ตอนที่แล้วตอนที่ 70 ทักษะบุตรแห่งหมัดสวรรค์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 72 ยอมแพ้อย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 71 อาวุธวิญญาณ


จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ ตอนที่ 71 อาวุธวิญญาณ

 

เมื่อเห็นไม้เท้าวินาศสลายปรากฏออกมา แม้แต่หลิงฮันก็ยังแสดงสีหน้าจริงจัง

 

เมื่อจอมยุทธบรรลุถึงระดับห้วงจิตวิญญาณแล้ว พวกเขาจะสามารถใช้ปราณก่อเกิดของตนเองหลอมเป็นอาวุธขึ้นมา และทำให้พลังโจมตีของมันเพิ่มสูงขึ้น ยิ่งระดับพลังบ่มเพาะของจอมยุทธสูงมากเท่าไหร่ อาวุธของพวกเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น อาวุธที่ใช้โดยจอมยุทธระดับสวรรค์จะสามารถจำกัดจอมยุทธในระดับก้าวสู่เทวาทิ้งได้ภายในพริบตา

 

‘ถ้าข้าสามารถหาอาวุธ “ดาบมังกรทะยานเมฆา” ที่ข้าเคยใช้ในชีวิตที่แล้วได้คงจะดีไม่น้อย หากเป็นเช่นนั้นข้าจะไร้พ่ายในทั่วทั้งแคว้นพิรุณ’ หลิงฮันคิดขึ้นมาและหัวเราะให้กับตัวเอง ด้วยพลังบ่มเพาะของเขาในปัจจุบัน เขาไม่สามารถแม้แต่เข้าใกล้ดาบมังกรทะยานเมฆาในระยะหนึ่งร้อยเมตร ถ้าเขาทำเช่นนั้น เขาจะถูกบดขยี้โดยกลิ่นอายของอาวุธที่เคยใช้โดยจอมยุทธระดับสวรรค์ทันที

 

‘แต่ถึงแม้ข้าจะได้ดาบมังกรทะยานเมฆาคืนมา ข้าก็คงไม่ใช้มันอยู่ดี ไม่เช่นนั้นการฝึกฝนในชีวิตนี้ของข้าคงสูญเสียความสำคัญไป’

 

ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอย่างเหม่อลอย ไป๋ลี่เถิงหยุนและจิงหวู่จื้อได้เริ่มปะทะกันอย่างดุเดือด ไม้เท้าวินาศสลายทรงพลังเป้นอย่างมาก เมื่อใส่ปราณก่อเกิดเข้าไป บนตัวของไม้เท้าได้ปรากฏตราอักขระจำนวนหนึ่งขึ้นมา

 

ด้วยการช่วยเหลือของไม้เท้าวินาศสลาย ไป๋ลี่เถิงหยุนสามารถกลับมาสู้ได้อย่างสูสี แต่ก็ยังห่างไกลกับการที่มันจะได้รับชัยชนะอยู่มากนัก แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ยังมีหลายคนที่ตกตะลึงกับพลังอำนาจของไม้เท้าวินาศสลาย

 

“สมกับเป็นอาวุธที่เคยถูกใช้โดยจอมยุทธที่ทรงพลัง!”

 

“ข้าได้ยินมาว่าอาวุธประเภทนี้ถูกเรียกว่าอาวุธวิญญาณ เพราะดูเหมือนว่ามันจะมีสติปัญญาเป็นของตนเอง และยังสามารถช่วยเพิ่มพลังต่อสู้ให้กับผู้ใช้ได้อย่างมากอีกด้วย น่าเสียดายที่มีเพียงจอมยุทธที่บรรลุถึงระดับห้วงจิตวิญญาณเป็นอย่างน้อยเท่านั้นถึงจะสามารถหลอมอาวุธเช่นนี้ขึ้นมาได้ ทั่วทั้งเมืองต้าหยวน มีเพียงราชาต้าหยวนของเราเท่านั้นที่สามารถทำเช่นนั้นได้”

 

“ถ้าเป็นอย่างที่เจ้าว่า งั้นก็หมายความว่าทุกๆคนในราชวงศ์ต้าหยวนต่างก็สามารถได้รับอาวุธวิญญาณน่ะสิ?”

