DND.27 - บุรุษคนใหม่
ประสบการณ์หลายปีของนางเคยพบกาที่เปลี่ยนเป็นหงส์ แต่มันก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวตนภายในของกา นางเห็นคนยากจนและไม่มีการศึกษามากมายที่มั่งคั่งในชั่วข้ามคืนและพยายามแต่งตัวให้ดีขึ้น แต่มันก็ดูราวกับมัจฉานอกบ่อน้ำ
แต่ชายหนุ่มเบื้องหน้าผู้นี้มีสง่าราศีตามธรรมชาติ เขาใจเย็นและมั่นใจโดยไม่ปรุงแต่ง เมื่อเขาแต่งองค์ทรงเครื่องพร้อมก็หันไปมองกระจก เขาทึ่งเล็กน้อย
“นี่คือตัวข้างั้นเหรอ?”
ภาพในกระจกคือชายร่างสูงในชุดหรูหราราวขุนนางหนุ่ม เงาสะท้อนเส้นผมดำยาวที่ได้รับการดูแลอย่างดีปลิวพริ้วไสว ใบหน้าของเขาราวกับหยกขาวบริสุทธิ์ที่แกะสลักมาอย่างดี มันสดใสราวกับได้รับการชำระล้างด้วยน้ำบริสุทธิ์
ดวงตาที่ลึกซึ้งถึงจักรวาลเปี่ยมไปด้วยสติปัญญาและความเยือกเย็นมั่นคง สันจมูกคมกริบมาพร้อมริมฝีปากอมชมพูและฟันขาวสะอาด นี่เป็นรูปร่างของบุตรชายขุนนางที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีไม่ผิดแน่ แข็งแรงตั้งตระหง่าน รูปงามราวทวยเทพ กอปรกับชุดหรูหราที่เข้ากับส่วนสูงอย่างดี ทุกอย่างขับกล่อมตัวเขาอย่างดี แม้จะเป็นซือหยูเองก็ไม่เชื่อสายตาตนเอง
ร่างกายของเขาดีมากจากผลของไอหยกเพลิง มันเป็นร่างที่แกร่งและงดงาม แต่ความยากจนอันยาวนานทำให้เม็ดไข่มุกเม็ดงามเปื้อนโคลนจนมิได้ชำระล้าง ในตอนนี้มลทินได้ลูกชะล้างออกไปแล้ว ทำให้ไข่มุกเม็ดนั้นสว่างสดใสอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ตอนนี้ดูเหมือนจนไม่มีใครจำว่าเขาเป็นคนที่ถูกแย่งสตรีหรือยากจนไร้ค่าและเดียวดายอีกต่อไป
ขณะเดิน ชุดกันฝุ่นพริ้วไหวตามสายลม ไม่มีฝุ่นแม้แต่อณูเดียวตกใส่ร่างกาย ผมดำเงางามปลิวตามแรงลมที่พัดเข้ามา ใบหน้าเปล่งประกายใต้แสงแดดและทำให้เกิดแสงเงาอันงดงาม เมื่อเขาเดินไปตามถนนรอบข้างต่างต้องหยุดชะงัก
“ช่างรูปงามอะไรเช่นนี้ เขามาจากตระกูลแบบไหนกัน?”
“หนุ่มน้อยผู้นี้ช่างรูปงามนัก ข้าแทบจะทนมิได้”
ซือหยูหัวเราะกับตัวเองเบาๆ รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลานั้นราวกับไข่มุกสวรรค์
เหล่าสตรีที่ผ่านไปผ่านมาต่างโบกไม้โบกมือเรียกร้องความสนใจ ใบหน้าพวกนางต่างแดงราวกับกลีบกุหลาบ พวกนางต่างมองซือหยูด้วยแววตาหยาดเยิ้ม
….
เมื่อมาถึงสำนัก เขาเดินผ่านสายตาหลากหลายคู่ที่จ้องมองเข้ามา เหล่าบุรุษต่างอิจฉาและนับถือ เพียงแค่มองก็บอกได้ว่าชายคนนี้มาจากตระกูลที่มีอำนาจและมั่งคั่ง เหล่าสตรีต่างหันมามองจากทั่วสารทิศ
“น่าแปลกที่สำนักเรามีคนหล่อขนาดนี้ด้วยนอดจากฉินเฟิงกับฟางฉิงโจว”
“ดูเหมือนเขาน่าจะเป็นขุนนางนะ น่าแปลก หากเขาอยู่สำนักเดียวกับเรา ทำไมเราไม่เคยเจอเขาเลย?”
