ตอนที่แล้วตอนที่ 7 อาจารย์ป่าน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 9 เจ้าสองสีและเจ้าดูปี้

ตอนที่ 8 ตำนานของโรงเรียนอันดับที่ 60


 

ตอนที่ 8 ตำนานของโรงเรียนอันดับที่ 60

 

 

ทุกๆคนคงอาจจะได้ยินตำนานหรือเรื่องเล่าในตอนเด็กๆ ว่าโรงเรียนอันดับ60แห่งนี้เคยเป็นสุสานมาก่อน

 

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถบอกได้ว่ามันจริงหรือไม่แต่เขาก็สามารถบอกได้ว่าข้างใต้นี้มันเคยเป็นสุสานมาก่อน ราคาที่ดินของสุสานมักจะค่อนข้างถูก และเมื่อ600ปีที่แล้ว ที่ดินแห่งนี้ถูกกระทรวงศึกษาเข้ายึดและสร้างเป็นโรงเรียนแห่งนี้

 

จู่ๆหวังลิ่งก็เกิดกลัวขึ้นมา

 

สนามกีฬาของโรงเรียนแห่งนี้ก็สร้างบนส่วนหนึ่งของสุสาน นักเรียนทุกคนใช้วิ่งเล่นและเป็นที่เต้นออกกำลังกายตามจังหวะเพลง* ซึ่งเหมือนกับการเต้นจังหวะดิสโก้

 

*ในประเทศจีนจะมีการเปิดเพลงเต้นออกกำลังกายผ่านทางวิทยุซึ่งเป็นที่นิยมในยุคยุคหนึ่ง

 

นี่คงอธิบายถึงสิ่งแปลกๆที่โผล่ขึ้นมาในวิชายันต์เต๋า

 

ปัญหาที่เขากังวลก็คือ...

 

เขาไม่สามารถควบคุมพลังได้อย่างแม่นยำและโรงเรียนนี้ก็เคยเป็นสุสานมาก่อน ด้วยเหตุผล2ประการข้างต้น เขาไม่สามารถการันตีได้ว่าเขาจะไม่อัญเชิญภูตผีแปลกๆออกมาที่แม้แต่อาจารย์ป่านก็ไม่สามารถจัดการได้

 

โดยที่หวังลิ่งไม่ทันสังเกต อาจารย์ป่านเดินเอามือไพล่หลังมาอย่างเงียบๆข้างหลังหวังลิ่ง ในความคิดของเธอ เธอคิดว่าหวังลิ่งคงโชคดีที่ได้เข้าเรียนในห้องพิเศษ ถ้าไม่อย่างนั้นก็คงเป็นเพราะข้อผิดพลาดของระบบ เพราะเขาดูเหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษเลย

 

“ทำไมเธอถึงไม่เขียนยันต์? หรือเธอไม่เข้าใจขั้นตอนที่ฉันสอนไปเมื่อสักครู่? ฉันสามารถสอนเธอใหม่ได้นะ”

 

หวังลิ่งคิด [ไม่เข้าใจ?]

 

มันเป็นคำพูดที่ดูถูกความฉลาดเขามาก

 

หวังลิ่งชำเลืองตาไปมองอาจารย์ป่านอย่างเย็นชา [มันเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายนะ อาจารย์จะไปรู้อะไร]

 

สถานะของเขาในตอนนี้เขาไม่ใช่คนที่ตัดสินใจมั่วๆได้ ตอนนี้การทำตัวสงบเสงี่ยมมันสำคัญกว่า เขาไม่อยากเป็นเป้าสายตาที่ว่าเขาเข้าห้องพิเศษมาได้เพราะโชคช่วย

 

เขาจ้องไปที่กระดาษสีเหลือง เขาถอนหายใจและเริ่มยกพู่กันอย่างช่วยไม่ได้

 

สิ่งที่เขาทำได้ตอนนี้คือตั้งใจควบคุมพลังวิญญาณของเขา

 

เมื่อเขาเขียนยันต์ภูตผีเสร็จ เขาสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วปายันต์ออกไป ทุกคนต่างก็กำลังให้ความสนใจกับเขา

 

ยันต์ลอยออกไปกลางอากาศก่อนจะส่องแสงจ้า....

 

ปีศาจสีตัวสีฟ้ารูปร่างคุ้นตาโผล่ออกมาต่อหน้าทุกคน

 

อาจารย์ป่าน และทุกคนในห้องต่างตัวแข็งทื่อ

 

และแม้แต่เขาเอง...

 

.............

