EG บทที่ 233 คนรุ่นที่สองผู้ใจดีจากเคียฟ
ก่อนที่เฝิงหยู่จะเผลอหลับไป พนักงานต้อนรับก็มาเคาะประตูและบอกเขาว่าเครื่องกำลังจะลงจอดแล้ว ซึ่งเฝิงหยู่ต้องกลับไปนั่งที่เก้าอี้เพื่อคาดเข็มขัดนิรภัย
พนักงานต้อนรับยังเป็นคนเดิม และก็ยิ้มหวานให้เฝิงหยู่ เฝิงหยู่รู้สึกอายและเดินกลับไปยังที่นั่งของเขา
คิริเลนโกมองหน้าเฝิงหยู่ จากสีหน้าท่าทางของเฝิงหยู่ เขาไม่รู้จริงๆ ว่าตอนนี้เฝิงหยู่กำลังอยู่ในอารมณ์ไหนและไม่รู้ว่าเฝิงหยู่สนใจพนักงานต้อนรับคนนั้นหรือเปล่า
เครื่องบินลงจอดที่สนามบินทหาร เมื่อเดินออกจากเครื่องบิน พวกเขาก็เห็นคนรุ่นที่สองจากเคียฟยืนรออยู่ด้านล่าง ชื่อของเขาจำได้ยากมาก แม้ว่าเฝิงหยู่ก็เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนสองสามครั้ง แต่เขาก็จำชื่อเต็มไม่ได้อยู่ดี เขาจำได้แค่ว่าชื่อของเขามีคำว่า “เคอ” อยู่ด้วย ดังนั้นเฝิงหยู่จึงเรียกเขาว่าพี่เคอ
พี่เคอมีความทะนงตัวมากกว่าคิริเลนโก และถ้าเฝิงหยู่ไม่ได้เจอกับคิริเลนโกมาก่อน เฝิงหยู่ก็คงจะเป็นเพื่อนที่ดีกับเขา แต่ตอนนี้มีแค่คิริเลนโกคนเดียวก็พอแล้ว เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลาย และแม้ว่าพ่อของคิริเลนโกจะไม่ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง แต่สถานะของคิริเลนโกก็ยังสูงกว่าพี่เคออยู่ดี
นอกจากนี้ เฝิงหยู่ไม่เคยได้ยินชื่อของพี่เคอมาก่อนด้วย บางทีเขาอาจจะเป็นคนสำคัญในกองทัพยูเครนในอนาคตก็ได้ แต่หลังจากที่สหภาพโซเวียตล่มสลาย ยูเครนจะเอาอะไรมาเทียบกับรัสเซีย? ยิ่งไปกว่านั้น คิริเลนโกพาเฝิงหยู่มาที่ยูเครนเพื่อขอเงินกู้ด้วย หลังจากการกู้ยืมเงินครั้งนี้ พวกเขาก็จะไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีกต่อไป
“คิริเลนโก เฝิง ยินดีต้อนรับสู่เคียฟครับ” พี่เคอกอดต้อนรับทั้งสองคน หืมมม..แรงกอดของเขาเบากว่าคิริเลนโกเยอะ
พี่เคอเป็นคนที่มีสถานะทางสังคมสูงกว่าคิริเลนโก ดูได้จากรถยนต์ที่เขาใช้ยี่ห้อโรลส์-รอยซ์ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเจ้าหน้าที่ทหารของสหภาพโซเวียตที่ทุจริตมีอยู่มากขนาดไหน!
ยังไม่ถึงเที่ยงเลยด้วยซ้ำตอนที่พวกเขาเดินทางมาถึง แต่พี่เคอก็พาพวกเขาไปภัตตาคารแล้ว บางทีนี่อาจจะเป็นธรรมเนียมในการต้อนรับแขกของสหภาพโซเวียตก็ได้
เฝิงหยู่บ่นในใจ กินข้าวเที่ยงตอนนี้เนี่ยนะ? นั่นหมายความว่าเขาต้องดื่มอีกแล้วหรอ ผมยังไม่หายสร่างเมาจากเมื่อวานเลย ทำไมคนโซเวียตถึงได้ชอบดื่มกันมากขนาดนี้?