ซือหยูสวมรอยยิ้มเดินผ่านเหล่าศิษย์ระดับเงินไปยังที่พัก การประเมินศิษย์ทองคำกำลังจะเริ่มขึ้นในอีกสองวัน เขาจะได้มีโอกาสประลองกับศิษย์ทองคำ
ซือหยูมีเพียงเป้าหมายเดียวคือชนะฉินเฟิง! คือการชนะเขาต่อหน้าเจียงซื่อฉิง ชนะต่อหน้าโลกทั้งใบ! เพื่อบอกเจียงซื่อฉิงว่านางคิดผิด! เพื่อบอกฉินเฟิงว่าเขาเลือกศัตรูผิดคน!
เมื่อผ่านหอพักสตรี เขาก็พบความวุ่นวายบนชั้นสอง จากนั้นเสียงกรีดร้องดังออกมาพร้อมกับหญิงสาวที่ตกลงมาจากหน้าต่างมาทางซือหยู ศีรษะของนางกำลังจะกระแทกกับพื้น แม้นางจะมีพลังเหลืออยู่แต่นางบาดเจ็บอย่างหนัก ซือหยูทนยืนอยู่เฉยๆโดยไม่เข้าไปช่วยไม่ได้
ซือหยูใช้เงาเมฆากระโดดขึ้นกลางอากาศอย่างพอดิบพอดี เขาใช้แขนซ้ายประคองคอของนางและใช้แขนขวาคว้าเอวเอาไว้ เขาอุ้มนางขณะอยู่ที่กลางอากาศและค่อยๆร่อนลงมาอย่างอ่อนโยน
หญิงสาวหน้าซีดจากความหวาดกลัว นางหลับตาแน่น นางคิดว่านางตายแล้วเมื่อรู้สึกถึงอ้อมอกอันแข็งแรงและอบอุ่น นางค่อยๆลืมตาและพบกับหนุ่มรูปงามที่มีดวงตาลึกล้ำ สุขุมเยือกเย็น เฉลียวฉลาด ใบหน้านั้นทำให้นางจ้องมองด้วยความหลงใหล นางไม่เคยพบใครที่ดูดีเช่นนี้มาก่อน
เป็นครั้งแรงที่หัวใจของนางเต้นไม่เป็นจังหวะ...เมื่อสตรีชอบผู้ใด นางไม่ต้องการคำหวานใดๆ บางครั้งเพียงการมอง การกระทำ คำพูด หรือรูปร่าง ทั้งหมดอาจจะทำให้นางหลงรักได้
นางรู้สึกราวกับได้พบชายผู้นั้น คนที่มาช่วยเมื่อนางตกอยู่ในอันตราย ต่อให้ไม่พูดสิ่งใดนางก็ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ซือหยูวางนางลงด้วยใบหน้าเฉยเมยและมองขึ้นไปยังชั้นสอง
คนที่ยืนอยู่บนนั้นคือฉินเฟิง!
เขามองตัวเองอย่างหม่นหมอง ชายคนนั้นอุ้มสตรีที่แม้แต่เขาไม่เคยได้สัมผัส เจียงซื่อฉิง! และเจียงซื่อฉิงก็จ้องซือหยูไม่ละสายตา นั่นทำให้ฉินเฟิงรู้สึกแค้นใจ! เขาทำดีกับเจียงซื่อฉิงแต่นางก็หวั่นไหวโดยชายคนอื่น!
