DND.19 - วางกับดัก
“ศิษย์พี่เซี่ย อีกครึ่งเดือนจะเป็นคืนจันทร์เต็มดวง ท่านจะไปวิหารโบราณไหม?”
ฟางฉิงโจวอยู่ห่างจากเซี่ยเพียงครึ่งก้าวและหายใจเอากลิ่นหอมอ่อนๆจากสาวสวยอย่างละโมบ
วิหารโบราณอยู่ในเทือกเขารัตติกาล ฟางฉิงโจวเคยแอบตามตื๊อจนนางยอมไปออกล่ากับเขา และพวกเขาก็ได้พบวิหารเก่านี้ด้วยกัน วิหารนี้จึงเป็นความลับระหว่างพวกเขาทั้งคู่
“หลังจากประเมินศิษย์ทองคำ สำนักจะส่งสิบศิษย์อสูรเป็นตัวแทนไปยังเมืองหลวง ก่อนหน้านั้นข้าอยากจะไปดูภาพเขียนที่นั่นอีกครั้ง”
“ข้าไปด้วยสิ”
ดวงตาของฟางฉิงโจวแสดงความต่ำทราม
นางเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า
“ก็ได้”
เพราะยังไงซากวิหารก็ถูกพบโดยพวกเขาทั้งคู่ เขาจะขอไปด้วยก็ไม่แปลก
อีกอย่างคือฟางฉิงโจวแข็งแกร่งและน่ากลัว นางไม่มีพลังเพียงพอจะปฏิเสธได้
ฟางฉิงโจวผู้มากตัณหามองเงานางที่จากไป เขาเลียริมฝีปากด้วยความตื่นเต้น นางจะต้องเป็นของเขาแน่นอน ไม่ว่าจะรู้สึกยังไงก็ตาม
คืนนั้น ซือหยูพาร่างอันเหนื่อยอ่อนกลับหอ ข้างในเขาพบสิ่งแปลกตามากมาย
อูซงยืนอย่างสงบเสงี่ยม เขาแทบจะไม่กล้าหายใจด้วยซ้ำ
“นี่มันอะไรกัน?”
ซือหยูถาม
หัวหน้าฝ่ายดูแลเป็นสตรีวัยกลางคนมีพลังระดับสี่ ใบหน้านางไม่สนใจใคร เมื่อเห็นซือหยูนางก็หยุดเก็บกวาดและเปลี่ยนจากใบหน้าเฉยเมยเป็นรอยยิ้มอันอบอุ่น
“เจ้าเป็นราชาแล้ว ตามปกติก็ควรจะได้ที่พักที่ดีกว่าเดิม”
เป็นที่รู้กันว่าราชาระดับเงินทุกรุ่นจะมีที่พักเป็นของตัวเองที่อยู่ใกล้กับส่วนของศิษย์ทองคำร้อยคน มันเป็นที่พักส่วนตัวที่สะอาดและสงบเหมาะแก่การฝึกฝน และสิ่งจำเป็นทุกอย่างจะถูกดูแลโดยคนรับใช้ ในบรรดาศิษย์ระดับเงิน มีเพียงผู้เป็นราชาเท่านั้นที่จะได้รับการดูแลเป็นพิเศษเช่นนี้
อูซงหายใจลึกๆให้ใจเย็นลง อารมณ์ของเขาผสมปนเป ครั้งหนึ่งเขาเห็นซือหยูเป็นเพียงกระสอบทรายไร้ค่า แต่ตอนนี้เขาท่องนภาขึ้นเป็นราชาระดับเงินที่อยู่เหนือคนนับพัน!
