ตอนที่ 75 สู้เพื่อจุดสูงสุด
จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ ตอนที่ 75 สู้เพื่อจุดสูงสุด
จิงหวู่จื้อมีพลังของจอมยุทธระดับรวมธาตุขั้นเก้าและมีทักษะยุทธระดับเหลืองขั้นสูงซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่จอมยุทธระดับรวมธาตุจะสามารถใช้ได้ ยิ่งกว่านั้นมันยังสามารถสร้างปราณได้ถึงสองอัน ดังนั้นในหมู่จอมยุทธระดับรวมธาตุแล้ว มันเป็นคนที่เกือบจะเรียกได้ว่าราชาที่แท้จริง
แต่โชคร้ายที่คู่ต่อสู้ของมันคือหลิงฮัน!
ปราณดาบสี่เล่มเทียบเท่ากับการเป็นราชาที่แท้จริงของระดับพลังบ่มเพาะนี้
จิงหวู่จื้อรู้สึกราวกับมันกำลังปะทะกับฉีฮวงเย่อีกครั้ง ความแตกต่างเดียวคือฉีฮวงเย่จะแข็งแกร่งกว่าในด้านของพลังโจมตี แต่ในด้านอื่น หลิงฮันไม่ได้ด้อนกว่าฉีฮวงเย่แม้แต่น้อย ในความเป็นจริง ความเร็วในการตอบโต้ของหลิงฮันเรียกได้ว่ายอดเยี่ยมกว่าฉีฮวงเย่ด้วยซ้ำ
นี่ใช่ชายหนุ่มอายุสิบเจ็ดปีจริงๆรึ?
พรสวรรค์ของเขาจะน่ากลัวเกินไปแล้ว!
จนในที่สุดจิงหวู่จื้อก็ยอมละทิ้งความคิดที่จะแก้แค้น มันถึงขั้นตัดสินใจว่าจะไปขอโทษโทษหลิงฮันพร้อมกันน้องชายของมัน และลบล้างความรู้สึกแย่ๆระหว่างพวกมันกับหลิงฮันทิ้งให้หมด
เป็นเพราะในอนาคตหลิงฮันจะต้องประสบความเร็จที่สูงมากแน่ๆ และสามารถรับประได้เลยว่าเขาจะต้องกลานเป็นตัวตนที่อยู่เหนือจิงหวู่จื้อแน่นอน ในเมื่อไม่มีทางที่มันจะกำจัดศัตรูเช่นนี้ทิ้งได้ ดังนั้นความคิดที่ดีที่สุดก็คือต้องไปพัฒนาความสัมพันธ์กับอีกฝ่ายให้ดีขึ้น
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป ในครั้งนี้นอกจากทักษะโลหิตหมาป่าเดียวดายและคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ หลิงฮันได้ใช้ความสามารถทุกๆที่เขามี ซึ่งทำให้เขาได้สนุกกับการต่อสู้อย่างเต็มที่ แต่น่าเสียดายที่เมล็ดก่อเกิดห้าธาตุเผาผลาญปราณก่อเกิดในอัตราความเร็วที่สูงมาก ทำให้เขาไม่สามารถต่อสู้ได้อย่างยืดเยื้อเท่าไหร่
...ถ้าเขาได้รับหญ้าแสงจันทรามา มันจะช่วยขยายพื้นที่ในตันเถียนของเขาได้หลายเท่า
หลังจากปะทะกันได้มากกว่าร้อยกระบวนท่า ทั้งสองคนคนยังคงต่อสู้กันได้อย่างสูสี
จิงหวู่จื้อคิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ‘เบื้องหลังของหลิงฮันมีนักปรุงยาระดับดำสามคนอยู่ และไม่ว่าอย่างไร...’ เป็นดังเช่นเหล่าคนก่อนหน้านี้ มันเลือกที่จะจงใจยอมแพ้เพื่อสร้างความพึงพอใจให้หลิงฮัน และหลังจากนี้หากมันพาน้องชายของมันไปขอโทษหลิงฮัน อาจจะสามารถลบล้างความรู้สึกแย่ๆระหว่างพวกมันได้ง่ายขึ้น
