ตอนที่ 14 คำโกหกและข่าวลือ
ตอนที่ 14 คำโกหกและข่าวลือ
สำหรับหวังลิ่ง การใส่ความทรงจำปลอมเข้าไปมันวิธีที่ได้ผลดีที่สุด เปรียบเทียบกับการลบความทรงจำแล้วมันเป็นวิธีที่เหมาะสมกับเขามากกว่า
การลบความทรงจำอาจจะสร้างช่องว่างของความทรงจำในสมอง ในขณะที่การใส่ความทรงจำปลอม จะไม่ส่งผลให้พวกเขาเหล่านั้นรู้สึกว่าตัวเองได้หลงลืมอะไรไปหรือเปล่า และจะไม่ส่งผลเสียแก่สภาพร่างกายและจิตใจอีกด้วย
โชคดีไม่ดีสำหรับเขาสักเท่าไหร่ เขาไม่สามารถเลือกว่าจะใส่อะไรลงไปในความทรงจำของซุนหรง เขาจึงใส่ความทรงจำที่ทำให้เธอนั้นแค่ไม่สามารถอธิบายรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้
หวังลิ่งทำให้ซุนหรงลืมเรื่องของเขาที่เป็นคนช่วยเธอ และไม่กล่าวถึง “ดอกบัวไฟแห่งความโกรธ” แต่กลับใส่ความทรงจำที่ว่า มีคนผู้หนึ่งที่แข็งแกร่งเป็นคนช่วยเธอไว้
ผลที่ได้ก็คือ เธอก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าใครที่เป็นคนช่วยเธอและหวังลิ่ง
เริ่มอาทิตย์ที่2ของการเรียน หวังลิ่งได้ยินข่าวซุบซิบและข่าวลือต่างๆนาๆจากคนภายในห้องเรียน
ลี้ฉวนจิง “ฉันได้ข่าวว่าหวังลิ่งและซุนหรง บังเอิญเจอ2นักฆ่าในตอนที่พวกเขากำลังเดต!”
เช็นเฉา “ฉันได้ยินว่าหวังลิ่งและซุนหรงไปเดตกัน และบังเอิญเจอคนร้าย2คน และพวกเขาถูกช่วยโดยคนผู้หนึ่งที่แข็งแกร่งมาก”
มาสเตอร์ดูปี้ “ฉันได้ยินว่าหวังลิ่งและซุนหรุงไปเดตกัน ไปดูปืนใหญ่จากคนที่แข็งแกร่งและมีชื่อเสียงคนหนึ่ง”
ดูปี้ “ฉันได้ยินว่าหวังลิ่งและซุนหรงไปเดต คนร้าย2คนจะมาลักพาตัวพวกเขา และถูกส่งขึ้นฟ้าด้วยคนที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง”
หลินเสี่ยวหยู “ฉันได้ยินว่าหวังลิ่งและซุนหรุงไปเดต พวกเขาบังเอิญเจอคนร้าย2คน ซึ่งถูกส่งขึ้นฟ้าไปด้วยปืนใหญ่ของเพื่อนหวังลิ่งซึ่งแข็งแกร่งมาก...”
“พวกนาย พอได้แล้วน่า!” หวังลิ่งพูดขึ้นเพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นหยุดพูดถึงอุบัติเหตุครั้งนั้น
และทำให้ บุคคลผู้แข็งแกร่ง ผู้นั้นกลายเป็นปริศนาของนักเรียนเหล่านี้
.......................
ถ้าพูดถึงข่าวลือ มีคนอยู่คนหนึ่งที่ต้องกล่าวถึง - อาจารย์ประจำวิชาประวัติศาสตร์ หวังซูคัง อาจารย์เป็นคนที่ถูกตั้งให้เป็นที่ชื่นชอบของเหล่านักเรียนมาอย่างยาวนาน เหล่านักเรียนชอบวิธีการสอนที่มีสไตล์เก่าแก่ของเขา
อาจารย์หวังซูคัง หรือที่นักเรียนเรียกกัน “อาจารย์วัตถุโบราณ” เพราะว่าเขานั้นรู้เรื่องตำนานหรือข่าวลือในประวัติศาสตร์มากมาย แตกต่างจากที่บันทึกไว้ในหนังสือเรียน
เหล่านั่นเรียนได้รู้ถึงเรื่องราวที่ไม่ได้ผ่านการปรุงแต่งอย่างในหนังสือและพวกเขาก็มีความอยากรู้เกี่ยวกับข่าวลือพวกนั้นเพิ่มขึ้นไปอีก เปรียบเทียบกับหนังสือประวัติศาสตร์ที่น่าเบื่อ พวกเขาดูจะตั้งใจเรียนในวิชาของอาจารย์หวังซูคังเพราะพวกเขาได้รู้ในสิ่งที่ไม่มีบันทึกไว้ในหนังสือเรียน
เมื่อเวลาคาบเรียนผ่านไป “อาจารย์วัตถุโบราณ” ก็ได้ฉายาใหม่เป็น “อาจารย์เซียนแห่งข่าวลือ”
สำหรับเหล่านักเรียนข่าวลือหรือตำนานของประวัติศาสตร์ผู้ฝึกตน มันควรค่าแก่การให้ความสนใจ
และอาจารย์คัง ก็ชอบที่จะเล่าเรื่องราวแปลกๆให้พวกเขาฟังในระหว่างที่กำลังสอนเนื้อหา ซึ่งทำให้บรรยากาศภายในห้องเรียนดูไม่น่าเบื่อ
ด้วยบรรยากาศภายในห้องเรียนดูมีชีวิตชีวาจึงทำให้ไม่รู้สึกง่วงนอน แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีนักเรียน1-2คน ซึ่งนั่งผงกหัวอยู่ท่ามกลางเสียงหัวเราะของนักเรียนคนอื่นๆ
สิ่งที่น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวคือวิชาประวัติศาสตร์มีเพียง1คาบต่อสัปดาห์เท่านั้น
ซึ่งผลลัพธ์ก็คือ เหล่านักเรียนมาเข้าเรียนตรงเวลาและตั้งใจเรียนในวิชาประวัติศาสตร์ เมื่อถึงคาบวิชาประวัติศาสตร์ก่อนสัญญาณเตือนเข้าห้องเรียนจะดัง นักเรียนทุกคนก็เข้านั่งประจำที่รออาจารย์คังเข้าห้องเรียน
“ก่อนหน้านี้ เรากำลังพูดถึง การพัฒนาของทีวีโชว์ภายในประเทศ ก่อนจะเริ่มสอน นักเรียนคนไหนที่ยังไม่ได้กินข้าวเช้ามา สามารถแอบกินขนมปังได้ถ้าอาจารย์ไม่เห็น แต่ถ้าอาจารย์เห็นขนมปังของนักเรียนต้องเป็นของอาจารย์ เพราะอาจารย์ก็ยังไม่ได้กินข้าวเช้ามาเหมือนกัน”
เมื่อนักเรียนได้ยินว่าอาจารย์หวังซูคังยังไม่ได้กินอาหารเช้ามา เหล่านักเรียนก็แย่งกันให้ขนมแก่อาจารย์จากใต้โต๊ะและกระเป๋า
“นี่พวกเธอจะทำให้อาจารย์ละเมิดกฎหรือยังไง? มันไม่ถูกต้อง! มีที่ไหนอาจารย์กินขนมในระหว่างที่กำลังสอน?”
อาจารย์หวังซูคังพูดอย่างจริงจัง แต่ในมือของเขานั้นยื่นออกไปรับป๊อกกี้ จากเหล่านักเรียนข้างหน้าเขา เขาพูดขึ้น “แค่ครั้งเดียวนะ มันเสียมารยาทที่จะปฏิเสธขนมเหล่านี้”
นี่คงเป็นตัวอย่างของคำที่ว่า “ปากกับใจไม่ตรงกัน”
กินป๊อกกี้ในขณะที่กำลังสอนภายในห้อง - มันได้หรออาจารย์!
“จนถึงตรงนี้ มีใครสงสัยอะไรไหม?” อาจารย์หวังซูคังยืนบนเวทีหน้าชั้นเรียน ขณะที่ในมือข้างหนึ่งยังคงถือป๊อกกี้ราวกับว่าเขากำลังคีบบุหรี่
มีนักเรียนคนหนึ่งยกมือขึ้น “อาจารย์ครับ เมื่อกี้อาจารย์พูดเร็วไปผมยังคงไม่เข้าใจตรงไหนที่เราควรจะเน้นครับ”
“อืม...ตรงนี้ใช่ไหม เอาหล่ะเดี๋ยวอาจารย์จะอธิบายให้ฟัง ทุกคนเปิดไปหน้า10ของหนังสือ เกี่ยวกับการเดินทางขององหญิงไข่มุก และ การเดินทางไปตะวันตก จุดที่ต้องไฮไลท์ในบทนี้”
“หน้า11 เรื่องนี้ทำให้เกิดการพัฒนาของหนังแนวโรแมนติก จากการทำแท้งที่ไม่มีทีท่าว่าจะลดลงก็ทำให้เกินการยกเลิกฉากจูบ...”
