ตอนที่ 5 ปาฏิหาริย์
ตอนที่ 5 ปาฏิหาริย์
เกิดอะไรขึ้นในสัปดาห์นี้กัน? สำหรับมิกะ อุเอฮาระแล้ว ทุกๆสัปดาห์ก็ดูเหมือนเป็นวันปกติ บางทีอาจจะมีนิตยสารใหม่ๆที่เธออยากอ่านหรือตอนใหม่ของรายการที่เธอชอบหรืออาจออกไปช็อปปิ้งกับเพื่อนๆเป็นครั้งคราว แต่ในชีวิตของเธอตอนนี้ก็มีเหตุการณ์พิเศษที่ผิดปกติเกิดขึ้น
ถึงอย่างนั้นแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา สิ่งนั้นได้ฝังลึกเข้าไปในใจของเธอว่ามีปาฏิหาริย์อาจเกิดขึ้นภายในหนึ่งสัปดาห์นี้
ถูกต้อง- ปาฏิหาริย์!
มันเกิดขึ้นตรงหน้าเธอ จากร่างกายที่แต่เดิมอ้วนๆของโอตาคุอย่างเซจิ ฮารุตะ
ในตอนแรก เธอพบว่าเซจิ ฮารุตะนั้นเริ่มที่จะออกกำลังกายแล้ว
แม้กระทั่งในวันที่เขาทำงาน ผู้ชายคนนี้ก็ออกกำลังกายอย่างไม่หยุดหย่อน เขาวิ่งจ๊อกกิ้งทุกเช้า ออกกำลังกายในห้องแต่ละคืน และเขามักจะมีเหงื่อท่วมตลอดเวลา
ในตอนแรกมิกะ อุเอะฮาระก็หวั่นไหว แต่หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็รู้สึกประทับใจมากขึ้นเพราะเห็นได้ชัดว่าเขาพูดและทำมันจริงๆ แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องยาก แต่เขาก็ไม่เคยยอมแพ้
ถ้าเธอต้องทำงานเต็มเวลาแบบนั้นแล้ว เธอจะยังคงสามารถออกกำลังกายแบบนี้ได้ทุกวันอยู่หรือเปล่า? เธอเองก็คงไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้จริงๆ
อย่างไรก็ตาม ในวันที่สี่ เธอก็พบว่าเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
และในที่สุดเธอก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ เธอรู้สึกว่าเธอเหมือนคนตาบอดมาก่อนเพราะไม่เคยสังเกตเห็นสิ่งนี้!
เซจิ ฮารุตะ โอตาคุผู้ที่มีน้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัมก่อนหน้านั้นได้กลายเป็นคนผอมเพรียวลงหลังจากที่ออกกำลังกายมาเพียงไม่กี่วัน
นี้ไม่ใช่แค่การผอมลงในระดับปกติแล้ว —นี้มันเหมือนกับว่าเขาลดชั้นไขมันของตัวเองไปได้เกือบทั้งหมด!
พุงของเขาที่เคยเหวี่ยงไปมาได้หายไปหมด
แขนป้อแป้แบบเดิมของเขาตอนนี้กลายเป็นแขนที่ดูมีกล้ามเนื้อ
ไหนจะใบหน้าและคอที่อ้วนๆของเขาอีก
ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ไม่สิ เขากำลังเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน มันแค่เหตุผลที่ไม่สามารถหาเหตุผลได้ เหมือนเธอรู้ว่าตัวเองนั้นโง่เกินไปที่จะรู้เรื่อง!
"ฮารุตะคุงเอง ก็ดูเหมือนจะหล่อมากขึ้นเรื่อยๆเลยนะ " ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ของเธอบังเอิญพูดเรื่องนี้เข้าเธอเองก็คงยังไม่รู้สึกตัวกับเรื่องผิดปกตินี้
แล้ววันที่ห้าวันที่หกและเจ็ดผ่านไป...
