ตอนที่ 8 ตำนานของโรงเรียนอันดับที่ 60
ตอนที่ 8 ตำนานของโรงเรียนอันดับที่ 60
ทุกๆคนคงอาจจะได้ยินตำนานหรือเรื่องเล่าในตอนเด็กๆ ว่าโรงเรียนอันดับ60แห่งนี้เคยเป็นสุสานมาก่อน
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถบอกได้ว่ามันจริงหรือไม่แต่เขาก็สามารถบอกได้ว่าข้างใต้นี้มันเคยเป็นสุสานมาก่อน ราคาที่ดินของสุสานมักจะค่อนข้างถูก และเมื่อ600ปีที่แล้ว ที่ดินแห่งนี้ถูกกระทรวงศึกษาเข้ายึดและสร้างเป็นโรงเรียนแห่งนี้
จู่ๆหวังลิ่งก็เกิดกลัวขึ้นมา
สนามกีฬาของโรงเรียนแห่งนี้ก็สร้างบนส่วนหนึ่งของสุสาน นักเรียนทุกคนใช้วิ่งเล่นและเป็นที่เต้นออกกำลังกายตามจังหวะเพลง* ซึ่งเหมือนกับการเต้นจังหวะดิสโก้
*ในประเทศจีนจะมีการเปิดเพลงเต้นออกกำลังกายผ่านทางวิทยุซึ่งเป็นที่นิยมในยุคยุคหนึ่ง
นี่คงอธิบายถึงสิ่งแปลกๆที่โผล่ขึ้นมาในวิชายันต์เต๋า
ปัญหาที่เขากังวลก็คือ...
เขาไม่สามารถควบคุมพลังได้อย่างแม่นยำและโรงเรียนนี้ก็เคยเป็นสุสานมาก่อน ด้วยเหตุผล2ประการข้างต้น เขาไม่สามารถการันตีได้ว่าเขาจะไม่อัญเชิญภูตผีแปลกๆออกมาที่แม้แต่อาจารย์ป่านก็ไม่สามารถจัดการได้
โดยที่หวังลิ่งไม่ทันสังเกต อาจารย์ป่านเดินเอามือไพล่หลังมาอย่างเงียบๆข้างหลังหวังลิ่ง ในความคิดของเธอ เธอคิดว่าหวังลิ่งคงโชคดีที่ได้เข้าเรียนในห้องพิเศษ ถ้าไม่อย่างนั้นก็คงเป็นเพราะข้อผิดพลาดของระบบ เพราะเขาดูเหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษเลย
“ทำไมเธอถึงไม่เขียนยันต์? หรือเธอไม่เข้าใจขั้นตอนที่ฉันสอนไปเมื่อสักครู่? ฉันสามารถสอนเธอใหม่ได้นะ”
หวังลิ่งคิด [ไม่เข้าใจ?]
มันเป็นคำพูดที่ดูถูกความฉลาดเขามาก
หวังลิ่งชำเลืองตาไปมองอาจารย์ป่านอย่างเย็นชา [มันเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายนะ อาจารย์จะไปรู้อะไร]
สถานะของเขาในตอนนี้เขาไม่ใช่คนที่ตัดสินใจมั่วๆได้ ตอนนี้การทำตัวสงบเสงี่ยมมันสำคัญกว่า เขาไม่อยากเป็นเป้าสายตาที่ว่าเขาเข้าห้องพิเศษมาได้เพราะโชคช่วย
เขาจ้องไปที่กระดาษสีเหลือง เขาถอนหายใจและเริ่มยกพู่กันอย่างช่วยไม่ได้
สิ่งที่เขาทำได้ตอนนี้คือตั้งใจควบคุมพลังวิญญาณของเขา
เมื่อเขาเขียนยันต์ภูตผีเสร็จ เขาสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วปายันต์ออกไป ทุกคนต่างก็กำลังให้ความสนใจกับเขา
ยันต์ลอยออกไปกลางอากาศก่อนจะส่องแสงจ้า....
ปีศาจสีตัวสีฟ้ารูปร่างคุ้นตาโผล่ออกมาต่อหน้าทุกคน
อาจารย์ป่าน และทุกคนในห้องต่างตัวแข็งทื่อ
และแม้แต่เขาเอง...
.............
ปีศาจคางคกกลืนฟ้าไม่คาดคิดว่ามันจะถูกอัญเชิญออกมาจากยันต์ภูตผี นี่เป็นครั้งที่3สำหรับมันที่ต้องเผชิญหน้ากับหวังลิ่ง เขาเป็นเหมือนเงาตามตัวของมัน
ด้วยพลังวิญญาณของหวังลิ่ง เขาไม่สามารถควบคุมพลังได้ มีโอกาสที่จะอัญเชิญภูตผีระดับจักรพรรดิ
และในโรงเรียนแห่งนี้ภูตผีที่ระดับสูงสุดในโรงเรียนคือเป็นตัวมันเอง
หลังจากวิญญาณมันถูกผนึก ปีศาจคางคกพยายามหาทางหนีจากผนึกก่อนที่วิญญาณมันจะถูกทำลาย แต่มันก็ไม่คิดว่าหวังลิ่งจะอัญเชิญมันมาอีกครั้ง
และในตอนนี้เองหัวใจของมันตกไปถึงตาตุ่มเรียบร้อย เมื่อมันเห็นหวังลิ่งเหงื่อของมันก็ไหลไม่ยอมหยุด
“เจ้ากระต่าย...” จังหวะที่มันโดนเรียก เจ้าคางคกแทบอยากจะร้องไห้แต่มันไม่เหลือน้ำตาให้ไหลแล้ว
มันรับรู้ถึงจิตสังหารจากหวังลิ่ง ถ้าหากมันกระดุกกระดิกตัวแม้แต่นิด มันคงโดนหวังลิ่งต่อยตายแทบจะในทันที
ในการที่จะรักษาวิญญาณของมันไว้ ปีศาจคางคงต้องทำทุกวิถีทาง
ดังนั้นมันจึงแสดงว่ามันนั้นไม่เป็นอันตราย
ใครจะคิดว่า...ปีศาจระดับราชาปีศาจระดับ5 กำลังก้มหัวขอขมาเพื่อแสดงว่ามันนั้นไม่มีอันตราย
..........
หวังลิ่งไม่คิดว่าเขาจะอัญเชิญคางคกกลืนฟ้ามาจากยันต์ภูตผี นี่เป็นครั้งที่3ในชีวิตเขาที่ต้องมายืนต่อหน้าคางคกกลืนฟ้า
มันคือคนร้ายที่ทำลายแผนงานครบรอบ200ปีขนมบะหมี่ของเขา และตอนนี้มันกำลังแสดงว่ามันนั้นเป็นสัตว์ที่ไม่มีพิษภัยเพื่อที่จะรักษาชีวิตที่เหลืออันน้อยนิดของมัน
เขาอยากจะถามเหลือเกินว่ามันยังคงมีศักดิ์ศรีเหลือบ้างไหม....
แต่เมื่อเขาเห็นสิ่งที่มันทำเขาก็ทำใจทำร้ายมันไม่ลง
.................
ถึงแม้ว่ามันเป็นวิญญาณปีศาจคางคกกลื่นฟ้าก็เป็นราชาปีศาจระดับ5 มันยังคงดูดุร้ายในสายตาใครหลายๆคน
แต่ปีศาจคางคกนั้นฉลาด มันก้มหัวลงขอขมาหวังลิ่ง ความดุรายของมันในสายตานักเรียนทั้งห้องก็หายวับ
“ดูเหมือนว่าหวังลิ่งและปีศาจคางคกกลืนฟ้า จะถูกชะตากันนะ”
หลังจากที่ปีศาจคางคกโผล่มาประมาณ30วิ อาจารย์ป่านก็พูดขึ้นทั้งๆที่ยังคงอึ้งอยู่
เธอรู้ว่าพลังของเธอในตอนนี้ไม่สามารถที่จะจัดการปีศาจคางคกได้ แต่เมื่อมันเห็นท่าทางของปีศาจคางคกเธอก็โล่งใจไปเปราะนึง
กลับกลายเป็นว่ามันเป็นปีศาจที่อ่อนแอที่ไม่แม้แต่จะส่งเสียง...แล้วเรื่องอะไรที่เธอจะไปกลัวมันกัน
“ไม่ต้องกลัวนะนักเรียน ปีศาจตัวนี้มันอ่อนแอเกินกว่าจะสู้กลับ เดี๋ยวอาจารย์จะผนึกมันให้”
เมื่อเธอพูดจบเธอก็วาดมือไปบนอากาศใช้พลังวิญญาณ นำดวงวิญญาณคางคกไปไว้ที่มือขวา และนำวิญญาณของสุนัขกระดูกไว้ที่มืออีกข้างหนึ่ง เธอเตรียมการที่จะทำการรวมวิญญาณของพวกมันเข้าด้วยกัน
หวังลิ่งรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อปีศาจระดับจักรพรรดิไปรวมกับปีศาจระดับต่ำ
วิญญาณปีศาจคางคกจะช่วยสร้างร่างของสุนัขตัวนั้นใหม่และจะช่วยสร้างกายเนื้อให้แก่สุนัขตัวนั้น
นี่เป็นเหตุการณ์ที่ได้ผลประโยชน์ร่วมกันทั้ง2ฝ่าย นอกจากจะช่วยรักษาวิญญาณของปีศาจคางคกไว้ได้มันยังช่วยสร้างกายเนื้อให้แก่สุนัขกระดูกน้อยผู้น่าสงสาร
และแน่นอนปีศาจคางคกก็รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับมันถ้าหากมันไปรวมกับวิญญาณสุนัขกระดูก พลังวิญญาณมันก็จะถูกลดทอนและกลายเป็นเพียงสุนัขตัวหนึ่ง
[เราควรจะตามน้ำไปหรือควรจะแสดงตัวให้สมเป็นปีศาจคางคกดี] หวังลิ่งได้ยินสิ่งที่ปีศาจคางคกคิดในใจ
สมคำล่ำลือของอาจารย์ป่าน เธอรวมวิญญาณทั้ง2เข้าด้วยกันด้วยความนิ่มนวลและเป็นธรรมชาติ ไม่มีข้อผิดพลาดแม้แต่น้อย
“ทุกคน อาจารย์ได้ทำให้ปีศาจตัวนี้มันอ่อนแอลง โดยที่วิญญาณของมันโดนผนึกไปแล้วบางส่วน อาจารย์จึงกำจัดวิญญาณที่แตกสลายของมันออก แต่มันไม่เป็นอะไรแล้วมันได้ถูกผนึกลงไปในกายเนื้อ ตอนนี้มันสามารถใช้ได้แค่เพียงพลังวิญญาณเพียงเล็กน้อย” อาจารย์ป่านพูดด้วยความพึงพอใจ “ตั้งแต่นี้ไปมันคือตัวมาสคอตของห้องเรียนเรา”
ท่ามกลางแสงสว่าง ก็ถือกำเนิดลูกหมาขนสีฟ้า-เขียวขึ้นต่อหน้าทุกคน
“นั่นมัน พันธุ์อกิตะ!”**
**อกิตะ เป็นสุนัขสายพันธุ์หนึ่งของญี่ปุ่น
ซุนหรงร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น
“แต่สีของสุนัขตัวนี้มันแปลกๆ ทำไมถึงสีเขียว?”
“หรืออาจจะเพราะมันรวมร่างกับคางคกกลืนฟ้า” มาสเตอร์ดูปี้ดันแว่นของเข้าขึ้นและถอนหายใจ “พวกเราตัดสินมันจากรูปลักษณ์ภายนอก ถ้ามันเท่ ใครจะสนว่าขนมันเป็นสีอะไร?”
เช็นเฉาอุ้มสุนัขอกิตะตัวนั้นอย่างชื่นชม และบีบแก้มอันอวบอ้วนของมัน “เราควรจะตั้งชื่อให้มันดีไหม? อืม...สองสีเป็นไง?”
“...” หวังลิ่ง
“...” สองสี(อดีตคางคก)
“เฮ้ ทำไมถึงเงียบกัน? แกควรจะเห่า โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง สิเข้าใจไหม? แกเป็นหมาไม่ใช่คางคกนะ”
สองสีที่ก่อนหน้านี้เคยเป็นคางคกมาก่อนทำหน้า (=..=)
มันมองมาทางหวังลิ่งด้วยสีหน้าอธิบายไม่ถูกและหวังลิ่งก็มองมาทางมันด้วยสีหน้าเช่นเดียวกัน
สิ่งที่เจ้า(อดีต)คางคกคิด สิ่งที่อนาถที่สุดในชีวิตของมันไม่ใช่การพบเจอหวังลิ่งถึง3ครั้ง แต่เป็นการที่มันต้องปั้นหน้ายิ้มอยู่ตลอดเวลาเมื่ออยู่ต่อหน้าหวังลิ่ง...