ตอนที่ 74 การต่อสู้ครั้งต่อไป
จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ ตอนที่ 74 การต่อสู้ครั้งต่อไป
แต่การยอมแพ้ของหลีตงเย่ก็อยู่ในการคาดการณ์อยู่แล้ว
เพราะไม่ว่าอย่างไรก็มีผู้เข้าประลองหลายคนก่อนหน้านี้ที่ยอมแพ้ทั้งๆที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะแพ้สักนิด ดังนั้นทุกคนจึงเตรียมใจไว้แล้วว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นอีกครั้ง ยิ่งกว่านั้น ถึงแม้พลังบ่มเพาะของหลิงฮันจะไม่สูงมาก แต่การที่เขาสามารถสร้างปราณดาบได้สี่เล่มสามารถเรียกได้ว่าเขาไร้คู่ต่อสู้ในหมู่คนที่มีพลังบ่มเพาะใกล้เคียงกัน
“ขอบคุณที่ช่วยชี้แนะ!” หลิงฮันพูดและประสานมือคำนับอย่างสุภาพ เขาอดที่จะคิดไม่ได้ว่าคู่ต่อสู้ของเขาทุกๆคนจะยอมให้เขาชนะแบบนี้ไปจนถึงอันดับหนึ่งเลยหรือไม่?
เมื่อการประลองระหว่างหลิงฮันกับหลีตงเย่จบลง ความสนใจของทุกคนจึงเปลี่ยนกลับไปยังการต่อสู้ขององค์ชายสี่และจิงหวู่จื้อ ทั้งสองคนเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่ฝึกฝนอยู่ในสำนักฮูหยาง ดังนั้นพลังของพวกเขาจึงใกล้เคียงกัน ความต่างของพลังระหว่างทั้งสองคนมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่เมื่อฉีฮวงเย่เริ่มใช้ทักษะบุตรแห่งหมัดสวรรค์ จิงหวู่จื้อได้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที
เมื่อบุตรแห่งสวรรค์ปรากฏตัว ทุกคนจะต้องก้มหัว!
นี่คืออำนาจแห่งการครอบงำ มีเพียงองค์ชายอย่างฉีฮวงเย่เท่านั้นที่จะสามารถบ่มเพาะทักษะนี้ได้ ต่อให้จิงหวู่จื้อฝึกฝนมันก็ไร้ความหมาย มันไม่ได้ครอบของศักยะภาพแห่งราชวงศ์ที่ตรงกันกับทักษะ
‘มีข่าวลือว่าทักษะนี้ได้ขโมยอำนาจของอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งแคว้นมา มันสามารถช่วยให้ใช้พลังแห่งจักรภพได้ มันไม่เพียงเพิ่มระดับความเร็วในการบ่มเพาะ แต่ยังสามารถใช้จัดการกับศัตรูโดยการเพิ่มพลังต่อสู้ของตนเองได้ด้วย ดูเหมือนว่าข่าวลือที่ว่าจะไม่ผิด ขนาดเพียงเจ้าชายยังครอบครองพลังขนาดนี้’ หลิงฮันพยักหน้าให้กับตนเอง
พลังแห่งจักรภพคือความสามารถที่เทียบได้กับปราณดาบสี่เล่ม ตามคำเล่าลือของแคว้นพิรุณ สิ่งนี้คือสิ่งที่มีในราชวงศ์
ถ้าราชาต้าหยวนใช้ทักษะหมัดนี้ พลังของเขาอาจจะอยู่ที่ประมาณปราณเจ็ดอัน แต่ถ้าหากเป็นจักรพรรดิของแคว้นนี้... พลังของเขาอาจจะเทียบได้กับปราณสิบอันซึ่งเป็นขั้นสูงสุดของปราณ
‘อย่างไรก็ตาม ปราณเป็นเพียงก้าวแรกของวิถียุทธ หลังจากนั้นยังมี’รัศมี’และ‘แก่นแท้’อยู่อีก ดังนั้นการจะแข็งแกร่งขึ้นก็ยังขึ้นอยู่กับความพยายามของแต่ละคน‘ หลิงฮันคิดในใจ แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องยอมรับว่าการที่สามารถใช้พลังแห่งจักรภพได้ในขณะที่มีพลังอยู่ในระดับต่ำอย่างระดับรวมธาตุและสามารถเพิ่มพลังต่อไปสู่ระดับใหม่ได้นับว่าเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ
‘จากความพลังในปัจจุบันของฉีฮวงเย่ เขาได้อยู่ในระดับก่อเกิดธาตุครึ่งก้าวแล้ว บางทีแม้จะเป็นผู้ติดตามสาวน้อยของข้าก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เพราะอย่างไร นางก็สร้างปราณดาบได้เพียงสองเล่มเท่านั้น ดังนั้นนางจึงไม่มีทางที่จะต่อกรกับอำนาจแห่งจักรภพของอีกฝ่ายได้’
สำหรับข้า ข้าจำเป็นต้องใช้ทักษะโลหิตหมาป่าเดียวดายเพิ่มของข้าให้เป็นระดับรวมธาตุขั้นเก้า ไม่งั้นข้าก็ต้องใช้ความสามารถในการฟื้นฟูของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ค่อยๆจัดการเขาอย่างช้าๆ ด้วยความสามารถของกายาต้นไม้มรณะที่ข้ามีในตอนนี้ พลังป้องกันของข้าไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธในระดับรวมธาตุจะสามารถทำลายได้!
ทางที่ดีข้าควรจะใช้ทักษะโลหิตหมาป่าเดียวดาย เพราะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์คือไพ่ลับที่แท้จริงของข้า ข้าควรหลีกเลี่ยงที่จะใช้มันหากเป็นไปได้
ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิด การต่อสู้ของฉีฮวงเย่กับจิงหวู่จื้อก็ใกล้จะได้บทสรุปแล้ว ทักษะบุตรแห่งหมัดสวรรค์ได้มอบพลังแห่งจักรภพให้มันและช่วยให้มันอยู่เหนือจิงหวู่จื้ออย่างสมบูรณ์ ตราบใดที่จิงหวู่จื้อยังไม่สามารถสร้างปราณได้สี่อัน มันจะไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของฉีฮวงเย่ได้เด็ดขาด
ฉีฮวงเย่ได้เปรียบเพราะมีเบื้องหลังเป็นราชวงศ์ ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่แม้จะเป็นหลิวอู๋ตงก็ไม่อาจเทียบได้
“ปัง!”
เมื่อฉีฮวงเย่ปล่อยหมัดที่สิบเอ็ดออกไป จิงหวู่จื้อไม่สามารถต้านได้และกระเด็นออกไป มันกระอักเลือดติดต่อกันสี่ครั้งอยู่ในครึ่งท่าคุกเข่าตรงพื้น และไม่สามารถสู่ต่อได้อีกต่อไป
“ข้าแพ้แล้ว!” จิงหวู่จื้อประกาศออกมาจากไม่เต็มใจ มันไม่ได้แพ้เพราะอ่อนแอกว่าหรือมีพรสวรรค์ด้อยกว่า แต่มันแพ้เพราะอีกฝ่ายมีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่กว่ามัน แล้วแบบนี้จะไม่ให้มันรู้สึกหดหู่กับความเป็นจริงนี้ได้อย่างไร?
“ขอบคุณที่ชี้แนะ!” ฉีฮวงเย่ประสานมือตอบกลับ ถึงแม้ชัยชนะของมันจะได้มาเพราะทักษะบุตรแห่งหมัดสวรรค์ แต่นั่นก็เกิดขึ้นได้เพราะมันสามารถเรียนรู้ทักษะที่ว่าได้สำเร็จ ในแคว้นพิรุณมีองค์ชายอยู่มากมาย แต่จะมีกี่คนเชี่ยวที่สามารถเรียนรู้ทักษะนี้ได้สำเร็จ?
