บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 24 ประสาทสัมผัส
ตอนที่ 24
ประสาทสัมผัส
“ภายในหอตำราพวกเจ้าสามารถเลือกฝึกฝนวิชาได้ตามต้องการ”อาจารย์ลี่ว่าพลางพาทั้งสามคนเข้ามาภายใน หอตำราของสำนักธารโลหิตรวมเอาตำราวิชายุทธเอาไว้มากมาย เรียกได้ว่าอัดแน่นอยู่บนชั้นตำราที่เรียงรายอยู่บนชั้น 1 และ ชั้น 2 ของอาคาร
“ชั้น 1 จะเป็นวิชาขั้นต้น พวกเจ้าทดลองฝึกฝนก่อนหากเลือกเส้นทางได้แล้วค่อยขึ้นไปบนชั้นที่ 2” อาจารย์ลี่กล่าวพลางเดินไปที่ชั้นตำรา ที่มุมของชั้นตำรามีรูปวาดแบ่งเอาไว้ชัดเจนว่าชั้นตำรานั้นๆมีตำราวิชาใดวางเอาไว้ เช่นชั้นของตำราวิชาดาบก็มีรูปดาบที่เขียนด้วยพู่กันวาดเอาไว้ที่ข้างชั้นตำรา
“ก่อนอื่นก็เลือกอาวุธที่พวกเจ้าถนัดแล้วเริ่มฝึกจากชั้นแรก นั่นได้ผลดีที่สุด”จิงหลิงพูดพลางชี้ไปทีชั้นตำราดาบและกระบี่ ต้าชิงพกกระบี่ไว้ที่หลังส่วนต้าเฉินพกดาบไว้ที่เอว จิงหลิงจึงเดาว่าทั้งสองมีอาวุธคู่มืออยู่แล้ว แต่ไป๋จูเหวินไม่ได้ถืออาวุธใดๆมาเลย แถมที่นิ้วของเขายังมีแหวนมิติอีกด้วย ทำให้เธอไม่อาจตัดสินได้ว่าไป๋จูเหวินใช้อาวุธใด
“พี่สี่ แล้วกระบวนท่ามือเปล่าละขอรับ”ไป๋จูเหวินถามพลางขอคำชี้แนะจากจิงหลิง
“มือเปล่า...”จิงหลิงว่าพลางมองที่มือของไป๋จูเหวิน มือของเขาดูนุ่มนิ่มมาก ผิวละเอียดจนแทบจะเหมือนมือของผู้หญิง ทำให้เธอไม่มั่นใจนักว่าเขาจะฝึกวิชามือเปล่า
“ทางนั้น”จิงหลิงพูดพลางชี้ไปที่ชั้นตำราที่มีรูปฝ่ามือวาดเอาไว้ ที่นั่นรวมวิชามือเปล่าเอาไว้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น ฝ่ามือ หมัด กรงเล็บ ดัชนี
“ขอบพระคุณพี่สี่”ไป๋จูเหวินยิ้มพลางเดินไปดูตำราที่ชั้นของวิชามือเปล่า ความจริงแล้วไป๋จูเหวินยังมีวิชาของท่านน้าทั้ง 5 อยู่ และนอกจากน้ามังกรธรณีแล้วทุกคนล้วนสร้างวิชามือเปล่ามาให้มันทั้งสิ้น เพียงแต่มันสนใจพื้นฐานของวิชาหมัดขึ้นมาเผื่อจะนำไปใช้พัฒนาตนเองได้
“อาจารย์ลี่ ท่านคิดอย่างไรกับไป๋จูเหวิน”จิงหลิงถามพลางมองไปทางไป๋จูเหวิน
ต้าชิงและต้าเฉินที่เคยอยู่ระดับ ก่อกำเนิด ขั้นที่ 3 จะสอบผ่านก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ไป๋จูเหวินที่ไม่มีพลังวิญญาณในตอนแรกกลับสามารถสอบผ่านมาได้นับว่าแปลก เพราะภายนอกมันดูเหมือนคุณชายบอบบางที่ใช้ชีวิตสุขสบายภายในวัง ไม่เหมือนผู้ฝึกร่างกายอย่างหนักจนสามารถสอบผ่านการทดสอบของพี่ใหญ่ได้เลย
“ข้าเองก็ลองถามเฟิงชิวดูแล้ว มันบอกว่าไป๋จูเหวินผู้นี้สามารถรับหมัดของมันที่ใช้พลังขั้นที่ 1 ได้ และสามารถหลบหมัดที่ใช้พลังขั้นที่ 2 ได้”ได้ยินเช่นนั้นจิงหลิงก็ขมวดคิ้ว เพราะนางรีบกลับมายังหอตะวันออกเลยไม่ได้อยู่ดูการทดสอบ หากรู้ว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้นางคงรอดูสักครู่ไปแล้ว
“ดูยังไงก็ ไม่น่าเชื่อนะคะ”จิงหลิงว่าพลางมองร่างของไป๋จูเหวิน ถึงจะต้องยอมรับว่าไป๋จูเหวินเป็นคุณชายรูปงามไม่น้อย แต่ความคิดที่ว่าร่างบอบบางนั่นจะสามารถรับหมัดของพี่ใหญ่ได้ก็ช่างเกินจินตนาการของนางไปจริงๆ
“แต่ข้าติดใจเรื่องที่เขาหลับตาอยู่ตลอดมากกว่า”อาจารย์ลี่พูดพลางมองดวงตาของไป๋จูเหวิน ตั้งแต่มันมาที่สำนัก มันเคยเห็นดวงตาของไป๋จูเหวินครั้งเดียวเท่านั้น ยามนั้นมันเห็นดวงตาสีม่วงของไป๋จูเหวินชัดเจน ดวงตาของมันไม่ได้บอด ไม่มีเหตุผลอะไรที่มันต้องหลับตาเดิน นอกจากว่ามันจะฝึกวิชาอะไรบางอย่างอยู่...
อาจารย์ลี่เดินเข้าไปใกล้ไป๋จูเหวินเล็กน้อย ที่ข้างๆห้องของรองเจ้าสำนักมีชั้นวางพู่กัน หมึก และกระดาษวางเอาไว้สำหรับให้เหล่าศิษย์ซื้อหาเพื่อคัดลอกตำรา อาจารย์ลี่หยิบพู่กันมาด้ามหนึ่งก่อนจะจุ่มมันลงในถาดใส่น้ำสำหรับผสมหมึก
ฟุบ! มือของอาจารย์ลี่สะบัด อย่างรวดเร็วจนหยดน้ำกระเด็นจากปลายพู่กัน แน่นอนว่าเป้าหมายของอาจารย์ลี่คือไป๋จูเหวินนั่นเอง ไป๋จูเหวินหลับตาอยู่ตลอดแต่สามารถเคลื่อนไหวได้ราวคนปกติ มันไม่ได้ตาบอดแต่อย่างไร หากมันกำลังฝึกฝนวิชาบางอย่างจริงมันคงสามารถหลบหยดน้ำได้ไม่ยาก
แปะ.. หยดน้ำจำนวนมากที่อาจารย์ลี่ปัดใส่ไป๋จูเหวินไม่กระทบถูกตัวไป๋จูเหวินเลยแม้แต่น้อย มันไม่ได้หันมามองเสียด้วยซ้ำมันเพียงเอนตัวเล็กน้อยเพื่อหลบหยดน้ำที่พุ่งมาทางตน
“ขออภัย มือข้าลื่นไปหน่อย”อาจารย์ลี่พูดพลางเก็บพู่กันลงที่เดิม หากไป๋จูเหวินไม่หลบ มันคงไม่เอะใจอะไรมากมาย แต่ก็ไม่ใช่ว่าการที่ไป๋จูเหวินหลบจะเป็นเรื่องน่าสงสัยเกินไป
“เจ้า...อยากฝึกวิชามือเปล่าอย่างนั้นหรือ”อาจารย์ลี่ถามพลางเดินเข้าไปใกล้ไป๋จูเหวิน มันหยิบตำราจากชั้นตำราออกมาพลางถือไว้เฉยๆราวกับแค่ต้องการข้ออ้างมายืนตรงนี้เท่านั้น
“ขอรับ ข้าไม่เคยแตะอาวุธมาก่อน และวิชาที่ข้าได้สืบทอดมาก็มีแต่วิชามือเปล่าเท่านั้น”ไป๋จูเหวินตอบพลางเปิดตำราอ่านทั้งๆที่หลับตาอยู่ ทำเอาอาจารย์ลี่ขมวดคิ้วอย่างสงสัย
วิชาที่เจ้าได้รับสืบทอดมาอย่างนั้นหรือ...”อาจารย์ลี่ถามเพราะไป๋จูเหวินไม่เหมือนคนที่ฝึกฝนวิชาต่อสู้มาก่อนเลย
“ขอรับ เป็นวิชาฝ่ามือ 18 ท่า แต่เนื้อหาข้าคงบอกท่านอาจารย์ลี่ไม่ได้”ไป๋จูเหวินยิ้มพลางนึกถึงท่าทั้ง 18 ท่าของท่านน้า แต่ละท่าต่างฝึกฝนยุ่งยาก ตัวไป๋จูเหวินที่ไม่มีแม้แต่พื้นฐานการต่อสู้มือเปล่าจึงไม่สามารถฝึกฝนได้โดยง่าย ทำให้การเข้าหอตำราครั้งนี้ไป๋จูเหวินเองก็ได้ประโยชน์เช่นกัน เพราะในหอตำราชั้นล่างนี้มีตำราพื้นฐานมากมาย
“ไม่เป็นไร ตระกูลส่วนใหญ่ก็มีวิชาเป็นของตัวเอง เจ้าไม่จำเป็นต้องเปิดเผยมันต่อข้าหรอก”อาจารย์ลี่หัวเราะ วิชาลับของแต่ละตระกูลหรือแต่ละสำนักบางครั้งปิดบังซ่อนเร้นกันด้วยชีวิต การคาดคั้นคนๆหนึ่งให้บอกวิชาที่มันสืบทอดมาไม่ใช่วิสัยที่ควรกระทำ
ตุบ! ขณะกำลังชวนคุย อาจารย์ลี่ก็วางตำราที่ตนหยิบมาถือเฉยๆเมื่อครู่กลับไปที่ชั้นตำรา แต่จังหวะที่วางอาจารย์ลี่จงใจส่งพลังวิญญาณลงไปที่ชั้นตำราเล็กน้อย ส่งผลให้มีตำราเล่มหนึ่งที่อยู่เหนือหัวของไป๋จูเหวินตกลงมาในมุมบอดพอดี
หมับ! ไป๋จูเหวินยกมือขึ้นรับตำราทั้งๆที่ยังก้มหน้าอ่านตำราอยู่ราวกับมันมีตางอกอยู่บนหัว ทำเอาอาจารย์ลี่ยิ่งสับสน
“เหตุใดเจ้าถึงหลับตาอยู่ตลอด”ความสงสัยของอาจารย์ลี่มาถึงขีดสุดแล้ว สุดท้ายมันก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป
“ข้าบังเอิญได้ความสามารถนี้มาโดยบังเอิญ คราหลังจึงได้ทราบจากพี่ต้าเฉินว่ามันคือ เนตรจิต”ไป๋จูเหวินตอบพลางใช้ฝ่ามือทาบลงบนดวงตาของตนเอง
“เนตรจิต..นี่เจ้าไม่ได้หลอกข้าใช่หรือไม่”อาจารย์ลี่มีท่าทีสนอกสนใจเป็นอย่างมาก เนตรจิตเป็นวิชาที่มันแทบจะใฝ่ฝันถึงไม่ว่าจะยามหลับหรือยามตื่น นั่นเพราะตัวมันเป็นผู้เชี่ยวชาญอาวุธลับและเทคนิคการต่อสู้แบบไร้เสียง หากได้รับเนตรจิตมา มันจะสามารถรับรู้ตำแหน่งของศัตรูได้แม้จะอยู่ในความมืด เมื่อนั้นวิชาอาวุธลับของมันจะน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
“ข้าไม่กล้าล้อเล่นกับท่านอาจารย์อย่างแน่นอน แม้แต่ตอนนี้ข้าก็สามารถมองเห็นได้ทั้งห้อง อย่างพี่ต้าชิงตอนนี้ก็กลับมาคัดลอกตำราอยู่ที่โต๊ะแล้ว ส่วนท่านรองเจ้าสำนักกำลังเช็ดถูก้อนทองอยู่ขอรับ”ไป๋จูเหวินพูดโดยไม่หันมามองแต่อย่างไร เพียงแต่อาจารย์ลี่ได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองทางโต๊ะสำหรับคัดลอกตำรา ที่นั่นมีร่างของต้าชิงกำลังนั่งคัดลอกตำราอยู่ด้วยท่าทีมุ่งมั่น ส่วนรองอาจารย์ใหญ่นั้น...มันคิดว่ามันไม่ไปดูคงดีกว่า
“เช่นนี้ก็ยอดเยี่ยมยิ่งนัก จริงสิถึงเข้าจะไม่เคยจับอาวุธ แต่การใช้อาวุธไม่เป็นเลยคงไม่ดีนัก”อาจารย์ลี่ยิ้มพลางเดินไปทางชั้นตำราชั้นหนึ่งด้วยท่าที่มีความสุข
“นี่เป็นตำราพื้นฐานวิชาอาวุธลับ อย่างน้อยเจ้าก็สามารถหยิบจับก้อนหินมาใช้ยามคับขันได้”อาจารย์ลี่ยิ้มระรื่นพลางยัดตำราลงบนมือไป๋จูเหวิน ตัวมันอยากเห็นผู้ใช้เนตรจิตประสานกับอาวุธลับมานานแล้ว หากตัวมันเองทำไม่ได้ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะฝึกฝนศิษย์ให้ทำไมได้
“ขะ...ขอรับ”ไป๋จูเหวินรับตำรามาพลางยิ้มเจื่อนๆ อาจารย์ลี่ดูดีใจมากทำให้มันไม่กล้าปฏิเสธแม้แต่น้อย ทำให้ตารางฝึกฝนของมันเพิ่มวิชาอาวุธลับเข้ามาอีกอย่าง และนั่นก็เป็นอาวุธอย่างแรกที่ไป๋จูเหวินเลือกใช้
ส่วนต้าชิงนั้น เลือกเรียนวิชากระบี่สามตะวัน เป็นวิชากระบี่ที่เน้นการแทงเป็นหลัก ทางด้านต้าเฉินมันแทบไม่ต้องคิดเลย มันเลือกวิชาดาบธารโลหิตวิชาประจำสำนักธารโลหิตอันเลื่องชื่อในทันที ทำให้ทั้งสองต่างนั่งคัดลอกตำรากลับไปฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง
นับว่าเป็นโชคร้ายของรองอาจารย์ใหญ่ที่ไป๋จูเหวินมีความสามารถจดจำตำราทั้งหมดได้ด้วยการอ่าน มันจึงไม่ได้รับเงินค่าหมึกและกระดาษสำหรับคัดลอกตำราจากไป๋จูเหวินแม้แต่แดงเดียว