ตอนที่ 7 อาจารย์ป่าน
ตอนที่ 7 อาจารย์ป่าน
หวังลิ่งได้ยินกิตติศัพท์ของอาจารย์ป่านเฉิงซงมานาน เธอเป็นอาจารย์แถวหน้าที่กลับมาทำงานหลังจากปลดเกษียณ เธอสอนนักเรียนจำนวนนับไม่ถ้วนให้มีโอกาสสำเร็จขั้นแก่นแท้ปราณทองคำ แต่โชคไม่ดีที่พวกเขาเหล่านั้นกลับไม่สามารถที่จะสำเร็จได้ และเมื่อพวกเขาเรียนจบพวกเขาก็ยังทำมันไม่สำเร็จ
แต่มันไม่ใช่ความผิดของอาจารย์ป่าน
เหมือนที่มีคนเคยกล่าวไว้ ต่อให้คุณพาม้าไปที่ลำธาร คุณก็ไม่สามารถบังคับมันให้กินน้ำได้ ถ้าหากคุณเกียจคร้านในการฝึกตนคุณจะรู้สึกเสียใจในภายหลังเมื่อยามแก่
หากไม่นับกรณีเหล่านั้น อาจารย์ป่านเฉิงซง ก็สามารถฝึกนักเรียนได้คนหนึ่งก่อนที่เธอจะปลดเกษียณ นั่นก็คือโจวยี่
โจวยี่เป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนแห่งนี้ผู้ซึ่งมีชื่อเสียงจากการปราบปีศาจคางคกกลืนฟ้าด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว เขาก็เป็นศิษย์ของอาจารย์ป่าน
จากเรื่องนั้นเองอาจารย์ใหญ่จึงเชื่อในความสามารถของเธอ เธอเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่กลับมาทำงานหลังจากปลดเกษียณทั้งยังได้รับเงินเดือนที่สูงที่สุดในหมู่อาจารย์
มันจะเป็นยังไงก็ช่างหวังลิ่งไม่ได้สนใจอะไรมันมาก
เขาแค่หวังว่าอาจารย์ป่านคนนี้จะไม่เฉลียว และไม่สร้างปัญหาให้แก่เขาหลังจากที่เขานั้นพยายามอย่างหนักในการพลางตัว
ก็เหมือนอาจารย์คนอื่นๆ อาจารย์ป่านมีหูตาที่เฉียบแหลม
ยกตัวอย่างเช่น เธอได้ยินเสียงนักเรียนในห้องตั้งแต่เธอนั้นอยู่ในห้องทำงาน และระหว่างทางที่เธอเดินมายังห้องเรียนเธอยังเห็นนักเรียนในห้องอื่นที่ตั้งใจเรียนแต่ห้องของเธอนั้นกลับวุ่นวาย
ส่งผลให้อาจารย์ป่านอารมณ์ไม่ดี เมื่อเธอเดินเข้ามาในห้องเธอก็ตีหนังสืออย่างดัง แสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน “นี่เป็นปีที่8ในการสอนของฉัน ฉันเคยเป็นอาจารย์ประจำชั้นห้องพิเศษมา10ห้อง ห้องนี้เป็นห้องที่10 พวกเธอเป็นห้องที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ฉันเป็นอาจารย์ประจำชั้นมา!!”
ทุกคนรู้สึกตกใจแต่ก็รู้สึกเหมือนเคยได้ยินประโยคนี้มาก่อน
ถึงกระนั้นอาจารย์ที่ได้ชื่อว่าเขี้ยวที่สุดในโรงเรียน ไม่มีใครกล้าที่จะทำให้เธอโกรธ อาจจะยกเว้นซุนหรงไว้หนึ่งคน แต่เธอก็ก็ไม่อยากหาเรื่องซุนหรงโดยไม่มีเหตุผล
เธอไม่รู้จักนักเรียนคนอื่นเลยภายในห้อง เธอจึงกวาดสายตาหานักเรียนที่จะนำมาเป็นตัวอย่างในการแสดงอำนาจฐานะอาจารย์ประจำชั้น
“นักเรียนคนไหนชื่อหวังลิ่ง?”
หวังลิ่งใจตกไปถึงตาตุ่มเมื่อทุกคนในห้องเรียนหันมามองที่เขา
“เธอสินะ ฉันได้ยินเสียงเธอดังไปถึงระเบียง” อาจารย์ป่านพูด
“....”
“ไม่ว่าเธอจะมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง จากความแข็งแกร่งหรือโชคของพวกเธอ ตราบใดที่พวกเธออยู่ในห้องเรียนของฉัน ฉันหวังว่าพวกเธอจะตั้งใจเรียน พวกเธอต้องไม่เข้าห้องสายหรือออกจากห้องก่อน และอย่าก่อความวุ่นวาย ถ้าหากพวกเธอท้าทายฉัน ฉันคงไม่มีทางเลือกที่จะเชิญผู้ปกครองมาโรงเรียน”
มันเป็นเรื่องปกติที่เมื่อเริ่มคาบเรียนแรก คนที่เงียบๆอย่างหวังลิ่งก็มักจะโดนจับมาเป็นตัวอย่างการทำโทษอย่างไม่มีเหตุผล
ในตอนที่เขายังเด็ก เขาจำเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดของเขาได้ เมื่อตอนเขาเรียนอยู่ชั้นเตรียมรับรู้ลมปราณ เขานั้นเสกอุกกาบาตเข้าใส่สนามกีฬาทำให้คลาสเรียนถูกยกเลิกไป3วัน
โชคยังดีที่เขานั้นฝึกการควบคุมอารมณ์ตัวเองมา
ไม่อย่างนั้นถ้าหากเขาโมโหขึ้นมา...ขนาดเขายังกลัวตัวเองเลย
..................
อาจารย์ป่านเป็นอาจารย์ประจำวิชายันต์เต๋า นอกเหนือไปจากการเขียนยันต์ทั่วไปเธอมีเป้าหมายที่จะสอนนักเรียนห้องพิเศษให้เรียนรู้วิชาขั้นสูง
แท่งปรอท กระดาษยันต์สีเหลือง น้ำมนต์ และพู่กัน -ของเหล่านี้เป็นวัตถุดิบพื้นฐานของการเขียนยันต์
ห้องพิเศษไม่ได้ใช้เวลาในการเรียนการสอนพื้นฐานมากนัก ดังนั้นจึงเรียนได้เร็ว มันเป็นคาบแรกแต่อาจารย์ป่านก็นำวัตถุดิบทั้ง4อย่างมาด้วย “ฉันไม่รู้ว่าพวกเธอเคยเขียนยันต์มาก่อนไหม แต่ในคาบเรียนฉัน เราจะเริ่มตั้งแต่รากฐาน เอาหล่ะ ฉันจะสอนพวกเธอเขียนยันต์ภูตผี”
ยันต์ภูตผี ตามชื่อของมัน มันเป็นยันต์สำหรับอัญเชิญผีอยู่ในประเภทยันต์อัญเชิญ
เทียบกับยันต์ประเภทอื่น โจมตี ป้องกัน พิธี และผนึก ยันต์ภูตผี อาจจะฟังดูน่ากลัว แต่มันเป็นยันต์ขั้นพื้นฐานที่เขียนง่ายที่สุดอันหนึ่ง แม้แต่พวกมือใหม่ก็ยังสามารถที่จะเขียนมันได้
หลังจากที่อาจารย์พูดจบ เธอก็ผสมแท่งปรอทกับน้ำมนต์ กางยันต์และลงพู่กัน
“เอาหล่ะ ตอนนี้ฉันจะแสดงให้พวกเธอดู วิธีการเขียนยันต์ภูตผี”
สายตาของนักเรียนทุกคนจับจ้องไปที่อาจารย์ป่าน อย่างที่บอกเธอยกพู่กันเขียนลงไปในกระดาษยันต์ เมื่อเขียนยันต์เสร็จสมบุรณ์ ขั้นตอนสุดท้ายก็คือการใส่พลังวิญญาณลงไปและปาบนอากาศ
ทุกสายตาก็เป็นพยานให้กับสิ่งที่เห็น
ทุกคนมองเห็นอะไรบางอย่างเวียนว่ายอยู่ในอากาศ
พวกนี้สินะที่เรียกว่าภูตผี
อาจารย์ป่านชี้นิ้วไปที่ สีเทาๆเขียวๆในอากาศและพูดว่า “ฉันควบคุมการปล่อยพลังวิญญาณ อย่างที่พวกเธอเห็นนี่เป็นภูตผีที่อ่อนแอที่สุด วิญญาณพวกนี้ไม่มีความอาฆาต เพราะนักเรียนไม่สามารถควบคุมพลังวิญญาณได้ พวกเขาอาจจะอัญเชิญวิญญาณระดับสูง แต่พวกเธอไม่ต้องกลัวฉันจะรับมือกับพวกมันเอง เดี๋ยวฉันจะอธิบายการปลดปล่อยพวกมันให้ฟัง”
เมื่ออาจารย์พูดจบ เธอก็จุ่มนิ้วชี้ลงไปในน้ำมนต์ที่ผสมกับแท่งปรอทบนโต๊ะ จากนั้นเธอวาดนิ้วไปบนอากาศระหว่างคิ้วของวิญญาณตนนั้นอย่างรวดเร็ว
วิญญาณตนนั้นร้องด้วยเสียงโหยหวนและขาดเป็น2ท่อนในทันที กลายเป็นละอองลอยหายไปในอากาศ
“บริเวณระหว่างคิ้วของภูตผีเป็นจุดอ่อนของมัน ผู้ฝึกตนสามารถปลดปล่อยวิญญาณได้โดยการใช้สารประกอบที่ผสมจากน้ำมนต์และแท่งปรอท และใส่พลังวิญญาณลงไปเล็กน้อย หรือของที่หาซื้อได้ตามท้องตลาด เกลือ น้ำปัสสาวะหรือเลือดไก่... แต่ของเหล่านั้นมันไม่น่าใช้เท่าไหร่
อาจารย์ป่านโบกมือ มีแสงสว่างขึ้นท่ามกลางอากาศพร้อมกับวัตถุดิบทั้ง4อย่างสำหรับเขียนยันต์ให้แก่นักเรียนทุกคน “ตอนนี้พวกเธอสามารถเริ่มเขียนตามที่อาจารย์แสดงขั้นตอนให้ดูเมื่อสักครู่”
หลังจากนั้นห้องเรียนก็แทบจะระเบิด สารพัดภูตผีถูกอัญเชิญออกมา
ภูตผีที่ซุนหรงอัญเชิญมาเป็นนักเรียนหญิงที่ลื่นตกตึกตายภายในโรงเรียน หรือก็คือผีตนนั้นคือรุ่นพี่ของเธอ
เช็นเฉา อัญเชิญครูใหญ่สมัยไหนก็ไม่รู้ ผู้ซึ่งยังคงมีมีด9เล่มปักอยู่บนหัว เขาตายเนื่องจากในขณะที่คนในครอบครัวของเขาโดนโทษประหารชีวิตสร้างพายุในแดนประหาร และในความวุ่นวายนั้นเขาก็โดนมีดปักหัวตาย
มาสเตอร์ดูปี้หรือกัวหาว อัญเชิญสุนัขกระดูก เขาโดนต่อว่าอย่างหนักจากนักเรียนที่รักสุนัขภายในห้อง
มีคำที่กล่าวไว้ว่าคนที่ซื่อและจิตใจดีมักจะดึงดูดสิ่งที่แย่ๆ นี่ก็เป็นขอพิสูจน์คำกล่าวนี้ สิ่งที่ลี้ฉวนจิงอัญเชิญ
มันเป็นภูตผีที่วิวัฒนาการไปเป็นผีร้าย มันมีดวงตาสีแดงก่ำดวงตาข้างหนึ่งของมันหลุดห้อยออกมาจากเบ้าตา และปล่อยรังสีฆ่าฟันออกมาอย่างไม่เป็นมิตร
แต่อย่างที่อาจารย์ป่านได้พูดไว้ชื่อเสียงของเธอไม่ได้มีไว้คุย
ทันทีที่ผีร้ายตัวนั้นโผล่ออกมาเธอก็ พุ่งตัวไปข้างหน้ามันดึงลูกตาออกมาและบีบมันจนแตกคามือ ต่อหน้าต่อตานักเรียนทั้งห้อง
ทุกคนอึ้งในการกระทำที่รวดเร็วของอาจารย์ แต่ในใจกลับคิดว่า
“โคตรเถื่อน!!!”
หวังลิ่งเป็นคนเดียวที่ตอบสนองช้า
เขาได้เรียนรู้การเขียนยันต์ด้วยตนเองมาตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ มันไม่ยากเลยแม้แต่น้อย – จำนวนที่หวังลิ่งเขียนได้อาจจะมากกว่าอาจารย์ทั้งหมดในโรงเรียนช่วยกันเขียน
แต่สิ่งที่ยากกับเขาก็คือเขาไม่สามารถควบคุมพลังของเขาได้อย่างแม่นยำ
เขาจ้องไปที่วัตถุดิบทั้ง4บนโต๊ะเขาคิดในใจว่า...
“เขาจะอัญเชิญตัวอะไรออกมาอีกคราวนี้”