หากเขารู้ว่าซือหยูถูกลิขิตให้เป็นราชาแล้วเขาคงจะสร้างความสัมพันธ์อันดีด้วย แต่ตอนนี้มันสายไปเสียแล้ว
ซือหยูออกจากหอพักเดิมไปที่ใหม่ ท่ามกลางความอิจฉาของอูซงและสายตานับถือจากศิษย์ระดับเงินคนอื่นที่แอบมองอยู่
ซือหยูพอใจกับที่พักใหม่มาก เขามีคนรับใช้สาวสามคนคอยบริการและได้รับความเป็นส่วนตัวสูงมาก เขาไม่ต้องขึ้นเขาไปฝึกอีกต่อไปแล้ว ที่นี่เพียงแล้วสำหรับทุกอย่าง
“พลังทำให้ทุกคนปฏิบัติต่อข้าดีขึ้น นี่ช่างแตกต่างกับตอนที่คนคิดว่าข้าอ่อนแอเสียจริง”
ซือหยูพูดเบาๆ
เมื่อให้คนรับใช้ออกไปแล้วซือหยูก็เริ่มตรวจสอบร่างกายตัวเองทันที
….
แสงตะวันสาดส่องในเช้าวันถัดมา
ฮู่...ฮ่า-
หมัดและลูกเตะโจมตีติดต่อกัน
สี่ครั้ง! แปดครั้ง! สิบหกครั้ง! สิบเจ็ดครั้ง! สิบแปดครั้ง! สิบเก้าครั้ง…..
หลังจากฟื้นตัว ซือหยูตกใจมากที่พบว่าการต่อสู้เมื่อวานได้ทำให้ทลายจักรวาลเฉียบคมขึ้นมาก! ระดับของทลายจักรวาลเพิ่มขึ้นจนถึงระดับสูงแล้ว! ตอนนี้ซือหยูโจมตีต่อเนื่องได้ไม่มีหยุด - เป็นการโจมตีแบบไร้ขีดจำกัด!
การพัฒนาทลายจักรวาลครั้งนี้มาจากการต่อสู้เมื่อวานที่เขาใช้มันหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะเจียงซื่อฉีที่เขาโจมตีใส่ก็ได้ทำให้ทลายจักรวาลเฉียบคมขึ้นอย่างมาก
“ฮ่าๆๆ! ถ้าไอ้แก่นั้นรู้ว่าข้าติดหนี้เขาที่ทำให้ข้าทะลุขอบเขตทลายจักรวาลอีกขั้นมันคงจะโมโหแน่!”
ในตอนนั้นเขาก็บังเอิญพบว่ามังกรยาวสิบนิ้วในหัวของเขาถูกชำระล้างด้วยของเหลวในหม้อเก้ามังกร ทำให้มีส่วนที่ยาวหนึ่งนิ้วกลายเป็นสีแก้วใสที่เหมือนกับดวงตาของเขา
ซือหยูที่ตื่นเต้นใช้พลังดวงตาทันที ไม่นานเขาก็พบว่าดวงตาเขาพัฒนาขึ้นอีกครั้ง! ก่อนหน้านี้เขามองสิ่งเล็กๆได้ในระยะ 600 ศอก แต่ตอนนั้นเขาเห็นขายุงที่ห่างออกไป 1,600 ศอก! หากไม่มีอะไรบดบังสายตา ซือหยูจะเห็นทุกอย่างไกลสามลี้! มันเหลือเชื่อจริงๆ!
เขาดีใจยิ่งกว่าที่พบกว่าการควบคุมเวลาของเขาได้เร็วกว่าเดิมสองเท่า!
ก่อนหน้านี้เมื่อไม่ได้สู้ หนึ่งชั่วโมงในโลกภายนอกเท่ากับสิบชั่วโมงของเขา! แต่ตอนนี้หนึ่งชั่วโมงจะเท่ากับยี่สิบชั่วโมงของเขา!
หากเป็นตอนที่ตื่นตัวเช่นตอนต่อสู้ จากที่เขาเร็วขึ้นสามเท่า ตอนนี้มันกลายเป็นสี่เท่าแล้ว!
“หากต้องสู้กับเฉินเทียนหนานอีกครั้ง ข้าชนะเขาด้วยทลายจักรวาลเพียงอย่างเดียวแน่นอน!”