 

 

ปีศาจคางคกกลืนฟ้าไม่คาดคิดว่ามันจะถูกอัญเชิญออกมาจากยันต์ภูตผี นี่เป็นครั้งที่3สำหรับมันที่ต้องเผชิญหน้ากับหวังลิ่ง เขาเป็นเหมือนเงาตามตัวของมัน

 

ด้วยพลังวิญญาณของหวังลิ่ง เขาไม่สามารถควบคุมพลังได้ มีโอกาสที่จะอัญเชิญภูตผีระดับจักรพรรดิ

 

และในโรงเรียนแห่งนี้ภูตผีที่ระดับสูงสุดในโรงเรียนคือเป็นตัวมันเอง

 

หลังจากวิญญาณมันถูกผนึก ปีศาจคางคกพยายามหาทางหนีจากผนึกก่อนที่วิญญาณมันจะถูกทำลาย แต่มันก็ไม่คิดว่าหวังลิ่งจะอัญเชิญมันมาอีกครั้ง

 

และในตอนนี้เองหัวใจของมันตกไปถึงตาตุ่มเรียบร้อย เมื่อมันเห็นหวังลิ่งเหงื่อของมันก็ไหลไม่ยอมหยุด

 

“เจ้ากระต่าย...” จังหวะที่มันโดนเรียก เจ้าคางคกแทบอยากจะร้องไห้แต่มันไม่เหลือน้ำตาให้ไหลแล้ว

 

มันรับรู้ถึงจิตสังหารจากหวังลิ่ง ถ้าหากมันกระดุกกระดิกตัวแม้แต่นิด มันคงโดนหวังลิ่งต่อยตายแทบจะในทันที

 

ในการที่จะรักษาวิญญาณของมันไว้ ปีศาจคางคงต้องทำทุกวิถีทาง

 

ดังนั้นมันจึงแสดงว่ามันนั้นไม่เป็นอันตราย

 

ใครจะคิดว่า...ปีศาจระดับราชาปีศาจระดับ5 กำลังก้มหัวขอขมาเพื่อแสดงว่ามันนั้นไม่มีอันตราย

 

..........

 

 

หวังลิ่งไม่คิดว่าเขาจะอัญเชิญคางคกกลืนฟ้ามาจากยันต์ภูตผี นี่เป็นครั้งที่3ในชีวิตเขาที่ต้องมายืนต่อหน้าคางคกกลืนฟ้า

 

มันคือคนร้ายที่ทำลายแผนงานครบรอบ200ปีขนมบะหมี่ของเขา และตอนนี้มันกำลังแสดงว่ามันนั้นเป็นสัตว์ที่ไม่มีพิษภัยเพื่อที่จะรักษาชีวิตที่เหลืออันน้อยนิดของมัน

 

เขาอยากจะถามเหลือเกินว่ามันยังคงมีศักดิ์ศรีเหลือบ้างไหม....

 

แต่เมื่อเขาเห็นสิ่งที่มันทำเขาก็ทำใจทำร้ายมันไม่ลง

 

.................

 

 

ถึงแม้ว่ามันเป็นวิญญาณปีศาจคางคกกลื่นฟ้าก็เป็นราชาปีศาจระดับ5 มันยังคงดูดุร้ายในสายตาใครหลายๆคน

 

แต่ปีศาจคางคกนั้นฉลาด มันก้มหัวลงขอขมาหวังลิ่ง ความดุรายของมันในสายตานักเรียนทั้งห้องก็หายวับ

 

“ดูเหมือนว่าหวังลิ่งและปีศาจคางคกกลืนฟ้า จะถูกชะตากันนะ”

 

หลังจากที่ปีศาจคางคกโผล่มาประมาณ30วิ อาจารย์ป่านก็พูดขึ้นทั้งๆที่ยังคงอึ้งอยู่

 

เธอรู้ว่าพลังของเธอในตอนนี้ไม่สามารถที่จะจัดการปีศาจคางคกได้ แต่เมื่อมันเห็นท่าทางของปีศาจคางคกเธอก็โล่งใจไปเปราะนึง

 

กลับกลายเป็นว่ามันเป็นปีศาจที่อ่อนแอที่ไม่แม้แต่จะส่งเสียง...แล้วเรื่องอะไรที่เธอจะไปกลัวมันกัน

 

“ไม่ต้องกลัวนะนักเรียน ปีศาจตัวนี้มันอ่อนแอเกินกว่าจะสู้กลับ เดี๋ยวอาจารย์จะผนึกมันให้”

 