 

“จะเป็นไปได้อย่างไร! อย่างแรกเลย อาวุธประเภทนี้ต้องสามารถประคับประคองพลังปราณก่อเกิดของจอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณเอาไว้ให้ได้ ไม่เช่นนั้น หากปราณก่อเกิดที่ทรงพลังถูกถ่ายเทเข้าไปใส่อาวุธทั้งวันทั้งคืน มันจะแตกสลายอย่างรวดเร็ว ยิ่งกว่านั้น การจะสร้างอาวุธวิญญาณขึ้นมาสักชิ้นหนึ่ง จำเป็นต้องใช้พลังของจอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณคอยหล่อเลี้ยงมันเป็นเวลาถึงยี่สิบปีหรืออาจจะมากกว่านั้น”

 

“ลองคิดดูสิว่าราชาต้าหยวนทะลวงผ่านระดับห้วงจิตวิญญาณได้เมื่อใด และตอนนี้เขาอายุเท่าไหร่? ต่อให้มีวัตถุดิบอยู่เพียงพอ ราชาต้าหยวนจะหลอมอาวุธวิญญาณขึ้นมาได้สักกี่อันกัน?”

 

“เป็นเช่นนี้เอง”

 

หลิงฮันทำเพียงส่ายหัวอย่างเสียดาย เมื่อหลายปีก่อน ไม้เท้าอันนี้คงจะทรงพลังเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้ เพราะการเสื่อมสภาพลงของอาวุธ อักขระวิญญาณที่สลักเอาไว้จึงเกือบจะสลายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว พลังดั้งเดิมของมันเหลืออยู่เพียงประมาณหนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม ในสถานอย่างเมืองต้าหยวน ต่อให้เป็นอาวุธวิญญาณที่เสื่อมสภาพก็ยังสามารถทำให้เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่ได้อยู่ดี เพราะแม้แต่วัตถุดิบที่ใช้หลอมก็ยังมีค่าเป็นอย่างมาก

 

รุ่นเยาว์ทั้งสองแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันอย่างดุเดือด

 

ในด้านของพลัง จิงหวู่จื้อเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด แต่ไป๋ลี่เถิงหยุนนั้นครอบครองอาวุธวิญญาณ ต่อให้เขาเป็นฝ่ายอ่อนแอกว่า ก็ยังคงสามารถโต้ตอบจิงหวู่จื้อได้อย่างสูสี

 

เมื่อทั้งสองแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันไปมากกว่าหนึ่งร้อยกระบวนท่า จิงหวู่จื้อสามารถได้รับชัยชนะไปได้จากการที่มีประสบการณ์มากกว่า ในขณะเดียวกัน ไป๋ลี่เถิงหยุนที่พ่ายแพ้การประลอง อันดับที่มันจะได้อย่างมากที่สุดหลังจากจบการประลองก็คืออันดับที่สี่

 

มันไม่พอใจในผลลัพธ์นี้อย่างมาก แต่ในความคิดของคนอื่น แค่นี้นับว่าน่าประทับใจมากพอแล้ว

 

เพราะอย่างไรในปีนี้ไป๋ลี่เถิงหยุนก็เพิ่งจะอายุเพียงสิบแปดปี ในการประลองต้าหยวนครั้งหน้าจะมีใครที่สู้เขาได้? อย่างไรก็ตาม เพราะจิงหวู่จื้อเป็นผู้ชนะจึงได้รับการยกย่องและคำชมเชยมากกว่า

 

“สมกับเป็นจิงหวู่จื้อจริงๆ จะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว ขนาดมีอาวุธวิญญาณก็ยังไม่สามารถอยู่เหนือเขาได้!”