ในตอนเย็นเมื่อเธอได้เปิดประตูออกไป เธอก็ได้รับการต้อนรับจากหนุ่มหล่อที่มีรอยยิ้มเอียงอาย เขามีใบหน้าที่สดใสและร่างกายที่ดูแข็งแกร่งและมีทรงผมที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อยที่ดูไม่จะไม่ได้ถุกจัดมา และสวมใส่แจ็คเก็ตกับกางเกงยีนส์ รวมๆแล้วมันทำให้มิกะ อูเอะฮาระกลายเป็นตกตะลึงไปทันที
นี่เขาคือเซจิ ฮารุตะโอตะคุที่อ้วนๆนั้นจริงๆใช่ไหม?
ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เธอก็ไม่สามารถที่จะเชื่อมโยงระหว่างผู้ชายทั้ง2คนนี้เข้าด้วยกันได้เลย กับชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาตรงหน้านี้ของเธอกับโอตาคุในความทรงจำของเธอคนที่ชอบปิดตัวเองอยู่ในห้องมืดๆแล้วสวมเสื้อผ้าสกปรกๆ โอตาคุที่ห้อมล้อมด้วยกลิ่นเหม็นลึกลับที่มีพุงยื่นออกมาและสกปรก ผมที่รุงรังและขาดการทำความสะอาด และมีท่าทางที่ดูน่ากลัวในแววตาของเขา
นี่ไม่ใช้การเข้าใจผิดอะไรทั้งสิ้น นี่มันคือปาฏิหาริย์!
มันเป็นปาฏิหาริย์อย่างถึงที่สุด!
ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์เท่านั้น
โอตาคุอ้วนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอได้เปลี่ยนไปกลายเป็นชายหนุ่มที่ดูหล่อเหลาแล้ว!
"คุณอุเอะฮาระครับ คุณอุเอะฮาระ? อืม... เสื้อผ้าแบบนี้ดูไม่เข้ากับผมงั้นเหรอ?" เซจิรู้สึกกังวลใจกับเสื้อผ้าที่ซื้อมาเมื่อไม่นานมานี้
เพราะรูปร่างของเขาเปลี่ยนไปมากเสื้อผ้าเก่าของเขามันไม่เหมาะกับเขาอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงต้องไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ แน่นอนพวกมันเองก็เป็นของราคาถูก
"มะ... ไม่เลย!" ในที่สุดเธอก็ตื่นขึ้นจากภวังค์ของเธอ ทันใดนั้นแก้มของเธอก็รู้สึกร้อนวูบวาบและมีสีแดงขึ้นที่หน้า
"พวกมันไม่ได้ดูไม่ดีเลย... อะ... โทษทีที่ไม่ได้เชิญนายเข้ามา... เข้ามาข้างในก่อนสิ!"
เซจิพยักหน้าเบาๆ ก่อนที่จะตามเธอเข้าไป ถึงแม้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเขาที่เธอชวนมาที่นี้เนื่องจากเจ้าของบ้านได้เชิญเขาไปรับประทานอาหารค่ำด้วยกันอย่างเป็นทางการในตอนนี้เขาจึงค่อนข้างกังวลใจ
โนโซมิ อุเอะฮาระได้เชิญเขาด้วยความรู้สึกว่าการแสดงออกถึงความจริงใจด้วยคำพูดของเธอนั้นมันไม่เพียงพอ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจที่จะเลี้ยงอาหารเขาเป็นการตอบแทนเพื่อใช้แสดงถึงความขอบคุณของเธอ
