บทที่ 58 - ฉันแบกเอง (6) [อ่านฟรีวันที่ 11/10/61]
บทที่ 58 - ฉันแบกเอง (6)
คืนนี้ยูอิลฮานได้หลับสนิทคลายความเหนื่อยล้าที่สะสมมาสองสามวันไปจนหมด สมแล้วที่เขาเชี่ยวชาญในสกิลการพักผ่อน
ในตอนนี้เขาจะช้าไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว มันถึงเวลาที่เขาต้องไปจีนแล้ว ยังไงก็ตามในตอนที่เขาพูดว่าจะทำแบบนี้แม่ของเขาก็พูดขึ้น
"ลูกจะออกไปอีกแล้วหรอ? ถ้างั้นไปจะไปยาอูมินซักพักนะ"
"มันมีอาหารทะเลดีๆโผล่ออกมาหรอแม่?"
"ประมาณนั้นแหละ"
แม่ของเขาดูจะมีความสุขกับชีวิตในทางแบบนี้ ยูอิลฮานได้กินสตูว์เนื้อสัตว์ที่ไม่รู้จักบนโต๊ะอย่างพอใจ การปรับตัวของมนุษย์นี่น่าทึ่งจริงๆ
หลังจากกินเสร็จแล้วเขาก็ได้ไปอาบน้ำล้างตัวเอง จากนั้นก็เช็คอาวุธใหม่อย่างที่ได้วางแผนเอาไว้ อย่างแรกเลยเขาได้เติมหอกสั้นที่ใช้ไปในดันเจี้ยนก่อนหน้านี้ จากนั้นเขาก็ซ่อม pile bunker ที่เสียหาย
เขายังซ่อมเกราะและอาวุธอื่นๆด้วย ในตอนที่เขาซ่อมพวกนี้เขาก็ยังเห็นได้ว่าพลังโ๗มตีและพลังป้องกันก็เพิ่มขึ้นมาด้วยแต่ว่าเขาก็ตัดสินใจที่จะไม่สน
[ถึงแม้ว่าคุณจะใช้หินพลังเวทย์คลาส 3 กับอาวุธของจักรพรรดินี แต่ว่าคุณก็ยังมีเหลืออีกก้อนนี่] (เอิลต้า)
เมื่อเห็นว่ายูอิลฮานเอาแต่ซ่อมไอเทม แต่ไม่ได้ทำอาวุธใหม่ๆเลยทำให้เอิลต้าได้ถามออกมาอย่างสงสัย จากนั้นเองยูอิลฮานก็ตอบกลับมายิ้มๆ
นั่นมันก็เพราะว่าฉันคิดไม่ออกนะสิว่าจะทำอะไร มันก็ยังไม่ถึงเวลาที่จะเปลื่ยนเกราะและหอกของฉันมันก็แข็งแกร่งพอแล้ว การทำอาวุธนรองมันก็จะเสียเปล่าเกินไป"
[ทำไมไม่ทำเครื่องประดับล่ะ?] (ลิต้า)
ในตอนนี้เองลิต้าได้พูดในสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงเลยออกมา ยูอิลฮานได้ถามกลับไปเบาๆด้วยความรู้สึกเหมือนกับถูกชกเข้าอย่างจัง
"เครื่อง... ประดับ?"
[ใช่สิ]
หัวใจยูอิลฮานเต้นแรงขึ้นมา เขาไม่อาจคิดย้อนกลับไปในเกมที่เขาเล่นก่อนจะเกิดหายนะได้ จริงๆแล้วสำหรับเขาของพวกนี้มันไม่มีอะไรมากไปกว่าการตกแต่งเลย ไม่สิ มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตกแต่งต่างหาก มันไม่น่าจะมีความสำคัญเท่ากับเกราะแล้วก็อาวุธในเกมนี่
ยูอิลฮานได้เปิดปากถามขึ้นมาอีก
"ทำไมไม่อธิบายให้มันละเอียดกว่านี้อีกหน่อยล่ะ?"