 

“ดูเหมือนว่าแม้แต่หลีตงเย่ก็ไม่ใช่คู่มือของเขา แต่ข้าไม่แน่ใจนักว่าเขากับองค์ชายสี่ใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน”

 

“ถ้าเป็นในอดีต ข้าจะต้องคิดว่าองค์ชายสี่แข็งแกร่งกว่าแน่ๆ แต่ตอนนี้ข้าคิดว่ามีโอกาสสูงมากที่จิงหวู่จื้อจะชนะ”

 

“อืม ข้าเห็นด้วย”

 

หลังจากที่สู้กับไป๋ลี่เถิงหยุน ชื่อเสียงของจิงหวู่จื้อได้เพิ่มขึ้นไปอีกขั้น ชื่อเสียงของมันได้เหนือกว่าหลีตงเย่และสูสีกับองค์ชายสี่แล้ว เรื่องนี้ทำให้หลีตงเย่รู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้มันคงไปยังสำนักฮูหยางตั้งแต่เมื่อสามปีก่อนแล้ว

 

จิงหวู่จื้อเริ่มทำให้ตัวเองสงบนิ่ง อีกไม่นานมันจะต้องท้าสู้กับหลีตงเย่ และหลังจากนั้นมันจะเผชิญหน้ากับองค์ชายสี่

 

ผู้ประลองคนอื่นเองก็เริ่มท้ายทายต่อสู้กัน

 

หลิงฮันไม่ได้ยืนอยู่เฉยๆ เพราะเวลาที่จะพักได้จำกัดเพียงครึ่งชั่วโมง เขาจำเป็นต้องให้เวลาให้คุ้มค่า ไม่เช่นนั้นหากผู้ประลองก่อนหน้าเขาใช้เวลาต่อสู้นาน เขาอาจจะไม่มีเวลาพอที่จะท้าประลองเพื่อให้ได้อันดับหนึ่ง

 

เขาทำการท้าประลองกับเจ้าของลานที่เจ็ด

 

มันเป็นชายหนุ่มดูมีอายุประมาณยี่สิบปี มีดาบยาวพาดเอาไว้ที่หลัง ร่างกายสูงผอม ดูมีความมั่นใจในตัวเองอย่างมาก

 

อาวุธส่วนใหญ่ที่จอมยุทธจะใช้คือดาบและกระบี่ แต่ยิ่งระดับพลังบ่มเพาะสูงเท่าไหร่ คนที่ใช้อาวุธแปลกๆและหายากจะกลายเป็นเรื่องปกติที่มีให้เป็นประจำ อย่างเช่น ร่ม เจดีย์ กระจก หรือแม้แต่ปากกา พวกที่ใช้อาวุธเหล่านี้ต่างก็มีพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่สามารถแยกแม่น้ำ ทำลายภูเขาได้

 

“ข้าคือเหลียนเต๋า โปรดชี้แนะข้าด้วยน้องชายหลิง” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับประสานหมัดทักทาย

 

“เช่นกัน!” หลิงฮันประสานมือทักทายตอบ

 

“ฮ่า!” เหลียนเต๋าชักดาบออกมา ตัวของมันราวกับเป็นหนึ่งเดียวกับดาบและกระโจนเข้าหาหลิงฮัน

 

ระดับหลอมกายาขั้นเจ็ด!

 

หลิงฮันกวัดแกว่งดาบตอบโต้อย่างไม่เกรงกลัว ถึงแม้เขาจะอยู่ในระดับรวมธาตุขั้นเก้า แต่ด้วยการสนับสนุนของเมล็ดก่อเกิดห้าธาตุ ความสามารถที่แท้จริงของเขาจึงสามารถเทียบได้กับระดับรวมธาตุขั้นแปด เขาไม่ได้อ่อนแอกว่าคู่ต่อสู้ ยิ่งกว่านั้น เขายังมีทักษะโลหิตหมาป่าเดียวดายที่ช่วยเพิ่มพลังอีกด้วย หากวัดด้วยพลัง เขาไม่มีทางแพ้จอมยุทธระดับรวมธาตุขั้นเก้าทั่วๆไปแน่นอน

 

ไม่งั้นแล้วเขาคงไม่กล้าพูดอย่างมั่นใจว่าจะได้อันดับหนึ่งในการประลองครั้งนี้

 

“ปัง ปัง ปัง ปัง” ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันอย่างดุเดือด ดาบของพวกเขาเข้าปะทะกันอย่างต่อเนื่อง แรงเสียดสีกันของใบดาบทำให้เกิดประกายไฟที่รุนแรง

 

