DND.25 - ตอบแทนความเอื้อเฟื้อ
ปั้ง--
หมัดกับฝ่ามือปะทะกันทำให้เกิดเสียงดังก้องในใต้ดินอันว่างเปล่า ซือหยกระเด็นถอยกลับมาประมาณห้าเมตร ด้วยพลังฝ่ามือนั้น เขารีบอุ้มนางให้แน่นขึ้นและกระโดดเข้าถ้ำ
ฟางฉิงโจวตกตะลึง! ถึงเขาจะทำให้ซือหยูกระเด็นถอยหลัง แต่เขาก็ถูกแรงหมัดทำให้กระเด็นถอยเล็กน้อยเช่นกัน ควมเจ็บปวดแล่นผ่านฝ่ามือของเขาช่างน่ากลัวจริงๆ!
เห็นได้ชัดว่าเจ้านั่นมีพลังระดับสามขั้นสูงแต่ความแข็งแกร่งของร่างกายเทียบเท่าระดับสี่ขั้นต้น เมื่อเห็นมันเอาตัวผู้หญิงของเขาไปก็ทำให้โกรธจัด ความเร็วของระดับสี่ขั้นกลางน่ากลัวมาก เขาพุ่งไปถึงในพริบตาเดียว
ในตอนนั้นเองมีฟันสีโลหิตโจมตีเข้ามา มันระเบิดสามครั้งด้วยเพลิงอันรุนแรงและเผาไหม้ฟางฉิงโจว
ฟางฉิงโจวร้องด้วยความเจ็บปวดและกลิ้งไปมาให้เปลวเพลิงดับมอด เสื้อผ้าของเขาถูกเผา ผมและคิ้วเกือบจะถูกเบาไปหมด หลายส่วนบนใบหน้าถูกไฟคลอกอย่างหนัก ใบหน้างดงามที่สตรีอิจฉาในตอนนี้น่ากลัวราวสัตว์ประหลาด
“อ๊ากก! ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ฟางฉิงโจวเข้าไปในถ้ำ ความเจ็บปวดทำให้เขาโกรธจนคลั่ง
ซือหยูใช้โอกาสนี้ลอยลึกเข้าไปในอุโมงค์ เขาได้ยินเสียงเบาๆของฟางฉิงโจวจากด้านหลัง ซือหยูเริ่มวิตก พลังของระดับสี่ขั้นกลางช่างน่าอัศจรรย์ ยากที่จะหนีได้ด้วยเงาเมฆา
แต่อุโมงค์นี้มีความพิเศษ มันมีไอไขหยกเพลิงอยู่ซึ่งมีพลังเผาผิวหนัง ฟางฉิงโจวอาจจะตามเขาไม่ทัน ตอนนั้นเองเซี่ยจิงหยูก็ส่งเสียง ซือหยูมองนางและพบว่านางกำลังหอบ ผิวของนางแดงก่ำ ซือหยูประมาทเกินไป!