“หน้า12 นี่เป็นการพัฒนาของละครแฟนตาซี จากการแต่งตัวที่ดูจะเวอร์เกินไปในหนัง”
“หน้า13 เกี่ยวกับละครแนวมีภรรยาหลายคน เกี่ยวกับคนในราชวงศ์มีนางสนมหลายคนสร้างความร้าวฉานขึ้นภายในครอบครัว”
“หน้า14 เกี่ยวกับละครที่ใช้ความรุนแรง จากฉากที่ใช้ปืนใหญ่พลังวิญญาณยิงออกไปฉีกร่างศัตรูเป็นชิ้นๆ”
“จากทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นจุดสำคัญที่จำเป็นต้องรู้ในบทนี้ ขอให้ทุกคนแน่ใจว่าจดครบถ้วน”
ในขณะที่เขากำลังพูดนั้น เขาก็จัดการเช็ดมือและเก็บซองขนมป๊อกกี้จากนั้นจึงพูดขึ้น “เอาหล่ะ เรามาเริ่มเรื่องขององค์หญิงไข่มุกกันต่อ”
ก่อนที่อาจารย์คังจะเริ่มเล่าเรื่องอย่างเป็นทางการณ์ นักเรียนภายในห้องต่างดีใจและโห่ร้องชื่อชมอาจารย์
“สุดยอดไปเลยจารย์คัง!”
“อาจารย์คังจงเจริญ!”
“อะแฮ่ม!”
อาจารย์คังกระแอมเบาๆ และทุกคนภายในห้องก็เงียบเพื่อที่จะรอฟังสิ่งที่อาจารย์กำลังจะสอน
“อาจารย์คิดว่าพวกเธอทุกคนคงเคยดูละครทีวีเรื่อง”องค์หญิงไข่มุก“มาก่อน แต่ในมุมของคนที่เป็นแฟนตัวยงของชิ้นงานดั้งเดิม อาจารย์แนะนำว่าให้ศึกษาในตัวเนื้อเรื่องจะดีกว่า ในห้องสมุดโรงเรียนก็มีชิ้นงานดั้งเดิมเก็บไว้เหมือนกัน ถ้าหากใครสนใจสามารถไปหาอ่านได้ อย่างทุกคนทราบเมื่อตอนสิ้นสุดสงครามพลังชี่ รอยแตกของมิติได้ดูดกลืนโลกไปส่วนหนึ่งและได้พัฒนาพลังวิญญาณในตัวผู้ฝึกตนเป็นดั่งพลังชนิดที่2ภายในร่างกาย แต่จากการค้นคว้าพบว่าเมื่อรอยแตกของมิติได้ปิดตัวลงไป พลังวิญญาณของโลกก็ยังคงถูกดูดกลืน และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของเจ้าหญิง!”
ดวงตาของอาจารย์คังส่องประกาย
“มาพูดถึงประวัติของเจ้าหญิงกันก่อน เจ้าหญิงเกิดมาด้วยสภาพไม่ปกติ เธอไม่มีชื่อเสียงเลยแม้แต่น้อยในยุคสงครามพลังชี่ แต่เพราะความดื้อรั้นและความไม่ยอมคน ทำให้เธอนั้นยืนหยัดเป็นจุดศูนย์กลางของเหล่าผู้ฝึกตนตั้งแต่ต้นยันจบและสามารถไปยืนอยู่จุดสูงสุดได้ ในตอนนั้นทางเดียวที่จะผนึกรอยแตกของมิติคือการหาไข่มุกต้องสาปทั้ง10เม็ด ซึ่งหลบซ่อนอยู่ตามที่ต่างๆบนโลก และท้ายที่สุดเธอก็สามารถรวบรวมมันจนครบและปิดผนึกรอยแตกของมิติ...และนั่นก็ทำให้เรื่องราวของเธอถูกสร้างขึ้นเป็นละคร”องค์หญิงไข่มุก“นี่ก็เป็นเรื่องเล่าทั้งหมดของเธอ...”
เมื่ออาจารย์คังพูดจบ ก็มีเสียงปรบมือดังสนั่นทั่วทั้งห้องแก่เรื่องเล่าที่ยอดเยี่ยมในวิชาประวัติศาสตร์นี้
องค์หญิงคนนี้ได้เก็บรวบรวมไข่มุกต้องสาปจากทั่วทุกมุมโลกด้วยความตั้งใจที่เด็ดเดี่ยว! สมแล้วที่ได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดนักฝึกตนหญิงในยุคนั้น!
ความรู้สึกของนักเรียนทุกคนหลังจากจบคาบเรียนเต็มไปด้วยความสนุกและเต็มไปด้วยความชื่นชมต่อตัวองค์หญิง