ตอนที่ 11 เดตแรก
ตอนที่ 11 เดตแรก
ทุกวันนี้มีการเปิดรับมากขึ้นเกี่ยวกับรักในวัยเรียน รักในวัยเรียนเป็นเรื่องปกติแต่ยังไงก็แล้วแต่ต้องคำนึงถึงหลักการ “ปลอดภัยไว้ก่อน”
หวังลิ่งมั่นใจว่าเขานั้นไม่มีทางจะทำเรื่องแบบนั้น แต่เขาก็ไม่เคยบอกว่าเขาอยากจะไปเดตกับซุนหรง! (ซุนหรงไม่ดีตรงไหนแว๊ะ -ผู้แปล)
แล้วนี่มันอะไร สะกดรอยตามเขาจนถึงบ้านและแสดงตัวทั้งๆที่ไม่ได้รับเชิญ?
หายนะระดับ2...
เขารู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าหากเขาปฏิเสธการเดตครั้งนี้
อันดับแรกคงเป็นข่าวอื้อฉาวภายในโรงเรียน เขาคงตกเป็นหัวข้อการสนทนาภายในโรงเรียนโดนประณามจากทั่วทุกสารทิศ เขาเกลียดการตกเป็นเป้าแบบนั้น แต่สถานการณ์นี้จะไม่เพียงแค่ภายในโรงเรียนแต่ข่าวอาจจะแพร่กระจายไปยังโรงเรียนใกล้เคียง
มันเป็นปัญหาที่ยุ่งยาก
เขาชำเลืองมองไปที่แม่ของเขา
แม่ของเขาไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องเสียหายถ้าหากเด็กสาวคนนี้จะคิดอะไรกับลูกของเธอ ในตอนที่หวังลิ่งยังเด็ก เขาก็ไม่ค่อยจะมีเพื่อน หรือจะพูดในอีกมุมหนึ่งการที่เด็กสาวคนนี้มาชอบหวังลิ่งก็แปลว่าลูกของเธอนั้นมีเสน่พอสมควร แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือเด็กสาวคนนี้เป็นถึงหลานสาวของบริษัทม่านน้ำฮวงโหกรุ๊ป! เด็กสาวเป็นคนมาหาหวังลิ่งด้วยตัวเองซึ่งข้อนี้แม่ของหวังลิ่งรู้สึกภูมิใจ
หวังลิ่งไม่มีอะไรจะพูด แต่เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธเมื่อเห็นแม่เขาโบกมือให้แก่เขา “เดินทางปลอดภัยนะลูก ถ้าหากลูกปฏิเสธลูกจะไม่มีโอกาสได้เห็นขนมบะหมี่ของลูกอีกต่อไป!”
“...”
เมื่อผู้หญิงร่วมมือกันทำอะไรบางอย่าง พวกเขาก็มักจะกลายเป็นจอมเผด็จการอันแสนน่ากลัวแบบนี้เองสินะ
เขามองไปที่ยาบำรุงผิวในมือของแม่เขา เขาก็รู้สึกพลาดทำไมเขาถึงเปิดโอกาสให้ซุนหรงรุกมากขนาดนี้
ไม่ว่าเขาจะเห็นด้วยกับการเดตในครั้งนี้หรือไม่ เขาก็จะดึงดูดความสนใจจากทั้งในและนอกโรงเรียนอยู่ดี ที่ต่างกันก็คือถ้าหากเขาปฏิเสธเขาจะเจอจุดจบที่แย่กว่า เขาอาจจะกลายเป็นเป้าให้คนอื่นมากลั่นแกล้งและได้รับความสนใจมากกว่า
แต่ไม่ว่าเขาจะเลือกข้อไหน เขาก็เป็นเป้าสายตาอยู่ดี
ดังนั้นเขาจะรับหรือไม่รับก็ไม่ใช่ปัญหา
สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือ ทำให้การเดตนี้เงียบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
.............
