บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 29 ยอดฝีมือ
ตอนที่ 29
ยอดฝีมือ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าท่านน้าไก่ฟ้าคงไม่อยู่ที่เมืองแห่งนั้นอีกแล้ว ต่อให้รวบรวมกำลังพลไปมากเท่าไหร่ก็คงไม่เจอตัวอย่างแน่นอน นอกเสียจากว่าจะบุกเข้าเขตอสูรโดยตรง ซึ่งเรื่องนั้นไป๋จูเหวินไม่คิดว่าหญิงสาวคนเมื่อครู่จะสามารถทำได้ แม้พลังของนางจะสูงส่งอย่างมาก แต่ก็ยังเทียบกับท่านน้าไม่ได้แม้แต่ตนเดียว
แต่ถึงจะเข้าใจว่าไม่มีเรื่องอะไรให้มันกังวล แต่ดวงตาของไป๋จูเหวินกลับยังเหม่อลอยอย่างไร้จุดหมาย ไม่ทราบทำไมมันถึงสลัดใบหน้าของหญิงสาวคนเมื่อครู่ออกจากความทรงจำไม่ได้ ขนาดอาหารถูกนำมาวางบนโต๊ะแล้วไป๋จูเหวินก็ยังไม่แตะเลยแม้แต่น้อย
“น้องไป๋ เจ้าเป็นอะไรไป”หยางเกาถามพลางมองตะเกียบของไป๋จูเหวินที่ยังคงวางนิ่งอยู่บนโต๊ะ
“ข้าไม่ค่อยหิวเท่าไหร่”ไป๋จูเหวินส่ายหัวพลางลุกขึ้นยืน
“ข้าขอออกไปเดินเล่นสักครู่นะ”ไป๋จูเหวินยิ้มเจื่อนๆพลางขอตัวออกจากร้านไป ดูเหมือนว่าหญิงสาวกับอสูรทั้งสองตนจะออกจากร้านไปแล้ว ทำให้ไป๋จูเหวินเดินออกจากร้านอย่างรวดเร็ว แต่พอมาคิดดูดีๆแล้วเหตุใดมันต้องออกมาจากร้านเพราะหญิงสาวคนเมื่อครู่ออกไปแล้วด้วยล่ะ?
หรือเพราะมันอยากเจอนาง.. แล้วทำไมมันต้องอยากเจอล่ะ หรือจะเพราะนางเป็นเช่นเดียวกับมัน เป็นผู้มีพลังวิญญาณและพลังอสูรในตัว ทำให้มันอดสนใจหญิงสาวไม่ได้
“พ่อหนุ่ม เจ้าจะไปไหนงั้นหรือ”เดินออกมาจากร้านอาหารไม่เท่าไหร่ อยู่ๆหญิงชราคนหนึ่งก็ทักไป๋จูเหวินขึ้นมาเสียก่อน หญิงชรานั่งอยู่บนโต๊ะที่ปูด้วยผ้าสีขาวตัดขอบทองดูสวยงาม บนโต๊ะปรากฏหล่อแกและกระบอกเซียมซีวางอยู่ หากไม่ใช่ไป๋จูเหวินแต่เป็นผู้อื่นที่มาเห็นย่อมรู้ดีว่าหญิงชราประกอบอาชีพเป็นหมอดูอย่างแน่นอน
“ข้า...”คำถามของหญิงชรากลับไม่ได้รับคำตอบ เพราะตอนนี้แม้แต่ไป๋จูเหวินเองยังไม่ทราบว่าตนออกมาทำไม
“ไหน ดูสิ”หญิงชราเดินออกมาจากโต๊ะของตนก่อนจะเข้ามาจับมือไป๋จูเหวินเอาไว้
“เจ้านี่ช่างโชคร้าย”หญิงชราพูดพลางมองไป๋จูเหวินด้วยสีหน้าสงสาร
“ทั้งๆที่หน้าตาหล่อเหลา แต่เจ้ากลับไร้ดวงด้านสตรี หญิงสาวที่เจ้าจะเจอมักมาพร้อมความหลอกลวง”คำทำนายของหญิงชราดูเลวร้าย หากเป็นคนอื่นคงจะด่าเช็ดไปแล้วเพราะดันทำนายเรื่องแย่ๆออกมาเสียได้ แต่สมาธิของไป๋จูเหวินไม่ได้อยู่ที่หญิงชราเลยแม้แต่น้อย นั่นเพราะมันสัมผัสได้ถึงพลังอสูรในบริเวณใกล้ๆ