[มันสามารถจะทำการหัตถกรรมมานาผ่านกระบวนการจิตใจของผู้สร้างยืมพลังมานาและบรรจุลงไปในไอเทมได้ มันไม่ได้มีแค่อาวุธกับเกราะเท่านั้นที่จะเป็นอาร์ติแฟค]
"ขอโทษนะที่ฉันไปใช้คำว่า 'รายละเอียด' เอาล่ะแค่ตรงจุดเลย"
[อ่า ถ้าแบบนั้น....]
ในตอนที่ลิต้ากำลังคิดอยู่ เอิลต้าก็ยื่นหน้ามาตอบกึ่งหัวเราะ
[มันหมายความว่าคุณมีอุปกรณ์สวมใส่เหลืออีกมากไง]
"เยี่ยมเลย ตรงดีมาก
มันไม่ใช่แค่ในเกมเท่านั้น ในนิยายแฟนซีมันก็มีเช่นกัน พวกตัวเอกกที่ผ่านวิกฤติมาได้ด้วยพลังพิเศษที่อยู่ภายใน สร้อย แหวน รอยสัก กำไลข้อมูล ต่างหูอะไรจำพวกนี้ ลิต้ากับเอิลต้ากำลังจะบอกให้ยูอิลฮานสร้างสิ่งแบบนี้
ยูอิลฮานก็ยังคิดว่านั่นมันเป็นไปได้ เครื่องประดับมันไม่ได้มีจุดหมายที่การป้องกันหรือโจมตีที่ชัดเจน ดังนั้นเขาคิดว่าผลลัพธ์ของหัตถกรรมมานาเครื่องประดับมันจะต้องกว้างมากแน่
[แล้วคุณจะทำอะไรล่ะ?] (เอิลต้า)
"อืมม"
[ฉันชอบแหวน!] (ลิต้า)
"ไม่ มันจะต้องใช้เวลานานในการทำมันสักอัน"
[อ่า... งั้นสินะ...] (ลิต้า)
ในท้ายที่สุดแล้วเขาก็ได้ตัดสินใจที่จะทำกำไลข้อมือ
เขาได้ดึงเอาส่วนที่สมบูรณ์ที่สุดของนกสายฟ้ายักษ์และเริ่มเปลื่ยนมันให้กลายเป็นกำไลธรรมดา มันเป็นกำไลหนังเล็กๆที่ใส่ข้างในถุงมือได้พอดี
[เป็นความคิดที่ดี ของที่คุณได้มาในครั้งนี้มันไม่เหมาะที่จะเอาไปทำกำไลหรือต่างหู] (เอิลต้า)
"นั่นมันไม่ใช่น่า ฉันก็แค่ทำมันก็เพราะมันใช้เวลาน้อยที่สุดนะ"
[โอเค...] (เอิลต้า)
ในตอนนี้แม้แต่เอิลต้าก็ยังรู้สึกหงุดหงิดแล้ว ยูอิลฮานได้เตรียมการหัตถกรรมมานาของเขา บนมือข้างหนึ่งของเขามันมีกำไลหนังและอีกข้างหนึ่งก็มีหินพลังเวทย?ขนาดใหญ่ของนกสายฟ้ายักษ์อยู่
ยังไงก็ตามสิ่งที่สำคัญสุดกว่าวัสดุก็คือจิตใจของเขา ยูอิลฮานได้สูดหายใจลึกและหลับตลงไป
