ประกาศิตรัก : ตอนที่ 63-64 : ที่รักของเธอ หนามที่ทิ่มแทงเขา (3-4)
ตอนที่ 63 – ที่รักของเธอ หนามที่ทิ่มแทงเขา (3)
ซูซินเหยินเปิดฝักบัวด้วยระดับน้ำแรงสุด.. แล้วราดไปที่ซ่งจิงเฉินจนเปียกไปทั้งตัว เขาหยิบขวดแชมพูมาและเทลงไปบนหัวของซ่งจิงเฉินเกือบครึ่งขวด แล้วฉีดน้ำตามลงไปจำนวนมาก จนห้องน้ำทั้งห้องเต็มไปด้วยฟองสีขาว..
ระหว่างที่ซูซินเหยินสระผมให้กับซ่งจิงเฉิน เขาก็ได้ยินคำพูดที่ดังแทรกผ่านสายน้ำมา “พี่ยี่หนาน..” มือของเขาที่กำลังเกาศรีษะให้ซ่งจิงเฉินเกร็งและเกาแรงขึ้น.. ซ่งจิงเฉินคร่ำครวญด้วยความเจ็บ ซูซินเหยินทำเป็นไม่สนใจแต่ยังคงเกาศรีษะเธออย่างแรงราวกับจะถลกหนังหัวเธอ
ซ่งจิงเฉินเจ็บมาก จึงผลักหน้าอกของซูซินเหยินด้วยความไม่พอใจ..
แม้แรงผลักของเธอจะไม่ได้รุนแรงนัก แต่เพราะยาสระผมที่นองเต็มพื้นทำให้พื้นลื่นมาก ซูซินเยินจึงไถลออกไปค่อนข้างห่าง..
ซ่งจิงเฉินจึงอาศัยจังหวะนี้วิ่งหนีออกไปจากห้องน้ำทันที ทั้งที่ร่างกายยังเต็มไปด้วยยาสระผม ซูซินเหยินรีบคว้าข้อมือของเธอไว้แล้วดึงกลับไปที่ฝักบัว..
ซ่งจิงเฉินดิ้นรนไปมาไม่ยอมอาบน้ำราวกับคนกำลังถูกทรมาน เธอดิ้นพราดๆอยู่ในเงื้อมมือของเขา และหลายครั้งที่เธอเกือบจะลื่นและล้มลงไปที่พื้น
ความอดทนของซูซินเหยินเหลือน้อยเต็มที.. เขาตะโกนใส่ซ่งจิงเฉินด้วยความโกรธ “ยืนนิ่งๆ.. ไม่งั้นผมจะต่อย..”
และยังไม่ทันที่เขาจะพูดคำว่า “คุณ” ออกมา.. ซ่งจิงเฉินก็พุ่งเข้าไปที่หน้าอกของเขา และกัดเข้าไหล่เขาอย่างแรง ซูซินเหยินสะดุ้งด้วยความเจ็บ มือของเขาที่ยกขึ้นเพื่อโต้ตอบตามสัญชาติญาณนั้น ชะงักอยู่กลางอากาศ และยืนนิ่งให้เธอฝังรอยฟันไปที่ผิวหนังอย่างเงียบๆ
ซ่งจิงเฉินกัดเข้าไปอย่างแรง.. ราวกับว่าเธอต้องการปลดปล่อยความเครียดและความโศกเศร้าทั้งหลายไปพร้อมกับแรงกัดนั้น ซูซินเหยินรู้สึกได้ถึงเลือดที่กำลังไหลออกมาจากไหล่..
แต่ถึงอย่างนั้น.. เขาก็ไม่แสดงความเจ็บปวดใดๆออกมา ผ่านไปชั่วครู่.. ซ่งจิงเฉินก็สงบและซุกหน้าไปที่หน้าอกของเขาแล้วเริ่มสะอึกอื้น..
เธอสะอื้นเบาๆราวกับกำลังร้องไห้ให้ตัวเอง เสียงร้องไห้ของเธอเบามากจนเสียงน้ำกลบไว้หมด แต่ด้วยความสามารถพิเศษของซูซินเหยิน ทำให้เขาได้ยินอะไรบางอย่างได้ชัดเจน
เสียงร้องไห้ของเธอ.. ทำให้ดวงตาของซูซินเหยินปรากฏร่องรอยแห่งความเศร้าและความเจ็บปวด เขาเอื้อมมือที่ชะงักอยู่เมื่อครู่ดึงตัวเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขา ซ่งจิงเฉินที่ยังคงอยู่ในอาการเมาก็ไม่ได้ดิ้นหนีอะไร..
เธอร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเขาอยู่นานก่อนจะเงียบไปในที่สุด จากนั้นเธอก็พึมพำออกมา “พี่ยี่หนาน”
ซูซินเหยินกระชับอ้อมแขนที่โอบเธอไว้ให้แน่นขึ้น จ้องมองไปยังสายน้ำที่กำลังไหลออกมาจากฝักบัว ดวงตาของเขาหรี่ลงขณะที่กำลังใช้พลังควบคุมจิตใจของเธอให้เปลี่ยนจากการเรียก “พี่ยี่หนาน” มาเป็น “ซูซินเหยิน” แทน
“ซูซินเหยิน...”
“ซูซินเหยิน...”
“ซูซินเหยิน...”
สายน้ำยังคงไหล และคำว่า “ซูซินเหยิน” ที่ออกจากปากของหญิงสาวก็เต็มไปด้วยความรักและเสน่หา..
ลึกลงไปในจิตใจ.. เขารู้ดีว่านี่เป็นเพียงสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมาจากพลังเหนือธรรมชาติของเขา คำว่า “ซูซินเหยิน” ที่เขาได้ยินอยู่นั้น จริงๆแล้วก็คือคำว่า “พี่ยี่หนาน” นั่นเอง
เขาสามารถอ่านใจของเธอได้อย่างง่ายดาย.. ในเวลาที่เปราะบางเช่นนี้ มีเพียงชื่อของจินยี่หนานเท่านั้นที่จะเติมเต็มหัวใจเธอได้ เธอไม่มีที่เหลือสำหรับคนอื่นอีกแล้ว..
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ซูซินเหยินมั่นใจว่าหญิงสาวได้นอนหลับไปบนหน้าอกของเขาแล้ว เขาจึงวางเธอเบาๆลงนอนบนพื้นห้องน้ำ และค่อยๆใช้น้ำทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อยู่บนร่างกายของเธอ จากนั้นก็ค่อยๆใช้ผ้าขนหนูเช็ดตัวเธอจนแห้ง ก่อนจะอุ้มไปวางไว้บนเตียงอย่างเบามือ
ตอนที่ 64 – ที่รักของเธอ หนามที่ทิ่มแทงเขา (4)
เมื่อซูซินเหยินวางร่างของซ่งจิงเฉินลงบนเตียงแล้ว เขาก็นั่งลงข้างๆเธอ และจ้องมองร่างที่หลับของเธออยู่เงียบๆ มือของเขาที่เอื้อมไปที่ใบหน้าสวยงามนั้นได้เองราวกับมีจิตใจ..
แต่แล้วก็หยุดนิ่งอยู่ห่างจากใบหน้าของเธอเพียงหนึ่งเซ็นติเมตร.. นิ้วมือของเขาสั่นราวกับกลัวที่จะแตะต้องเธอ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เอื้อมมือไปจับที่คางของเธออย่างนุ่มนวล
แม้ใบหน้าของเขาจะดูเย็นชาและห่างเหิน แต่ดวงตาที่จับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเธอนั้นกลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ความสงบเยือกเย็นที่อยู่ลึกเข้าไปในดวงตาของเขาค่อยๆเปลี่ยนเป็นความหลงใหล และความรักอย่างสุดหัวใจ อารมณ์ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอนั้นช่างงดงามราวกับทะเลที่อยู่ภายใต้ดวงดาวที่สุกใส แต่ความสวยงามเหล่านั้นก็แฝงไว้ด้วยความเสียใจที่ไม่อาจทัดทานได้
มีเพียงเวลาที่เขาอยู่ตามลำพังเท่านั้น.. ที่เขาจะกล้าเผยความรู้สึกรักจนสุดหัวใจ ความหลงใหล ความกลัว และความเสียใจที่เขามีต่อเธอออกมาได้.. –ซ่งจิงเฉิน..คุณรู้หรือไม่.. ว่าผมรักคุณมากแค่ใหน?-
......
ซูซินเหยินสัมผัสผิวที่นุ่มนวลของเธอเป็นวงกลมไปมาอย่างเบามือ.. แล้วความทรงจำในอดีตก็ค่อยๆปรากฏขึ้น..
.....
ในวัยเพียงเจ็ดขวบที่เขาเริ่มตระหนักว่าเขาแตกต่างจากคนอื่น.. เขามักได้ยินเสียงที่คนอื่นไม่ได้ยิน และนั่นทำให้โลกของเขาเป็นโลกที่เต็มไปด้วยเสียงประหลาด แม้กระทั่งตอนกลางคืน เขามักจะตื่นขึ้นมาเพราะเสียงที่ดังอยู่รอบตัวเขา
ในเวลานั้น.. เขาเริ่มมีความคิดว่าชีวิตเป็นเรื่องที่หนักหนาสำหรับเขา หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตของเขาเริ่มไม่สวยงามเหมือนเมื่อก่อน
อย่างเช่น.. คู่รักคู่หนึ่งที่อาศัยอยู่ชั้นบนตีกันกลางดึก ต่อหน้าคนอื่นเขาก็ยิ้มแย้มให้กัน แต่ลับหลังพวกเขามักจะพูดคำพูดสกปรกใส่กัน ดูถูกเหยียดหยามกัน
แต่นั่นเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น.. เพราะเมื่อเขาพบว่าตนเองสามารถอ่านใจผู้อื่นได้ผ่านการสัมผัส บทเรียนที่แท้จริงก็เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น หากเปรียบเทียบกับสิ่งที่เขาได้ยินแล้ว การอ่านใจคนได้นั้น กลับทำให้เขาเห็นความน่าเกลียดในจิตใจของมนุษย์
และยิ่งไปกว่านั้น.. มันทำให้เขาได้รับรู้ความลับด้านมืดของคนในครอบครัวอีกด้วย
เขาได้รู้ว่าป้าของเขาขโมยเงินเดือนของแม่ เขาได้รู้ว่าลุงของเขาพยายามจะขับไล่เขาและแม่ออกไปจากบ้านของคุณปู่ และรู้ว่าคุณย่าของเขาที่ชอบทั้งเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง ได้ทิ้งมรดกไว้ให้ลุงของเขาถึง 500,000 หยวน
หลังจากนั้น.. เขาก็เริ่มรู้ความลับของผู้คนที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียง
เขาได้รู้ว่าผู้ชายที่อยู่ห้อง 502 นั้นติดยาเสพติด เขารู้ว่าผู้ชายที่อยู่ชั้นหนึ่งแอบชอบแม่ของเขา และรู้ว่าป้าซันที่ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนสนิทของแม่เขา ชอบเอาเรื่องของแม่เขาไปนินทากับเพื่อนบ้านเสมอ..
ในเวลานั้น.. เขายังเด็กมาก และยังไม่รู้จักการปกป้องตัวเอง เมื่อเขาได้ล่วงรู้ความคิดใด เขาก็มักจะโพล่งออกไปตรงๆ
แต่ถึงอย่างไร.. ผู้ใหญ่ก็มักจะมีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย แม้สิ่งที่พวกเขาคิดจะถูกเปิดเผย แต่พวกเขาก็มักหาเหตุผลมาปกป้องตัวเองได้เสมอ และลึกลงไปในจิตใจของพวกเขา เงินเท่านั้นคือความถูกต้อง
แม้คนพวกนั้นจะอยากรู้ว่าเขาสามารถอ่านความคิดของพวกเขาได้อย่างไร แต่นอกเหนือจากนั้น.. คนพวกนั้นทั้งกลัวและเกลียดเขามากกว่า พวกเขาจึงเริ่มคิดหาวิธีที่จะกำจัดเขาออกไป
คนพวกนั้นเริ่มด้วยการพยายามจะไม่คบค้าสมาคมกับเขา และเริ่มเรียกเขาว่าปีศาจ แต่หลังจากนั้น เขาก็ไม่รู้ว่าใครกันที่เริ่มเรียกเขาว่า -คนบ้า- เป็นคนแรก แล้วคนอื่นๆที่กลัวเขาก็พากันเรียกตาม..
คำพูดและความคิดแม้จะจับต้องไม่ได้ แต่ก็มีพลังมหาศาล จนแม้แต่แม่ของเขาเองที่คอยปกป้องเขาเสมอมา ก็เริ่มเห็นด้วยว่าเขามีอาการป่วยทางจิต และพาเขาไปหาหมอเพื่อรักษา เธอทำตามที่หมอคนหนึ่งแนะนำ ด้วยการส่งเขาเข้าบำบัดที่โรงพยาบาลจิตเวชถึงสามเดือน
เขารู้ดีว่าที่เธอทำอย่างนั้นเพราะต้องการให้เขาหายดี เพราะเธอเชื่อว่าเขาป่วยจริงๆ..