เซจิคิดว่าทั้งหมดนี้มันค่อนข้างที่จะไม่จำเป็น ถ้าเธออยากจะขอบคุณเขาจริงๆล่ะก็มีวิธีที่ง่ายกว่านี้ก็คือการให้ลดค่าเช่าของเขาลง แน่นอนว่าเขารู้สึกอายมากที่จะพูดมันออกไป
เอาล่ะ อย่างน้อยเขามีโอกาสที่จะได้กินอาหารร่วมกับแม่ลูกสาวสวยคู่นี้ล่ะนะ ดังนั้นเขาจึงบ่นมากไม่ได้
"ยินดีต้อนรับนะ ฮารุตะคุง... โอ้เธอดูหล่อขึ้นมากเลยนะ" โนโซมิออกมาจากห้องครัว และดวงตาของเธอเองก็เริ่มเป็นประกายเมื่อเธอสังเกตเห็นชายหนุ่มที่ดูแข็งแรงคนนี้
ถึงแม้ว่าเธอจะมีสัญชาตญาณที่ดีกว่าลูกสาวของเธอ และเตรียมทำใจไว้แล้ว แต่เธอก็ต้องร้องออกมาในใจว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มันมากไปจนน่ามหัศจรรย์จริงๆ
เงาของโอตาคุอ้วนนั้นมันได้หายไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว เมื่อสองสัปดาห์ที่ก่อนเกิดอะไรขึ้นกับชายหนุ่มคนนี้ที่ทำให้เขาเปลี่ยนไปมากขนาดนี้
"ผมเองก็เพิ่งลดน้ำหนักเพียงได้แค่นิดน้อยก็เท่านั้นเองล่ะครับ" เซจิเกาหน้าด้วยความเขินอาย
แม้เขารู้สึกไม่ชอบที่ต้องแกล้งทำเป็นว่าเหตุการณ์พวกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร แม้ว่าเขาก็คาดหวังว่าจะเกิดขึ้น เมื่อเขาเห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวเองจริงๆ เขาก็รู้สึกตกใจกับความแข็งแกร่งของระบบจริงๆ แต่มันก็ช่วยอะไรไม่ได้ ถ้าตรงหน้าเป็นผู้ใหญ่ ไม่สำคัญว่ามันจะทำได้ยากแค่ไหน เขาก็ต้องอ้างเพียงว่าเป็นแค่การลดน้ำหนัก "แบบปกติ" เท่านั้น
นั่นมันไม่มีทางเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว!
มิกะรู้สึกเหมือนตะโกนคำนี้ออกมาดังๆ แต่ตอนนี้เหมือนอารมณ์อันหลากหลายไหลเข้ามาในใจของเธอ และเธอก็ไม่แน่ใจว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไร
รูปโฉมน่ากลัวของโอตาคุอ้วนและรูปลักษณ์ที่ดูขาวสะอาดและเย็นชาในดวงตาของผู้ชายที่ดูหล่อเหลาตรงหน้าเธอยังหมุนวนเวียนอยู่ในใจอยู่เลย เธอไม่รู้ควรจะทำยังไงดีจริงๆ
ปาฏิหาริย์นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ใช่อย่างแน่นอน [ตรรกะไหนฟะ // คนแปล]
ลูกเป็ดที่ขี้เหร่นั้นสามารถเปลี่ยนกลายเป็นหงส์ที่ดูสง่าได้
นั่นคือเมื่อเธอได้พบมันตรงหน้าและนึกถึงคำคมเหล่านั้นในชีวิตจริงตอนนี้...