ในมุมมองที่มืดมิดและเงียบสงบ สิ่งที่ยูอิลฮานกำลังคิดอยู่ก็คือวังวนสายฟ้าที่นกสายฟ้าได้สร้างขึ้นมา
แสงสว่างได้เกิดขึ้่นมา แสงที่เพิ่มขึ้นมานี้มันได้บอกกับเขาว่าการหัตถกรรมมานาของเขาได้สำเร็จแล้ว แสงๆนี้ซึ่งคนอื่นๆที่มีหัตถกรรมมานาจะได้เห็นแค่ปีละครั้งหรือไม่ก็มากกว่านั้น แต่ยูอิลฮษนกลับสูงกว่านั้นอีก
นั่นมันไม่ได้หมายความว่ามันมาจากโชคดี นี่มันเป็นเพราะความเข้าใจที่ลึกซึ้งในเทคนิคที่เรียกว่าหัตถกรรมมานา
ยูอิลฮานได่้มีบันทึกการฆ่านกสายฟ้าด้วยตัวเขาเอง และกำไลกับหินพลังเวทย์ก็ยังมาจากตัวนกสายฟ้าด้วย ทั้งสามอย่างนี้เหมือนกับเป็นตัวนำในหัตถกรรมมานาอย่างแท้จริง
[กำไลข้อมือทองคำพายุสายฟ้าคะนอง]
[ระดับ - ยูนีค]
[พลังป้องกัน - 1,700]
[ออฟชั่น - ความเร็วฟื้นฟูมานาเพิ่มขึ้น 20% เมื่อโจมตีมีความเป็นไปได้ที่จะสร้างพายุสายฟ้า จำกัดเพียงวันละครั้ง]
[ความทนทาน - 1,150/1,150]
[อาร์ติแฟคที่ซึ่งอัดไปด้วยพลังสายฟ้าอย่างเข้มข้น ภายในนี้มีพลังอำนาจที่แข็งแกร่งและรุนแรงของมอนสเตอร์อยู่ภายใน]
"โอ้ว"
ออฟชั่นนี้มันคือสิ่งที่จักรพรรดินีต้องการมากๆเลยนี่แถมมันยังติดมากับกำไลนี่ แน่นอนว่าเนื่องจากยูอิลฮานใช้มานาไม่ได้ทำให้การเพิ่มความเร็วในการฟื้นฟูมานามันไร้ประโยชน์
เขาได้มีความคิดสั้นๆอย่งการว่าจะขายมันให้กับคังมิเรย์ดีไหม แต่ว่าเนื่องจากว่ามันก็มีออฟชั่นที่เขาต้องการเองด้วยเหมือนกันดังนั้นเขาก็เลยตัดสินใจที่จะใส่มันไว้กับตัว
การได้รับเงินมามันก็ไม่ได้แย่ แต่ว่าความปลอดภัยคือสิ่งที่สำคัญที่สุด! นอกไปจากนี้เนื่องจากว่าผลลัพธ์มันดีกว่าที่เขาคิดไว้ทำให้เขากลัวเล็กน้อย นี่มันเป็นเรพาะเขารู้สึกว่ารู้สึกได้ถึงระดับความอันตรายที่สูงมากที่กำลังจะมาถึงเขา
[เกิดอะไรขึ้นกับคุณกันอิลฮาน? คุณสร้างสิ่งของที่อยู่ในระดับเดียวกับสมบัติของอาณาจักรได้ง่ายๆได้ยังไงกัน?]
