัดใครก็ได้ในการบริหารสำนัก เขามาในวันนี้ก็เพื่อวัดพลังของกลุ่มศิษย์นั่นเอง
เมื่อได้ยินฟางหยุนที่ยอมรับ หลายคนก็โล่งใจ เพราะนั่นหมายความว่าพวกเขาผ่านการประเมิน
การต่อสู้ของ 10 อันดับแรกเริ่มขึ้นไปแล้ว ฟางฉิงโจวกับฉินเฟิงยังคงน่ากลัว พลังระดับสี่ของพวกเขาทำให้ชนะคู่แข่งในไม่ถึงสามกระบวนท่า
พวกเขามาถึงรอบรองอย่างมั่นคง ฟางฉิงโจวถูกจับคู่ประลองกับศิษย์ทองคำลำดับ 6
“ดัชนีแปดทิศต่อเนื่อง!”
ฟางฉิงโจวตะโกนและใช้วิชาบ่มเพาะระดับกลาง
ปั้ง ปั้ง ปั้ง-
เพียงสามครั้ง คู่ประลองก็กระอักเลือดออกมาและพ่ายแพ้
เซี่ยหลินฉวนประทับใจมาก
“ดัชนีแปดทิศเป็นวิชาระดับกลางที่พลังสูงมาก และยังต้องใช้สติปัญญาระดับสูงในการฝึกฝน ลูกชายของท่านที่ฝึกจนถึงระดับสองช่างสติปัญญาลึกล้ำ”
ฟางหยุนภูมิใจในตัวลูกชาย แต่ยังคงส่ายหัวด้วยความนอบน้อม
“ฉิงโจวยังคิดได้ไม่ดีนัก เขาคงไปได้ไม่ไกลหรอก”
ฟางฉิงโจวกลับมายังเสาศิลาและยั่วยุฉินเฟิง
“เฮ้ๆ ฉินเฟิง ได้ยินว่าเจ้าอยากจะได้ตำแหน่งราชาทองคำนี่นา เจ้าจะไปได้ซักกี่น้ำกัน อย่าทำให้ตัวเองอับอายต่อหน้าผู้หญิงของเจ้าล่ะ”
เมื่อพูดถึงเจียงซื่อฉิง ฟางฉิงโจวก็หันไปมองที่นาง เจียงซื่อฉิงคือหนึ่งในสามสาวงามแห่งสำนัก และเขาอยากจะได้นางมาครองเช่นกัน แต่ก็ถูกฉินเฟิงแย่งไปซะก่อน
เขาต่อกรกับลูกชายของดยุคฉินไม่ได้จึงต้องล้มเลิกความคิดไป
ฉิงเฟิงฝืนยิ้ม แต่ไม่ได้พูดสวนกลับ พ่อฟางหยุนของเขายังคงอยู่ที่นี่ ทั้งตระกูลของฉินเฟิงทำอะไรไม่ได้แน่
คำว่า “วิหารศักดิ์สิทธิ์” นั้นชี้ชะตาได้ทุกอย่าง
ฉินเฟิงเป็นที่นิยมชมชอบมาก หลายคนส่งเสียงให้กำลังใจเมื่อเขาไปยังลานประลอง ทุกองค์ประกอบของเขานั้นสมบูรณ์แบบมากที่จะทำให้เหล่าสาวๆชื่นชอบ
เจียงซื่อฉิงเป็นคนไม่กี่คนที่มองข้ามฉินเฟิงไปยังชายชุดสีม่วง นางไม่ละสายตาไปจากเขาเลย แม้ว่านางจะเป็นคนจริงจังนางก็ยังคงอ่อนเยาว์ หากใจของนางหวั่นไหว ความรู้สึกนั้นมันจะลึกไปจนถึงกระดูก
ฉิงเฟิงไม่พอใจนัก คู่ต่อสู้ของเขาคือศิษย์ทองคำลำดับห้า และยังมีอีกคนคือชายบนเสาศิลานั่น!
“ฝ่ามือรหันต์!”
ฉินเฟิงใช้ฝ่ามือเฉือนอากาศรอบๆ ทำให้เกิดเสียงระเบิดเบาๆ คู่แข่งของเขาล้มลงทันทีในการโจมตีเดียว เขากระอักเลือดและบาดเจ็บรุนแรง
เซี่ยหลินฉวนประหลายใจ
“ฉินเฟิงพัฒนาได้ดีเลย! เขามีพลังระดับสี่ขั้นกลางแล้ว! ฝ่ามืออรหันต์ก็ไม่ใช่วิชาที่สอนในสำนัก เขาจะต้องได้ตำรามาจากตระกูลฉินแน่ สติปัญญาเขาต้องสูงมาก!”
เซี่ยหลินฉวนไม่อธิบายมากเพื่อรักษาหน้าฟางหยุน
ในด้านพลัง ฝ่ามืออรหันต์กับดัชนีแปดทิศถือว่ามีพลังเทียบเท่ากัน แต่หากทั้งสองวิชาต้องมาสู้กันแล้ว ฉินเฟิงถือว่าได้เปรียบ
ฟางหยุนไม่พูดอะไร
ฉินเฟิงมีพลังระดับสี่ขั้นกลางแล้ว...เท่ากับฟางฉิงโจว!
ซือหยูใจฮึดสู้ขึ้นมาทันที การชนะฉินเฟิงเท่านั้นที่จะทำให้เขามีค่าขึ้นมาได้!
ไม่ว่าฉินเฟิงจะแกร่งยังไง แต่ข้า ซือหยู ข้าจะต้องตามเจ้าให้ทันจนได้!
เจียงซื่อฉีประกาศ
“การตัดสินราชาทองคำเริ่มขึ้นแล้ว! ฉินเฟิง ประลองกับ ฟางฉิงโจว!”
การประเมินศิษย์ทองคำเดินทางมาถึงจุดสุดท้ายแล้ว!
ติชมให้กำลังใจ กดไลค์แฟนเพจมาคุยกันได้เลยจ้าาา