“พี่เคอครับ อายุผมยังไม่ถึงเกณฑ์เลย และในประเทศผม ผมยังไม่ได้รับอนุญาตให้ดื่มเลย แต่ที่นี่คือสหภาพโซเวียตและผมก็เคารพในธรรมเนียมของพวกพี่ที่นี่ ถ้างั้นผมขอดื่มนิดเดียวพอนะครับ” เฝิงหยู่เริ่มหาข้อแก้ตัว เขาเมามาตั้งแต่เมื่อวานตอนที่ดื่มกับคิริเลนโกแล้ว
“ฮ่าๆๆ คิริเลนโก นายบังคับให้เฝิงดื่มกับนายเมื่อวานใช่มั้ย? ไม่เป็นไรๆ พี่เตรียมไวน์แดงจากฝรั่งเศสเอาไว้ให้ ซึ่งมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ต่ำมาก ที่นี่เป็นภัตตาคารอาหารฝรั่งเศส เรามากินอาหารฝรั่งเศสให้อร่อยกันเถอะ”
เฝิงหยู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก พี่เคอและคิริเลนโกเป็นคนที่มีนิสัยต่างกันจริงๆ แต่ละคนดูได้จากวิธีการใช้จ่ายเงิน คิริเลนโกเป็นคนรัสเซียธรรมดาทั่วไป ส่วนพี่เคอออกแนวพวกชั้นชั้นสูงของยุโรปมากกว่า บางทีครอบครัวของเขาอาจจะเป็นคนชั้นสูงของยูเครนของได้
วิถีชีวิตของคนรัสเซียและคนยูเครนต่างกันมากแม้ว่าพวกเขาจะมาจากสหภาพโซเวียตเหมือนกันก็ตาม บางทีประเทศพันธมิตรที่เหลืออาจจะเป็นแบบนี้เหมือนกันก็ได้ และนี่อาจจะเป็นหนึ่งในเหตุผลของการล่มสลายของสหภาพโซเวียต
เฝิงหยู่รู้สึกโล่งอกที่เห็นไวน์แดง เขาเตรียมตัวที่จะกินอาหารมื้อกลางวันนี้อย่างเอร็ดอร่อย
“เฝิง ไวน์แดงตัวนี้รสชาติเหมือนน้ำองุ่นเลย มาๆ เรามาดื่มหมดแล้วกัน!” คิริเลนโกตะโกน และเฝิงหยู่ก็ตื่นจากภวังค์กลับมาสู่โลกแห่งความจริง
ให้ตายสิ พวกเราดื่มกันช้าๆ ไม่ได้หรือไง?
เฝิงหยู่ยกแก้วขึ้นเพื่อจิบดื่มไวน์อย่างช้าๆ ส่วนคิริเลนโกนั้น ดื่มรวดเดียวหมดแก้วเลย หลังจากที่คิริเลนโกดื่มไวน์เสร็จ เขาก็สังเกตเห็นเฝิงหยู่ที่ดื่มเพียงเล็กน้อย
“ฮ่าๆๆๆ คิริเลนโก ไวน์แดงกับวอดก้ามันต่างกัน นายต้องค่อยๆ ดื่มเพื่อดื่มด่ำรสชาติ ดูเฝิงหยู่สิ เขารู้วิธีการดื่มไวน์นี้” พี่เคอหัวเราะ
เฝิงหยู่จะไปรู้เรื่องอะไร? แม้ว่าเฝิงหยู่จะเคยดื่มไวน์แดงมาแล้วหลายครั้งเมื่อชาติที่แล้วของเขา แต่เขาก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับไวน์แดงหรือวิธีการดื่มด่ำกับรสชาติของไวน์แดงเลย เขายังเคยทำเรื่องโง่ๆ ด้วยการผสมสไปร์ทลงในไวน์แดงก่อนดื่มด้วยซ้ำ!
แต่เมื่อเทียบกับคิริเลนโก เฝิงหยู่ยังรู้เยอะกว่ามาก และเขาก็น้อมรับคำชมของพี่เคอ
คิริเลนโกตอบอย่างไม่พอใจ “หึ ไวน์นี้ไม่เห็นมีรสชาติอะไรเลย นายมีวอดก้ามั้ย? ขอฉันขวดนึงทีสิ”
ถ้าเป็นสมัยก่อน คิริเลนโกจะไม่ทำทีท่าแบบนี้ต่อหน้าพี่เคอ สถานะทางสังคมของพี่เคอสูงกว่าคิริเลนโกเยอะมาก แต่หลังจากที่ทำการค้าเครื่องจักรและเทคโนโลยีอุตสาหกรรมกับเฝิงหยู่ บวกกับพ่อของเขาที่เข้าร่วมฝ่ายเยลต์ซิน ทำให้คิริเลนโกรู้สึกว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องสุภาพมากกับพี่เคออีกต่อไป เขายังวางแผนที่จะกำจัดพี่เคอออกจากธุรกิจพวกเขาด้วย และไปทำการค้ากับชาวจีนด้วยตัวเอง
ครั้งนี้คิริเลนโกเลือกธนาคารของเคียฟหลังจากที่พิจารณาในหลายๆ ด้านอย่างหนัก ประเด็นแรกก็คือเขาอยากแสดงมิตรภาพของเขากับเฝิงหยู่ให้พี่เคอได้เห็น เขาอยากโชว์ว่าเขาเป็นคนแรกที่เฝิงหยู่หันเข้าหาในยามที่ต้องการความช่วยเหลือ ประเด็นที่สองก็คือเขารู้สึกว่าเงินกู้ที่เฝิงหยู่ต้องการนั้นมีจำนวนสูงมาก ถ้าเฝิงหยู่ผิดนัดการชำระหนี้ ก็จะเป็นธนาคารของยูเครนที่จะต้องเดือดร้อน ซึ่งไม่ใช่ธนาคารของรัสเซีย ประเด็นสุดท้ายก็คือเขาอยากลากพี่เคอลงจากสถานะที่สูงส่งด้วยธนาคารนี้ ถ้าเกิดอะไรผิดปกติขึ้น พี่เคอจะต้องเป็นคนที่รับผิดชอบทั้งหมด
พี่เคอมองหน้าคิริเลนโกและขมวดคิ้ว เขาสั่งให้ลูกน้องไปเอาวอดก้ามาหนึ่งขวด เขารู้สึกว่าคิริเลนโกแบ่งกำไรให้เขาน้อยลงในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา เขาอยากให้คิริเลนโกดื่มเยอะๆ และเมาไปเลย แบบนี้เขาจะได้คุยกับเฝิงหยู่เรื่องการค้าและดูสิว่าคิริเลนโกแอบเอาส่วนแบ่งกำไรของเขาไปหรือเปล่า!