[นี่มันไม่มีอะไรเลยเมื่อนำไปเทียบกับหอกที่สร้างจากเหล็กเพียงอย่างเดียวแต่แทงหนังของมอนสเตอร์คลาส 2 ได้นะ] (เอิลต้า)
ลิต้าได้ตกใจกับพลังของยูอิลฮาน แต่ว่าเนื่องจากเอิลต้าได้ยอมแพ้ในเรื่องนี้ไปแล้วทำให้เธอตอบกลับมาสบายๆ
ในขณะเดีวกันหลังจากที่เขาตรวจสอบในออฟชั่นของกำไลแล้ว เขาก็ได้เตรียมพร้อมที่จะออกไปพร้อมกับความเชื่อมั่นว่าเขาจะจัดการได้ในทุกๆอย่างต่อให้มีมอนสเตอร์แบบเรต้าคาร์อิฮ่าห์ปรากฏออกมาก็ตาม
จุดมุ่งหมายของเขาก็คือดินแดนกลางของมณฑลซานตงของประเทศจีนที่ซึ่งมีชื่อเสียงชิงเต่า เขาได้มุ่งหน้าสู่สนามบินเป็นอย่างแรกทันที แน่นอนว่าเขาจะต้องลักลอบเข้าไปเหมือนอย่างเคย
สนามบินแห่งนี้ได้เต็มไปด้วยผู้คนพลุพล่าน บนทางเดินก็มีคนที่อยู่ในคลาส 2 ปรากฏให้เห็นเป็นครั้งคราวอีกด้วย มีคนไม่มากนักที่จะทิ้งบ้านไปเพื่อท่องเที่ยว แต่ว่าก็มีคนจำนวนมากที่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากท่องเที่ยวไปเช่นกัน
มีคนจำนวนมากอยู่ในสนามบินจริงๆ นักธุรกิจ ผู้ใช้พลังที่ใส่เกราะ คนที่อยู่ในเครื่องแบบทหาร... คนที่ยูอิลฮานเคยคุ้นเคยอีกด้วย แต่ว่ายูอิลฮานรู้สึกเหมือนการรวมของคนพวกนี้มันมีเบื้องลึกบางอย่างและกลายเป็นกังวล
"อ่า ฉันสาพานว่าฉันจะทำทุกอย่างให้เสร็จสิ้นอย่างถูกต้องและไปแต่งงานกัน"
"ฉันไม่คิดว่าประเทศจะปล่อยเธอไปหรอกนะร้อยตรีฮาน"
"ไม่มีใครที่จะขวางฉันจากงานแต่งงานได้"
เขาได้เจอกับพันเอกยุนแดฮานกับร้อตรีฮานโยรังที่เจอกันในระหว่างหายนะตอนที่เขากำลังล่ามอนสเตอร์
เขาคิดว่าด้วยความต่างของชั้นของพวกเขาทั้งสองคนมันไม่น่าจะมาอยู่ด้วยกันได้ แต่ว่าในตอนนี้ก็มีทหารในเครื่องแบบสีดำที่ดูไม่ปกติที่เหมือนเป็นกองกำลังพิเศษอีกด้วย
ยูอิลฮานก็ยังตระหนักได้ทันทีว่าพวกนี้คือกองกำลังพิเศษ กองกำลังปราบปราม
'ฉันอยากจะติดต่อกับพวกนี้แล้วในตอนนี้ฉันก็เจอแล้ว...'
ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับรายได้จำนวนมหาศาลมาจากคังมิเรย์แล้วแต่เขาก็ยังไม่ได้เปลื่ยนความคิดที่จะขายอุปกรณ์ให้กับกองกำลังปราบปราม เนื่องจากว่าเป้าหมายของเขาก็คือทำให้คนอื่นๆต่อต้านมอนสเตอร์ได้ดีขึ้น
มันจะเป็นการดีที่จะติดต่อคนพวกนี้ผ่านคนที่เขารู้จักและนี่มันก็เป็นโอกาสดี แต่ไม่ว่าเขาจะคิดในเรื่องนี้ยังไงเขาก็รู้สึกไม่ค่อยดี