เขามาอุโมงค์ส่วนที่ไอไขหยกเพลิงหนาแน่น นางไม่เคยใช้ไขหยกเพลิงมาก่อนจึงจนไม่ได้อยู่แล้ว
ซือหยูที่คิดอะไรออกวางนางลงบนพื้นและหยิบหนังมังกรไฟออกมา มันแข็งและป้องกันไฟอีกด้วย
หนังอสรพิษนี้ได้มาจากตลาดมืดจากการที่เขาซือเกินราคา หลังจากที่เขากลับไปที่ตลาดมืดอีกครั้งเขาก็ซื้อมันคืนมาเพราะคิดว่าจะใช้ทำชุดเกราะ
เขารีบสวมมันให้กับเซี่ยจิงหยู
ขณะที่สวมให้นาง เขาไม่ได้คิดอะไรเลย เขาอาจจะไม่ใช่สุภาพบุรุษ แต่เขาไม่ใช่คนที่จะฉวยโอกาสคนอื่นแน่นอน
นางเคยให้ธนูสีชาดกับเขา นางเป็นคนที่เขานับถือ ไม่ว่าจะยังไง เขาจะไม่ทำอะไรที่เป็นการล่วงเกินนางเด็ดขาด เพียงแค่การคิดก็น่าละอายใจแล้ว เขารีบสวมชุดให้นางและรีบไปต่อ
ความเจ็บปวดจากความร้อนของนางลดลงตามคาดและนางก็ใจเย็นลง
เสียงกรีดร้องของฟางฉิงโจวดังมาจากข้างหลังซ้ำไปซ้ำมา เขาทรมานเพราะไอไขหยกเพลิง ซือหยูเริ่มทิ้งระยะห่างจากเขาแล้ว
หนึ่งชั่วโมงถัดมาซือหยูก็ได้ออกมาจากอุโมงค์ ตอนนั้นเขาได้พบหินก้อนใหญ่และได้ใช้มันปิดผนึกทางออกอุโมงค์
ฟางฉิงโจวที่ติดอยู่ในอุโมงค์แคบใช้แขนและขาได้อย่างไม่เต็มที่ มันไม่ง่ายแน่ที่จะทำลายหินที่ซือหยูเอามาปิดไว้ จากนั้นซือหยูจึงพานางหนีเข้าไปในป่า
ครึ่งวันถัดมาเขาพบกับถ้ำลับ เขาวางนางลงและหาก้อนหินมาปิดผนึกทางเข้าเพื่อป้องกันไม่ใช่นางถูกสัตว์ป่าโจมตีขณะหมดสติ หลังจากนั้นเขาก็รีบกลับสำนัก
เวลาเดียวกันที่ถ้ำในหุบเขา….
เมื่อทำลายหินก้อนสุดท้ายที่ปิดทาง ฟางฉิงโจวออกมาจากอุโมงค์จนได้ ศีรษะของเขาเต็มไปด้วยฝุ่นดินสกปรก ทั้งร่างของเขาถูกไฟคลอก ใบหน้างดงามในตอนนี้กลายเป็นขยะแขยง
เมื่อหาไปรอบๆก็พบว่าเขาได้คลาดกับซือหยูและเซี่ยจิงหยูแล้ว เขาเห่าหอนราวกับสัตว์ป่า
“ไอระยำนั่น! อย่าให้รู้ว่ามันเป็นใคร ข้าจะฉีกมันเป็นชิ้นๆ!”
เมือตกกลางคืน ตัวตนอันงดงามค่อยๆตื่นด้วยความมึนงง นางจำสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างช้าๆและรีบตรวจสอบร่างกาย โชคดีที่นางไม่ถูกทำอะไร ความบริสุทธิ์ของนางยังคงไม่ถูกพรากไป
หืม...ชุดเกราะหนังอสรพิษ
นางพยายามคิดถึงตอนก่อนจะหมดสติ นางเพียงเห็นเงาสีขาวพุ่งมาจากกำแพงหินและยิงธนูสองดอกมาโดนกระบี่นางและใช้ระเบิดบางอย่างสวนกลับฟางฉิงโจว แล้วนางก็หมดสติ
“เขาช่วยข้า!”
หากเขาไม่เข้ามาช่วยได้ทันเวลาข้าคงฆ่าตัวตายเพื่อรักษาความบริสุทธิ์ไว้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงฟางฉิงโจวที่จะทำอะไรต่อมิอะไรกับร่างไร้วิญญาณของนาง
แต่นางก็ยังคงคิดถึงคนที่ช่วยนางไว้ เขาปกปิดใบหน้าแต่มีดวงตาอันคุ้นเคย เป็นดวงตาที่ลึกราวกับจักรวาล ใจเย็นและกว้างใหญ่ แต่พลังนั่น...นางนึกถึงราชาซือหยู แต่มันไม่น่าจะเป็นเขา
“เจ้าเป็นใครกันแน่?”
นางตาเป็นประกาย
ซือหยูซ่อนอยู่ในที่ห่างไกลออกไป 30 ลี้ เขาเจอที่ปลอดภัยเพื่อพักฟื้นพลัง หลังจากพักได้ครู่หนึ่งแล้วเขาก็ลูบธนูสีชาดอย่างเบาใจ
“แม่นาง วันนั้นที่ข้าได้สิ่งนี้เป็นของขวัญข้าพูดว่าข้าจะตอบแท่นท่านในวันหนึ่ง และในวันนี้ข้าได้ช่วยท่านแล้ว นับว่าข้าได้ตอบแทนความเอื้อเฟื้อแล้ว”
ซือหยูยิ้มและหลับตาบ่มเพาะพลังต่อไป
…
สิบวันให้หลัง ที่เทือกเขารัตติกาล
ซือหยูพอใจ เขาบ่มเพาะพลังตลอดสิบวัน หากเป็นคนอื่นจะต้องใช้เวลาอีกยี่สิบเท่าถึงจะทันซือหยู สิบคืนที่เขาบ่มเพาะพลังนี้เทียบได้กับเวลา 200 คืน!
เงาเมฆา วิชาตัวเบาที่เขาใช้เป็นหลักได้บรรลุถึงระดับสามขั้นกลางแล้ว อีกก้าวเดียวเขาจะฝึกมันจนถึงระดับสูง! ตอนนี้ความเร็วของเขาเทียบเท่าผู้มีพลังระดับสี่ขั้นกลาง
สำหรับวายุกระหน่ำที่ยากจะเข้าใจและเป็นวิชาระดับกลาง เขาบ่มเพาะจนถึงระดับสองขั้นสูง ขาของเขาตอนนี้ให้ความรู้สึกอันเย็นเยือก
เขาพัฒนาเนตรอสูรเล็กน้อย มันยังคงอยู่ที่ระดับสองขั้นสูง ท้ายสุดเขาไม่ได้อะไรกับสายฟ้าดาราม่วงเลย นั่นทำให้เขาหัวเราะอย่างขมขื่น
แต่เขากลับเริ่มใช้วิชาของชายแก่ในภาพเขียนได้อย่างชำนาญมากขึ้น ถึงเขาจะยังห่างไกลกับชายแก่ที่มีจังหวะอันเป็นเอกลักษณ์ ซือหยูรู้สึกว่าหากเขาเข้าใจมันอย่างลึกซึ่งแล้วพลังของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
รุ่งสาง ซือหยูออกจากเขารัตติกาล เขาไปที่ตลาดแทนที่จะกลับสำนัก เขาขายหนังพยัคฆ์หนาม เขี้ยวราชสีห์เพลิง และตั๋ว 3,000 ตำลึงเงินเพื่อซื้อของที่ใช้ได้ดี
ธนูสีชาดใช้ได้ดีทีเดียว เขาต้องใช้มันไปอีกนาน แต่ลูกธนูกลับไม่ดีนัก เขายิงมันเจาะทะลุมังกรไฟได้เพียงไม่กี่นิ้วเท่านั้น ศรเหล็กธรรมดาอาจจะฆ่าสัตว์ป่าได้แต่ยากมากที่จะจัดการสัตว์อสูร
แต่ก่อนหน้านั้นเขาจะต้องจัดการกับวัตถุดิบสัตว์อสูรที่มีเสียก่อน วัตถุดิบหลายอย่างขายได้อย่างปลอดภัยในตลาดทั่วไป
ซือหยูมาถึงร้านวัตถุดิบสัตว์อสูรที่ใหญ่ที่สุดในเขตเซี่ยนหยู ร้านมีพื้นที่กว้างขวางและมีผู้คนมากมาย
“ท่านเจ้าของร้าน รับซื้อวัตถุดิบสัตว์อสูรหรือไม่?”
เจ้าของร้านมองซือหยูอย่างเหนื่อยหน่าย เขาโบกมือ
“ร้านเราไม่รับซื้อวัตถุดิบ เจ้าไปที่อื่นเถอะ”
เป็นเรื่องปกติมากที่จะเห็นจอมยุทธอายุน้อยเอาขนสัตว์อสูรหรือของอย่างอื่นจากภูเขามาและทำเหมือนว่ามันเป็นของหายาก เจ้าของร้านจึงไม่อยากเสียเวลา
ซือหยูมึนงง เขาพยักหน้าและหันกลับไปยักไหล่และพึมพำเบาๆ
“หนังพยัคฆ์หนามตัวใหญ่กับเขี้ยวราชสีห์เพลิงมันไร้ค่าสินะ? ไปตลาดมืดดีกว่า พวกเขาน่าจะซื้อ”
เจ้าของร้านเบิกตากว้าง เขารีบเดินออกมาและอุทานอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“เจ้ามีของล้ำค่าเช่นนั้นเชียวหรือ?”
พยัคฆ์หนามเป็นสัตว์อสูรชั้นหนึ่งที่ล่ายากมาก คนที่ล่ามันได้จะต้องมีความพยายามมหาศาล
ซือหยูมองเขาและยิ้ม
“อะไรกัน เมื่อกี๊ท่านยังบอกว่าไม่รับซื้อวัตุดิบสัตว์อสูรอยู่เลย เปลี่ยนกฎไวเหลือเกินนะ”
เจ้าของร้านหัวเราะแห้งๆ และพูดอย่างสุภาพ
“อภัยให้กับความหยาบคายของข้าด้วย ตาหามีแววไม่ นายน้อย เข้ามาคุยกันก่อนเถอะ”
ซือหยูโบกมือ
“ไม่จำเป็น ราคาแค่ต้องถูกต้องเท่านั้น”
ซือหยูไม่มีพลังงานเหลือพอจะต่อรองราคา
ซือหยูโยนหนังพยัคฆ์หนามและเขี้ยวราชสีห์เพลิงให้เจ้าของร้านอย่างไม่ใส่ใจ แถวนี้มีศิษย์ในสำนักอยู่มากแต่เขาก็ไม่สนใจพวกคนขี้ริษยานั่น
เจ้าของร้านตื่นเต้น หนังพยัคฆ์หนามตัวใหญ่นั้นไม่มีราคาตลอด! เขี้้ยวราชสีห์เพลิงก็ไม่ใช่ของธรรมดาๆเลย
“หนังหยัคฆ์ 1,200 ตำลึงเงิน เขี้ยวราชสีห์เพลิง 500 ตำลึงเงิน ทั้งหมด 1,700 เจ้าคิดว่ายังไง?”
เจ้าของร้านคิดราคาที่สมเหตุสมผล ซือหยูพยักหน้า เจ้าของร้านชอบคนที่ตกลงง่ายเช่นนี้กับการซื้อขายของราคาแพง เพราะหาคนเช่นนี้ยากยิ่งนัก
“ฮ่าๆๆ ยอดเยี่ยม! ข้านับถือเจ้าจากใจ นายน้อย! เช่นนี้แล้วกัน ครั้งนี้ข้าจะให้ 2,000 ตำลึงเงิน ต่อไปหากเจ้ามีวัตถุดิบดีๆแบบนี้อีกข้าขอเชิญให้มาขายให้ร้านข้า ข้าจะซื้อให้ราคาดีเลย”
ซือหยูยิ้มรับและเก็บตั๋วเงิน 2,000 ตำลึงเงิน ก่อนที่เขาจะรีบออกไป เขาได้ยินเสียงการต่อสู้เกิดขึ้น...มันเป็นเสียงอันคุ้นเคย