ไม่นานฉินเฟิงก็ลากหญิงสาวอีกคนลงมาด้วยมือ นางคือฉวนหลีเฟย ดวงตานางถูกกลืนด้วยน้ำตา นางทั้งกลัวและโศกเศร้า นางถูกฉินเฟิงลากลงบันไดอย่างทุกข์ทรมาน
“ขอบคุณพี่ชายสำหรับความเอื้อเฟื้อครั้งนี้”
ฉินเฟิงคุ้นหน้าขุนนางคนนี้แต่ก็จำไม่ได้ว่าเขาคือใคร
เขารู้สึกถึงอันตราย ชายผู้นี้มีใบหน้าที่งดงามกว่าเขา ทั้งมีความมั่นใจสุขุมเยือกเย็นและดูมีฐานะไม่ด้อยไปกว่าเขาเลย ที่สำคัญคือเขาทำให้เจียงซื่อฉิงหวั่นไหว! นั่นคือปรปักษ์อย่างแท้จริง ฉินเฟิงลากฉวนหลีเฟยออกไป
“ข้าขอโทษ โอสถวิญญาณถูกซือหยูชิงไป ข้าไม่ได้ตั้งใจ ปล่อยข้าไปเถอะ”
ฉวนหลีเฟยร้องขอราวกับตุ๊กตาน้อยอันน่าเวทนา
ฉินเพียงมาตามโอสถวิญญาณคืนเพราะภารกิจที่ล้มเหลวของฉวนหลีเฟย แต่โอสถวิญญาณมูลค่า 2,500 ตำลึงเงินนั้นได้หายไปแล้ว ฉินเฟิงตั้งใจจะมาเอาโอสถวิญญาณคืนเพื่อให้เจียงซื่อฉิงใช้บรรลุขอบเขตระดับสี่ ใครจะไปคิดว่าฉวนหลีเฟยจะไม่คืนโอสถให้เขา!
ฉินเฟิงโกรธเกรี้ยว เขาอยากจะสั่งสอนนางแต่นางก็หลบเลี่ยงเขาและผลักเจียงซื่อฉิงตกโดยไม่ตั้งใจ ภาพที่ได้เห็นนั้นทำให้ฉินเฟิงโกรธแค้นกว่าเดิม
“ข้าจะไม่ไว้ชีวิตเจ้า!”
ฉวนหลีเฟยกลัวมาก นางร้องไห้ไม่หยุด นางเกิดมายากจนและไม่มีอะไรดี แต่การถูกรายล้อมด้วยผู้มั่งมีทำให้นางได้ทรัพยากรในการบ่มเพาะพลัง นางรู้อยู่แต่แรกแล้วว่ามันช่างหน้าเศร้า และตอนนี้นางยังทำให้ฉินเฟิงโกรธอีก นางไม่มีพลังจะต่อต้านเลย
“นางติดค้างอะไรกับเจ้า?”
ซือหยูถามขณะเอามือไพล่หลัง
ฉินเฟิงหันมาตอบด้วยใบหน้าสุภาพ
“โอสถวิญญาณระดับสูง พี่ชายอยากจะมายุ่งงั้นหรือ?”
ฉินเฟิงจำเป็นต้องสุภาพกับบุตรชายขุนนางที่พื้นเพดูไม่ธรรมดาผู้นี้
“รับไป!”
ซือหยูดีดกล่องดำเพียงใช้นิ้ว เป็นนิ้วที่แข็งแรงนัก!
ฉินเฟิงแอบกังวล นอกจากเขาจะรูปงามมากแล้วยังแข็งแกร่งมากอีกด้วย แต่ฉินเฟิงที่มีพลังระดับสี่ยังคงรับพลังนั้นได้ เขาใช้มือข้างเดียวรับกล่องและเปิดมันอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นเขาก็ต้องตกใจที่พบโอสถวิญญาณระดับสูงข้างใน
ฉินเฟิงเปลี่ยนสีหน้าทันที
“พี่ชาย ท่านอยากจะช่วยผู้หญิงที่ไม่รู้จักจริงๆงั้นหรือ?”
ซือหยูเดินออกไปขณะที่มือไพล่หลังตามเดิม เขาพูดโดยไม่หันไปมอง
“ปล่อยนางซะ!”
เสียงที่สุขุมเยือกเย็นและมีพลังของเขาทำให้ดูราวกับว่าเขามีตำแหน่งสูงมายาวนาน ฉินเฟิงหยุดนิ่งชั่วครู่ก่อนจะปล่อยฉวนหลีเฟย
ดวงตาอันงดงามของเจียงซื่อฉิงสาดสะท้อนชุดอันหรูหรางดงามที่เดินจากไป เขาเป็นชายที่น่าหลงใหลที่สุดในโลกนี้ เขาทิ้งโอสถวิญญาณราคา 2,500 ตำลึงเงินอย่างง่ายดายราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ นางรู้สึกหวั่นไหวเช่นนี้เป็นครั้งแรก
“ขอบคุณมากค่ะท่าน”
เจียงซื่อฉิงรู้สึกตัวและโค้งคำนับมองเขาออกไป
“อืม”
ซือหยูเดินจากไปโดยไม่หันมามอง
ฉินเฟิงไม่พอใจอย่างมาก เขาจ้องเจียงซื่อฉิงอย่างเย็นชา
“อะไรกัน เจ้าเสียใจที่อยู่กับข้างั้นหรือ?”