“น้องชายหลิงช่างโดดเช่นในวิถียุทธยิ่งนัก ข้าขอยอมแพ้!” มันก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว และประสานมือประกาศยอมแพ้
การเคลื่อนไหวของหลิงฮันเริ่มจะเชื่องช้าลงแล้ว และเขากำลังจะโคจรทักษะโลหิตหมาป่าเดียวดายเพื่อโค่นอีกฝ่ายลงในพริบตา เขาไม่เคยคิดเลยว่าจิงหวู่จื้อจะยอมจงใจยอมแพ้ เมื่อเขาเห็นท่าทางเป็นมิตรที่อีกฝ่ายแสดงออกมา เขาจึงพยักหน้าตอบและพูด “ขอบคุณที่ช่วยชี้แนะ”
ไม่ใครก็ย่อมทำเรื่องผิดพลาดกันได้ หากเป็นไปได้ก็เป็นเรื่องดีที่จะยกโทษให้ ยิ่งกว่านั้น ความบาดหมางระหว่างเขากับจิงหวู่จื้อก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่จะไม่สามารถยกโทษให้ได้อยู่แล้ว
“พอกันที มีการยอมแพ้เกิดขึ้นอีกแล้ว”
“หรือว่าทักษะยุทธที่หลิงฮันเรียนรู้มา จะมีบางทักษะที่สามารถทำให้คู่ต่อสู้ยอมแพ้ได้?”
“ฮ่าๆๆ ถ้าเจ้ามีพรสวรรค์เช่นหลิงฮันและสามารถสร้างปราณดาบสี่อันได้ ข้าจะยอมขอยอมแพ้ต่อหน้าเจ้าเลย”
“เจ้าบ้า ปราณดาบสี่เล่มจะสามารถสร้างได้ง่ายๆที่ไหนกัน?”
โชคดีที่หลิงฮันเหลือผู้ท้าประลองอีกคนเดียวเท่านั้น ถึงแม้ฉีฮวงเย่จะประกาศยอมแพ้ พวกมันก็แค่ยอมตกตะลึงอีกเพียงครั้งเดียว
“ยอดเยี่ยม!” หลิงตงซิงกำหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้น บุตรของมันสามารถต่อสู้มาไดเขนาดนี้ มันยังจะต้องการอะไรอีก? มันนึกถึงเรื่องที่เมื่อหนึ่งเดือนก่อน บุตรของมันบอกเอาไว้ว่าเขาจะได้อันดับที่หนึ่งในการประลอง ตอนนั้นไม่รู้สึกไม่เชื่อแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้ล่ะ?
อันดับหนึ่งอยู่ใกล้แค่เอื้อม!
ถึงแม้มันจะรู้ว่าฉีฮวงเย่นั้นทรงพลังและทักษะบุตรแห่งหมัดสวรรค์สามารถเทียบได้กับปราณดาบสี่เล่ม แถมพลังบ่มเพาะของฉีฮวงเย่ยังเหนือกว่าหลิงฮัน แต่มันก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความหวังขึ้นมาในใจ
ถ้าหากบุตรของมันทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ล่ะ?
อันดับหนึ่ง!
ในเมื่อหลิงฮันสามารถมาไกลได้ขนาดนี้ ดังนั้นเขาจะต้องหวังอันดับหนึ่งเอาไว้แน่นอน ถ้าเขาไม่ทำแม้แต่ลองท้าประลองแย่งชิงอันดับหนึ่ง เขาจะต้องรู้สึกเสียใจไปตลอดชีวิตแน่
เจ้าของลานคนอื่นต่างก็ท้าประลองกัน แต่ผู้ชมที่ยังดูการต่อสู้เหล่านั้นอยู่มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทุกคนล้วนแต่รอให้หลิงฮันฟื้นฟูพลังเพื่อท้าประลองการต่อสู้สุดท้ายจนแทบจะลืมหายใจ
หลิงฮันจะสร้างปาฏิหาริย์ได้อีกครั้งและกลายเป็นม้ามืดที่แข็งแกร่งที่สุดในการประลองต้าหยวนครั้งนี้หรือไม่? หรือจะเป็นองค์ชายสี่ที่จะได้เป็นคนหัวเราะคนสุดท้าย?
