ตอนที่ 2 ม่านน้ำฮวงโหกรุ๊ป
ตอนที่ 2 ม่านน้ำฮวงโหกรุ๊ป
นี่เป็นครั้งแรกที่ ซุนหรงเป็นฝ่ายเริ่มสนทนากับคนอื่นก่อน แต่ก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะไม่ตอบสนองอะไรสักอย่างเลยแบบนี้!!!
เธอแค่รู้สึกว่าไอเจ้าผู้ชายใส่เสื้อสีขาวผมสั้นคนนี้ ต่างไปจากไอพวกหื่นที่เธอมักจะพบเจอเป็นประจำ
นอกเหนือไปจากบรรยากาศแปลกๆรอบตัวเขา เขามีคลื่นพลังวิญญาณที่พิเศษและพลังอะไรบางอย่างที่แข็งแกร่งจึงทำให้เธอนั้นรู้สึกสนใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น
“นี่นาย ว่าแต่นายก็สัมภาษณ์ที่ห้องนี้เหมือนกันหรอ”
“นี่นาย ฉันขอถามนามสกุลนายหน่อยได้ไหม”
ตลอดทางเดิน ซุนหรงพยายามอย่างมากที่จะสร้างความสนิทสนมกับหวังลิ่ง แต่ไม่ว่ายังไง หน้าเฉยเมยของหวังลิ่งก็ไม่เปลี่ยนและดูเหมือนเขาไม่ได้สนใจเธอเลยสักนิดนึง
ซุนหรงคิด นี่มันน่าอับอายจริงๆอายจริงๆ
....................
มันเป็นครั้งแรกที่หวังลิ่งบอกทางคน ถ้าเขาและเธอไม่ได้เดินไปทางเดียวกันเขาจะไม่แม้แต่ยกมือขึ้นมาบอกทาง
เขาเกลียดการพูดคุยกับคนอื่น ยิ่งไปกว่านั้นระดับพลังของเขาถึงขั้นแก่แท้วิญญาณในตอนที่เข้าย่างเข้าอายุ7ขวบ เขาสำเร็จการอ่านใจคน ทำให้เขานั้นสามารถได้ยินเสียงความคิดคนอื่นตลอดเวลา จึงทำให้เขานั้นไม่เคยมีเวลาสงบสุขของตัวเองเลยโดยเฉพาะยามกลางคืน ถ้าหากเขาไม่ใส่ที่อุดหูเขาอาจจะบ้าไปแล้วก็ได้
ดั่งเช่นตอนนี้ที่ ซุนหรงซึ่งพยายามจะทำลายกำแพงน้ำแข็งของเขา หวังลิ่งนั้นได้ยินความคิดของเธอทั้งหมด
เธอดูไม่มีความสุขเลยเหมือนกับเขา
บอกตรงๆนะ หวังลิ่งรู้สึกว่ามันเสียเวลา ความสามารถระดับเธอกับโรงเรียนอันดับ 60 ด้วยระดับพลังของเธอ โรงเรียนชื่อดังที่ไหนๆที่เธอไปเธอจะอยู่ในระดับพิเศษแน่ๆ
เหตุผลของ ซุนหรงที่เข้าโรงเรียนนี้ต่างจากเขาโดยสิ้นเชิง หวังลิ่งอยากจะซ่อนพลังของเขา ในขณะที่ซุนหรงอยากที่จะแสดงศักยภาพของตัวเอง
ในโรงเรียนดัง พวกนักเรียนหัวกะทิมีเป็นโหล การที่จะแสดงความเก่งออกมานั้นคงไม่ง่าย แต่ถ้าหากเป็นโรงเรียนธรรมดาเหมือนโรงเรียนแห่งนี้ ซุนหรงรู้สึกว่าตัวเธอนั้นสามารถแสดงความสามารถของเธอได้
เธอไม่เคยคาดคิดว่าเธอเข้าโรงเรียนมาจะมีเด็กผู้ชายที่ไม่แม้แต่จะชายตามองเธอ บ้าจริง นี่เขาเป็นเกย์หรืออะไรกัน
หวังลิ่ง ก็ไม่ได้คิดว่าการที่เขาเข้าโรงเรียนมาจะเป็นจุดสนใจของเด็กผู้หญิงแบบนี้
นี่มันเลวร้ายที่สุด!!!
เขาและเธอก็เดินคู่กันไปโดยที่ไม่มีใครคุยกัน ทั้งคู่ทำได้แค่เพียงถอนหายใจเบาๆ
....................
การสัมภาษณ์ก็เหมือนการสอบอย่างหนึ่ง ซึ่งใช้ระบบนี้มาเป็นร้อยกว่าปี เป้าหมายก็คือวัดระดับของนักเรียนโดยปราศจากอคติท่ามกลางเด็กนักเรียน จะพูดก็คือนักเรียนที่สามารถสมัครเข้าโรงเรียนอันดับที่ 60 แห่งนี้ได้ ต้องมีขั้นแรกเริ่มลมปราณแต่ในแต่ละขั้นก็จะมีระดับแยกย่อยไปอีก
มันเป็นช่องว่างแคบๆระหว่างขั้นแรกเริ่มลมปราณระดับต้นและระดับสูง แต่ความแตกต่างโดยรวมด้านพลังถือว่าค่อนข้างมาก และนักเรียนที่อยู่ในระดับสูงห้องเดียวกันมีแนวโน้มที่จะกระทบกระทั่งกันสูง
ภายในห้องเรียนที่ค่อนข้างเล็กมีผู้คุมสอบอยู่ 3 คนนั่งเรียงกันซึ่งภายในห้องมีนักเรียนที่มาแสดงตัวนั่งรอกันอยู่แล้ว
หวังลิ่งเดินตรงไปหลังห้องและนั่งลงในที่นั่งที่ดูไม่ค่อยเตะตาตรงนั้น
ซุนหรงเดินเข้ามาในห้องเรียน หน้าตาที่เหมือนกับดาราอย่างเธอได้จับสายตาของนักเรียนทั้งห้องรวมไปถึงผู้คุมสอบทั้ง3ด้วย
ผู้ชายทั้งเด็กและแก่ภายในห้องต่างก็เขินในความสวยของซุนหรง แม้แต่เด็กผู้หญิงในห้องยังก้มหน้าหนีด้วยความเขินอาย
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อซุนหรง เรากำลังจะเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนกันต่อจากนี้ ฉันหวังว่าทุกคนจะดีกับฉันนะคะ” ซุนหรงเป็นนักฆ่าทั้งผู้ชายและผู้หญิงมาตลอด ด้วยนิสัยที่ชอบเป็นจุดสนใจของคนอื่น เธอก้มหัวลงอย่างเป็นธรรมชาติและสง่างาม เธอยกหัวขึ้นสะบัดผมดำสวยของเธอกลับไปข้างหลังแล้วยิ้มด้วยความมั่นใจ
แต่มีเพียงอย่างเดียวที่ทำเธอขัดใจซึ่งก็คือหน้าของอีตาหวังลิ่งยังคงเฉยเมยเช่นเคย
ในโลกใบนี้จะไปมีได้ยังไงที่ผู้ชายไม่หวั่นไหวต่อเธอ ในหัวของซุนหรงเริ่มแผนการที่จะดึงความสนใจของอีตาหวังลิ่ง
อีกฝั่งนึง ผู้ทดสอบทั้ง3ที่ตกใจจากการแนะนำตัวของซุนหรง
“ห๊ะ... ซุน...ซุนหรง” หนึ่งในผู้ทดสอบยังคงมึนงงอยู่พูดขึ้น
“ซุนหรงคนไหน อย่าบอกนะว่า ซุนหรงคนนั้น”
ผู้ทดสอบคนอื่นพลิกกระดาษรายชื่อนักเรียน แล้วจู่ๆก็สบถออกมา
“ไม่นะ!!...นี่มัน...หลานสาวคนโตของบริษัทม่านน้ำฮวงโหกรุ๊ป ซุนหรง”
มันคือ บริษัทฟอร์จูนห้าร้อย ที่สร้างชื่อเสียงจากการขายยาบำรุง
ในอีกมุมหนึ่ง หวังลิ่งได้ยินสิ่งที่เหล่าผู้ทดสอบพูด เขาก็คิดไว้อยู่แล้วว่าสถานะที่แท้จริงของซุนหรงไม่น่าจะธรรมดา แต่เขาก็คาดไม่ถึงว่าจะมาจากครอบครัวที่มีอำนาจขนาดนี้ แผนที่เขาจะทำตัวไม่เด่น ใครจะรู้โรงเรียนยังไม่ทันจะเปิดเขาก็พบเจอปัญหาที่น่าปวดหัวเสียแล้ว
หวังลิ่งเห็นซุนหรงยิ้มมาทางเขาและเดินมาและนั่งลงข้างๆเขา เขาถึงกับพูดไม่ออก
ทำไมหลานสาวคนโตของบริษัทฟอร์จูนห้าร้อยถึงเข้ามาโรงเรียนนี้เพื่อจะพิสูจน์ตัวเองเนี่ย
หรือเป็นเพราะว่าลูกๆหลานๆของตระกูลใหญ่ในตอนนี้ชอบที่จะซ่อนสถานะของตัวเองกัน
หวังลิ่ง ปิดตาลงโดยไม่สนใจว่าซุนหรงกำลังมองมาทางเขาอยู่
ถึงยังไงก็ตาม ตราบใดที่เขาระวังตัวไม่เปิดเผยพลังที่แท้จริงของเขามากนัก เขาก็สามารถที่จะผ่านมันไปได้...ใช่ไหม?
หวังลิ่ง ไม่ได้อยากจะสนใจคนบ้าที่นั่งจ้องเขาไม่หยุดตลอดทั้งวันแบบนี้
ต่อมาไม่นาน เขาก็ได้ยินเสียงจากผู้ทดสอบ “การสัมภาษณ์กำลังจะเริ่มต้น ขอให้ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม”
สำหรับพวกรุ่นพี่ ผู้ซึ่งอยู่ขั้นแรกเริ่มลมปราณเดียวกัน พวกเขามองว่าการทดสอบไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่เขาคิดไว้ โดยรวมแล้วก็แค่ตรวจวัดระดับพลังของพวกเขา
จากการวิจัยทางวิทยาศาตร์ ได้กล่าวไว้ว่ามันไม่ใช่เรื่องยากที่จะถึงขั้นแรกเริ่มลมปราณอย่างที่ใครบางคนคิด ตราบใดที่พวกเด็กได้รับการบำรุงที่ถูกต้อง ควบคู่ไปกับพลังโดยกำเนิด มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะสำเร็จขั้นแรกเริ่มลมปราณ
และที่แน่นอน มันก็มีพวกตัวประหลาดผู้ซึ่งสำเร็จหนึ่งขั้นในทุกๆสองปีโดยไม่ต้องการยาบำรุงอะไรเลยสักอย่าง
ไม่เหมือนอย่างในรุ่นของพ่อแม่หวังลิ่ง รุ่นนั้นเขาขาดการบำรุงที่ดี เด็กๆในชนบทสมัยนี้สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์บำรุงร่างกายตั้งแต่ยังเด็ก อย่างเช่น “ไดมอนด์ พาร์ทเนอร์” และ “เบรนโกลด์” ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ดังในด้านบำรุงร่างกาย ที่จะช่วยเพิ่มระดับพลังของผู้ฝึกตน เพิ่มความฉลาดและพละกำลัง ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดนั้นเป็นของม่านน้ำฮวงโหกรุ๊ปทั้งสิ้น
แต่การไว้วางใจในอาหารเสริมเพื่อที่จะไปเพิ่มพลังมันก็มีข้อเสีย จากคำที่ว่า“ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง” (ข้างนอกเป็นทองคำและหยก ข้างในมีแต่โคลนตม)***
เกณฑ์ตั้งไว้ที่ขั้นแรกเริ่มลมปราณนั้นเพียงพอที่จะใช้รับเด็ก แต่ทว่าทางโรงเรียนก็ยังไม่แน่ใจในพลังที่แท้จริงของนักเรียนว่าสมควรกับระดับนั้นหรือไม่
และนี่ก็คือเหตุผลที่แท้จริงของการทดสอบนอกจากการประเมินผล มันยังใช้ชี้วัดอัฉริยภาพที่แท้จริงในตัวเด็กอีกด้วย
ในความคิดของหวังลิ่ง ตอนจบการศึกษาจำนวนนักเรียนที่สามารถข้ามขั้นแรกเริ่มลมปราณเข้าสู่ขั้นแก่นแท้ลมปราณได้นั้น จะส่งผลถึงชื่อเสียงของโรงเรียนเป็นอย่างมาก เป็นหนึ่งในเกณฑ์ที่จะขอเลื่อนขั้นเป็นโรงเรียนชื่อดังได้
บนเวที ผู้ทดสอบวัยกลางคนพูดอย่างช้าๆ “หลายปีมานี้โรงเรียนเราอยู่ในอันดับที่ 60 ความสำเร็จของนักเรียนที่เข้าสู่ขั้นแก่นแท้ปราณทองคำ เป็นสองในหมื่นคน พูดในอีกแง่นึงคือ ในเด็กนักเรียนหนึ่งหมื่นคน จะมีสองคนที่สามารถเข้าสู่ขั้นแก่นแท้ปราณทองคำ ผู้ซึ่งหลายๆคนใฝ่ฝันอยากจะเป็น พวกเขาสามารถที่จะเข้าสู่ขั้นวิญญาณก่อกำเนิดเพื่อที่จะเข้าสู่มหาวิทยาลัยที่ดีต่อไป ฉันหวังว่าในอีก3ปีต่อจากนี้ นักเรียนทุกคนจะขยัน และมุ่งสู่การเป็นผู้ฝึกตนที่ประสบความสำเร็จ”
สองในหมื่นอาจจะเป็นตัวเลขที่ไม่สวยนัก แต่โรงเรียนอันดับที่ 60 รับนักเรียนเพียงแค่ 300 คน ต่อปี หวังลิ่งคิดว่ามันก็ไม่ใช่ตัวเลขที่น่าเกลียดอะไร ยังมีโรงเรียนที่แย่กว่านี้ที่ซึ่งไม่มีเลยสักคนเดียว
“ต่อจากนี้ เราจะเริ่มการวัดพละกำลัง ทุกคนโปรดสวมแว่น VR เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนแรกในการทดสอบด้วย”
หนึ่งในผู้ทดสอบม้วนหนังสือในมือแล้วไอเบาๆ แล้วจึงเรียกชื่อ “ผู้เข้าทดสอบคนแรก ซุนหรง”