เขารู้สึกว่าหากเขาไปคุยกับพวกนี้เขาจะต้องมีภารกิจใหม่แน่นอน
'ใช่แล้ว เอาไว้คราวอื่นดีกว่า'
ทำไมกองกำลังพิเศษถึงได้มาที่สนามบินทั้งๆที่มีสนามบินทหารอยู่แล้วล่ะ? พวกเขาได้มีสถานการณ์ที่น่าเศร้าบางอย่าง แต่ว่า
[กองกำลังป้องกันปราบปรามจะออกตัวใน 30 นาที]
เสียงประกาศของสนามบินอินชอนได้ดังขึ้นให้กองกำลังทหารไปป้องกันเส้นทางการบินจากมอนสเตอร์
ใช่แล้ว พวกเขาไม่มีทั้งเงินและกำลังคน งบประมาณในการป้องกันประเทศมันถูกใช้ไปแค่ไหนเขาก็ไม่รู้แต่ยังไงก็ตามเกาหลีไม่ได้มีกำลังทหารที่มากพอจะกระจายไปสนามบินต่างๆได้
นี่เป็นเหตุผลทำให้พวกเขามาปรากฏตัวในสนามบินอินชอนก็เพราะแบบนี้ ไม่สิ บางทีอาจจะเป็นเพราะพวกเขาเป็นกองกำลังปราบปรามก็ได้
ยูอิลฮานไม่สนใจเรื่องทหารและก้าวเดินต่อไป เขาได้ตรวจสอบเที่ยวบินไปที่จุดหมายของเขาและรีบไปต่อทันที การลักลอบเข้าเมืองของเขาเชี่ยวชาญแล้ว
การปกปิดตัวตนเขาไม่มีทางที่เวทย์หรือวิทย์จะมองผ่านมันได้ทำให้ตัวเขาเข้ามาในเครื่องบินได้อย่างปลอดภัยและเพียงแค่เขากำลังจะนั่งลงบนเบาะที่ว่างอยู่เขาก็ได้คิดขึ้น
'เดี๋ยวนะ มันคงจะไม่เป็นแบบนี้ถ้าหากว่าในครั้งที่แล้วฉันไปขอหนังสือเดินทสงใช่ปะ?'
[มันเป็นเรื่องดีนะที่คุณคิดได้] (เอิลต้า)
[ZZzz] (ลิต้า)
เครื่องบินที่ยูอิลฮานโดยสารอยู่ได้บินออกไปสู่จีนแล้ว
ไม่นานนักเขาก็ได้ออกมาจากเครื่องบินและวิ่งตรงไปที่เป้าหมายด้วยการช่วยนำทางจากเอิลต้า
"ว้าว นี่มันยุ่งเหยิงมาก"
มันไม่ได้เหมือนกับในเกาหลีเลย ที่จีนส่วนใหญ่พังจนแทบจะไม่เหลือเค้าเดิมของเมืองไป มันเป็นที่พังทลายเต็มไปหมด ตึกสูงก็พังลงมาเล็กลง และอาคารขนาดเล็กก็ยิ่งเล็กลงไปอีก
ภายในเมืองที่กำลังฟื้นฟูนี้มันมีคนเร่ร่อนอยู่จำนวนมาก พวกเขาไม่มีทางที่จะหายูอิลฮานเจอ แต่ว่าในทุกๆครั้งที่ยูอิลฮานมองเห็นคนพวกนี้เขาจะหยุดลงไปเล็กน้อย เขาได้นึกไปถึงตอนที่สู้กับหมียักษ์ ในครั้งนั้นมีคนจำนวนมากหนีออกมาจากบ้านพวกเขา
ถ้าหากจะบอกว่าเขารู้สึกสบายใจที่มองคนพวกนี้เขาก็คงจะหลอกลวงแล้ว
[สิ่งมีชีวิตทั้งหมดต่างก็มีภาระหน้านี่ในชีวิตด้วยพลังของตัวเอง มันไม่ใช่เรื่องจำเป็นสำหรับคุณที่จะไปคิดแทนพวกเขานะ] (เอิลต้า)
[คุณไม่จำเป็นต้องไปช่วยพวกเขา คุณก็แค่ช่วยปกป้องตัวคุณเองก็พอแล้ว] (ลิต้า)
"...ใช่แล้ว แน่นอน"
ทูตสวรรค์ก็ดูจะสังเกตุเห็นในสิ่งที่เขามองอยู่ด้วย สำหรับพวกเขาแล้วคำพูดที่ตอบกลับมานี่มันค่อนข้างจะเย็นชา ยูอิลฮานได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มขมๆและเร่งความเร็วขึ้น
เขาต้องการจะช่วยคนที่ตกอยู่ในวิกฤติถ้าหากมันเป็นไปได้ ถ้าหากว่ามันไม่อันตรายเขาก็จะเคลื่อนไหวช่วย
นี่มันไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นคนใจดีหรือว่าเขาเปนคนโง่ แต่ว่ามันก็แค่รู้สึกไม่ดีกับการที่เห็นคนด้วยกันต้องมาตายกันต่อหน้าต่อตา และจริงๆแล้วการช่วยมนุษย์ด้วยกันมันให้ความรู้สึกที่ดี
แต่ว่ามันก็แค่นั้นแหละ สิ่งสำคัญที่สุดที่ยูอิลฮานคิดก็คือตัวของเขาเอง เขาจะไม่ยโสไปช่วยคนที่น่าสงสารทุกๆคนบนโลก มันน่าเสียดายที่ว่าชีวิตคนเราแค่ใช้เพื่อตัวเองมันก็น่าเศร้าอยู่แล้ว
อีกนานแค่ไหนนะที่เขาจะไปถึงดันเจี้ยนที่เขาเล็งไว้ ยูอิลฮานได้สะบัดหัวไล่ความรู้สึกแย่ๆออกไป เขาอยากที่จะสู้เร็วๆ ต่อให้เจอศัตรูที่แข็งแกร่งก็ไม่เป็นไร เขาก็แค่อยากจะสู้เท่านั้นเอง
ยังไงก็ตามลิต้าก็ได้พึมพัมอกมาราวกับรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
[นี่มันอันตราย] (ลิต้า)
[อะไรนะ?] (เอิลต้า)
เอิลต้าดูจะไม่สังเกตุเห็นอะไรเลย ยูอิลฮานได้หยุดลงและหันกลับไปถามลิต้า
"มันคืออะไร? มีมอนสเตอร์คลาส 4 อยู่ใกล้ๆนี้หรอ?"
[ประมาณแบบนั้น] (ลิต้า)
[เดี๋ยวนะ ฉันไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย ลิต้าเกิดอะไรขึ้นกัน?] (เอิลต้า)
[ดันเจี้ยนที่ถูกปกปิด ฉันคิดว่าเราจะเจอหางของคนทรยศแล้ว นี่มันร้ายแรงกว่าที่เราคิดไว้] (ลิต้า)
เอิลต้าได้หมดคำพูดไปกับน้ำเสียงที่จริงจังของลิต้า เนื่องจากว่าเธอไม่เคยได้ยินลิต้าพูดแบบนี้มาก่อน
ในทางกลับกันยูอิลฮานได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก
"ฟู่ ฉันสงสัยอยู่เลยว่ามันจะมาเมื่อไหร่ โชคดีนะที่คราวนี้ฉันได้รู้ก่อน"
[การที่คุณโล่งใจในส่วนนี้นี่มันแปลกมาก!] (เอิลต้า)
เอิลต้าได้ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ แต่ว่ายูอิลฮานได้ตอบกลับยิ้มๆ
"เธอหมายถึงอะไรนะ? มันทำให้ต่างกันมากเลยนะ"
มันต่างไปจากตอนที่เขาสู้กับเรต้าคาร์อิฮ่าห์
ความจริงที่ว่าการปกปิดตัวตนยังคงอยู่มันต่างกันมาก ยูอิลฮานได้รู้ว่าวิกฤตได้มาถึงและเขาก็จะได้เปิดก่อน
ความหมายนั่นก็คือศัตรูของเขาจะไม่รู้ในตัวเขานั่นเอง