ณ เวลาอาหารมื้อค่ำ
โนโซมิและเซจิกำลังคุยกันอย่างมีเพลิดเพลิน
แม้ว่าเซจิจะเป็น นีท ในชีวิตที่ผ่านมา แต่เขาก็เคยเป็นคนทำงานให้กับรัฐบาล ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าจะสร้างความบันเทิงใจให้แก่แขกของเขาได้ยังไง เขาจะไม่ปล่อยให้คู่ที่พูดด้วยรู้สึกเบื่อได้
โนโซมินั้นตกใจเล็กน้อยอยู่ภายในใจ เธอไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะสามารถพูดคุยกับเซจิได้อย่างลึกซึ้งขนาดนี้และยังคิดว่าเขายังเป็นเด็กอยู่ แต่ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนคุยกับวัยผู้ใหญ่ที่อายุมากกว่าอยู่
มิกะที่กำลังกินในแบบเงียบๆ ไม่ใช่ว่าอีกไม่นานทั้งสองคนก็กำลังออกจากพูดคุยกัน แต่เป็นเพราะความไม่กล้าของเธอทำให้ไม่สามารถพูดได้ มันเป็นบ่อยครั้ง และทุกครั้งที่เธอแอบมองไปที่ใบหน้าของเขาด้วยท่าทางกล้ำๆกลืนๆนั้น แก้มของเธอจะแดงขึ้นและไม่จางหายไป
"ฮารุตะคุง เธอออกจากโรงเรียนนานแค่ไหนแล้ว จริงๆแล้วเธอสามารถที่จะกลับไปบ้านและไปโรงเรียนต่อได้แล้วใช่ไหม?" โนโซมิพูดเรื่องอ่อนไหวขึ้นมา
เซจิก็รู้สึกแปลกใจชั่วครู่
"อืม ผมได้คิดเรื่องนั้นเมื่อเร็วๆแล้ว แต่ ... เอาจริงๆความผิดพลาดก่อนหน้านี้มันค่อนข้างร้ายแรงอย่างที่ไม่น่าเชื่อ แม้ว่าผมได้ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนตัวเองแล้ว ผมคิดว่ามันอาจเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะยอมรับผม ถ้าผมตัดสินใจจะย้ายออกจากที่แล้ว ผมจะบอกอีกทีนะครับ และนี้คือสถานะการณ์ในปัจจุบันของผมครับ "
‘พวกเขาจะรู้สึกลำบากใจที่จะยอมรับนายด้วยเหตุผลอื่นงั้นเหรอ’ มิกะคิดอย่างเงียบๆ ขณะที่เธอตั้งใจฟัง หลังจากที่ทุกคนที่เคยรู้จักเขาแน่นอนว่าคงไม่สามารถหาเมืองในปัจจุบันที่ไม่มีคนที่เขาไม่รู้จักได้
"แล้วเธอตั้งใจจะทำอะไรต่อละ?" โนโซมิก้มลงโดยเอามือประคองหน้าไว้และมองเข้าไปในดวงตาของเซจิและแสดงความเป็นผู้ใหญ่ออกมา
"ผมเองก็ยังไม่รู้หรอกครับ บางที... ผมอาจจะหางานใหม่ทำก็ได้ และคงเก็บเงินให้มากกว่านี้ แล้วซื้อของขวัญให้กับครอบครัวของผม... "
ตอนนี้ร่างกายของเขาเหมือนคนปกติแล้ว... ดูดีทั้งใบหน้าและรูปร่าง ตอนนี้มันดูดีขึ้นแล้วชนิดที่ว่า"ไม่เลว"เลย ดังนั้นตอนนี้เขาไม่ต้องสวมชุดมาสคอตอีกต่อไปแล้ว หางานที่ดีขึ้นคงเป็นไปได้ในตอนนี้ล่ะนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาว่ามันจะช่วยให้เขาประหยัดเงินได้บ้าง
"ท่าทางเอาใจใส่ของเธอตอนนี้ ฉันมั่นใจว่าครอบครัวของเธอจะต้องยินดีด้วยแน่ที่ได้เห็นว่าเธอเป็นแบบนี้" โนโซมิพยักหน้า
"อย่าล้อเล่นยังงั้นสิครับ"
"ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ เธอดูหล่อขึ้นมากเลยตอนนี้ เธอยังไม่สังเกตเห็นอีกหรือไง ว่ามิกะกำลังหน้าแดงตลอดเวลา?"
"แม่ค่ะ!" มิกะซึ่งกำลังถูกจู่โจมโดยที่แม่ของเธอเองโดยคำพูดหยอกล้อ ใบหน้าของเธอก็ยิ่งแดงขึ้นขณะที่เธอร้องออกไปด้วยเสียงอันอบอุ่น
เซจิยิ้มแบบอึดอัดใจ
"ยังไงซะ คนผมบลอนด์นั้น... ไม่สิ พวกอันธพาลนั้นออกจากโรงเรียนไปแล้ว ไม่ใช่ว่าเป็นข่าวดีเหรอครับ, คุณอุเอะฮาระ?"
"เรียกฉันว่ามิกะซะ!" เธอดูไม่ค่อยมีจะความสุขเวลาถูกเรียกว่า คุณ เพราะฉะนั้นเธอจึงเผลอพูดออกไปดังๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ ทันทีหลังจากนั้นเธอรู้ตัวในสิ่งที่เธอพูดออกไป ก็ทำให้ใบหน้าของเธอกลายเป็นสีแดงเข้มจากต้นคอไปจนถึงใบหู
ที่เกาะซากุระนี้ (Sakura Island) การเรียกผู้อื่นจากชื่อต้นของพวกเขาเพื่อแสดงว่าเป็นสมาชิกครอบครัวที่ใกล้ชิดกันเท่านั้นหรือเพื่อนที่สนิทที่ทำแบบนี้
ขณะเธอกำลังถูกหยอกล้อโดยแม่ของเธอเอง และตอนนี้เธอก็ได้ปล่อยให้เซจิเรียกชื่อของตัวเองอยู่! มิกะรู้สึกเหมือนกำลังขุดหลุมฝังตัวเองอยู่!
"คะ... คือเป็นเพราะว่าถ้านายเรียกฉันว่า คุณอุเอะฮาระ มันจะทำให้สับสนจนไม่รู้ว่านายกำลังพูดกับใครอยู่ ก็เลย.. ดะ... ดังนั้นเพราะอย่างที่บอกไปนั้นแหล่ะ!" ตอนนี้เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอกำลังพูดอะไรออกไปอยู่
"ฮิ ฮิ ฮิ... " โนโซมิมองอย่างอ่อนโยนไปที่ลูกสาวของเธอทำตัวเขินอายอยู่
* แฮะ แฮ่ม! * เซจิฝืนบังคับให้ตัวเองทำท่ากำลังไออยู่ "อืม... แล้วมันก็คงจะจบลงในแบบที่ดีที่สุดที่หวังได้สินะ"
เมื่อสองวันก่อนมิกะบอกกับเขาว่าคนผมบลอนด์นั้นได้ย้ายออกจากโรงเรียนไปแล้วเพราะบริษัทของพ่อเขานั้นล้มละลายและครอบครัวของเขาก็ไม่มีอำนาจมากพอ จึงทำให้เขารู้สึกอายที่จะอยู่ที่โรงเรียนอีกต่อไป นอกจากนี้ครอบครัวของเขาก็เห็นได้ชัดว่าถูกบังคับให้ขายบ้านของพวกเขาเพื่อจ่ายหนี้ด้วย ดังนั้นเขาก็ต้องย้ายออกไปเช่นกัน
ทั้งหมดนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับประธานนักเรียนหรือเปล่า? ทั้งเซจิและมิกะเองก็ไม่รู้คำตอบในเรื่องนี้เหมือนกัน พวกเขาเพียงต้องเดินต่อไป
"อืมม... นั้นมันก็สุดยอดไปเลยไม่ใช่หรือไง... " มิกะคิดอย่างใจเย็นขณะที่คิดถึงเรื่องอื่นที่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
"มิกะ มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไงที่ลูกจะได้ไม่ต้องไปกลัวเกี่ยวกับมัน แต่ฮารุตะคุงเองก็ไม่จำเป็นต้องพาลูกไปโรงเรียนอีกแล้วด้วย ลูกผิดหวังหรือเปล่า?" โนโซมิไม่ได้หยุดไล่ต้อนลูกสาวของเธอและพูดแบบหยอกล้อเธอต่อไป
"มะ... ไม่ใช่ซะหน่อย!" ภายในความคิดของเธอบอกว่ามิกะกำลังโกรธอยู่และลำบากใจไม่น้อย ทำให้ใบหน้าของเธอกลายเป็นสีแดง ในขณะที่ดวงตาของเธอเหมือนเริ่มมีน้ำตาออกมาหน่อยๆ
‘แม้ว่าขาจะลดน้ำหนักลงแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะหล่อมากกว่านี้ เขาก็ยังเป็นโอตาคุอยู่ ฉะ... ฉันก็ไม่ตกหลุมรักเขาแน่นนอน ฮืมมม!’เธอพยายามจะปิดบังความรู้สึกทั้งหมดนี้ไว้ภายในใจ
"ฮะ... ฮะฮะ คุณน้าชอบพูดล้อเล่นอยู่เลื่อย... " นอกเหนือจากการหัวเราะแบบโง่ๆแล้ว ยังมีอะไรที่เซจิทำได้บ้างละ?
ดังนั้นมื้ออาหารแสนอร่อยนี้จึงจบลงด้วยบรรยากาศที่ดูจะคลุมเครือ
ไม่นานหลังจากนั้น เซจิได้ขอตัวไป
หลังจากที่เขาจากไปแล้ว มิกะรีบกระโดดไปหาแม่เหมือนลูกแมวที่กำลังโกรธ
"แม่พูดอะไรต่อหน้าเขากัน!?"
"แม่ว่าแม่คิดไม่ผิดนะ... " หญิงสาวคนนี้กำลังทำท่าปิดปากหัวเราะอยู่ ซึ่งแสดงประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตของเธออยู่
"ทุกอย่างมันไม่ใช่อย่างงั้น หนูไม่ได้... "
"แล้วทำไมหน้าของลูกถึงหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆละ แล้วตอนนี้มันก็ยังแดงอยู่เลย"
"นะ... หนูแค่กำลังโกรธอยู่!"
"ลูกนี้ไม่ซื่อสัตย์กับตัวเองเลยนะ ลูกเป็นลูกสาวของแม่ แน่นอนแม่รู้สิ่งที่ลูกคิดกำลังคิดอยู่ ฮารุตะคุงเคยเป็นคนที่แย่มากๆ แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปมากแล้วและเขาเองก็ช่วยลูกไว้ นอกจากนี้เขาก็ไม่ได้สนใจที่จะปกป้องลูกตลอดเวลา มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ เขาจะย้ายออกไป "
มิกะลดความเกรี้ยวกราดในหัวลงและจับข้อมือของเธอ
"แต่จากมุมมองของแม่แล้ว ฮารุตะคุงพยายามเต็มที่ในการเปลี่ยนแปลงตัวเองเขาอาจจะไม่สนใจลูกเลยนะ... จากลางสังหรณ์ของแม่บอกว่า- บางทีนี้อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น –บางทีเขาอาจจะกลายเป็นหนุ่มหล่อสุดๆไปเลยก็ได้นะแต่... เอ๋... ไม่ว่ามิกะจะคิดเรื่องอะไรอยู่ ถ้าลูกยังกังวลเกี่ยวกับมันอยู่ละก็ ลูกไม่อาจปล่อยให้โอกาสนี้ปล่อยหายไปได้นะ "
"แม่... " มิกะส่งเสียงร้องที่เหมือนลูกแมวออกมาขณะที่กำลังดึงไปที่เสื้อเชิ้ตของแม่ตัวเอง "แล้ว... หนูควรทำยังไงดีล่ะ?"
"คิดเกี่ยวกับมันด้วยตัวลูกเอง เพียงแค่ไม่ทำอะไรเกินเลยกับ—ผู้ชาย... แม้ว่าพวกผู้ชายจะมีด้านที่ดีอยู่บ้างแต่ก็มีช่วงที่พวกเขากลายเป็นสัตว์ป่าได้เสมอ อย่าลืมระวังเรื่องนี้ด้วยล่ะ "
"แม่ค่ะ…"
ดูเหมือนว่าบทสนทนาลับของแม่และลูกสาวคู่งามคู่นี้ ก็เริ่มที่จะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