ตอนที่แล้วDND.21 - ชิ้นส่วนลึกลับ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDND.23 - โอกาสดี

DND.22 - พลังพิฆาต


ศรปักถูกดวงตาของพยัคฆ์หนามพอดิบพอดี! มันเป็นจุดอ่อนเพียงไม่กี่จุดของมัน!

โฮกก---

พยัคฆ์หนามเจ็บปวดมาก มันถูกยิงตาบอดหนึ่งข้าง มันใช้ตาอีกข้างมองหาศัตรู

บนต้นไม้ที่อยู่ไกลๆ เด็กหนุ่มสวมชุดสีขาวรีบใช้ธนูสีชาดโจมตีอีกครั้ง

มันคำรามเสียงดังและเลิกสนใจชายหนุ่มตรงอุ้งเท้าและหลบอย่างรวดเร็ว มันอยากจะไล่ตามซือหนูแต่ธนูยิงออกมาอย่างต่อเนื่อง มันไม่มีโอกาสที่จะหลบและวิ่งหนีเมื่อบาดเจ็บหลายแห่งจากธนู ซือหยูเก็บธนูและไล่ตามมัน

เมื่อพ้นความเป็นความตาย ศิษย์ทองคำสามคนเต็มไปด้วยเหนื่อย

“เร็วเข้า ตามมันไป!”

ทั้งสามรีบไล่ตามทันที

พยัคฆ์หนามไม่ยอมตายง่ายๆ มันวิ่งหนีได้นานถึงครึ่งวันก่อนจะหมดแรงและตายลง ซือหยูรีบถลกหนังที่มีค่ามากที่สุดออก

อ๊ะ นั่นอะไรน่ะ? ซือหยูพบว่าในปากของมันมีถั่วดำติดอยู่กับฟัน มันไม่ถูกกลืนหรือกัดให้แตก เขาเอามันออกมาอย่างยากลำบาก

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

เสียงตะโกนดังตามมาจากข้างหลัง

ศิษย์ทองคำสามคนมาถึงอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นเนื้อสัตว์อสูรเพราะหนังถูกถลกออกไปแล้วพวกเขาก็มามองซือหยูที่ถือถั่วดำอยู่ท่าทีพวกเขาก็เปลี่่ยนไป

หลีหมิงห่าวคุ้นหน้าเขาและจำได้ว่าเขาคือราชาระดับเงินคนใหม่

“นี่เจ้า! ราชาระดับเงินซือหยู!”

ศิษย์ทองคำอีกสองคนโล่งใจที่ซือหยูเป็นศิษย์ร่วมสำนัก หากเป็นคนแปลกหน้าพวกเขาจะลำบาก ซือหยูเพียงมองพวกเขาและจ้องสองคนที่ไม่รู้จัก

“เจ้าคือราชาระดับเงินซือหยูสินะ ข้าลู่ฉวน นี่น้องชายข้า ลู่ฉิง”

ลู่ฉวนคือคนที่มีพลังระดับสามชั้นสูง ซือหยูเคยได้ยินชื่อลู่ฉวนมาก่อน เขาคือศิษย์ทองคำที่ติดหนึ่งในสามศิษย์ทองคำที่แกร่งที่สุด!

และลู่ฉิงก็มีชื่อเสียงพอๆกับพี่ชายของเขา เขาคือศิษย์ทองคำอันดับ 10

“แล้วอยากจะพูดอะไรกับข้างั้นหรือ?”

ซือหยูถือถั่วดำไว้ใกล้ตัว

เมื่อเห็นลู่ฉวนยักคิ้วแต่เงียบเมื่อเห็นลู่ฉิงปลอดภัย หากซือหยูไม่ยื่นมือมาช่วยน้องชายของเขาคงจะตายไปแล้ว ลู่ฉิงปากสั่น เขาไม่กล้าขอถั่วดำจากซือหยูเพราะจะเป็นการเนรคุณ

หลีหมิงห่าวไม่ได้คิดเช่นนั้น เขายิ้มอย่างเย็นชา

“เราช่วยกันกำจัดสัตว์อสูรนั่น แล้วเจ้ามาฉวยโอกาสกลางครัน แล้วเจ้าก็ไม่เกรงกลัวเลยที่จะแย่งมันไปทั้งหมด!”

“เจ้าอยากได้อะไร?”

ซือหยูยังคงใจเย็นแม้เผชิญหน้ากับหลีหมิงห่าว

“อะไรของเจ้า? เอาหนังกับถั่วดำมา! แล้วเจ้าเอาเนื้อไป!”

“แล้วถ้าข้าบอกว่าไม่ล่ะ?”

ซือหยูชิงชังคนอย่างหลีหมิงห่าวที่ชอบใช้พลังข่มขู่ผู้คน เหมือนฉินเฟิงที่แย่งสตรีและแย่งลูกสาวจากตระกูลอื่น

หลีหมิงห่าวเย้ยหยัน

“เป็นราชาระดับเงินแล้วเจ้าคงจะมั่นใจมากสินะ? ถึงกล้าอวดดีต่อหน้าศิษย์ทองคำ!”

“ข้าจะนับถึงสาม ไม่งั้นจะถือว่ารังแกศิษย์ระดับเงินเช่นเจ้า เข้ามา!”

หลีหมิงห่าวชูสามนิ้วขึ้นมาและยิ้มอย่างเย็นชา หลีหมิงห่าวลดนิ้วลง

ฟึ่บ--

ซือหยูรีบพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว! เขาไปถึงตัวหลีหมิงห่าวในสองก้าวเท่านั้น!

ใบหน้ายิ้มของหลีหมิงห่าวเริ่มแข็งทื่อและเขาพยายามจะป้องกันการโจมตี! ทลายจักรวาล! หมัดและลูกเตะถูกปล่อยออกมาอย่างรวดเร็วและรุนแรงโดยไม่มีหยุดพัก มันโจมตีเข้ามาอย่างไม่สิ้นสุด แต่เพราะความเร็วอย่างมากทำให้การโจมตี 64 ครั้งใช้เวลาเพียงแค่สองอีดใจ

อ๊ากก!-

หลีหมิงห่าวป้องกันไม่ได้อีก เขาถูกเตะอย่างจังที่หน้าอกและบาดเจ็บถึงภายใน เขากระอักเลือดออกมาและกระเด็นไปข้างหลัง ซือหยูมองใบหน้าตกใจของเขาอย่างไม่แยแส

“ข้าไม่คิดจะโจมตีเจ้า แต่เจ้าหลงตัวเองเกินไป”

เมื่อเขาพูด ซือหยูก็เดินไปขยับนิ้วสุดท้ายของหลีหมิงห่าวให้นับพอดีสาม

“สาม! เจ้าแพ้แล้ว”

เพียงสามอึดใจ เขาก็เอาชนะศิษย์ทองคำอันดับ 30 ได้!

พี่น้องลู่ตกใจมาก ราชาคนใหม่แกร่งกว่าเฉินเทียนหนานมาก เฉินเทียนหนานเคยแพ้หลีหมิงห่าวในกระบวนท่าเดียว แต่ซือหยูก็เพิ่งจะชนะหลีหมิงห่าว

ลู่ฉิงยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้

“ซือหยู! เจ้าจะหยาบคายเช่นนี้ไม่ได้แม้จะช่วยชีวิตข้าไว้ เจ้าปล้นของพวกข้าแล้วยังทำร้ายคนของเราอีก!”

“ถ้าเจ้ามั่นใจเช่นนี้ มาประลองกับข้าซะ”

ลู่ฉิงก้าวออกมาข้างหน้า พลังอันแข็งแกร่งของเขามากกว่าซือหยูแน่นอน

ซือหยูปัดฝุ่นออกจากชุดและยิ้มเยาะ

“หากข้ารู้ว่ามันจะเป็นเช่นนี้ข้าคงปล่อยให้มันกินเจ้าก่อนจะฆ่ามันนะ ทำคุณบูชาโทษเสียจริง!”

“กลับมาซะเจ้าโง่!”

ลู่ฉวนดึงตัวลู่ฉิงกลับมาอย่างไม่พอใจ น้องชายของเขาขัดขืน

“เขาดูถูกพวกเราเกินไปแล้วนะ!”

“หุบปากซะ!”

ลู่ฉวนปิดปากลู่ฉิงที่มองซือหยูอย่างไม่เป็นมิตร

ลู่ฉวนประสานมือขอโทษ

“ข้าหวังว่าศิษย์น้องซือจะยกโทษให้กับน้องชายของข้าที่ยังอ่อนด้อยประสบการ”

เขาเรียก ‘ศิษย์น้องซือ’ ที่แสดงความเคารพต่อพลังของซือหยู

ซือหยูพยักหน้า

“อืม ถ้าไม่มีอะไร ข้าไปล่ะ”

“เดี๋ยวก่อน! ศิษย์น้องซือจะไปหาถ้ำที่มีสัตว์อสูรป้องกันอยู่ใช่ไหม?”

ลู่ฉวนคิดว่ามันบังเอิญเกินไปที่พวกเขาจะมาพบกันได้

ซือหยูเดาว่าพวกเขาน่าจะไปถ้ำเดียวกันเพื่อหาสมบัติวิญญาณที่ฉวนหลีเฟยบอกเขา ซือหยูไม่มีเหตุผลที่ต้องปิดบัง

“ใช่แล้ว”

ลู่ฉวนยิ้ม

“ศิษย์น้องซือจะเดินทางไปกับพวกเราไหม? เราจะระวังหลังให้กันได้ ที่แห่งนั้นมันอันตรายมากนะ”

ซือหยูมองหลีหมิงห่าวและส่ายหัว เขาไม่เต็มใจจะไปกับหลีหมิงห่าวที่อาจจะแทงข้างหลังเขา

หลีหมิงห่าวกัดฟัน

“ศิษย์พี่ลู่ ข้าขออภัย หลีขอตัวก่อน!”

เห็นได้ชัดว่าลู่ฉวนอยากให้ซือหยูไปด้วยแต่เพราะหลีหมิงห่าวเขาจึงไม่ไป หลีหมิงห่าวที่ละอายใจจึงหลีกทาง

ลู่ฉวนแสร้งรั้งหลีหมิงห่าวแต่ก็ปล่อยให้เขาจากไป จากนั้นซือหยูก็ไปกับพี่น้องลู่ พวกเขาทั้งสามพักใกล้ทะเลสาบ ดูจากที่พี่น้องลู่พูดแล้วถั่วดำคือเหตุผลสำคัญที่พวกเขาฆ่าพยัคฆ์หนาม มันคือผลวิญญาณทมิฬที่มีคุณสมบัติเพิ่มพลังอย่างมากและมีประโยชน์มากมาย

คืนนั้นซือหยูทุบผลวิญญาญทมิฬ ข้างในของผลเป็นเยื่อแก้วที่ส่งกลิ่นหอมไปทั่ว เมื่อเขากินมันก็มีความเย็นแผ่กระจายไปทั่วร่าง พลังงานที่ให้ความรู้สึกสบายตัวกระจายไปตามแขนขาและกระดูก ร่างกายของเขาเริ่มเปลี่ยนแปลง

การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้การบ่มเพาะพลังถึงจุดสุดยอด เขาทะลุกำแพงไปถึงระดับสามขั้นกลางทันที!

ลู่ฉวนได้ยินมาว่าราชาระดับเงินเป็นแค่คนระดับหนึ่งธรรมดาเมื่อเดือนก่อน ตอนนี้เขามีพลังระดับสามขั้นกลางแล้ว พลังของเขาเทียบได้กับศิษย์ของคำอันดับ 20

ลู่ฉิงที่รู้สึกอิจฉาพูด

“ถึงข้าจะไม่ได้มีตัวช่วยเร่งบ่มเพาะพลังอย่างเขา ข้าก็ชนะเขาได้ในทีเดียวอยู่ดี!”

“เลิกคิดซะเถอะ เจ้าเทียบเขาไม่ติดเลย”

ลู่ฉวนส่ายหัว

“มันจะเป็นเช่นนั้นได้ยังไง? ถึงมันจะบ่มเพาะทลายจักรวาลถึงขั้นสูงสุด แต่วิชาบ่มเพาะระดับกลางของข้าสำเร็จระดับสามแล้ว เขาทนกระบวนท่าเดียวของข้าไม่ได้แน่”

ลู่ฉิงพูดอย่างมั่นใจ

ลู่ฉวนนั่งคิด

“ข้าก็ไม่รู้ แต่ข้าคิดว่าเขาต้องซ่อนพลังอันแข็งแกร่งไว้แน่”

รุ่งสาง ซือหยูลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกถึงพลังในตัว เขาพอใจมากที่เขาทะลุขอบเขตมาได้ แต่มันยังคงไม่พอ! ฉินเฟิงยังคงเป็นศัตรูตัวฉกาจที่เป็นมีพลังระดับสี่ขั้นต้น ซือหยูยังต้องไปอีกไกล

พวกเขารีบเดินทางต่อหลังจากพักไม่นาน

ไม่กี่วันพวกเขาก็มาถึง

“มีคนบอกว่าที่ข้างเข้าถ้ำมีราชสีห์เพลิงสองตัว”

ลู่ฉวนพูดเบาๆด้วยความระมัดระวัง ราชสีห์เพลิงเป็นสัตว์อสูรขั้นหนึ่ง มันมีไฟอันรุนแรงภายในร่างกายและเจ้าเล่ห์มาก

“ตามแผนเดิมของเรา เราจะไปจัดการสัตว์อสูรด้วยกัน เพราะศิษย์น้องซืออยู่ด้วยมันคงจะง่ายขึ้นมาก”

ลู่ฉวนจ้องไปที่ความมืดของหุบเขา

ซือหยูมองเห็นข้างหน้าและเปลี่ยนท่าทีทันที

“หนีเร็ว!”

เขาถอยกลับคนแรก

ลู่ฉวนลังเลเล็กน้อยและถอยทันที เขาจ้องไปยังหุบเขาที่มืดมิด ลู่ฉิงไม่ได้เห็นอะไรเลย เขาเพียงตามพี่ชายอย่างขัดข้องใจ

“เกิดอะไรขึ้น? พูดมา!”

ลู่ฉิงที่ไม่รู้เรื่องทนไม่ได้

ซือหยูหัวใจเต้นอย่างแรงและไม่พูดอะไร เขาเห็นภาพอันโหดร้ายด้วยดวงตาของเขาที่เห็นในความมีด ที่ไกลออกไปประมาณสามลี้ในหุบเขาอันมืดมิด ชายหนุ่มสวมชุดสีเขียวได้ฆ่าคนด้วยการดีดนิ้ว!

พลังของเหยื่อเทียบเท่าระดับสามขั้นสูงเหมือนลู่ฉวน แล้วยังถูกสังหารอย่างง่ายดาย! หลังจากสังหารคนอย่างง่ายดายแล้วชายหนุ่มคนนั้นก็ยืดตัวมองบ่อโลหิต เขาสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างและหันมาทางซือหยูทันที!

เขายิ้มเยาะเย้ยซือหยู! พวกเขาถูกเจอตัวแล้ว!

พลังของเขาน่ากลัวเกิดกว่าจะอธิบายเป็นคำพูด! เขาเคยรู้สึกแบบนี้ครั้งเดียวเท่านั้นในตอนที่เจอกับอาจารย์ใหญ่เย่ที่มีพลังระดับหก

ลู่ฉิงโกรธที่ถูกเมินเฉย เขาพุ่งมาขวางซือหยูอย่างรวดเร็ว

“เฮ้ย ซือ! ข้าทนเจ้าต่อไปไม่ไหวแล้ว! เจ้าคิดว่าเป็นราชาแล้วจะเมินคนอื่นได้งั้นรึ!”

ลู่ฉิงตะโกน

ซือหยูกลัวมาก ชายหนุ่มที่สวมชุดเขียวเห็นพวกเขาแล้ว แล้วลู่ฉิงที่ไม่รู้เรื่องก็เลิกที่จะหาเรื่อง

“ถ้าเจ้าอยากตายนักก็ตายไปเลย! หลีกไป!”

ซือหยูก่นด่าเพราะไม่มีเวลาอธิบาย

ลู่ฉิงหัวเราะอย่างโกรธเกรี้ยว

“เจ้าจะหนีไปโดยไม่บอกไม่กล่าวอย่างงั้นหรือ? ให้หมัดข้าเปิดปากเจ้าหน่อยไหม!”

“ไม่นะ!”

ลู่ฉวนตะโกนแต่ก็สายไปแล้ว

“ดาวหางทะลวง!”

นิ้วทั้งสองของลู่ฉิงชิดกันราวกับเป็นกระบี่พุ่งตรงเข้ามาเหมือนดาวหาง

ตู้ม -

เสียงปะทะดังสนั่น

“แพ้ไปซะ!”

ซือหยูสวนกลับทันที!

วายุกระหน่ำ!

ขาขวาของซือหยูหมุนราวกับใบไม้กลางวายุ ขาอีกข้างเคลื่อนไหวตามกันมาราวกับเป็นคลื่นน้ำวนในมหาสมุทรกว้างใหญ่ สายลมเย็นรุนแรงปกคลุมขาของเขาราวกับว่าอยู่ในเหมันต์

กร๊อบ--

นิ้วลู่ฉิงบิดและกระดูกแตก เขาลอยไปไกลกระแทกกับต้นไม้ใหญ่ เลือดพุ่งออกมาจากปากเขา ลู่ฉิงตกตะลึงและมองซือหยูอย่างไม่เชื่อสายตา เขาบาดเจ็บรุนแรงด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!

เขาเคยคิดว่าซือหยูเป็นเพียงศิษย์ระดับเงินที่ไม่คู่ควรกับตำแหน่งราชาที่ทนกระบวนท่าเดียวของเขาไม่ได้ แต่ความจริงกลับเป็นเขาเองที่ต้องพ่ายแพ้ในการโจมตีเดียว เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซือหยูเลย

ลู่ฉวนรีบดูอาการของลู่ฉิงทันที จากนั้นจึงประสานมือให้ซือหยู

“ศิษย์น้องซือ ขอบคุณที่ออมมือ!”

อะไรกัน? ลู่ฉิงไม่เชื่อในคำที่ได้ยิน ซือหยูนั่นออมมืองั้นเหรอ?

เขาเริ่มรู้สึกกลัวและให้ความเคารพซือหยูจากลึกๆในใจ

Banshee

ใครชื่นชอบผลงาน รบกวนกดไลค์แฟนเพจแล้วมาติชมให้กำลังใจด้วยน้าาา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด