ประกาศิตรัก : ตอนที่ 53-54 : คนที่ซ่อนอยู่ในความทรงจำ (3-4)
ตอนที่ 53 – คนที่ซ่อนอยู่ในความทรงจำ (3)
“นี่เธอกำลังจะบอกพี่ว่า รายชื่อบุคคลต่างๆที่พี่ติดต่อมาร่วมสองปี ถูกถังหยวนยึดไปภายในเวลาเพียงไม่ถึงสามเดือนอย่างงั้นเหรอ?” ความโกรธปรากฏอยู่ในคำถามของซ่งจิงเฉินอย่างชัดเจน
ผู้ช่วยของเธอเงยหน้าแอบมองซ่งจิงเฉินอย่างระมัดระวัง ก่อนจะพยักหน้านิดๆ และตอบเบาๆว่า “ใช่ค่ะ”
ราวกับได้ยินเรื่องตลกที่สุดในโลก ซ่งจิงเฉินหัวเราะเบาๆในลำคอ แต่เพราะในห้องเงียบสนิท เสียงหัวเราะเบาๆของเธอจึงดังมากกว่าปกติ ผู้ช่วยของเธอถอยหลังไปสองสามก้าว ซ่งจิงเฉินโบกมือเป็นสัญญาณให้ผู้ช่วยออกไปได้ ด้วยท่าทีที่เป็นปกติที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ แต่เมื่อประตูปิดลง เธอก็ถอนหายใจเสียงดัง..
ถังหยวน.. ถังหยวน.. ชื่อนี้ได้เข้ามาวนเวียนอยู่ในชีวิตของเธอเมื่อแปดปีที่แล้ว และในช่วงระยะแปดปีมานี้ เมื่อใหร่ก็ตามที่ชื่อนี้ถูกกล่าวถึง เรื่องราวเลวร้ายก็มักจะตามมา
ครั้งแรกที่มองพาดหัวข่าวพวกนั้น.. เธอเองยังไม่ทันได้สังเกตุอะไร แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าหัวข้อข่าวทั้งแปดนั้น อย่างน้อยห้าหัวข้อในนั้นก็มาจากแหล่งข่าวของเธอ.. เฮอะ.. นี่เธอพักร้อนไปเพียงแค่สามเดือน โลกทั้งโลกถึงกับเปลี่ยนไปเมื่อเธอกลับมา
เธอรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า.. ถังหยวนนั้นต้องการเป็นผู้ประกาศข่าวเช่นเดียวกับเธอ เธอน่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าผู้หญิงใจร้ายอย่างถังหยวนจะเขี่ยเธอทิ้งทันทีที่ถึงคราวขาลงของเธอ ดังนั้น.. ไม่มีทางที่เธอจะปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไป
แต่ซ่งจิงเฉินไม่คิดว่าถังหยวนจะโหดร้ายถึงขั้นทำให้เธอไม่เหลืออะไรเลย.. แต่เธอคิดว่าจะกำจัดคนอย่างซ่งจิงเฉินไปได้ง่ายๆอย่างงั้นเหรอ?
สายตาของซ่งจิงเฉินเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม.. ถังหยวนประเมินความสามารถของตัวเองไว้สูงเกินไป ถ้าคนอย่างซ่งจิงเฉินสามารถใช้เวลาเพียงหนึ่งปีในการทำลายสถิติพาดหัวข่าวหกฉบับติดต่อกันของผู้ประกาศข่าวคนเก่าได้ล่ะก็ เธอก็สามารถทำแบบเดียวกันนี้กับถังหยวนได้เช่นกัน และในเวลาที่สั้นกว่าด้วย..
เมื่อซ่งจิงเฉินสามารถควบคุมอารมณ์ให้ปกติได้แล้ว เธอก็ออกจากห้องทำงานเพื่อไปเข้าห้องน้ำ ระหว่างทาง.. เพื่อนร่วมงานหลายคนพากันทักทายเธอ แต่เมื่อเธอเดินผ่านไป พวกเขาก็เริ่มซุบซิบนินทากัน
“ซ่งเอ็มไพร์ล้มแล้วสินะ.. นี่ก็หมายความว่าซ่งจิงเฉินก็ไม่ได้เป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยอะไรแล้วสิ..”
