SGS บทที่ 56 – ภารกิจส่งโลลิกลับบ้านล่ะ!
“ปัง...” พร้อมๆกับเสียงล้มลง เทียนลี่ก็ค่อยๆหลับตา บางที่แม้แต่ชาติหน้าภาพห่าฝนดาบสีดำที่พุ่งใส่ตนก็คงติดตากลายเป็นฝันร้าย....
“ติ๊ง! เควส3สำเร็จ! ได้รับ แต้มอุปกรณ์ แต้มไอเท็ม แต้มอบิลิตี้ และแต้มอัญเชิญ 10,000แต้ม!”
“อึก...” วู่หยานรู้สึกมึนงงและหัวก็ปวดแบบสุดๆ ยกมือจับหัวตัวเองปากก็ครางอย่างเจ็บปวดดวงตาแดงก่ำ เขาคุกเข่าแล้วสะบัดหัวไปมา
เมื่อรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย วู่หยานก็ยกยิ้มอย่างขมขื่น
นี่เป็นขีดจำกัดพลังจิต เขายังคำนวณได้ไม่แข็งแกร่งพอ!
ตอนที่มิโคโตะสู้กับจอมปีศาจอสรพิษฟ้า เธอก็ใช้ดาบทรายเหล็กระดับนี้เหมือนกัน แถมยังดูสะดวกสบายมากด้วย คิดจะยิงก็ยิง คิดจะเก็บก็เก็บ นี่ทำให้วู่หยานเผลอคิดไปว่าทำแบบนี้มันเป็นอะไรที่ง่ายมาก
แต่ความจริงแสดงให้เห็นว่าคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน อะไรบางอย่างที่อีกคนทำได้ ก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะทำได้เหมือนกัน อย่างน้อยๆตอนนี้ก็ยังทำไม่ได้
มิโคโตะสามารถใช้ได้ตามใจ ส่วนเขาใช้แค่ครั้งเดียวก็เป็นแบบนี้แล้ว นี่มันช่าง.....ถ้าตูใช้ไม่บันยะบันยังเหมือนมิโคโตะล่ะก็ มีหวังได้ตายจริงๆแแหง.....
มันก็เป็นเรื่องปกติ มิโคโตะมีพลังจิตเลเวล5 แต่วู่หยานเลเวล4 แล้วเล่นใช้พลังระดับเดียวกับเลเวล5 มันจะไปทำได้ง่ายได้ยังไงล่ะ
เป็นเพราะตัววู่หยานเป็นปรมาจารย์ดาบมีร่างกายที่แข็งแกร่งทนทานและมีจิตใจที่หนักแน่น ไม่งั้นป่านนี้ก็คงปวดหัวจนต้องล้มลงไปนอนแล้วล่ะ
ในหมวดอบิลิตี้ พลังจิตเลเวล5มีราคาแพงกว่าเลเวล4ถึงสิบเท่า!
จากจุดนี้จะเห็นได้ว่าความต่างระหว่างสองเลเวลมีมากขนาดไหน
“หืม ทำไมเสียงเงียบไปแล้วล่ะ?” การตายของเทียนลี่และอาการปวดหัวของวู่หยานทำให้ที่นี่เงียบสงัด หลังจากเอียงหูฟังอีกสักพักก็ยังไม่ได้ยินอะไร ทำให้ฮินางิคุสงสัย
“เฮ้ หยานเกิดอะไรขึ้น? พูดอะไรบ้างสิ ไอ้กะหล่ำปลีนี่!” ยังคงไร้เสียงตอบรับ นี่ทำให้มิโคโตะขมวดคิ้วอย่างสงสัย แต่ก็ไม่กล้าลืมตาเพราะตัวพูดวู่หยานเมื่อกี้ว่าไม่เหมาะให้พวกเธอเห็น
นี่ทำให้ฮินางิคุกับมิโคโตะรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย ถึงแม้สองสาวซึนเดเระจะไม่อยากยอมแพ้โดยฉากเลือดสาด แต่ถึงยังไงพวกเธอก็ยังคงเป็นเด็กผู้หญิงที่ยังอยู่ในวัยเรียน อีกอย่างบวกกับสีหน้าและน้ำเสียงของวู่หยานเมื่อกี้ ทำให้พวกเธอไม่กล้าลืมตา
ได้ยินคำพูดมิโคโตะ วู่หยานพูดไม่ออกทันที ค่อยๆลุกขึ้นอย่างยากลำบาก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ “กะหล่ำปลีอะไรของเธอกัน ไม่คิดจะพูดชมกันบ้างเลยรึไงเนี่ย”
ได้ยินเสียงวู่หยาน ฮินางิคุกับมิโคโตะก็ถอนหายใจออกอย่างโล่งอก ฟังจากเสียงดูเหมือนจะไม่เป็นไร มิโคโตะพูดอย่างไม่พอใจว่า “ในเมื่อนายจัดการเสร็จแล้ว ก็พูดอะไรบ้างสิ ใครใช้ให้นายเงียบปากไปล่ะ?”
“เหอะๆ ช่างเป็น....” พี่สาวเรลกันนี่เป็นเรลกันจริงๆ ซึนเสมอต้นเสมอปลายดีแท้ คงกลัวว่าถ้าพูดประโยคดีๆเข้าหูคนหน่อย คงจะขาดใจตาย!
“ตกลงว่ายังไงห๊ะ!” ฮินางิคุก็เริ่มอารมณ์ไม่ดีหน่อยๆแล้ว เธอทั้งรู้สึกกลัว สงสัยใคร่รู้ และประหลาดใจปนดีใจนี่ทำให้เธอรู้สึกคันหัวใจยุบยิบ
“เกือบแล้วครับ เกือบแล้ว” ตอบพวกเธอด้วยน้ำเสียงขอไปที วู่หยานวาดมือดาบทรายเหล็กก็โยนเม่นรูปร่างมนุษย์เข้าไปป่าไปอีกทาง ศพของมนุษย์ไม่สามารถแลกเปลี่ยนกับระบบได้ ดังนั้นวู่หยานจึงทำได้แค่โยนมันทิ้งไป
แต่ถึงยังงี้ วู่หยานกลับไม่รู้สึกเสียใจเลย ออกจะดีใจด้วยซ้ำ ถ้าระบบมันให้ศพคนแลกได้จริงๆ เขาก็คงรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ นี่มันเป็นสามัญสํานึกพื้นฐานนะ!
ส่วนซากศพทหารรับจ้างคนอื่นเขาไม่สนใจ เพราะยังไงซะสาวๆก็เห็นกันไปแล้ว ภาพระดับนี้ฮินางิคุกับมิโคโตะยังพอรับได้ ไม่เหมือนเทียนลี่ที่เล่นร่างพรุนไปหมด แถมมีเศษสมองไหลด้วย ดูน่าขยะแขยงมาก
แน่นอนว่า รับได้ก็ส่วนรับได้ แต่ถ้าให้พวกเธอลงมือเองล่ะก็ คงจะ......
เอาน่า ยังไงพวกเธอก็ยังเป็นแค่เด็กสาวอายุ14-15ปีเอง ดังนั้นมันยังมีเวลาพัฒนาได้อีกเยอะ!
“เสร็จแล้ว!” วู่หยานตะโกนบอก ได้ยินปุปสองสาวก็เปิดตาขึ้นทันทีราวกับว่าพวกเธอจะเสียอะไรไปสักอย่างถ้าช้ากว่านี้แม้แต่วิเดียว นี่ทำให้วู่หยานเบ้ปาก
“ทำไมตานายแดงจัง!” เมื่อเห็นเส้นเลือดฝอยเต็มดวงตาววู่หยาน ฮินางิคุสะดุ้งเฮือกทันที รีบเปิดปากถาม
มิโคโตะขมวดคิ้ว ทำท่ายังกับนึกอะไรได้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “นายใช้พลังจิตเกินขีดจำกัดใช่มั้ย?”
มองมิโคโตะที่จ้องเขม็ง วู่หยานยิ้มแหยๆพูดว่า “แค่นิดหน่อยเอง....”
“ไอ้บ้า! นี่นายอยากกลายเป็นคนปัญญาอ่อนรึไง!” มิโคโตะขึ้นเสียงทันทีด้วยความโกรธ ตะคอกใส่วู่หยานว่า“นายโง่รึไง? ฉันก็เคยบอกนายแล้วไงว่าถ้าใช้พลังเกินขีดจำกัด จะทำให้การคำนวณไม่พอ กรณีเลวร้ายสุด สมองนายจะถูกเผาไหม้!”
“สมองไหม้!” ฮินางิคุช็อค ก่อนที่จะค่อยๆมองวู่หยานด้วยแววตาอันตราย
“ฉันจะไปรู้ได้ไง....” ภายใต้สายตาร้องแรงของสองสาว วู่หยานถอยหลังเล็กน้อย แล้วพูดเสียงเบาๆว่า “ก่อนหน้านี่ฉันเห็นมิโคโตะใช้ได้ง่ายๆเลยนี่น่า....”
“ฉันเลเวล5! นายเลเวล4 มันเทียบกันได้ที่ไหน!” ได้ยินวู่หยานเถียงข้างๆคูๆ มิโคโตะกัดฟันกรอดหวังว่าตัวเองจะไปกัดตาโง่นี่สักคำ ให้รู้ว่าความเจ็บปวดมันเป็นยังไง
“โอเคๆ จะไม่มีครั้งหน้าอีกแล้ว เอาจริงๆแค่ครั้งเดียวก็เกินพอ!” จริงๆไอ้ท่าโครตเท่แบบนี้ที่ยิงดาบทรายเหล็กเป็นร้อยๆใส่ศัตรู ถึงใช้แล้วจะปวดหัวไปบ้างแต่เขาก็ไม่เสียใจ ก็ท่ามันเท่อ่ะเหมือนเจ้า ‘ตู้ทองเคลื่อนที่ได้’ นั่นเลย
อืมๆ มันเจิดจรัสและเท่เหมือนกันเลยล่ะ แต่จุดต่างมันอยู่ทีอีกฝ่ายมันยิงโฮกุของแท้ได้เป็นพันๆชิ้นแถมยังไม่ซ้ำกันด้วย แต่ของเขายิงได้แค่ดาบทรายเหล็ก
ถ้าให้กลับไปเลือกอีกครั้ง เขาก็เลือกใช้เหมือนเดิมแหละ ถึงแม้มันจะดูรนหาที่ตายไปเล็กน้อย?ก็เถอะ......
แต่ในเมื่อใช้ไปครั้งหนึ่งแล้วเขาก็พอใจ ดังนั้นเขากะจะไม่ใช่มันจนกว่าเขาจะเป็นเลเวล5 เอาจริงๆนะ ชีวิตสำคัญกว่าโว้ย!
ถึงแม้วู่หยานจะพูดว่าจะไม่ใช้อีก แต่ก็ไม่ได้ทำให้สองสาววางใจเลย โดนจ้องเขม็ง วู่หยานรีบเอ่ยปากพูดเปลี่ยนประเด็น
“ใช่แล้ว ฮินางิคุเลเวลของเธอน่าจะเพิ่มขึ้นเยอะเลยนะ!” วู่หยานหันไปพูดกับฮินางิคุ
ก่อนหน้าที่จะสู้ ฮินางิคุเลเวล19 ได้EXPจากหมาแรงค์สามยี่สิบตัว ทหารรับจ้างแรงค์สามอีกยี่สิบคน และรองกัปตันแรงค์ห้า รวมทั้งมหดนี่เธอน่าจะเวลขึ้นไม่น้อยเลย เพราะยังไงซะเธอก็เลเวลน้อยอยู่แล้ว มันเลยขึ้นง่ายๆอ่ะนะ.....
ได้ยินวู่หยาน ฮินางิคุก็เปิดดูเลเวลตัวเอง ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างอึ้งๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า “อืม! เพิ่มมากเลยล่ะ ตอนนฉันเลเวล35แล้ว!”
“เลเวล35? หืม ก็ไม่เลวนี่ อย่างน้อยๆเราก็ไม่ได้สู้โดยไม่ได้อะไร!”มิโคโตะพูดด้วยน้ำเยงเป็นธรรมชาติ
วู่หยานหยักหน้าเห็นด้วย การที่เลเวลมันต่างกันมากย่อมได้EXPเยอะเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
ชื่อ : วู่หยาน
ความสามารถ : ปรมาจารย์ดาบ ปรมาจารย์อาหาร ความจำสมบูรณ์ ดาราพลิกสวรรค์ Electro Master LV.4
อุปกรณ์ : นิเอโทโนะ โนะ ชานะ(C) เกราะมังกรไร้ลักษณ์(C)
ซัมมอน : มิซากะ มิโคโตะ คัตซึระ ฮินางิคุ
แต้มอุปกรณ์ : 21,000
แต้มไอเท็ม : 8,170,000
แต้มอบิลิตี้ : 101,000
แต้มอัญเชิญ : 26,000
เลเวล : 50
ชื่อ : มิซากะ มิโคโตะ
ความสามารถ : Electro Master LV.5 (กระแสไฟฟ้า)
พลัง : C
ความอึด : C
ความเร็ว : B
จิตใจ : A
อุปกรณ์ : ไม่มี
Level : 69
ชื่อ : คัตซึระ ฮินางิคุ
ความสามารถ : ไม่มี
พลัง(พละกำลัง) : C (ตอนแรกเป็นD)
ความอึด : D
ความเร็ว : C (ตอนแรกเป็นD)
จิตใจ : C
อุปกรณ์ : ชิโระซากุระ(ระดับD)
Level : 35
มองหน้าจอระบบ วู่หยานหยักหน้าอย่างพึงพอใจ
ตอนนี้ทีมของเขามี แรงค์4,6,7 ถ้ารวมพลังกัน แม้ว่าจะไม่ถึงขนาดไร้คู่ต่อกรในซิลวาเรีย แต่ถ้าแค่ออกเดินทางไปทั่วละก็พอเลย!
ฮินางิคุก็เลเวล35แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะฟาร์มเวลที่ป่าสัตว์อสูรต่อ เพราะไม่สามารถได้ค่าEXPมากนัก นอกเสียจากว่าพวกเขาจะเดินลึกเข้าไปในป่า แต่ใครจะไปรู้เกิดเดินไปจ้ะเอ๋กับมอนเลเวล80 มีหวังได้ตายกันยกทีมแน่
ลิลินที่เงียบมานานสุดท้ายก็เงยหน้ามองวู่หยานและอีกสองสาวด้วยแววตาสงสัยใคร่รู้ “เลเวล แล้วก็เลเวลอัพมันคืออะไรคะ?”
เสียงน้อยๆของเธอเรียกสติพวกเขาทั้งสามคนที่กำลังจดจ่ออยู่กับสเตตัส ทั้งสามคนมองหน้ากันไปมา เมื่อกี้พวกเขาลืมลิลินซะสนิทเลย....
ฮินางิคุหันหน้าหนีอย่างกระอักกระอ่วน วู่หยานกับมิโคโตะจะลืมก็ยังแก้ตัวได้ แต่ฮินางิคุไม่ได้เป็นเพราะลิลินน้อยอยู่ที่อกเธอตลอดเวลา....
“ไม่มีอะไรหรอกหนูน้อย เธอฟังผิดไปเอง!” วู่หยานหัวเราะฮ่าๆ พยายามบัฟเด็กน้อยไร้เดียงสา
เรื่องระบบ ไม่สามารถบอกคนอื่นนอกจากพวกเขาได้ ไม่งั้นโดยยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องระบบเลย เอาแค่เชาเป็นคนต่างโลก มีหวังโดนจับไปเป็นหนูทดลองแน่
“งั้นเหรอ?” ลิลินมีเครื่องหมายคำถามเต็มหัว แต่ก็เลือกที่จะเชื่อคำพูดวู่หยาน เพราะเธอเป็นเด็กเอ๋อนิดหน่อยกับไร้เดียงสา
“ใช่แล้ว น้องสาวตัวน้อยทำไมเธอถึงโดนพวกคนชั่วลักพาตัวล่ะ?” ฮินางิคุลูบหลังลิลินแล้วถามด้วยความสงสัย เธอก็พอรู้สึกตัวว่าลิลินไม่ใช่คนธรรมดา คนธรรมดาย่อมไม่มีองครักษ์ แต่เมื่อกี้เธอเพิ่งพูดไปว่าองครักษ์ตัวเองโดนฆ่าหมด
สิ้นเสียงฮินางิคุ ลิลินก็พองแก้มอย่างโกรธๆ พูดว่า “ลิลินก็ไม่รู้เหมือนกัน ลิลินก็แค่ออกมาเดินเล่นแล้วก็เดินคนไม่ดีจับมัด และยังฆ่าองครักษ์ของลิลินจนหมดด้วย จากนั้นก็พามาที่นี่ แถมที่นี่ไม่มีทั้งเตียง ไม่มีทั้งอาหาร ลิลินช่างน่าสงสารจริงๆ.....”
ลิลิรใช้เสียงโลลิน้อยกับหน้าตาโกรธๆ แล้วบอกเรื่องราวให้พวกวู่หยานทั้งสามคนฟัง ฮินางิคุกับมิโคโตะจะรู้สึกยังไง เขาไม่รู้ แต่ตอนนี่ในใจเขากู่ร้องอยู่คำเดียว
โครตโมเอะ! น่ารักสุดๆเลยโว้ย!
แน่นอนว่าเขาทำได้แค่ตะโกนในใจ ขืนพูดออกไปจริงๆ วู่หยานมั่นใจว่าต้องโดนดาบฟันกับไฟฟ้าช๊อตแน่นอน...
“เธอรู้มั้ยว่าบ้านตัวเองอยู่ไหน?” มิโคโตะคุกเข่าถาม กับเด็กๆแล้วมิโคโตะจะอ่อนโยนมาก
“อืม! อืม!” ลิลินพยักหน้าน้อยๆของตัวเอง แล้วพูดเสียงดังว่า “ลิลินรู้ ลิลินจำทางกลับบ้านได้ล่ะ!”
โถ่เทพธิดาของฉัน แม้แต่เด็กน้อยยังจำทางได้ ส่วนตูโดนส่งมาโ,กนี่ตั้งสามเดือนกลับ....ไม่เอาไม่พูด! เจ็บเปล่าๆ!
“หยาน เราจะเอายังไงดี?” ฮินางิคุหันไปถามวู่หยาน แต่ในแววตาสีเหลืองอันงดงามของเธอ เขาสามารถเห็นได้เลยว่าเธอตัดสินใจไปแล้ว
หันไปมองแววตามิโคโตะที่สื่อความหมายเหมือนกัน วู่หยานพูดไม่ออก แบมือ “ไม่ใช่ว่าพวกเธอตัดสินใตไปแล้วเหรอ? แล้วยังจะมาถามฉันทำไม.....”
“ถ้างั้น...” มิโคโตะลุกขึ้นยืนต่อหน้าทุกคน แล้วก้าวเท้าเดินด้วยพลังใจอันเต็มเปี่ยม “ออกเดินทางได้! มาส่งสาวน้อยกลับบ้านกัน!”
มองดูท่าทางมิโคโตะ ในใจวู่หยานอยากเอ่ยปากถามไปมากๆว่า
เธอแน่ใจนะว่ามันไปทางนั้นน่ะ?.....