“มาเถอะพ่อหนุ่ม เรื่องนี้เรามีทางแก้ไข เพียงเจ้าจ่ายข้าสัก 1 เหรียญทองข้าจะทำพิธีเสริมดวงชะตาให้เจ้า”หญิงชราพูดจบก็หันไปมองไป๋จูเหวิน เพียงแต่ไป๋จูเหวินกลับหายไปเสียแล้ว แม้แต่มือของหญิงชราก็คว้าได้เพียงความว่างเปล่า
ฟุบ! ร่างของไป๋จูเหวินทะยานขึ้นเหนือหลังคาบ้าน พร้อมมุ่งตรงไปยังกลิ่นอายของพลังอสูรที่มันสัมผัสได้ แต่ทันทีที่เข้าใกล้กลิ่นอายนั้น ขาของไป๋จูเหวินกลับชะงักลงเสียก่อน
“ไม่ใช่”ไป๋จูเหวินพูดพลางมองร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินอยู่ในตลาด เขามีพลังอสูรเบาบางอยู่ในร่าง แถมยังมีพลังวิญญาณอยู่ด้วยเช่นกัน ชายคนนั้นแต่งกายด้วยชุดสีดำ สวมหมวกฟางสีดำที่มีผ้าสีดำปิดใบหน้าจนมิด ที่อกของเขามีสร้อยเขี้ยวอสูรโผล่ออกมาจากผ้าปิดบังใบหน้า นั่นคือนักล่าอสูรอย่างที่พี่ชิงเคยบอกทุกระเบียบนิ้วเลยทีเดียว หรือนักล่าอสูรทุกคนจะเป็นผู้มีทั้งพลังวิญญาณและพลังอสูรในร่างกัน...
วูบ! ดวงตาของไป๋จูเหวินเปลี่ยนเป็นสีม่วง ก่อนจะมองรอบข้างด้วยความสงสัย ในเมืองกล้วยไม้หยกแห่งนี้ปรากฏพลังอสูรจำนวนมากอยู่ทั่วเมือง ไม่ว่าจะมองไปทางซ้ายหรือทางขวาต่างมีกลิ่นอายอสูรปรากฏออกมาอย่างเด่นชัด แต่ภายในพลังอสูรเหล่านั้นต่างก็มีพลังวิญญาณผสมอยู่ราวกับจะบอกว่าคนเหล่านั้นคือนักล่าอสูรอย่างที่ไป๋จูเหวินสงสัย
“เช่นนี้นี่เอง ที่แท้เหล่านักล่าอสูรก็เป็นผู้กลืนแก่นอสูรเข้าไป”ไป๋จูเหวินพูดพลางมองไปที่นักล่าอสูรที่อยู่ตรงหน้า แม้นักล่าอสูรจะมีพลังอสูรคู่กับพลังวิญญาณเช่นเดียวกับไป๋จูเหวิน แต่คนเหล่านี้ส่วนมากมีพลังอสูรแค่ในระดับเริ่มต้นเท่านั้น นั่นหมายความว่าพวกมันใช้เพียงแก่นอสูรระดับต่ำเพื่อเพิ่มความสามารถในการจับสัมผัสพลังอสูรได้เท่านั้น นี่คือเคล็ดลับวิธีตามล่าอสูรของพวกมันนี่เอง
ไป๋จูเหวินสัมผัสได้ถึงพลังอสูรมากมายในเมือง แต่ทุกจุดต่างเป็นพลังอสูรอ่อนๆที่ปนกับพลังวิญญาณเท่านั้น มีเพียง 3 จุดที่ต่างออกไป คาดว่าคงเป็นหญิงสาวที่ไป๋จูเหวินเจอในเหลาอาหารเป็นแน่ เพราะนอกจากข้างกายนางจะมีพลังอสูรของอสูรเลี้ยงทั้ง 2 แล้วตัวนางเอกยังมีพลังอสูรที่สูงกว่าคนทั่วไปหลายเท่า ทำให้ไป๋จูเหวินอดสงสัยไม่ได้ว่านางกลืนแก่นอสูรของอสูรชนิดใดเข้าไปกันแน่
ไม่ทราบทำไม เมื่อรู้ว่าหญิงสาวอยู่ที่ใดไป๋จูเหวินกลับเดินไปทางที่หญิงสาวอยู่โดยไม่รู้ตัว
“เจ้าเป็นใคร ไม่ใช่พวกเรานี่นา”ขณะเดินตามจุดพลังอสูร 3 จุดอยู่นั้น ไป๋จูเหวินลืมสังเกตไปเลยว่ารอบข้างมีพลังอสูรอีกหลายจุด แถมพวกเขายังเข้ามาขวางไป๋จูเหวินเอาไว้เสียอีก
“เจ้าเป็นคนจากหน่วยไหน ทำไมไม่สวมเครื่องแบบ”นักล่าอสูรคนหนึ่งถามพลางเข้ามาขวางไป๋จูเหวินเอาไว้ แม้พลังอสูรของคนเหล่านี้จะต่ำเตี้ยเรี่ยดิน แต่พลังวิญญาณของพวกเขากลับไม่ธรรมดาเลย บางทีพวกเขาแต่ละคนอาจจะมีพลังวิญญาณสูงกว่าเจ้าสำนักในเขตเล็กๆแห่งนี้ก็ได้
“ข้าแค่...”ไป๋จูเหวินไม่ทราบว่าจะตอบว่าอย่างไร ตัวมันยังไม่ทราบเลยว่าทำไมถึงตามหญิงสาวคนนั้นมา พอโดนถามเหตุผลเข้าก็ถึงกับพูดไม่ออก
“น่าสงสัย พาตัวมันไป”เพราะไป๋จูเหวินอยู่ระดับก่อกำเนิดขั้น 2 ทำให้เหล่านักล่าอสูรไม่มีความเกรงกลัวแต่อย่างไร พวกมันเข้ามาล้อมไป๋จูเหวินเอาไว้ก่อนจะเข้ามาจับตัว
วูบ! ไป๋จูเหวินหลบชายที่เข้ามาล็อกตัวจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว ตั๋วไป๋จูเหวินนั้นมองเห็นได้รอบตัว ไม่มีทางที่ใครจะเข้ามาด้านหลังได้เป็นอันขาด
“จับมัน”ชายอีกคนว่าพลางชักอาวุธของตนออกมาหมายจะจัดการไป๋จูเหวิน วินาทีนั้นดวงตาของไป๋จูเหวินแปลเปลี่ยนเป็นสีทอง มันเพียงมองวูบเดียวก็ทราบว่าดาบของชายตรงหน้าเป็นเพียงดาบธรรมดาที่สร้างจากเหล็กกล้า และหากมองให้ดีจะพบว่ามีจุดเปราะบางหลายจุดที่ดาบเล่มนั้น
เปรี้ยง! ไป๋จูเหวินออกกระบวนท่าที่มีอยู่ไม่กี่กระบวนท่าออกไปนั่นคือหมัดเคลื่อนภูผาที่ได้จากชั้นตำราของสำนักธารโลหิต แม้จะเป็นกระบวนท่าง่ายๆแต่ก็เป็นกระบวนท่าที่รุนแรงไม่น้อย ด้วยกำลังกายที่มากกว่าคนธรรมดาหลายเท่าและพลังวิญญาณที่อยู่ระดับก่อกำเนิดขั้น 2 ก็มากพอจะทำลายดาบธรรมดาสักเล่มได้อย่างเหลือเฟือ
“ดาบข้า”ชายคนนั้นคำรามพลางมองดาบที่แหลกละเอียดกลายเป็นเศษเหล็กด้วยสีหน้าตกตะลึง ร่างกายของไป๋จูเหวินหาใช่ร่างกายธรรมดาไม่ ผิวของมันเหนียวไม่ต่างจากหนังของสัตว์อสูร เพียงดาบธรรมดาที่ทำจากเหล็กไม่สามารถเจาะผ่านผิวหนังของมันได้
“อย่าทำเป็นเล่น แค่เด็กคนเดียวจับให้ได้ซะ”ชายอีกคนสั่งพลางมองลูกน้องของตนเองกำลังเล่นกับเด็กเพียงคนเดียว ทุกคนที่นี่ต่างเป็นสุดยอดฝีมือที่ถูกเรียกตัวมาปราบอสูรยักษ์ปริศนาที่โผล่มาในเมืองเล็กๆใกล้ๆเขตอสูร พวกมันจึงเป็นคนมีฝีมือทั้งสิ้น สิ่งที่ทำให้รูปการณ์เป็นเช่นนี้ เพราะพวกมันประมาทเห็นอีกฝ่ายเป็นเด็กอย่างไม่ต้องสงสัย
“ขะ ขอรับ”ชายที่โดนทำลายดาบไปพูด ก่อนจะโยนด้ามดาบทิ้งไป เพราะเห็นอีกฝ่ายเป็นแค่เด็กมันจึงเอาออกมาเพียงดาบเหล็กธรรมดาเท่านั้น คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าหนุ่มนี่จะต่อยจนแตกละเอียด แต่เมื่อหัวหน้าบอกให้พวกมันเอาจริงได้แล้วมันจึงเรียกดาบประจำตัวออกมาจากแหวนมิติ
“...”ดวงตาสีทองของไป๋จูเหวินเบิกกว้างด้วยความตกใจ โลหะที่ใช้ทำดาบเล่มนั้นแตกต่างจากโลหะที่ใช้ทำดาบเล่มที่แตกไปอย่างสิ้นเชิง หากเป็นดาบเล่มนี้ย่อมเฉือนเนื้อหนังมันได้อย่างไม่ต้องสงสัย นักล่าอสูรย่อมมีอาวุธที่ปราบอสูรได้เรื่องนั้นสมควรเป็นเรื่องปกติ
วูบ!! ดาบของชายคนนั้นพุ่งวาบมาทางไป๋จูเหวิน ทำให้ดวงตาของไป๋จูเหวินเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที เมื่อรู้แน่ชัดแล้วว่าดาบเล่มนี้มันไม่สามารถทำลายได้ไป๋จูเหวินก็มีแต่ต้องหลบเท่านั้น
ฟุบ!! ดาบของชายคนนั้นตัดผ่านเสื้อของไป๋จูเหวินไปอย่างหวุดหวิด มันเพียงกรีดเอาแต่เสื้อของไป๋จูเหวินไปเท่านั้น เพียงแต่เสื้อสีขาวด้านในป้องกันร่างของมันเอาไว้ไม่ให้ถูกทำร้าย มันย่อมเป็นใยของอสูรแมงมุมที่แม้แต่ดาบเล่มนี้ก็ตัดไม่ขาด
ผลัก! ไป๋จูเหวินใจสั่นสะท้านยิ่ง คนเหล่านี้แข็งแกร่งเกินกำลังของมันจริงๆ ไป๋จูเหวินจึงไม่มีทางเลือกต่อยหมัดใส่ร่างของชายตรงหน้าอย่างแรง แต่ด้วยกำลังกายและพลังวิญญาณระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 2 กลับไม่สามารถทำอะไรชายตรงหน้าได้เลย
ซูม!! เห็นได้ชัดว่าพลังตอนนี้ไม่เพียงพอ ไป๋จูเหวินจึงปลดปล่อยพลังอสูรออกมาทำเอาเหล่าชายรอบๆต่างประหลาดใจกันอย่างมาก เพราะพลังอสูรของไป๋จูเหวินแข็งแกร่งกว่าพลังวิญญาณมากมายนัก ตัวพวกมันที่ใช้เพียงแก่นอสูรระดับต่ำเพื่อเพิ่มความสามารถตรวจจับอสูรไม่สามารถระบุได้ว่าพลังอสูรของเด็กหนุ่มคนนี้อยู่ขั้นไหน….
“หยวนหยวน เป็นเด็กหนุ่มคนนั้นจริงๆ”หมิงฮุ่ยพูดพลางมองลงมาจากหลังคาที่อยู่ไกลออกไป พวกมันได้ยินเสียงการต่อสู้จึงลองมาดูว่ามีเรื่องอะไร แต่กลับกลายเป็นว่าลูกน้องของเจ้านายตนกำลังจับตัวเจ้าหนุ่มที่มันเจอในเหลาอาหารเสียอย่างนั้น
“นอกจากคุณหนูแล้ว ก็มีเด็กคนนั้นนั่นละที่พลังอสูรมากมายถึงเพียงนี้”หยวนหยวนอสูรแมวพูดพลางใช้ดวงตาสีฟ้ามองไปทางไป๋จูเหวิน เหล่านักล่าอสูรส่วนใหญ่จะกลืนแก่นอสูรระดับต่ำเพื่อทำให้ตนเองสามารถตรวจจับพลังอสูรได้ เพราะหากกลืนแกนอสูรที่มีระดับสูงมากๆจะกลายเป็นฆ่าตัวตายไป มนุษย์ที่มีพลังอสูรระดับกลางขั้น 8 เช่นนี้นับว่าหายากจริงๆ
(*ระดับของอสูรมีหน่วยวัดไม่เหมือนกัน ไป๋จูเหวินตอนนี้อยู่ระดับ เงิน ขั้น 6 แต่วัดตามเขจแดนมนุษย์จะอยู่ระดับกลาง ขั้น 8 )