หลิงฮันมีเวลาเหลือเฟือที่จะให้พักฟื้นฟู เพราะไม่มีกฎบอกเอาไว้ว่าเขาจะต้องท้าประลองทันทีเมื่อหมดเวลาครึ่งชั่วโมง
เขาจะต้องฟื้นฟูกลับไปยังสภาพที่ดีที่สุดก่อนที่จะท้าประลองกับฉีฮวงเย่
ถึงแม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนาน หลิงฮันก็ยังไม่ทำการท้าประลอง แต่ไม่มีผู้ชมคนใดเร่งเร้าให้เขาทำเช่นนั้น เพราะพวกมันรู้ดีว่าหลิงฮันจะต้องอยู่ในสภาพที่พร้อมที่สุดเท่านั้น เขากับองค์ชายสี่ถึงจะสามารถต่อสู้กันได้อย่างดุเดือด
หลังจากผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดหลิงฮันก็ยืนขึ้น
‘มาแล้ว! มาแล้ว!’
ผู้ชมทุกคนคิดเป็นเสียงเดียวกัน และรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“องค์ชายสี่ มาประลองกันเถอะ!” หลิงฮันกระโดดขึ้นไปบนลานประลองที่หนึ่ง และท้าทายฉีฮวงเย่
“น้องชายหลิงโปรดชี้แนะ!” ฉีฮวงเย่ยิ้มและเริ่มรู้สึกอึดอัด
เพราะอย่างไร ผู้เข้าประลองก่อนหน้านี้ต่างก็ขอยอมแพ้เพราะมีนักปรุงยาระดับดำสามคนอยู่เบื้องหลังหลิงฮัน... มันควรจะขอยอมแพ้ด้วยหรือไม่?
ถ้ามันยอมแพ้... อันดับหนึ่งของการประลองต้าหยวนครั้งนี้ที่มันรอคอยมาสามปี และหญ้าแสงจันทราสามารถช่วยให้มันก้าวไปยังระดับก่อเกิดธาตุได้ในทันที ซึ่งช่วยลดระยะเวลาบ่มเพาะของมันไปได้ถึงสองสามปีเป็นอย่างน้อย
แต่ถ้ามันไม่ยอมแพ้... คนอื่นๆต่างก็ยอมแพ้มาแล้ว และถ้ามันไม่ทำ... นั่นไม่ใช่ว่าหมายถึงมันไม่ยอมไว้หน้าหลิงฮันหรอกรึ?
ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่เท่าไหร่ แต่ฉีฮวงเย่เป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูง มันคือคนที่จะกลายเป็นเจ้าเมือง และเจ้าเมืองจะต้องเป็นที่เคารพและค้นหาเหล่าคนที่มีพรสวรรค์จากทุกที่มาคอยสนับสนุน โดยเฉพาะอัจฉริยะเช่นหลิงฮัน การที่จะมีความบาดหมางกับเขาเป็นสิ่งที่เลวร้ายมาก
แล้วจะไม่ให้ฉีฮวงเย่ตกอยู่ในสถาการณ์ที่ลำบากแบบนี้ได้อย่างไร?
จนสุดท้าย ฉีฮวงเย่ก็ตัดสินใจที่จะต่อสู้จนถึงที่สุด ถ้าเรื่องจะเลวร้ายก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไป หลังจากที่มันนำหญ้าแสงจันทราไปให้หลอมเป็นเม็ดยา มันตั้งใจว่าจะนำไปให้หลิงฮันเม็ดหนึ่ง
“โปรดชี้แนะด้วย!” หลิงฮันกวัดแกว่งดาบ ปรารดาบสี่เล่มได้ปรากฏขึ้นมา
ฉีฮวงเย่คำรามและเริ่มใช้ทักษะบุตรแห่งหมัดสวรรค์ การเคลื่อนไหวของมันดูยิ่งใหญ่ราวกับว่าหนึ่งหมัดของมันสามารถบดขยี้ได้ทุกสิ่ง และที่ยิ่งน่ากลัวกว่านั้นคือที่รอบกำปั้นของมันมีปราณหมัดอยู่ถึงสามอัน!
ผู้ชมต่างอ้าปากค้างเพราะความตกตะลึง กลับกลายเป็นว่าก่อนหน้านี้ ฉีฮวงเย่ยังไม่ได้ใช้พลังออกมาทั้งหมด และนี่คือพลังที่แท้จริงขององค์ชายสี่!
แข็งแกร่งยิ่งนัก แล้วแบบนี้หลิงฮันจะไปชนะได้อย่างไร? ต่อให้คู่ต่อสู้ของฉีฮวงเย่เป็นคนที่ใกล้จะทะลวงผ่านระดับก่อเกิดธาตุ มันก็ยังใม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉีฮวงเย่อยู่ดี
“ปัง! ปัง! ปัง!”
หลังจากรับมือกับหมัดที่รุนแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลิงฮันได้ถูกทำให้ถอยหลังอย่างต่อเนื่อง อย่างๆรก็ตาม ถึงแม้เขาจะเผชิญหน้ากับการโจมตีเช่นนี้ ร่างกายของเขาก็ไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย
กายาต้นไม่มรณะ!
หลิงฮันชะงักเล็กน้อย ถ้าเลือดของเขาไม่ไหลออกมา เขาจะเริ่มโคจรทักษะโลหิตหมาป่าเดียวดายได้อย่างไร? กลับกลายเป็นว่าพลังป้องกันของเขาแข็งแกร่งเกินไปจนขัดแย้งกับการใช้ทักษะโลหิตหมาป่าเดียวดาย
เขาอ้าปากและกัดลิ้นตัวเองอย่างรุนแรง เกิดรสชาติของเลือดขึ้นในปากของเขาทันที ในที่สุดเขาก็เลือดออก
“ฟูม” เมล็ดก่อเกิดห้าธาตุทั้งสี่เมล็ดในร่างของเขาเริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว ทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นไปสู่ระดับใหม่
ระดับรวมธาตุขั้นเก้า!
ยิ่งระดับพลังบ่มเพาะสูงขึ้นเท่าไหร่ พลังที่ทักษะโลหิตหมาป่าเดียวดายจะเพิ่มขึ้นได้ก็น้อยลงเท่านั้น แต่แค่เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
หลิงฮันกวัดแกว่งดาบเหล็กในมือ และใช้เพลงดาบอสนีบาตฟาดฟันออกไปเต็มกำลัง
“ปัง ปัง ปัง ปัง... ตูม ตูม ตูม ตูม” ทั้งสองคนเข้าปะทะกันอย่างดุเดือดและแสดงพลังของตนเองออกมาเรื่อยๆ
“พระเจ้า ระดับรวมธาตุกลับสามารถทรงพลังได้ถึงขนาดนี้!”
“ข้าเองก็อยู่ในระดับรวมธาตุขั้นเก้า แต่ถ้าข้าเป็นคนที่เข้าไปสู้ ข้าคงจะพ่ายแพ้ภายในสามกระบวนท่า”
“ถ้าเจ้าเอาแต่เปรียบเทียบตัวเองกับคน มันจะทำให้เจ้าอารมณ์เสียซะเปล่าๆ เหล่าคนรุ่นใหม่กำลังจะทำแทนคนรุ่นเก่าในไม่ช้า”
“พวกเราแก่กันมากแล้ว ยุคสมัยนี้เป็นของคนรุ่นใหม่”
หัวหน้าตระกูลหลายคนจากเมืองหมอกเมฆาต่างก็ถอนหายใจด้วยความอ่อนเพลีย พวกมันบางคนมีอายุสามสิบและสี่สิบปี หรือแม้กระทั่งห้าสิบปีก็มี พวกมันทุกคนล้วนติดอยู่ในระดับรวมธาตุขั้นเก้า และไม่สามารถทะลวงผ่านไปได้เป็นเวลานานแล้ว พวกมันฝึกฝนพัฒนาปราณก่อเกิดของพวกมันจนถึงขีดจำกัด แต่เมื่อมาเจอกับอัจฉริยะลุ่ยเยาว์สองคนนี้ พวกมันทำได้แค่เพียงถอนหายใจเพราะความด้อยกว่า
*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*