ซือหยูกำหมัด
ก๊อก ก๊อก-
“น้องซือหยู พี่สาวมาหาเจ้าจ๊ะ”
ฉวนหลีเฟยอยู่ด้านนอก ใบหน้างดงามของนางมองที่พำนักของราชาด้วยความริษยา
ฉวนหลีเฟยมาหาเขาทำไมกัน?
“มีอะไร?”
ซือหยูยืนที่หน้าประตูด้วยความตั้งใจจะไม่ให้นางเข้ามา
ฉวยหลีเฟยเอ่ยปาก
“ข้ามาหาเจ้าเพราะจะชวนไปล่าสัตว์อสูรที่เทือกเขารัตติกาลน่ะ”
ล่าสัตว์อสูร? ซือหยูขบคิด
“เข้ามาสิ”
ซือหยูให้่นางเข้ามา
“ไปที่ห้องเจ้าเถอะ ข้ามีความลับจะบอก”
ฉวนหลีเฟยพูดเบาๆ
แววตาสดใสของนางมองซือหยู
ไม่นานพวกเขาก็ถึงห้องของซือหยู
มันเป็นห้องธรรมดา สะอาดสะอ้าน เงียบสงบและมีหน้าต่างที่ปล่อยให้แสงสาดเข้ามา
ฉวยหลีเฟยเก็บซ่อนความริษยาในใจไว้ไม่อยู่
“ข้าอยากจะได้แบบนี้บ้าง”
เมื่อนางพูดก็นั่งลงบนเตียง
“พูดมา ความลับอะไรของเจ้า?”
ฉวนหลีเฟยเอนหลังบนเตียงแสดงให้เห็นสัดส่วนโค้งเว้า ร่างอันงดงามของนางถูกสลักขึ้นมาอย่างดี ฉวนหลีเฟยลุกขึ้นนั่งมองด้วยสายตาซุกซน นางพูดเบาๆ
“ข้าได้ยินว่ามีคนพบสัตว์อสูรในเทือกเขารัตติกาล มันกำลังป้องกันถ้ำที่มีวัตถุวิญญาณมีค่ามากมายที่ศิษย์ทองคำอย่างได้”
โอ้? สัตว์อสูรสินะ? ซือหยูดีใจเล็กน้อย สัตว์อสูรฉลาดมาก สิ่งที่มันคุ้มกันอยู่มักจะเป็นของมีค่า
แม้แต่ศิษย์ระดับเงินยังสนใจ สมบัติพวกนั้นต้องมีค่ามหาศาลแน่
“เจ้าชวนใครอีกนอกจากข้า?”
ซือหยูถาม เขาแค่สองคนทำอะไรสัตว์อสูรระดับนั้นไม่ได้แน่
ปั้ง-
“อ๊า! พวกเจ้ามาทำอะไรกัน? นี่มันที่พักของราชานะ!”
เกิดความวุ่นวายด้านล่าง มีเสียงผู้หญิงกรีดร้องเพราะมีคนพังประตูเข้ามา
“หลีกไป! เราได้รับรายงานว่าซือหยูกำลังลวงเกินศิษย์หญิง!”
ซือหยูหน้าซีด ฉวนหลีเฟยจัดฉากและถอดท่อนบนอย่างรวดเร็ว นางขยี้ผ้าให้ยับราว
จากนั้นนางใช้พริกป่นขยี้ตาให้มีน้ำตาไหลออกมาและนอนลงบนเตียง ราวกับว่านางถูกขืนใจ
ซือหยูเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว!
เขาถูกใส่ร้าย!
ซือหยูรีบพุ่งไปหาฉวนหลีเฟย
ตู้ม ตู้ม--
เสียงคนกำลังรีบขึ้นบันไดมาจากชั้นล่าง!
ไม่มีเวลาอีกแล้ว หากพวกเขาเข้ามาเห็นซือหยูคงพูดอะไรไม่ได้แน่!
“ทลายจักรวาล!”
ซือหยูใช้พลังสูงสุด นี่เป็นเรื่องด่วน!
ฉวนหลีเฟยเยาะเย้ย
“ข้าเตรียมตัวมาแล้วน่า!”
นางมีเกราะเงินมาด้วยทำให้ทนการโจมตีต่อเนื่องได้
สี่ครั้ง! แปดครั้ง! สิบหกครั้ง! สามสิบสองครั้ง! หกสิบสี่ครั้ง!
ฉวนหลีเฟยเหงื่อไหลเต็มหน้า สีหน้าแดงก่ำและเจ็บปวด
มันง่ายดายที่คิดว่าการโจมตีต่อเนื่องสิบหกครั้งเป็นอย่างไร
แต่น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อนได้ฉันใด ชุดเกราะที่โดนโจมตีต่อเนื่องก็ถูกทำลายได้ฉันนั้น
แกร๊ก-
เกราะแตก!
ฉวนหลีเฟยร้องออกมาเมื่อกระเด็นไปถูกหัวเตียง นางลุกลี้ลุนลนด้วยความมึนหัว
ทันใดนั้นซือหยูรีบพุ่งเข้าไปหยิบเสื้อของนางบิดให้เป็นเชือกและรีบมัดนางห้อยลงมาจากหน้าต่าง สุดท้ายเขาหยิบผ้าขี้ริ้วมัดปากฉวนหลีเฟยเอาไว้
ที่นี่เป็นสถานที่เงียบๆ หากไม่ยืนใต้หน้าต่างก็ยากที่จะเห็นหญิงสาวถูกห้อยเอาไว้
ปั้ง-
ตอนนั้นเองประตูก็ถูกถีบและมีคนมากมายเข้ามา นำโดยเจียงซื่อฉีที่แผลยังไม่หายดี
“ค้นให้ทั่ว!”
เจียงซื่อฉีมองไปรอบๆอย่างเยือกเย็นด้วยจิตสังหาร
คนที่ตามเขามาเริ่มค้นก่อนที่เขาจะสั่งเสียอีก ใต้เตียง ตู้เสื้อผ้า ในกระเป๋า เขาค้นจนทั่วแต่ก็ไม่เจออะไร พวกเขามองหน้ากันไปมาและรอเจียงซื่อฉีให้พูด
“พวกท่านมาทำอะไรกันหรือ?”
ซือหยูพูดด้วยความเยือกเย็น
เจียงซือฉีจ้องเขา
“เราได้รับรายงานว่าเจ้ากำลังทำร้ายสตรีในสำนัก เจ้าเอานางไปซ่อนที่ไหน?”
เขาถามอย่างเกรี้ยวกราด
“ฮ่าๆๆ...”
ซือหยูเปลี่่ยนท่าทีจากโกรธเป็นหัวเราะ
“เอาล่ะ เอาล่ะ โอ้ ท่านเจียงซื่อฉี ถ้าจะเอาเรื่องเมื่อวานก็ทำเลย แต่การป้ายสีข้าโดยไม่มีหลักฐานเรื่องนี้ - ข้าไม่ปล่อยไว้แน่!”
“ท่านค้นให้ทั่วเลยถ้าต้องการเช่นนั้น! คนไปเลย! แต่ถ้าหาหลักฐานไม่เจอ ข้าจะไปหาอาจารย์ใหญ่เย่ทันทีและให้ท่านมอบความเป็นธรรมให้ข้า!”
ทุกคนในห้องตัวแข็งทื่อ พวกเขามาค้นที่ห้องเพราะเตรียมการไว้แล้ว และแน่ใจว่าจะได้จัดการซือหยู แต่เขาก็ไม่เจอผู้หญิง หากอาจารย์ใหญ่เย่รู้เรื่องที่เขาใส่ร้ายศิษย์สำนักคงไม่มีใครช่วยเขาจากความหยาบคายนี้ได้แน่
เจียงซื่อฉีรู้ทันทีจากนิสัยคดโกงของเขา เขาถูกอาจารย์ใหญ่จำเรื่องเมื่อวานแล้ว หากเขาถูกอาจารย์ใหญ่เย่จับอีกครั้ง เขาอาจจะไม่โดยแค่การบาดเจ็บเล็กน้อยแน่ ฉวนหลีเฟยทำแผนล้มเหลว เป็นความผิดของนางที่เขาทำอะไรไม่ได้เลย!
“นี่นาจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด เราจะไปแล้ว”
เจียงซื่อฉีหันกลับ
“เดี๋ยวก่อน!”
ซือหยูตะโกนอย่างเยือกเย็น
“พวกท่านอุกอาจเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของเขา พวกท่านคิดว่าที่นี่เข้าออกได้ตามใจอยากหรือ? ข้าจะรายงานเรื่องนี้กับอาจารย์ใหญ่เพื่อขอความยุติธรรม!”
เจียงซื่อฉีหันมามอง
“เจ้าต้องการอะไร?”
พวกเขาเฉลียวฉลาด เจียงซื่อฉีก็เช่นกัน มีหรือคนอย่างซือหยูจะไม่อยากได้ประโยชน์จากเรื่องนี้?
“ไม่ใช่ข้าอยากได้อะไร แต่พวกท่านต้องทำอะไรต่างหาก!”
ซือหยูพูดอย่างโกรธเกรี้ยว
“พวกท่านทั้งหมดทำลายเกียรติของข้า พวกท่านควรจะแก้ไขยังไงกัน?”
เจียงซื่อฉีชิงชังเขา เขาไม่ได้แค่ถือไพ่เหนือกว่า แต่ยังตกหลุมพรางอย่างง่ายดาย เจียงซื่อฉีโบกมือให้คนของเขาออกและโยนเหรียญให้ซือหยู
“คำสั่งไร้จำกัด เจ้าหาซื้อไม่ได้แน่! น่าจะพอนะ!”
คำสั่งไร้จำกัดงั้นเหรอ? ซือหยูเบิกตากว้าง
มันเป็นเหรียญที่มาจากห้องตำรา มีเพียงแค่สิบเหรียญเท่านั้น ตามกฎของห้องตำราแล้วจะเข้าไปยืมหนังสือได้หนึ่งครั้งในหกเดือนเท่านั้น แต่ด้วยคำสั่งไร้จำกัดจะทำให้มองข้ามกฎนี้ไปได้เลย
ยิ่งกว่านั้นผู้ถือเหรียญยังเข้าห้องตำราได้มากกว่าหนึ่งชั้น มันทำให้เข้าชั้นสองที่ศิษย์ทองคำเท่านั้นที่จะเข้าไปได้ และยังชั้นสามที่มีไว้ให้ใช้เฉพาะสิบศิษย์อสูร
เหรียญนี้ถูกให้เป็นรางวัลกับคนระดับสูงในสำนัก นอกจากจะมีใครที่มีความสัมพันธ์ชิดเชื้อกับผู้ถือเหรียญ แต่ศิษย์ในสำนักไม่มีทางได้มันเลย มันเป็นของที่มีค่ามากแน่นอน
เจียงซื่อฉีไม่มีทางเลือก เขาพยายามใส่ร้ายซือหยูและถ้าหากอาจารย์ใหญ่รู้เข้าจะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ เขาจึงใช้มันติดสินบนซือหยูไม่ให้ปริปากเรื่องนี้
ซือหยูได้กำไรอย่างงดงามจากเรื่องครั้งนี้
เจียงซื่อฉีรีบออกไป ซือหยูรอให้ทุกคนออกไปก่อนจะไปดึงฉวนหลีเฟยขึ้นมาจากหน้าต่าง และโยนนางลงบนพื้น
ฉวนหลีเฟยที่หวาดกลัวหน้าซีดราวกับกระดาษ นางคุกเข่าตัวสั่นเทาอยู่กับพื้น