เหตุผลที่ทำไมเหลียนเต๋าถึงติดสิบอันดับแรกเป็นเพราะพลังบ่มเพาะของมันสูงมากพอ แต่ไม่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะเพราะว่ายังไม่สามารถสร้างปราณดาบขึ้นมาได้ ทักษะดาบที่มันใช้ก็เป็นเพียงทักษะยุทธระดับเหลืองขั้นต่ำ ยิ่งกว่านั้นมันยังประสบความสำเร็จในวิถีดาบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น่

 

ข้อได้เปรียบของระดับพลังบ่มเพาะที่สูงคือพลังต่อสู้ที่แกร่งกว่า แต่ตอนนี้ถึงแม้จะเป็นพลังที่ได้จากการมีพลังบ่มเพาะที่สูงกว่า เหลียนเต๋าก็ไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของหลิงฮันได้

 

ภายในไม่กี่กระบวนท่า มันได้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างสมบูรณ์

 

‘เบื้องหลังของหลิงฮันมีนักปรุงยาสามคนคอยสนับสนุนอยู่ ยิ่งกว่านั้น ไม่ว่ายังไงข้าก็ไม่สามารถได้ที่หนึ่งอยู่แล้ว เพราะงั้นจะได้ที่เจ็ดหรือแปดก็ไม่ต่างกัน ทำไมข้าไม่ยอมแพ้แต่โดยดีเพื่อทำให้เขาพึงพอใจล่ะ? หากทำเช่นนั้นยังเป็นการช่วยให้เขาประหยัดปราณก่อเกิดอีกด้วย!’ เหลียนเต๋าคิดในใจ

 

มันถอยหลังไปหลายก้าว และเก็บดาบอย่างรวดเร็ว “ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของน้องชายหลิง ข้าขอยอมแพ้!”

 

เอ๋? ยอมแพ้? ง่ายๆแบบนั้นเนี่ยนะ?

 

เมื่อหลิงฮันมองไปยังรอยยิ้มของอีกฝ่ายที่มีความหมายบางอย่างแฝงอยู่ เขาก็เข้าใจในทันที เหลียนเต๋าจงใจทำให้เขาพึงพอใจ เขายิ้มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ถ้าเขาเอาจริง เขาสามารถโค่นอีกฝ่ายลงได้ภายในการโจมตีเดียวด้วยซ้ำ!

 

แต่ไม่ว่าเขาจะต้องการหรือไม่ เหลียนเต๋าก็ยังทำให้เขาพึงพอใจ ดังนั้นเขาจึงพยักหน้ายอมรับสิ่งที่เหลียนเต๋าอยากจะสื่อ

 

ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนลานประลองกัน

 

หลิงฮันไม่คิดจะพัก การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้สิ้นเปลืองปราณก่อเกิดมากนัก เขาจึงท้าทายเจ้าของลานที่หกต่อทันที

 

เจ้าของลานประลองนี้คือเซี่ยจงกวัง อัจฉริยะที่เพิ่งจะโผล่มาเมื่อสองปีนี้ มันอยู่ในระดับรวมธาตุขั้นแปด

 

“น้องชายหลิง ช่วยชี้แนะด้วย!” เซี่ยจงกวังพูดอย่างสุภาพ ถึงแม้มันจะภูมิใจในตัวเองและหยิ่งยโสขนาดไหน ความจริงที่ว่าหลิงฮันมีนักปรุงยาระดับดำสามคนอยู่เบื้องหลังก็ได้ทำให้มันยอมละทิ้งความอวดดีของมันทิ้งไป

 

“เช่นกัน!” หลิงฮันตอบกลับอย่างสุภาพ ถ้ามีคนปฏิบัติต่อเขาอย่างสุภาพ เขาก็ต้องปฏิบัติอย่างสุภาพตอบ

 

ทั้งสองคนลงมือพร้อมกัน อาวุธของเซี่ยจงกวังคือหอก แถมมันยังสามารถสร้างปราณหอกขึ้นมาได้แล้ว เมื่อมันควงหอกที่ยาวสองเมตร อำนาจของกระบวนท่าของมันจึงทรงพลังเป็นอย่างมาก มันได้แสดงลักษณะพิเศษของหอกออกมาอย่างเต็มที่ นั่นคือยิ่งยาวเท่าไหร่ ก็ยิ่งทรงพลังเท่านั้น

 

*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด