ตอนที่ 10 ความจริงเมื่อ 6 ปีที่แล้ว
ตอนที่ 10 ความจริงเมื่อ 6 ปีที่แล้ว
หวังลิ่งอาจจะลืมไปแล้วก็ได้เรื่องปีศาจบุกเมืองเมื่อ 6 ปีก่อน แต่โจวยี่กลับจำเรื่องราวในครั้งนั้นได้ขึ้นใจ
...............
เมื่อ 6 ปีก่อน นักฝึกต้นทั้งหลายต่างรีบมุ่งหน้าไปพิกัดประตูมิติ จากรายงานทราบว่า ปีศาจคางคกสีฟ้าได้ถูกกำจัดแล้ว บนตัวคางคกมีรูใหญ่ตรงช่องท้องและขาทั้ง4ของมันชี้ฟ้าแสดงว่ามันตายแล้ว
มันเป็นถึงปีศาจระดับ 5 ที่แขงแกร่งมาก
ใครเป็นคนฆ่ามันกัน?
นักฝึกตนที่พบเห็นเหตุการณ์ต่างถกเถียงกันอย่างตื่นเต้น
“นักฝึกตนทุกคน ฉันรับรู้ถึงคลื่นพลังวิญญาณแปลกๆทางนั้น”
และในจังหวะนั้นเองมีใครบางคนสังเกตเห็นเงาดำๆหลังกลุ่มควันข้างหน้าพวกเขา
มีคนหนึ่งใช้วิชาเพื่อขจัดกลุ่มควัน
เมื่อกลุ่มควันจากลง ก็เห็นเด็กอายุ10ขวบ กำลังตัวสั่นด้วยความโกรธ เขาจ้องไปที่ศพของปีศาจคางคกกลืนฟ้าอย่างน่ากลัว
“ชิ ก็แค่เด็กน้อย จะตื่นเต้นไปทำไม” นักฝึกตนหญิงเข้าไปกอดหวังลิ่งที่กำลังตัวสั่น(เพราะความโกรธ)
หวังลิ่งตอนอายุ10ขวบหน้าตาน่ารักเกินกว่าทุกคนจะต้านทานไหว
“เด็กดี ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้วนะเดี๋ยวพี่สาวจะปกป้องหนูเอง”
“...”
นักฝึกตนหญิงคนนั้นกอดหวังลิ่งด้วยหน้าอกขนาดเท่าเมล่อนของเธอ หวังลิ่งไม่กล้าที่จะขยับตัว(ก็แน่หล่ะ) หลังจากที่เขาระเบิดพลังวิญญาณออกไป เขายังคงอยู่ในภาวะไม่มั่นคง ถ้าหากเขาขืนขยับนิ้วเพียงนิดเดียวอาจจะเผลอระเบิดหัวของนักฝึกตนสาวอกเมล่อนคนนั้น
“ไฉ่เหลียน ปล่อยเด็กนั่นได้แล้วเธอกำลังทำเขาหายใจไม่ออก”
“อุ๊ปส์ ขอโทษจริงๆนะหนู”
นักฝึกตนที่ชื่อไฉ่เหลียนก็ปล่อยหวังลิ่งจากหน้าอกคู่นั้น “ว่าแต่หนูน้อย รู้ไหมว่าปีศาจตัวนี้ตายได้ยังไง”
...........
หวังลิ่งไม่มีทางที่จะยอมรับว่าเขานั้นเป็นคนฆ่าคางคกตัวนี้ เขาต้องรีบหาทางออกให้ตัวเองจากเหตุการณ์วุ่นๆนี้เร็วที่สุด ดังนั้นเขาจึงชี้นิ้วไปที่คนอย่างมั่วๆ
และคนที่อยู่อีกฝั่งของหมอกควันก็คือโจวยี่
โจวยี่จำได้ว่าเขานั้นมาถึงก่อนที่จะโดนพลังแรงโน้มถ่วงทำให้เขาล้มลงไปพร้อมกับซากตึก
และเมื่อเขาพาตัวเองขึ้นมาได้ เขาก็กลายเป็นวีรบุรุษผู้ปราบราชาปีศาจไปเสียแล้ว
เขาได้รับในสิ่งที่เขาไม่สมควรได้รับทั้งชื่อเสียงและเกียรติยศมาหลายปี เขาก็คอยเตือนตนเองเสมอว่าอย่าหลงไปกับชื่อเสียงจอมปลอมพวกนี้
ในขณะเดียวกันเขาก็คอยสืบเรื่องอย่างลับๆ และเมื่อปีที่แล้วนี่เองที่เขาได้เบาะแสบางอย่าง
มันน่าเวียนหัวยิ่งนัก
แต่ถึงยังไงเขาก็ต้องตามหาคนคนนี้ให้เจอ
และให้เขามาเป็นอาจารย์ให้ได้
..................
หวังลิ่งไม่คิดว่าโจวยี่จะเป็นคนสืบเรื่องของเขาจริงๆ
ดูเหมือนว่าภาระที่เขาได้รับในการเป็นผู้สั่งการของสมาคม100โรงเรียน จะเป็นเรื่องที่หนักหนาสำหรับเขา
จริงๆแล้วหวังลิ่งไม่ได้หายตัวไปไหน แต่เขาร่ายเวทพรางตาขั้นสูงที่ซึ่งลบทุกอย่างแม้กระทั่งคลื่นพลังวิญญาณของเขา เขาขยับไปอยู่ใกล้รถของโจวยี่ เขาใช้วิชาตาสวรรค์เพื่อดูความทรงจำของโจวยี่
พูดตามตรงหวังลิ่งจำอะไรไม่ค่อยได้เลยกับเรื่องเหตุการณ์เมื่อ6ปีก่อน
ตอนนี้ดูเหมือนมันกำลังจะกลายเป็นปัญญาให้เขา
และโจวยี่ก็ยังอยากจะฝากตัวเป็นศิษย์กับเขา มันช่างน่าปวดหัวจริงๆ
เขาจำเป็นต้องหาทางจบเรื่องนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่เช่นนั้นมันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเขา
..........
รุ่งเช้าของวันเสาร์ช่างเงียบสงบอย่างที่หวังลิ่งหวัง หากทว่ามันเป็นความสงบก่อนพายุจะมา...
เมื่อเขาส่องกระจกเขารู้สึกว่าเปลือกตาขวาของเขากระตุกไม่หยุด
เขาคิดง่ายว่าน่าจะเป็นผลมาจากการนอนไม่พอ
แต่จากเหตุการณ์ผ่านๆมา การที่หนังตาข้างขวากระตุกมักจะมีเรื่องไม่ค่อยดีเกิดขึ้น
โชคยังดีที่หลังจากเขาล้างหน้าตาขวาก็เลิกกระตุก มันกระตุกน้อยกว่า3นาที
“หายนะระดับ2!”
นี่เป็นระดับหายนะที่เขากำหนดขึ้นสำหรับการกระตุกของขวาขวา
ระหว่าง1-5นาที หายนะระดับ2ดาว
ระหว่าง5นาที-1ชั่วโมง หายนะระดับ3ดาว
ระหว่าง1-6ชั่วโมง หายนะระดับ4ดาว
ระหว่าง7-24ชั่วโมง หายนะระดับ5ดาว
มากกว่า24ชั่วโมง โลกแตก
มากกว่า48ชั่วโมง จักรวาลสูญสลาย
................
อย่างไรก็ตามหายนะระดับ2ดาวเขายังพอจะรับมือได้
เขาจ้องไปที่ปากกาและยางลบก็อบลิน เขาใช้วิชาเปลี่ยนรูปร่างสิ่งของจากของสิ่งหนึ่งไปเป็นอีกสิ่งหนึ่ง เมื่อคืนเขาใช้เวลาเกือบจะทั้งคืนกว่าจะทำการบ้านเสร็จและเผลอหลับไปอย่างเหนื่อยล้า
เขารู้สึกว่าวันนี้ทุกอย่างมันก็โอเค...ในตอนนี้...
เขามองออกไปข้างนอกหน้าต่าง แสงของดวงอาทิตย์ทำให้โลกสว่าง ลมเย็นๆพัดผ่านจากป่า โลกก็ยังคงหมุนด้วยตัวมันเอง จักรวาลก็ยังคงทำงานอยู่ เขาไม่คิดว่าวันหยุดที่แสนจะสงบสุขแบบนี้จะมีอะไรแย่ๆเกิดขึ้นได้
หลังจากที่เขาเปลี่ยนชุดนอนกระต่ายสีขาวของเขาออกหวังลิ่งก็ออกจากห้อง แม่ของเขาเตรียมอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว -มันคือไข่ดาวไม่สุกและไส้กรอกพริกไทยดำ2ชิ้น
“หลิงหลิง มากินข้าวได้แล้ว” วันแม่ของหวังลิ่งดูเหมือนจะอารมณ์ดี
พ่อของหวังลิ่งส่งส้อมที่ทำมาจากเพชรดำให้แก่เขาอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน “ถือมันดีๆ อย่าทำหักอีก”
หวังลิ่งรับปากและควบคุมพลังของเขา ค่อยๆจับส้อมด้วยนิ้วมือเขาและยกมันขึ้น
พ่อของหวังลิ่งยิ้มให้เขาอย่างมีเลศนัยและยิ้ม “รีบๆกินเข้า วันนี้มีเดตไม่ใช่รึไง”
เดต?
หวังลิ่งเงยหน้าขึ้น
“ถ้ามันไม่ใช่เดต งั้นอธิบายให้พ่อฟังหน่อย ทำไมรถหรูๆคันนั้นถึงจอดอยู่ข้างหน้าบ้านเรา”
หวังลิ่งรีบลุกออกไปดูที่ระเบียง เขาเห็นซุนหรงยืนโบกมือและยิ้มหวานให้แก่เขา
“...”
โอ้วชิต ทำไมคนคนนี้ถึงรู้ว่าเราอาศัยอยู่ที่นี่?
หวังลิ่งเข้าใจถึงระดับหายนะที่เขารับรู้ได้จากหนังตากระตุกตอนเช้า
เมื่อเขาเดินกลับไปที่โต๊ะกินข้าว ใบหน้าพ่อของหวังลิ่งเต็มไปด้วยความภูมิใจ
“นี่เจ้าลูกชาย ลูกไม่ต้องอธิบายอะไรทั้งนั้น พ่อเอาใจช่วย”
“...”
พ่อของเขายิ้ม “เด็กผู้หญิงข้างล่างเธอเป็นคนฉลาดนะ เมื่อเช้านี้เธอให้ครีมบำรุงผิวของลอริอัล (L'Oréal) ดูสิแม่ของลูกหน่ะอารมณ์ดีมาตั้งแต่เช้าแล้ว”
“...” อืมแปลว่าพ่อและแม่ของเขาโดนติดสินบนไปเรียบร้อยแล้ว
“ถ้าลูกไม่กลับบ้านคืนนี้ ก็ดูแลตัวเองดีๆนะ”
พ่อของเขายิ้มอย่างชั่วร้าย “ดูแลตัวเองดีๆ ในหลายๆความหมายนะ”
“...”
หลังจากนั้นพ่อของเขาก็ไปหยิบเอากล่องถุงยางอนามัยหลากหลายยี่ห้อและส่งมันให้แก่เขาอย่างพึงพอใจ “ลูกของเราโตขึ้นแล้ว”
“...”
*แคร๊ก!!*
สุดท้ายเขาก็ทำส้อมหักคามือไปอีกอัน...