ตอนที่ 12 จุดชมวิวสวนตระกูลเสี่ยว
ตอนที่ 12 จุดชมวิวสวนตระกูลเสี่ยว
หวังลิ่งคำนวณขนาดที่ดินของสวนตระกูลเสี่ยวคร่าวๆมีขนาด1พันเท่าของบ้านเขา หรือเท่ากับขนมบะหมี่1พันล้านซองเทกองบนพื้น
หลังจากการก่อสร้างสวนเสร็จเมื่อหลายปีก่อน เขาก็อยากมาดูสถานที่จริงมากหากไม่ติดที่ว่าราคาตั๋วเข้าชมมันแพงหูฉี่
หรือจะพูดง่ายๆว่าเขายอมเอาเงินจำนวนนั้นไปซื้อขนมกินจะดีกว่า
การเดตนี้ไม่ใช่ไอเดียของเขา แต่เขาคิดว่ามันคงไม่เป็นไรหรอกมั้งนานๆทีเขาถึงจะมีโอกาสผักผ่อน
ที่นี่มีจุดชมวิวอยู่ไม่กี่จุด จุดชมวิวหลายจุดก็เกิดขึ้นในยุคสงครามพลังชี่ และในตอนนั้นตระกูลเสี่ยวได้สูญเสียคนไปมากสำหรับการเคลื่อนย้ายสิ่งก่อสร้างเก่าๆเข้ามายังที่แห่งนี้ และปัจจุบันสิ่งก่อสร้างเหล่านั้นส่วนหนึ่งถูกตั้งให้เป็นจุดชมวิวที่สวยติดอันดับโลก
สวนตระกูลลิ่วได้ส่งไกด์หญิงมาคอยดูแลและนำทางแก่พวกเขา เธอนำพวกเขาผ่านทางเดินสีเขียวซึ่งสร้างไว้สำหรับคนที่ถือบัตรดำ นั่นทำให้หวังลิ่งโอเคกับการเดตนี้เพราะเขาก็ไม่อยากเปิดเผยตัว
สิ่งที่ประหลาดอย่างเดียวคือพวกเขาเดินอย่างเงียบไม่มีใครพูดสักคำ ซึ่งทำให้ซุนหรงรู้สึกแย่นิดๆ
เมื่อพวกเขาถึงจุดหมาย ไกด์สาวหยุดและหันมาส่งยิ้มให้ซุนหรงและหวังลิ่ง เธอพูดว่า “คุณซุนหรงและคุณหวังลิ่งที่คะ ทางแยกข้างหน้าจะนำทางไปจุดชมวิวคนละที่ หนึ่งถ้ำจักรวาล สองผาสมบัติ และสามหินใจปีศาจ จุดไหนที่คุณทั้งสองอยากจะไปเยี่ยมชมก่อน?”
หวังลิ่งรู้แล้วว่าเขานั้นอยากไปจุดไหนแต่เขาเงียบไว้ รอซุนหรงตัดสินใจ
ดูเหมือนว่าซุนหรงจะรับได้แล้วกับการที่หวังลิ่งเป็นคนพูดน้อย เธอรู้ว่ามันยังคงอีกยาวไกลสำหรับเธอที่จะชนะใจคนคนนี้ แต่อย่างน้อยเธอก็ลากตัวเขามาสวนนี้ได้ มันนับว่าก้าวแรกที่ดีสำหรับความสัมพันธ์ของเขาและเธอ
มีจุดชมวิวทั้งหมด 3 จุด 1.ถ้ำจักวาล 2.ผาสมบัติ 3.หินใจปีศาจ
ซุนหรงเคยได้ยินชื่อเหล่านี้ แต่เธอไม่เคยไปสักที่และไม่รู้ด้วยว่าจุดชมวิวพวกนั้นมันมีอะไรดี
ก่อนที่เธอจะเลือกมาที่สวนตระกูลเสี่ยว เธอได้ค้นคว้าข้อมูลจากอินเทอเน็ตมาบ้างแล้ว แต่ได้อ่านแค่รีวิวและคอมเมนต์เท่านั้น ถ้ำจักรวาลเป็นสถานที่ยอดฮิต และเป็นที่ที่นิยมไปกับชายหนุ่ม
“มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะชวน(ลาก)นายมาได้นะหวังลิ่ง ดังนั้นฉันต้องทำให้ดีที่สุด”
สุดท้าย เธอก็เลือกสถานที่ที่อาจจะทำให้หวังลิ่งพอใจ เธอจึงตัดสินใจเลือกสถานที่ “ถ้าอย่างงั้นเราไปถ้ำจักรวาลกันก่อน!”
“รับทราบค่ะ คุณซุนหรง”
ไกด์สาวพยักหน้า
หวังลิ่งและซุนหรงขึ้นรถบัสที่จัดเตรียมไว้สำหรับพวกเขาที่ทางแยก และพวกเขาก็มุ่งหน้าผ่านเส้นทางสีเขียวไปยังจุดชมวิว
เมื่อรถบัสมาถึงจุดที่มีป้ายหินเขียนไว้ว่า “ถ้ำจักวาล” ซุนหรงถามขึ้นอย่างสงสัย “ทำไมถึงไม่มีใครเลย?”
ไกด์หญิงยิ้มรับ “จริงๆแล้ว ถ้ำจักรวาลปิดปรับปรุงในวันนี้ แต่คุณซุนหรงถือบัตรดำเลยเป็นข้อยกเว้นค่ะ”
“อืมมม” ซุนหรงพยักหน้า
พวกเขาเดินตามไกด์ประมาณ50เมตรไม่นานนักก็ถึงปากถ้ำ
หวังลิ่งมองซ้ายมองขวาที่ปากถ้ำซึ่งมีลมเย็นๆพัดผ่านเขา พลังวิญญาณบางเบาแทบที่จะไม่สามารถสัมผัสได้ มันเหมือนถ้ำธรรมดาถ้ำหนึ่ง
ในช่วงยุคสงครามพลังชี่ ผนังถ้ำได้ถูกกระแสลมแซะบางส่วน นอกจากอายุของถ้ำ เขาก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรพิเศษในตัวถ้ำเลย
ถ้ำธรรมดาอย่างนี้จะกลายมาเป็นอุทยานแห่งชาติ กระทรวงการท่องเที่ยวของจีนคงตาบอดหรือมันจะมีความลับอะไรบางอย่าง...
ไกด์สาวยิ้มและจึงเริ่มการบรรยาย “เดี๋ยวไกด์จะอธิบายประวัติความเป็นมาของถ้ำให้ฟังนะคะ”
หวังลิ่งและซุนหรงพยักหน้าและตั้งใจฟัง
“ใน 2 ยุคแรกของผู้ฝึกต้น หรือที่รู้จักในยุค สงครามพลังชี่และยุคเริ่มต้นพลังวิญญาณระยะที่2 โลกในขณะนั้นยังคงอยู่ในความวุ่นวาย มนุษย์ ปีศาจและสัตว์ประหลาดอยู่ร่วมกัน ในยุคเริ่มต้นพลังวิญญาณมนุษย์ได้เปิดประตูมิติและขับไล่ปีศาจและสัตว์ประหลาดเหล่านั้น ก่อนหน้านั้นมีเหล่าผู้ฝึกตนที่บาดเจ็บจากการต่อสู้ในสงครามและพวกเขาก็หลบซ่อนตัวอยู่ภายในถ้ำแห่งนี้”
ไกด์สาวก็อธิบายต่อด้วยสีหน้าที่จริงจังขึ้น “ในยุคสงครามพลังชี่ มีสมุนไพรรักษาชนิดหนึ่งชื่อว่าหญ้าจักรวาลซึ่งสามารถพบได้ภายในถ้ำแห่งนี้ สมุนไพรชนิดนั้นมีพลังการรักษาที่น่าทึ่ง แต่ผลข้างเคียงก็คือจะทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ และด้วยความไม่รู้นักฝึกตนหญิงได้กินหญ้าจักรวาลเข้าไป ทำให้หญิงสาวเหล่านั้นเสียพรหมจรรย์ให้กับนักฝึกตนชายภายในถ้ำ เพราะฉะนั้นจึงทำให้ถ้ำนี้มีอีกชื่อนึงว่าถ้ำเลือดพรหมจรรย์ หรือถ้ำหาคู่ คู่รักผู้ฝึกตนจำนวนนับไม่ถ้วนเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ครั้งนี้”
ทันใดนั้นเองใบหน้าของซุนหรงเริ่มแดงระเรื่อ “...”
สรุปว่านี่คือเหตุผลที่ทำให้ถ้ำจักรวาลมีรีวิวเชิงบวกเยอะ? บ้าบอ!
ไกด์สาวที่ได้รับการอบรมอย่างดีจากตระกูลเสี่ยวในเรื่องการให้บริการแก่แขกชั้นสูง ที่เธอสามารถอธิบายตำนานเรื่องเล่าของถ้ำได้อย่างดีเยี่ยมไม่มีอาการเคอะเขินก็เพราะว่าเธอนั้นได้พูดเรื่องนี้มามากกว่า100ครั้ง แม้แต่หวังลิ่งยังอึ้ง -ในทีแรกเขาคิดว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องเล่าที่สำคัญ แต่เมื่อเขาฟังจบเขาก็เปลี่ยนความคิดในทันที...
ถ้ำจักรวาลไม่ใช่เพียงที่เดียวที่มีประวัติความเป็นมาที่แปลกประหลาดภายในสวนตระกูลเสี่ยวแห่งนี้
หลังจากนั้นหวังลิ่งและซุนหรงก็ได้ไปที่ผาสมบัติ หินใจปีศาจและสถานที่จัดการประมูลสมัยโบราณ สถานที่พวกนั้นถือว่าเป็นสถานที่โบราณและคลาสสิคซึ่งมีอายุกว่าพันปีควบคู่กันมากับประวัติศาสตร์ของผู้ฝึกตน
ตำนานที่ว่ามีคนกระโดดลงมาจากผาสมบัติแล้วไม่ตายจะได้รับสมบัติโบราณ ซึ่งถ้าหากอ้างอิงตามหลักวิทยาศาสตร์แล้วคนที่อ้างว่าพวกเขาได้รับสมบัติมาจริงๆ อาจจะเป็นโรคจิตเภท(Schizophrenia)*
*โรคจิตเภท Schizophrenia คือโรคที่มีความผิดของความคิดทำให้ผู้ช่วยมีความและการรับรู้ไม่ตรงกับความเป็นจริง
หินใจปีศาจเป็นที่ที่ผู้ฝึกตนในยุคโบราณมาเอ่ยคำสาบานเพราะเชื่อว่ามีปีศาจสิงสถิตอยู่ หากใครเอ่ยคำสาบานแล้วจะไม่สามารถละเมิดคำสาบานนั้นได้ แต่ในยุคพลังวิญญาณความเชื่อที่ว่ามีปีศาจสิงสถิตอยู่ในสิ่งของก็ถูกพิสูจน์และไม่มีใครเชื่อเรื่องพวกนั้นแล้ว
ในช่วงสงครามพลังชี่และพลังวิญญาณ ประวัติศาสตร์หรือเรื่องเล่ามักจะเกิดขึ้นที่งานประมูล มันเป็นยุคที่ซึ่งผู้นำครอบครัวจะไปใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายกว่าพันล้านหยวนในงานประมูล แต่จากการศึกษาทางประวัติศาสตร์จำนวนเงินเหล่านั้นมันเกินจากความเป็นจริงไปนิด
แต่มีบางเรื่องที่ดูเหมือนจะมีค่าแค่การพูดถึงอยู่ มีข่าวว่าที่งานประมูลมีตำราโบราณซึ่งบันทึกวิธีทำให้ผู้ฝึกตนสามารถสำเร็จขั้นแรกเริ่มลมปราณ เพียงแค่กินยาวิเศษ ซึ่งมันไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่สำหรับเขา
พวกเขาได้เที่ยวชมสวนตระกูลเสี่ยวทั้งหมด
หวังลิ่งและซุนหรงมีอารมณ์ที่อธิบายไม่ถูก แต่มีสิ่งหนึ่งที่พวกเขาเข้าใจเกี่ยวกับสถานที่ยอดนิยมภายในสวนแห่งนี้
สิ่งที่พวกเขาไปเยี่ยมชมทั้งหมดมันไม่ใช่แค่สถานที่…
แต่เป็นประวัติศาสตร์อันน่าอนาถและน่าอับอายของประเทศที่มีอายุกว่าพันปี...