ตอนที่ 1 คนรวยในหมู่คนรวย
ตอนที่ 1 คนรวยในหมู่คนรวย
ในโลกใบนี้ มันมีคนจำนวนไม่น้อยที่เกิดมาบนกองเงินกองทอง และหวังลิ่งก็เป็นหนึ่งในนั้น ติดเพียงที่ว่าเขาเป็นคนที่รวยที่สุดในหมู่คนรวยพวกนั้น การเกิดของเขาเกือบจะเป็นสาเหตุในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แก่สังคมผู้ฝึกตน
ในขณะที่ตกแต่งอพาร์ทเมนท์ คุณหวังและคุณนายหวังแกว่งเปลเด็กด้วยความรักและรอยยิ้ม
“ฉันไม่อยากจะเชื่อ แค่เพียงกระพริบตา ลูกของเราโตขึ้นเยอะ”
“ใช่แล้ว และวันนี้ก็เป็นวันเกิดของหลิงหลิง”
“ที่รักคะ คุณเตรียมของขวัญแล้วหรือยัง”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
เมื่อเขาพูดจบ ชายวัยกลางคนก็ได้เซอไพรซ์ คุณผู้หญิงด้วยการหยิบอะไรบางอย่างที่ยาวและหนาที่แขวนไว้ที่ข้อมือของเขา
มันเป็นสมบัติเวทมนต์ที่ดูหรูหราเต็มไปด้วยหินอัญมณี ส่องแสงเป็นประกายเข้าสู่ตา ปากของคุณนายหวังค่อยๆอ้าด้วยความตกใจได้แต่จ้องมองมัน
“นี่มันคืออะไร?”
“กระบี่บินสุดหรู” เขาพูดด้วยความภูมิใจ “มันใช้เงินรายได้ของเราถึงครึ่งปี เพื่อที่จะซื้อมันเป็นของขวัญให้หลิงหลิงของเรา จนถึงตอนนี้ไม่มีใครในตระกูลของเราฝึกตนจนถึงขั้นแก่นแท้ปราณทองคำเลยนะที่รัก ดาบเล่มนี้แสดงถึงความหวังของเราต่อหลิงหลิง”
ในโลกที่เต็มไปด้วยผู้ฝึกตนและวิทยาศาสตร์ล้ำสมัย เป็นการรวมกันที่สมบูรณ์แบบ ใบประกาศนียบัตรได้ถูกนำเข้าสู่ระบบของโลกใบนี้ และเป็นเกณฑ์ใหม่ที่ใช้วัดระดับการศึกษา น่าเสียดายที่คู่สามีภรรยาหวัง ไม่ได้จบการศึกษามาด้วยขึ้นลมปราณเสริมแกร่ง พวกเขานั้นหยุดนิ่งอยู่ที่ขั้นแรกเริ่มเท่านั้น
กระบี่บินสุดหรูเล่มนี้ จัดว่าอยู่ในขั้นแก่นแท้ลมปราณซึ่งมันคุ้มค่า
คุณหวังกัดฟันซื้อมันมาด้วยความเสี่ยง เขาต้องใช้เงินให้น้อยที่สุดเพื่อวันที่กำลังจะมาถึง
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อได้เห็นเปลเด็กความเหนื่อยล้าก็พลันหายไป หวังลิ่งได้แค่มองกระบี่ผ่านๆด้วยหางตาเท่านั้นก่อนที่จะไม่ได้แสดงความสนใจมันอีก
นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นกระบี่บินที่น่าเกลียด
ที่น่าตกใจที่สุดก็คือพ่อของหวังลิ่งได้วางดาบที่ไม่น่ามองอันนั้นไว้ข้างหมอนของเขา คอยพูดแต่ว่าเพื่อที่จะไล่พวกปีศาจร้ายนะลูก
บ้าบอสิ้นดี มัวแต่งมงายไร้สาระ นี่มันยุควิทยาศาสตร์ของผู้ฝึกตนไอความเชื่อโบราณๆแบบนั้นมาจากไหน
ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากปากหวังลิ่ง หวังลิ่งยื่นมือออกไปที่กระบี่เล่มนั้น มือของเขานั้นเล็กกว่ามือของพ่อของเขาราวๆสี่เท่า และทันใดนั้นเองเข้าก็หักเจ้ากระบี่บินเล่มนั้นเป็นสองท่อน
และตอนนั้นหวังลิ่งก็อายุแค่เพียงหนึ่งขวบ
................
หลังจาก หวังลิ่ง ได้ทำกระบี่บินหักตอนอายุหนึ่งขวบด้วยมือเปล่า พ่อเม่ของเขาก็ไปต่อว่าคนเช็คคุณภาพสินค้า เรื่องที่ขายของไม่มีคุณภาพให้กับเขา มันไม่มีทางหรอกที่เด็กตัวแค่นี้จะหักกระบี่บินขั้นแก่นแท้ลมปราณด้วยมือเปล่าได้!
ณ ตอนนั้น พ่อแม่ของหวังลิ่งได้เข้าใจผิดว่า พวกเขานั้นซื้อกระบี่บินของปลอมมา แทนที่จะคิดว่าพวกเขานั้นได้รับลูกมาผิดคน
พ่อแม่ของหวังลิ่งเป็นแค่คนทั่วไปที่หยุดนิ่งอยู่ขั้นเสริมแกร่งร่างกาย ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามแค่ไหน พวกเขาก็ไม่รู้ว่าพวกเขาให้กำเนิดหวังลิ่งได้อย่างไร
หรืออาจจะเป็นเพราะการกลายพันธุ์ หรืออาจจะมีขั้นตอนที่สำคัญบางอย่างถูกข้ามไประหว่างการสร้างหวังลิ่ง(หมายถึงตอนที่ยังคงเป็นตัวอ่อน ผู้แปล) แต่พวกนั้นมันก็ไม่สำคัญ มากไปกว่านั้นพ่อแม่ของหวังลิ่งเชื่อว่าเขาเป็นของขวัญจากพระเจ้าที่ส่งมาให้ตระกูลหวัง เป็นผู้ที่ถูกเลือก
เพราะพ่อแม่ของหวังลิ่งนั้นไม่ค่อยฉลาด เขาต้องการชีวิตที่สงบในช่วงอายุหนึ่งขวบถึงห้าขวบ ซึ่งมันเป็นช่วงที่อ่อนแอที่สุดของเขา
อีกอย่างนึงก็คือ หวังลิ่งคิดว่าถ้าหากเขาใช้ชีวิตตามปกติ เขาอาจจะถูกส่งตัวไปที่สถานทดลองมนุษย์ ไปเป็นมนุษย์ทดลอง หรือไม่ก็ไปออกรายการที่ชื่อว่า “เข้าใกล้ วิทยาศาสตร์”
หวังลิ่งคิดว่าพลังของเขาในตอนอายุเท่านั้น มันไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร หรือเกินความเป็นจริงทั้งในสวรรค์หรือบนโลก ก็แค่ทั่วๆไปเขาสำเร็จขั้นพลังหนึ่งขั้นในทุกๆสองปี เขาไม่รู้ว่าทำไมมันถึงเป็นปัญหา
พลังวิญญาณของเขาไม่ได้แสดงออกมา เพราะหวังลิ่งได้เขียนยันต์อำพลางพลังวิญญาณที่เขานั้นได้อ่านเจอในตำราโบราณ เขานำมันไปติดไว้ที่แขนขวา ต้องขอบคุณยันต์นั้นที่ช่วยปกปิดพลังวิญญาณของเขา เขาจึงสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติสุขเป็นเวลาหลายปี
................
หวังลิ่ง อายุ 16 ปีในปีนี้
ชีวิตในโรงเรียนของเขาผ่านไปไวกว่าที่เขาคิด เขาปิดบังตัวเองเป็นเหมือนคนธรรมดา หวังลิ่งจึงไม่ทำตัวเด่นในชีวิตแต่ละวัน
เขาไม่ได้สนใจที่จะเข้าโรงเรียนมัธยมดังๆ แต่เขากลับเลือกที่จะเข้าโรงเรียนมัธยมทั่วไป – อันดับที่ 60 โรงเรียนมัธยมในไป่หยวนเมืองซ่งไห่
หวังลิ่งไปโรงเรียนด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีน
เขามองไปรอบๆ ห่างจากรูปแกะสลักที่หน้าประตูโรงเรียน มันไม่มีอะไรที่ใช้การได้แล้วจากที่เขาสังเกตุ รอบๆก็มีแต่ต้นปาล์ม โรงเรียนแห่งนี้มันธรรมดากว่าที่เขาคิด
ถ้าหากเป็นโรงเรียนมัธยมชื่อดัง ต้นไม้ทุกต้นในโรงเรียนจะได้รับพลังวิญญาณ ซึ่งแหล่งพลังงานนั้นจะอยู่ใต้พื้นดินของโรงเรียน ส่งผลให้นักเรียนมีความตั้งใจและรู้สึกสดชื่นตลอดเวลาเรียน
แต่ทว่าพลังวิญญาณนั่นก็ไม่มีประโยชน์กับหวังลิ่ง เพราะพลังของเขานั้นมีมากกว่า ไม่ใช่เขาไม่รู้สึกถึงพลังของมัน แต่เขากลัวที่จะไปทำลายสนามพลังของมันมากกว่า
หวังลิ่งไม่อยากเป็นสาเหตุสำหรับการที่จะทำให้คนอื่นบาดเจ็บ เขาจึงเลือกที่จะเรียนในโรงเรียนธรรมดาทั่วไป และดูเหมือนว่ามันก็ดูเป็นธรรมชาติดี โดยรวมเขารู้สึกชอบมันอย่างน้อยมันก็ดีต่อการซ่อนพลังของเขา
วันนี้เป็นวันปฐมนิเทศของโรงเรียนแห่งนี้และจะมีการสอบวัดระดับ
ก่อนที่นักเรียนจะได้เข้าเรียนที่นี่อาจารย์ต้องทดสอบนักเรียนเสียก่อน โดยอ้างผลจากการสอบ นักเรียนจะถูกแบ่งเข้าแต่ละคลาส : ระดับพิเศษ ระดับสูง ระดับปกติ ระดับปรับปรุง
หวังลิ่ง ยืนอยู่ข้างหน้าหน้าจอทีวีคริสตัล และเดินไปตามทางที่หน้าจอนั้นบอกเพื่อไปยังห้องที่เขาต้องเข้ารับการสัมภาษณ์
โดยเขาคิดว่าเขาไม่อยากเข้าห้องระดับพิเศษ มันเป็นการเสี่ยงที่จะเปิดเผยพลังของเขา แต่อย่างไรก็ตามระดับปรับปรุงมันก็อยู่ต่ำเกินไป
“เอ่อ..ขอโทษนะ...ปี1ห้อง3มันไปทางไหนหรอ”
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงหวานดังมาจากข้างหลังหวังลิ่ง เขานิ่งไปสักครู่ เขารับรู้ว่ามีผู้หญิงพึ่งเดินผ่านประตูโรงเรียนเข้ามา แต่เขาก็นึกไม่ถึงว่าเธอจะเข้ามาคุยกับเขาก่อนแบบนี้
หวังลิ่งมองด้วยหางตา เขาจึงเห็นว่าเป็นเด็กผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง
“เธอก็มาลงทะเบียนวันนี้เหมือนกันหรอ”
ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหวังลิ่ง เด็กหญิงก็ถามต่ออีกคำถามราวกับว่ารู้จักกันมาก่อน เธอเป็นคนสวย ผมยาวและผิวขาวสวมเสื้อเชิ้ตรัดรูปสีขาวและกางเกงยีนรองเท้าผ้าใบ หวังลิ่งใช้พลังวิญญาณนิดหน่อยเพื่อที่จะตรวจวัดระดับของเด็กหญิงคนนั้น – ดูเหมือนว่าระดับพลังของผู้หญิงคนนี้จะอยู่ในระดับพิเศษไม่มีทางที่จะเป็นเพื่อนร่วมห้องของเขา
ห้องที่เขามีการสัมภาษณ์ ก็เป็นห้องเดียวกันกับของเธอคนนี้
หวังลิ่งก็ยังคงเงียบแต่ได้ชี้นิ้วไปทางห้องหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งมันเขียนว่า ปี1ห้อง3
จากนั้นเขาก็เอามือล้วงกระเป๋าตามความเคยชินและเดินไปทางห้องนั้น