เจียงซื่อฉิงตกใจและก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด มันเป็นความรู้สึกเสียใจ
“ถ้าข้าเจอเขาก่อนหน้านี้จะเป็นยังไงกันนะ?”
เจียงซื่อฉิงแอบถอนหายใจ
หากเขาได้มาเจอกับนางเร็วกว่านี้และเอานางไปจากซือหยู มันจะสมบูรณ์แบบแค่ไหนกัน? นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงซื่อฉิงรู้สึกว่าโชคชะตาช่างไม่ยุติธรรม และรู้สึกไม่พอใจฉินเฟิง
ครั้งหนึ่งฉินเฟิงคืออุดมคติของนาง แต่ตอนนี้เมื่อนางได้พบกับขุนนางหนุ่มผู้นั้นก็ทำให้ใจหวั่นไหว นางตระหนักทันทีว่านางเพียงพอใจที่ได้รับการดูแลจากฉินเฟิง แต่หัวใจไม่ได้อยู่กับเขา
ไม่ว่าฉินเฟิงจะทำดีเท่าไหร่ ไม่ว่าเขาจะซื่อตรงเพียงใด มันก็ยากที่จะทำให้นางเกิดความรู้สึกกับเขา ราวกับฉินเฟิงคือซือหยูในอดีต
เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้นางก็ทำสิ่งใดไม่ได้อีก นางต้องเก็บซ่อนความรู้สึกเพราะมิอาจต่อต้านตระกูลของฉินเฟิงได้
ฉวนหลีเฟยที่รอดไปได้ร้องไห้อย่างหนักและโค้งคำนับซือหยูจากระยะไกล
“ขอบคุณมากค่ะท่าน”
แม้ซือหยูจะอยู่ไกลแต่เขาก็ได้ยินเสียงอันเบาบางนั้น
เขายิ้มมุมปาก
“ข้าแค่คืนมันแก่เจ้า...”
เพราะโอสถวิญญาณเดิมของนางถูกซือหยูชิงมา
ซือหยูกลับมาสู่ความสันโดษในที่พัก การประเมินศิษย์ทองคำจะเริ่มในอีกสองวัน ซือหยูต้องการที่จะยืนอย่างสง่าผ่าเผยต่อหน้าคนทั้งสำนักด้วยตัวตนใหม่นี้!
ที่วังเซี่ยนหยู ห้องพักขององค์หญิง
องค์หญิงเซี่ยนหยูสวมชุดสีเหลืองทำหน้ามุ่ยและทุบหมอนด้วยความโกรธ ปากเล็กๆของนางบ่นไม่หยุด
“ท่านพ่อบ้า! ไม่รักข้าบ้างรึไง! ข้าไม่อยากเป็นพ่อลูกกับเขาอีกแล้ว”
“นี่เจ้า! ท่านดยุคทำดีแล้วนะ ไปเขารัตติกาลแล้วถูกสัมผัสเช่นนั้น...ท่านดยุคจะไม่โกรธได้อย่างไร? การกักตัวนี้ก็เพื่อตัวเจ้าเอง”
เสียงนางนุ่มนวลอ่อนโยน ใบหน้าอันงดงามสวมรอยยิ้มอ่อนๆ นี่ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากตัวตนอันงดงาม
“ขนาดพี่จิงหยูยังไม่เข้าข้างข้า! ข้าไม่อยากอยู่ต่อไปอีกแล้ว ข้าอยากตาย!”
ตำหนักเซี่ยนหยูและสำนักมีความสัมพันธ์อันดีมากโดยตลอด องค์หญิงเซี่ยนหยูกับเซี่ยจิงหยูมีอายุไล่เลี่ยกัน นางทั้งสองสนิทสนมและเติบโตมาด้วยกัน พวกนางรู้เรื่องทุกอย่างของอีกฝ่าย
เรื่องที่เกิดขึ้นที่เทือกเขารัตติกาลกับองค์หญิงเซี่ยนหยูทำให้เซี่ยจิงหยูหน้าแดงด้วยความเขินอาย
ติชมให้กำลังใจ กดไลค์แฟนเพจมาคุยกันได้เลยจ้าาา