อย่างไรก็ตาม เมื่อทั้งสองคนเห็นหลิงฮันมายืนอยู่ที่ลานประลองที่สาม พวกมันรู้สึกตะลึงอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนหน้านี้พวกมันเพ่งสมาธิอยู่ที่การต่อสู้ของตนเอง และไม่ได้เห็นหลิงฮันสู้กับไป๋ลี่เถิงหยุนและหลีตงเย่ ดังนั้นพวกมันจึงไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของหลิงฮันและเรื่องที่เขาสามารถสร้างปราณดาบได้สี่เล่ม
เจ้าของลานประลองคนอื่นอยากจะดูการประลองต่อไป แต่ในเมื่อการปะทะกันของสองคนที่แข็งแกร่งที่สุดถูกตัดสินแล้ว พวกมันจึงเริ่มท้าทายคู่ต่อสู้คนอื่นเพื่อให้ได้อันดับที่ดีขึ้น การทำให้หลิงฮันพึงพอใจก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าพวกมันสามารถได้อันดับที่ดีกว่านี้ ใครกันล่ะจะไม่อยากลอง?
หลิงฮันรออยู่อย่างเงียบๆ หากครึ่งชั่วโมงผ่านไป เขาจะท้าประลองจิงหวู่จื้อ
ในตอนนี้ พื้นที่ในตันเถียนของเขายังเล็กเกินไป และด้วยการโคจรที่รวดเร็วของเมล็ดก่อเกิดห้าธาตุ ปราณก่อเกิดที่เก็บไว้ของเขาก็ถูกใช้ไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน หลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือด เขาจำเป็นต้องใช้เม็ดยาช่วยในการฟื้นฟู เพราะเวลาครึ่งชั่วโมงในครั้งนี้นั้นสำคัญต่อเขาเป็นอย่างมาก
เวลาครึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็วและหลิงฮันได้กระโดดขึ้นไปยังลานประลองที่สองเพื่อท้าทายจอมยุทธที่อยู่อันดับสองของการประลองครั้งนี้
สิ่งนี้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ผู้ชมคาดหวังเอาไว้ให้เกิดขึ้น พวกมันทุกคนจ้องไปยังลานประลองจนตาเปิดกว้างราวกับไม่อยากจะพลาดเหตุการณ์ใดไปแม้แต่วินาทีเดียว เพราะอย่างไรหลิงฮันก็เป็นอัจฉริยะคนแรกของเมืองต้าหยวนที่สามารถสร้างปราณได้สี่อัน
ใบหน้าของจิงหวู่จื้อแสดงออกถึงความอึดอัด เมื่อไม่กี่วันก่อนมันถูกหลอกโดยหลิงฮันจนต้องอับอายต่อหน้าสาธารณะชน แต่เมื่อมันนึกขึ้นได้ว่าเบื้องหลังของหลิงฮันมีนักปรุงยาระดับดำอยู่ถึงสามคน ถึงแม้มันจะไม่อยากละทิ้งความคิดที่จะแก้แค้น แต่ผู้อาวุโสในตระกูลจิงของมันก็จะต้องบังคับให้มันยอมแพ้ที่จะคิดทำอะไรโง่ๆแน่นอน
เพราะอย่างไร กลุ่มคนที่ผู้คนไม่อยากล่วงเกินด้วยที่สุดก็คือนักปรุงยา
อย่างไรก็ตาม ความอัปยศที่น่าอายแบบนั้น มันจะยอมปล่อยไปง่ายๆได้อย่างไร?
‘ดีมาก เจ้าเป็นคนเข้ามาท้าข้าเอง ดังนั้นข้าจึงสามารถใช้โอกาสนี้ในการสั่งสอนเจ้าได้! ตราบใดที่ข้าไม่ทำให้เจ้าพิการ ก็ไม่มีใครมาพูดอะไรได้! เพราะอย่างไรนี่คือการประลองยุทธ!’ จิงหวู่จื้อคิดในใจ แววตาของมันเปลี่ยนเป็นคมกริบ
“น้องชายหลิง โปรดชี้แนะด้วย!” มันประสานฝ่ามือเข้าด้วยกันและเกิดแสงสว่างสีทองขึ้นที่สองมือของมัน นี่คือฝ่ามือจิงหยาง ทักษะยุทธระดับเหลืองขั้นสูง
หลิงฮันกวัดแกว่งดาบและพูด “เช่นกัน!”
“ตูมมม” จิงหวู่จื้อเริ่มจู่โจมอย่างรุนแรงในทันที ฝ่ามือของมันส่องแสงสว่างและพุ่งออกไป
หลิงฮันสะบัดดาบและปราณดาบสี่เล่มได้ปรากฏขึ้นมา ในเมื่อเขาเปิดเผยความสามารถออกไปแล้ว เขาก็ไม่มีความคิดที่จะปกปิดมันอีกต่อไป
“อะไรกัน ปราณดาบสี่เล่ม!?” จิงหวู่จื้อเปล่งเสียงออกมาอย่างตกตะลึง ใบหน้าของมันกระตุกเพราะความตกใจโดยไม่รู้ตัว
ปราณดาบสี่เล่มคือราชาในหมู่คนที่มีพลังระดับเดียวกัน! ต่อให้เป็นในเมืองจักรพรรดิ ก็ยังมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ครอบครองปราณถึงสี่อัน และแต่ละคนล้วนแต่เป็นผู้มีอำนาจในรุ่นอาวุโส! เมื่อเห็นแบบนี้แล้ว จะไม่ให้จิงหวู่จื้อตกตะลึงได้อย่างไร?
แต่มันรู้สึกตัวในทันทีว่าเหล่าผู้ชมมีทั้งคนที่อุทานออกมาด้วยความเลื่อมใส และมีทั้งคนที่กำลังโบกมือและคนที่สะดุดล้มเพราะความตื่นเต้น ไม่มีผู้ชมคนใดเลยที่แสดงท่าทีประหลาดใจออกมา
อะไรกัน นี่มันปราณดาบสี่เล่มเชียวนะ พวกเจ้ามองไม่เห็นรึไง?
หรือว่าเป็นตัวมันเองที่มองผิด?
จิงหวู่จื้ออดที่จะสงสัยไม่ได้ เพราะอย่างไรคนที่สำเร็จในการสร้างปราณดาบสี่อันนั้นหายากเป็นอย่างมาก ต่อให้มีคนเช่นนั้นปรากฏตัวขึ้นที่เมืองจักรพรรดิ มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เกิดความโกลาหล แต่ผู้คนในที่นี้กลับยังทำตัวสงบแบบนี้... เป็นธรรมดาที่มันจะสับสน
...แน่นอนว่าไม่มันคิดว่าผู้คนเหล่านี้เองก็เคยตกตะลึงแบบมันมาแล้วเมื่อสักครู่นี้ ภาพที่มันเห็นคือไม่มีสักคนเลยที่ดวงตาเปิดกว้างเพราะความตกตะลึง หรือสงสัยและประหลาดใจ
โชคดีที่ยังมีอยู่คนหนึ่งที่ไว้หน้ามัน และแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา คนคนนั่นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฉีฮวงเย่
ปากของมันเปิดกว้างเพราะความตะลึง มันมองไปยังหลิงฮันด้วยท่าทางที่โง่งม โดยที่มุมปากของมันกระตุกเล็กน้อย
หลังจากที่จิงหวู่จื้อฟื้นคืนสติจากความตกตะลึงได้ มันก็ยังคงโจมตีต่อไป หลิงฮันสร้างปราณดาบได้สี่เล่มแล้วยังไงล่ะ? ไม่ว่าอย่างไรพลังบ่มเพาะของหลิงฮันก็ยังต่ำอยู่ดี มันไม่มีทางยอมแพ้เพราะตกตะลึงในปราณดาบทั้งสี่เล่มที่หลิงฮันแสดงออกมาแน่นอน
ในไม่ช้า ทั้งสองคนได้เข้าปะทะกันอย่างรุนแรง
*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*