เมื่อหวังลิ่งได้ขึ้นรถ เขารู้สึกเหมือนเขากำลังฝัน
ถ้าหากมันไม่ใช่ความฝันเขาคงต้องโดนยิงเข้าที่หัวในการที่ตอบรับคำเชิญนี้ รถมาเซราติ (Maserati) รุ่นลิมิเต็ด ที่มีคำว่า “ม่านน้ำฮวงโหกรุ๊ป” ติดที่ข้างรถ และซุนหรงนั่งข้างๆเขา -ราวกับว่าบริษัทม่านน้ำฮวงโหกำลังประกาศให้โลกรู้ว่าจะรับเขาเข้าเป็นลูกเขย
ลูกเขยบ้าบออะไร ที่เขาทำทั้งหมดนี่เพื่อขนมบะหมี่ของเขาต่างหาก!
นั่นเป็นสิ่งที่หวังลิ่งคิด
แต่พอเขาคิดย้อนกลับไปแล้ว ด้วยอำนาจของบริษัทแม่น้ำฮวงโหมันก็ไม่น่าจะเป็นการยากของซุนหรงที่จะระบุว่าเขานั้นอาศัยอยู่ที่ไหน
หวังลิ่งมองไปยังหมู่บ้านของเขาที่เขาค่อยๆถอยห่างออกมาจนพ้นสายตาเขา เขาสงสัยว่าเขาควรจะใช้วิชาเคลื่อนย้ายดวงดาวเพื่อย้ายหมู่บ้านของเขาไปยังที่ใดสักที่หนึ่งดีไหมเมื่อตอนเขากลับไป
“นายหวังลิ่ง ฉันไม่คิดนะว่านายจะยอมรับคำเชิญของฉัน...”
ซุนหรงยิ้มด้วยความดีใจลักยิ้มบนแก้มเธอยิ่งทำให้เธอนั้นดูสวยมาก
หวังลิ่งเม้มปาก “...” เขาจะปฏิเสธมันได้หรือยังไง?
แต่เขาก็รู้สึกแปลกใจที่ซุนหรงไม่ได้แต่งหน้า แต่ถึงเธอจะไม่ได้แต่งหน้า เธอก็ยังสวยกว่าเด็กผู้หญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เธอเป็นเหมาะกับคำว่าสวยอย่างเป็นธรรมชาติ เขากำลังชื่นชมในความสวยของซุนหรง การที่เธอมาหาที่บ้านและชวนไปเดตเหมือนกับเขาบังคับให้เธอมา มันทำให้เขารู้สึกไม่ดี
“แล้วเราจะไปที่ไหนกันดีหือนายหวังลิ่ง? นายมีที่ที่อยากไปไหม?”
หวังลิ่งส่ายหัว
ดังนั้นซุนหรงจึงตัดสินใจแทน “คุณลู่ พาพวกเราไปตำหนักตระกูลเสี่ยว*”
*ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Family compound : ในจีนจะมีบริเวณที่คนจากครอบครัวเดียวกันอาศัยอยู่ร่วมกันภายในรั้วหรือกำแพง
“ได้ครับคุณหนู”
คนขับรถตอบรับอย่างสุภาพ
ตำหนักตระกูลเสี่ยว เป็นชื่อของสวนสาธารณะที่สร้างขึ้นโดนตระกูลเสี่ยว ซึ่งมีอายุกว่าพันปีของประวัติศาสตร์ผู้ฝึกตน พื้นที่แต่เดิมทีเป็นที่อยู่อาศัย แต่เมื่อไม่กี่ปีที่แล้วพวกเขาได้ใช้วิชาเคลื่อนย้ายสิ่งก่อสร้างและตำหนักของพวกเขาออก และได้สร้างเป็นสวนสาธารณะแทนที่
ที่สวนแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันในนามพิพิธภัณฑ์ไฟศักดิ์สิทธิ์
มากกว่าพันปีแล้วตระกูลเสี่ยวได้เก็บสะสมไฟศักดิ์สิทธิ์จากทั่วโลก
แต่ในทุกวันนี้สวนแห่งนี้กลายมาเป็นพื้นที่สำหรับเดตของเหล่าคู่รัก
ในตอนเที่ยงคืนของทุกคืน จะมีการจัดแสดงพุดอกไม้เหนือทะเลสาบที่ตั้งอยู่กลางสวนสาธารณะแห่งนี้ บนเวทีกลางทะเลสาบจะมีคนจากตระกูลเสี่ยวสร้างพุดอกไม้จากการรวมไฟศักดิ์สิทธิ์2อย่างหรือมากกว่านั้นเข้าด้วยกัน
.................
ตามคำสั่งของซุนหรง คนขับรถก็นำรถมาจอดที่มุมหนึ่งของสวนสาธารณะเปิดประตูให้หวังลิ่งก่อนที่จะไปเปิดประตูให้แก่ซุนหรง และส่งบัตรดำให้
บัตรดำนั้นเป็นบัตรที่แสดงว่าคนคนนี้อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัทม่านน้ำฮวงโหกรุ๊ป ใครที่ถือบัตรใบนี้จะได้รับการดูแลระดับวีไอพี
หวังลิ่งไม่รู้มาก่อนว่าบริษัทม่านน้ำฮวงโหก็มีส่วนสำหรับการก่อสร้างสวนสาธารณะแห่งนี้
ด้วยบัตรใบนี้ไม่มีที่ใดในโลกเลยที่เธอจะไม่สามารถไปได้
เขาจึงสงสัยว่าถ้าหากใช้การ์ดใบนี้ จะใช้ซื้อขนมบะหมี่ที่เขาชอบได้ไหม
นี่แหละคือหวังลิ่ง เขาเป็นคนประเภทที่ไม่มีความมักใหญ่ใฝ่สูงเลยแม่แต่นิดเดียว...
....................
ตำหนักตระกูลเสี่ยวเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่มาก ที่ดินที่ตระกูลเสี่ยวเป็นเจ้าของขยายใหญ่ขึ้นกว่า3เท่าจาก3ยุคสมัยที่ผ่านมาก
การก่อสร้างเสร็จสิ้นในยุคสงครามพลังชี่เมื่อตอนที่ตระกูลเสี่ยวยังคงเป็นผู้นำของโลก
เวลาก็ล่วงเลยไป รอยแตกของมิติที่เกิดจากสงครามพลังชี่ ก็ทำให้พลังวิญญาณจากอีกมิติเริ่มรั่วไหลเข้ามาสู่โลก กลายเป็นยุคการเริ่มต้นของพลังวิญญาณ และความสำคัญของตระกูลเสี่ยวก็เริ่มลดลง
ยุคปัจจุบันที่หวังลิ่งกำลังอาศัยอยู่ ก็คือยุคที่3ซึ่งก็คือยุคของพลังวิญญาณ -หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ยุควิทยาศาสตร์ ของผู้ฝึกตน”
ตระกูลเสี่ยว ซึ่งผ่านมาทั้ง3ยุคสมัย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นตระกูลที่เก่าแก่ที่สุด
แม้ว่าความสำคัญของตระกูลเสี่ยวจะลดลงตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของพลังวิญญาณ แต่ก็ความเก่งกาจของตระกูลเสี่ยวในแต่ละรุ่นก็ทำให้พวกเขานั้นพัฒนาตัวเองจนสามารถนำพาตระกูลเข้าสู่ยุคพลังวิญญาณได้ ตระกูลเสี่ยวก็ยังคงติด1ใน10 มหาอำนาจของประเทศจีน ถึงแม้ว่าจะไม่มีอำนาจเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ยังเป็นตระกูลที่มีความยิ่งใหญ่และมั่นคงตระกูลหนึ่ง
เสียดายที่ไฟศักดิ์สิทธิ์ที่ตระกูลเสี่ยวเก็บสะสมมาจากทั่วทุกมุมโลก ได้สูญเสียพลังในตัวของมันเองเนื่องจากการใช้งานในยุคสงครามพลังชี่
นอกจากการที่เอาไปใช้ในการสร้างพุดอกไม้ ไฟศักดิ์สิทธิ์ก็ดูเหมือนจะไม่ได้เอาไปใช้ทำอะไรอีก
ด้วยการแสดงอันอลังการของไฟศักดิ์สิทธิ์นี้ ดูเหมือนว่าจะทำให้ภาพลักษณ์ของตระกูลเสี่ยวที่เคยเป็นมหาอำนาจในยุคผู้ฝึกตนกลายเป็นบริษัทด้านการแสดงไปเสียแล้ว...