“ใช่แล้ว.. เมื่อก่อนตอนเธอมาทำงานเธอดูอู้ฟู่กว่านี้ แล้วดูตอนนี้สิ.. เธอดูธรรมดาพื้นๆมากเลย..”
“ได้ยินว่าวันนี้เธอนั่งรถแท๊กซี่มาทำงาน...”
“แล้วรถเฟอรารี่ของเธอล่ะ? เธอขายไปแล้วเหรอ?”
เพื่อนร่วมงานของเธอบางคนพูดเสียงดัง จนบางส่วนของบทสนทนาลอยไปเข้าหูของซ่งจิงเฉิน แต่เธอก็ทำเหมือนว่าไม่ได้ยินอะไร และยังคงใส่รองเท้าส้นแหลมเดินตรงไปที่ห้องน้ำอย่างสง่างาม
เมื่อซ่งจิงเฉินออกมาจากห้องน้ำ.. ผู้หญิงร่างบอบบางที่กำลังเติมหน้าอยู่ที่เค้าน์เตอร์ยืนหันหลังให้เธอ
เมื่อหญิงสาวได้ยินเสียงที่ดังอยู่ด้านหลังของเธอ เธอจึงเงยหน้าขึ้นมอง และสบตาซ่งจิงเฉินในกระจก.. เธอคือถังหยวนนั่นเอง
ทั้งคู่สบตากันอยู่ราวครึ่งนาทีก่อนที่ซ่งจิงเฉินจะเดินไปยืนอยู่ข้างถังหยวน เธอเปิดก๊อกน้ำและค่อยๆล้างมืออย่างสบายๆ
ถังหยวนมองกระจกยื่นริมฝีปากออกเพื่อทาลิปสติก.. จากนั้นเธอก็เหลือบมองซ่งจิงเฉินด้วยหางตาก่อนจะอ้าปากพูด.. “ซ่งจิงเฉิน.. บอกฉันซิว่าเธอรู้สึกยังไงที่ถูกแย่งของอีกครั้ง?”
ตอนที่ 54 – คนที่ซ่อนอยู่ในความทรงจำ (4)
-อีกครั้งอย่างงั้นเหรอ..- ซ่งจิงเฉินกำมือแน่นเมื่อได้ยินคำนี้ แต่ก็กลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว เธอยังคงล้างมือต่อและพูดโดยไม่มองถังหยวนว่า “การขโมยไม่ใช่เรื่องแปลกในวงการสื่อ.. สำคัญที่ว่าจะรักษามันไว้ได้นานแค่ใหน เธอเห็นด้วยไม๊?”
ถังหยวนเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของซ่งจิงเฉินดี.. –ถ้าเธอขโมยไปจากฉันได้ ก็คอยดูว่าฉันจะขโมยมันกลับคืนมา!-
ริมฝีปากของถังหยวนโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ไม่สู้จะเบิกบานนักและถามขึ้นว่า “ซ่งจิงเฉิน.. เธอคิดว่าเธอยังมีโอกาสที่จะเอาทุกอย่างจากฉันกลับไปอย่างงั้นหรือ? ตอนนี้ซ่งเอ็มไพร์ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว และเธอก็ไม่ได้เป็นเจ้าหญิงแห่งซ่งเอ็มไพร์อีกต่อไป เธอคิดว่าคนที่พี่ชายของเธอเคยหนุนหลังอยู่ คนพวกนั้นเขาจะยังแคร์เธออยู่อย่างงั้นหรือ?”
“ฉันจะบอกความจริงให้นะ.. คนพวกนั้นแทบอดทนรอที่จะไปจากเธอไม่ได้ ไม่มีพี่ชายของเธอแล้ว เธอก็ไม่เหลืออะไรอีก ยิ่งไปกว่านั้น.. ตอนนี้ซ่งเอ็มไพร์ก็ถูกบังคับให้ถอนหุ้นออกจากสถานี เธอคิดว่าท่านประธานของสถานีนี้จะยังต้องการเธออยู่หรือ ถ้าเธอไม่ใช่ลูกสาวของผู้ถือหุ้นอีกต่อไป?”
“นับจากวันนี้ไป.. เมื่อไม่มีใครคุ้มหัวเธอเหมือนเมื่อก่อน ฉันเกรงว่าอีกไม่นานเธอคงต้องไปให้พ้นจากสายตาฉันจริงๆแล้วสิ”
“เธอพูดถูกต้องแล้วล่ะ.. ตอนนี้ครอบครัวของฉันก็ไม่แข็งแกร่งเหมือนเมื่อก่อนแล้ว” ซ่งจิงเฉินพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของถังหยวน จากนั้นก็ดึงกระดาษชำระออกมาเช็ดมือให้แห้งอย่างช้าๆก่อนที่จะโยนมันลงไปในถังขยะ แล้วจึงหันมาเผชิญหน้ากับถังหยวนช้าๆ “แต่เป็นแบบนี้ก็ดีไม่ใช่เหรอ.. ต่อไปเธอก็จะได้ไม่เอาเรื่องครอบครัวของฉันมาอ้าง เวลาที่เธอแพ้ฉันอีก”
ซ่งจิงเฉินยิ้มสดใสให้กับถังหยวนก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไป แต่เดินไปได้เพียงสองก้าวเธอก็หยุดเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วหันกลับมาหาถังหยวน..
“อ่อ.. แล้วเรื่องที่ฉันจะไปให้พ้นสายตาเธอหรือไม่นั้น.. ฉันขอบอกเธอไว้ตรงนี้เลยว่า.. ฉันจะไปหรือไม่ไปนั้น เป็นการตัดสินใจของฉันเองเท่านั้น ไม่ใช่เธอ..”
ซ่งจิงเฉินฉีกยิ้มให้ถังหยวน.. เผยให้เห็นฟันขาวเรียงกันเป็นแถว ก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำและเดินออกไป
อาจเป็นเพราะเธอเป็นผู้ที่ได้พูดประโยคสุดท้ายในการปะทะคารมกับถังหยวนครั้งนี้.. ซ่งจิงเฉินจึงรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากระหว่างทางเดินกลับไปยังห้องทำงาน และเพียงไม่นานเธอก็ได้รับโทรศัพท์จากจินยี่หนาน
วันนี้เป็นวันเกิดของเธอและจินยี่หนานก็รับปากจะมาฉลองวันเกิดกับเธอบ่ายนี้ เมื่อซ่งจิงเฉินรับสาย.. เธอจึงได้ยินเสียง “สุขสันต์วันเกิด” ดังมาจากปลายสาย และก่อนที่เธอจะทันได้พูดอะไร เขาก็ถามขึ้นมาว่า.. “ซ่งซ่ง.. บ่ายนี้เธออยากกินอะไร?”
คำตอบของซ่งจิงเฉินช่างไร้ประโยชน์... “อะไรก็ได้..”
จินยี่หนานหัวเราะราวกับเดาคำตอบได้อยู่แล้ว.. เขาจึงถามต่อว่า “ที่โรงแรมปักกิ่งดีไม๊?”
“ก็ดีค่ะ..” ซ่งจิงเฉินเห็นด้วยทันที
“งั้นตกลง.. เดี๋ยวพี่จะมารับเธอที่บริษัทตอนสิบเอ็ดโมงครึ่ง”
“แล้วพบกันค่ะ..” ซ่งจิงเฉินตอบ และรอจนจินยี่หนานวางสายไปเธอจึงค่อยวางสาย เมื่อใกล้สิบเอ็ดโมง ซ่งจิงเฉินจึงลุกไปเข้าห้องน้ำอีกครั้งเพื่อแต่งหน้าแต่งตา..
และเมื่อซ่งจิงเฉินออกจากห้องน้ำมาก็ราว 11.32 น.แล้ว เธอจึงรีบเก็บของใส่กระเป๋าและตรงไปยังลิฟท์อย่างรีบเร่ง