คิริเลนโกดื่มวอดก้าอยู่คนเดียว แต่เขาก็ยังคอยฟังเรื่องที่เฝิงหยู่และคิริเลนโกคุยกัน แต่พวกเขาก็คุยกันแต่เรื่องที่ไม่ได้สำคัญอะไร เช่น งานอดิเรกและเรื่องที่สนใจทั่วไป
คิริเลนโกดื่มวอดก้าจนหมดขวดภายในเวลาเพียงไม่นาน เฝิงหยู่และพี่เคอยังดื่มไวน์แดงไม่หมดขวดเลยด้วยซ้ำ
สเต็กสไตล์ฝรั่งเศสและหอยทากรสชาติดีมาก แต่ปริมาณอาหารน้อยไปนิดนึง เฝิงหยู่รู้สึกว่าเขาอิ่มแค่ 60% เอง เขาสงสัยว่าทำไมคิริเลนโกถึงกินน้อยมากเมื่อเทียบกับขนาดตัวของเขา ถ้าเป็นเหวินตงจวิน เขาคงจะสั่งสเต็กมากกว่าสองชิ้นแน่ๆ เฝิงหยู่รู้สึกเขินที่จะสั่งอาหารเพิ่ม อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อกินอาหารกลางวัน แต่เขามาคุยเรื่องสำคัญกันมากกว่า
พี่เคอเหลือบมองคิริเลนโกและเห็นว่าคิริเลนโกเมาแล้ว เขาแอบหัวเราะในใจ มีเงินแค่นิดหน่อยนายก็คิดว่าตัวเองเก่งแล้วงั้นหรอ? ถ้าฉันรู้ว่านายแบ่งกำไรให้ฉันน้อยลงกว่าจำนวนที่ฉันควรจะได้ล่ะก็ นายเดือดร้อนหนักแน่ๆ!
“เฝิง พี่ได้ยินมาจากคิริเลนโกว่าบริษัทของนายมีปัญหานิดหน่อยและต้องการเงินกู้หรอ?”
เฝิงหยู่กำลังกินของหวานอยู่และพยักหน้า “ใช่ครับ ผมต้องการเงินจำนวนนึง”
เฝิงหยู่คิดในใจ มันไม่ใช่เพราะว่าบริษัทมีปัญหาหรอก แต่เป็นเพราะตัวผมเนี่ยแหละที่ไม่อยากพลาดโอกาสนี้ ถ้าเขาได้เงินกู้เป็นสกุลเงินรูเบิ้ลจากสหภาพโซเวียตตอนนี้ เงินรูเบิ้ลจะอ่อนตัวลงอย่างมากในอีกสองสามข้างหน้า และแม้ว่าเขาจะไม่ได้เอาเงินนั้นไปลงทุนอะไร เขาก็ได้กำไรเยอะอยู่ดี!
“นายอยากได้กี่รูเบิ้ล” พี่เคอถาม
เฝิงหยู่รู้สึกงง คิริเลนโกไม่ได้บอกเขาหรอ?
“พี่เคอ คิริเลนโกบอกผมว่าผมต้องได้รับความช่วยเหลือจากพี่ในการขอเงินกู้ครั้งนี้ บริษัทผมมีสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพียงแค่ 30 รูเบิ้ลเท่านั้น พี่จะช่วยกู้เงินให้ผมได้เท่าไหร่ครับ?”
พี่เคอพูดด้วยความเย่อหยิ่ง “พี่ช่วยนายกู้เงินแน่ ไม่มีอะไรต้องกังวล 200 ล้านรูเบิ้ลพอมั้ย?”
อะไรนะ? เฝิงหยู่ถึงกับอ้าปากค้าง พี่เคอคนนี้ช่างใจดีจริงๆ!