เมื่อเธอพูดจบเธอก็วาดมือไปบนอากาศใช้พลังวิญญาณ นำดวงวิญญาณคางคกไปไว้ที่มือขวา และนำวิญญาณของสุนัขกระดูกไว้ที่มืออีกข้างหนึ่ง เธอเตรียมการที่จะทำการรวมวิญญาณของพวกมันเข้าด้วยกัน

 

หวังลิ่งรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อปีศาจระดับจักรพรรดิไปรวมกับปีศาจระดับต่ำ

 

วิญญาณปีศาจคางคกจะช่วยสร้างร่างของสุนัขตัวนั้นใหม่และจะช่วยสร้างกายเนื้อให้แก่สุนัขตัวนั้น

 

นี่เป็นเหตุการณ์ที่ได้ผลประโยชน์ร่วมกันทั้ง2ฝ่าย นอกจากจะช่วยรักษาวิญญาณของปีศาจคางคกไว้ได้มันยังช่วยสร้างกายเนื้อให้แก่สุนัขกระดูกน้อยผู้น่าสงสาร

 

และแน่นอนปีศาจคางคกก็รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับมันถ้าหากมันไปรวมกับวิญญาณสุนัขกระดูก พลังวิญญาณมันก็จะถูกลดทอนและกลายเป็นเพียงสุนัขตัวหนึ่ง

 

[เราควรจะตามน้ำไปหรือควรจะแสดงตัวให้สมเป็นปีศาจคางคกดี] หวังลิ่งได้ยินสิ่งที่ปีศาจคางคกคิดในใจ

 

สมคำล่ำลือของอาจารย์ป่าน เธอรวมวิญญาณทั้ง2เข้าด้วยกันด้วยความนิ่มนวลและเป็นธรรมชาติ ไม่มีข้อผิดพลาดแม้แต่น้อย

 

“ทุกคน อาจารย์ได้ทำให้ปีศาจตัวนี้มันอ่อนแอลง โดยที่วิญญาณของมันโดนผนึกไปแล้วบางส่วน อาจารย์จึงกำจัดวิญญาณที่แตกสลายของมันออก แต่มันไม่เป็นอะไรแล้วมันได้ถูกผนึกลงไปในกายเนื้อ ตอนนี้มันสามารถใช้ได้แค่เพียงพลังวิญญาณเพียงเล็กน้อย” อาจารย์ป่านพูดด้วยความพึงพอใจ “ตั้งแต่นี้ไปมันคือตัวมาสคอตของห้องเรียนเรา”

 

ท่ามกลางแสงสว่าง ก็ถือกำเนิดลูกหมาขนสีฟ้า-เขียวขึ้นต่อหน้าทุกคน

 

“นั่นมัน พันธุ์อกิตะ!”**

**อกิตะ เป็นสุนัขสายพันธุ์หนึ่งของญี่ปุ่น

 

ซุนหรงร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น

 

“แต่สีของสุนัขตัวนี้มันแปลกๆ ทำไมถึงสีเขียว?”

 

“หรืออาจจะเพราะมันรวมร่างกับคางคกกลืนฟ้า” มาสเตอร์ดูปี้ดันแว่นของเข้าขึ้นและถอนหายใจ “พวกเราตัดสินมันจากรูปลักษณ์ภายนอก ถ้ามันเท่ ใครจะสนว่าขนมันเป็นสีอะไร?”

 

เช็นเฉาอุ้มสุนัขอกิตะตัวนั้นอย่างชื่นชม และบีบแก้มอันอวบอ้วนของมัน “เราควรจะตั้งชื่อให้มันดีไหม? อืม...สองสีเป็นไง?”

 

“...” หวังลิ่ง

 

“...” สองสี(อดีตคางคก)

 

“เฮ้ ทำไมถึงเงียบกัน? แกควรจะเห่า โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง สิเข้าใจไหม? แกเป็นหมาไม่ใช่คางคกนะ”

 

สองสีที่ก่อนหน้านี้เคยเป็นคางคกมาก่อนทำหน้า (=..=)

 

มันมองมาทางหวังลิ่งด้วยสีหน้าอธิบายไม่ถูกและหวังลิ่งก็มองมาทางมันด้วยสีหน้าเช่นเดียวกัน

 

สิ่งที่เจ้า(อดีต)คางคกคิด สิ่งที่อนาถที่สุดในชีวิตของมันไม่ใช่การพบเจอหวังลิ่งถึง3ครั้ง แต่เป็นการที่มันต้องปั้นหน้ายิ้มอยู่ตลอดเวลาเมื่ออยู่ต่อหน้าหวังลิ่ง...

 

4 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด