ตอนที่ 70 ทักษะบุตรแห่งหมัดสวรรค์
จักรพรรดิปรุงยาแห่งวิถีสวรรค์ ตอนที่ 70 ทักษะบุตรแห่งหมัดสวรรค์
ค่ำคืนผ่านไปอย่างเงียบสงบ ในวันต่อมา การประลองต้าหยวนรอบที่สามยังคงดำเนินต่อไป
นี่คือรอบสุดท้าย และจะเป็นวันตัดสินผู้ที่จะได้อันดับที่หนึ่ง
“ฮันเอ๋อร์จะได้ที่หนึ่งจริงๆรึ?” หลิงตงซิงทั้งคาดหวังและกังวล ก่อนที่การประลองรอบแรกจะเริ่ม มันเชื่อว่าบุตรของมันจะติดอันดับห้าสิบเป็นอย่างน้อย แต่ไม่กล้าฝันว่าเขาจะสามารถไปถึงสิบอันดับได้ เพราะอย่างไรพลังบ่มเพาะของหลิงฮันในตอนนี้ก็ยังต่ำอยู่มากจริงๆ
แต่ความสำเร็จอย่างงดงามของหลิงฮันในวันก่อนทำให้หลิงตงซิงมีความสุขและตกตะลึงอย่างมาก มันมีความคาดหวังลมๆแล้งๆว่าหลิงฮันจะได้อันดับที่หนึ่ง อย่างไรก็ตาม การจะก้าวไปยังอันดับหนึ่ง ยังมีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างองค์ชายสี่ หลีตงเย่ และจิงหวู่จื้อยืนรออยู่ ต่อให้ตัวมันเป็นคนลงไปสู้เอง ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะชนะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบุตรของมันเลย
ในตอนแรก มันไม่คิดอะไรเพราะไม่ได้หวังว่าหลิงฮันจะชนะจริงๆ แต่ตอนนี้ประกายแห่งความหวังได้ถูกจุดขึ้นมาในใจของมันแล้ว ทำให้มันกลายเป็นกังวลว่าจะชนะหรือแพ้
หลิวอู๋ตงยิ้มและพูด “ท่านลุงไม่ต้องเป็นห่วง ในเมื่อหลิงฮันพูดว่าเขาจะได้ที่หนึ่ง งั้นเขาก็ต้องได้ที่หนึ่งอย่างแน่นอน!”
หลิงตงซิงประหลาดใจ สาวน้อยคนนี้เชื่อในตัวบุตรของมันมากกว่าตัวมันเองอีก! ดูเหมือนนางจะหลงเสน่ห์หลิงฮันจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วจริงๆ! เมื่อมันคิดแบบนี้ หลิงตงซิงจึงไม่กังวลเกี่ยวกับอันดับหนึ่งอีกต่อไป ถ้าบุตรของมันสามารถมีคู่ครองที่ยอดเยี่ยมอย่างหลิวอู๋ตงได มันก็ตายตาหลับแล้ว
“กฎของการประลองในวันนี้จะเป็นดังต่อไปนี้!” หัวหน้าพ่อบ้านยังคงเป็นเจ้าภาพของงานประลองอยู่ “พวกเจ้าจะต้องขึ้นไปยังลานประลองตามลำดับเดียวกันกับเมื่อวานนี้ ซึ่งนี่จะนับว่าเป็นอันดับชั่วคราวของพวกเจ้า ใครก็ตามที่อยู่อันดับต่ำกว่า จะสามารถท้าประลองคนที่มีอันดับสูงกว่าได้ ถ้าชนะก็จะได้ไปแทนที่คนคนนั้น แต่ถ้าแพ้ เจ้าก็ต้องอยู่ในลานของตัวเองต่อไปและไม่สามารถท้าประลองใดๆได้อีก”
“เมื่อไม่มีใครสามารถท้าประลองต่อไปได้อีก หรือเมื่อถึงช่วงตะวันตกดิน อันดับของพวกเจ้าจะถูกตัดสิน”
“หลังจากทุกๆการประลอง ทั้งสองฝ่ายจะมีเวลาให้พักครึ่งชั่วโมง เมื่อถึงช่วงนั้น หากใครไม่อยากพักจะสามารถท้าประลองคนอื่นต่อไปได้ แต่คนอื่นจะเข้ามาท้าประลองไม่ได้เด็ดขาด”
เมื่อหัวหน้าพ่อบ้านพูดจบ หลีตงเย่กระโดดขึ้นไปยังลานประลองที่หนึ่งและพูด “องค์ชายสี่ ข้าขอท้าประลองกับท่าน”
“ฮ่าๆ ข้าอยากจะเห็นอยู่พอเดียวเลยว่าฝ่ามือแก่นแท้สวรรค์ของเจ้าจะไปถึงขึ้นที่เจ็ดหรือยัง” ฉีฮวงเย่หัวเราะดังขึ้นมา และกระโดดไปยังลานประลองที่หนึ่งเช่นกัน
“ท่านจะไม่ผิดหวังแน่นอน!” หลีตงเย่เค้นเสียงอย่างไม่พอใจ พร้อมกับยกมือขึ้นสูงและโจมตีไปยังฉีฮวงเย่
ทั้งสองคนอยู่ในระดับรวมธาตุขั้นเก้า เมื่อสามปีก่อน พวกมันเป็นคู่แข่งที่สูสีกัน แต่องค์ชายสี่เหนือว่าเล็กน้อย ในช่วงสามปีมานี้ หลีตงเย่ได้ปิดด่านบ่มเพาะพลัง และมีการพัฒนาที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“น้องชายหลี เจ้าพัฒนาขึ้นมากจริงๆ แต่ถ้าจะให้พูดตามตรง เจ้าคิดผิดจริงๆที่เก็บตัวอยู่ที่เมืองต้าหยวน” ฉีฮวงเย่แสดงทักษะหมัดออกมา ทุกๆหมัดล้วนแต่มีอำนาจที่ทรงพลัง มันไม่ใช่แค่มีพลังที่รุนแรงแต่ยังทำให้จิตใจสั่นสะเทือนอีกด้วย
“เมืองจักรพรรดิคือแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งวิถีวรยุทธ ในที่นั่นเจ้าจะพบเจอแม้กระทั่งคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าตัวเอง และทุกๆคนล้วนแต่ทรงพลังจนถึงขั้นทำให้ทำสั่นกลัวได้ ภายใต้แรงกดดันเหล่านั้น การพัฒนาของข้าจึงมากขึ้นเกินกว่าที่เจ้าจะจินตนาการได้!”
“จงรับมือกับ ทักษะบุตรแห่งหมัดสวรรค์ ของข้าซะ!”
“ฟูม ฟูม ฟูม” การเคลื่อนไหวของมันมั่นคง ทุกๆหมัดล้วนแต่มีพลังที่จะครอบงำทุกสิ่ง ปราณที่คลุมอยู่รอบๆหมัดทำให้อำนาจของหมัดทรงพลังขึ้นไปอีก
นั่นคือปราณหมัด!
หลีตงเย่ตกตะลึง มันทำได้เพียงหลีกเลี่ยงการปะทะซึ่งๆหน้ากับหมัดของฉีฮวงเย่ ตอนนี้สีหน้าของมันแสดงความท้อแท้ออกมา
เมื่อสามปีก่อน มันอ่อนแอกว่าฉีฮวงเย่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากที่สู้กันอย่างดุเดือดมากกว่าห้าร้อยกระบวนท่า มันพ่ายแพ้เพราะเสียเปรียบเพียงเล็กน้อยจริงๆ แต่ตอนนี้การประลองเพิ่งจะเริ่ม แต่มันกลับกำลังจะถูกอีกฝ่ายกำราบแล้ว มันไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้สู้โต้ตอบกับหมัดอันน่าสะพรึงกลัวขององค์ชายสี่
“ปัง” มันรับหมัดอันรุนแรงจนร่างของมันต้องถอยหนีไม่หยุด ที่มุมปากของมันมีเลือดไหลออกมาจางๆ
“ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่าน!” มันพูดออกมาอย่างขมขื่น พวกมันทั้งคู่อยู่ในระดับรวมธาตุขั้นเก้าเหมือนกัน แต่มันไม่ใช่เพียงแค่อ่อนแอกว่าอีกฝ่ายเล็กน้อย แต่คู่ต่อสู้ของมันอยู่ในระดับที่ต่างกับมันอย่างสิ้นเชิง
“นี่คือทักษะบุตรแห่งหมัดสวรรค์ที่องค์จักรพรรดิเป็นคนสอนข้า การพ่ายแพ้ต่อมันจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย!” ฉีฮวงเย่ยิ้ม และพูดไม่ให้อีกฝ่ายเสียหน้า
องค์ราชาเป็นจอมยุทธในระดับแก่นแท้จิตวิญญาณ ทักษะยุทธที่เขาสอนให้จะไม่ทรงพลังได้อย่างไร?
“ทักษะหมัดนี้มีอยู่สี่ขั้น ขั้นแรกเป็นทักษะระดับเหลืองขั้นสูง ขั้นที่สองเป็นทักษะระดับดำขั้นต่ำ ขั้นสามเป็นทักษะระดับดำขั้นกลาง และขั้นสี่เป็นทักษะระดับดำขั้นสูง!” ฉีฮวงเย่พูดด้วยรอยยิ้ม “องค์จักรพรรดิชื่นชอบคนที่มีพรสวรรค์ มีอัจฉริยะจำนวนหนึ่งในเมืองจักรพรรดิที่ได้รับการสอนทักษะบุตรแห่งหมัดสวรรค์”
บนที่นั่งของผู้ชม ทุกคนอุทานออกมาด้วยความตะลึง องค์ชายสี่ทรงพลังเกินไปจริงๆ ในการประลองต้าหยวนครั้งก่อน หลีตงเย่ยังสามารถสู้กับองค์ชายสี่ได้อย่างสูสี แต่ครั้งนี้ เพียงสิบกระบวนท่ามันไม่สามารถต้านได้
ทุกคนมองไปยังองค์ชายสี่ด้วยความอิจฉา ขั้นที่สี่ของทักษะบุตรแห่งหมัดสวรรค์คือทักษะยุทธระดับดำขั้นสูง ถ้าพวกมันสามารถเรียนรู้ได้ถึงขั้นนั้นล่ะก็... น่าเสียดายที่ถึงแม้องค์จักรพรรดิจะชื่นชนคนที่พรสวรรค์ แต่เขาจะมอบทักษะระดับดำขั้นสูงให้ง่ายๆได้อย่างไร อย่างมากเขาก็มอบให้เพียงขั้นที่หนึ่งและสองเท่านั้น
แต่เพียงแค่ทักษะยุทธระดับดำขั้นต่ำก็สุดยอดพอแล้ว ควรจะรู้เอาไว้ว่าต่อให้เป็นตระกูลใหญ่ในเมืองต้าหยวน ก็มีไม่กี่ตระกูลที่ครอบครองทักษะยุทธระดับดำเอาไว้
“ว่ายังไงน้องชายหลี คราวนี้เจ้าสนใจมาสำนักฮูหยางกับข้ารึยัง?” ฉีฮวงเย่หัวเราะ
หลีตงเย่ไม่สามารถปกปิดสีหน้าที่แสดงออกมาได้แม้แต่น้อย ความแตกต่างระหว่างมันกับองค์ชายสี่ทำให้มันตัดสินใจได้เสียที เมืองต้าหยวนเล็กเกินไป มันต้องออกไปข้างนอกเพื่อให้พัฒนายิ่งขึ้นกว่าเดิม
มันเดินกลับมายังสนามประลองที่สอง และการประลองยังลงดำเนินต่อไป อย่างไรก็ตาม เป็นเพราะมันเพิ่งจะประลองเสร็จมา จึงยังไม่มีใครสามารถเข้ามาท้ามันได้
“จิงหวู่จื้อ ข้าต้องการท้าประลองกับเจ้า” ณ ลานประลองที่สี่ ไป๋ลี่เถิงหยุนคำรามออกมาและกระโดดไปยังสนามประลองที่สาม
จิงหวู่จื้อยิ้มอย่างเยือกเย็น และพาดมือทั้งสองไว้ที่หลังอย่างเฉยเมย จากนั้นมันยืดแขนเล็กน้อยและพูด “งั้นข้าจะชี้แนะเจ้าสักหน่อยแล้วกัน”
มันเองก็เป็นศิษย์ของสำนักฮูหยาง หลังจากบ่มเพาะพลังอย่างหนักมาสามปี การพัฒนาของมันจึงสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ผู้ประลองที่มันต้องเอาจริงด้วยมีเพียงองค์ชายสี่เท่านั้น
ทั้งสองคนเริ่มต่อสู้กัน ไป๋ลี่เถิงหยุนช่างสุดยอดจริงๆที่บรรลุระดับรวมธาตุขั้นแปดได้ในขณะที่มีอายุเพียงสิบเจ็ดปี พลังของมันอ่อนแอกว่าจิงหวู่จื้อเล็กน้อย ทุกๆกระบวนท่าของมันทรงพลังจนทำให้เหล่าผู้อาวุโสในระดับรวมธาตุขั้นเก้าสั่นไหวจากการคิดว่า หากเป็นพวกมันที่ต้องปะทะกับไป๋ลี่เถิงหยุน มีโอกาสสูงมากที่พวกมันจะพ่ายแพ้อย่างราบคาบ
แต่กระบวนท่าของจิงหวู่จื้อเองก็สุดยอดไม่แพ้กัน ด้วยการขยับมือเพียงครั้งเดียว มันสามารถลบล้างพลังจากทุกๆการโจมตีของไป๋ลี่เถิงหยุนได้ แสดงให้เห็นว่ามันมีพลังที่แข็งแกร่งกว่าคู่ต่อขนาดไหน
“เขาพิสูจน์ผลลัพธ์จากการกลับมาจากสำนักฮูหยางให้ได้เห็นแล้ว”
“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว”
“มีหลายคนที่อยู่ในระดับรวมธาตุขั้นเก้า แต่พวกมันส่วนใหญ่อาจจะไม่สามารถเทียบได้แม้แต่หนึ่งในสิบของจิงหวู่จื้อ!”
“ในการประลองนี้ พวกเราต้องคอยดูแค่เขากับองค์ชายสี่ หนึ่งในพวกเขาสองคนจะต้องเป็นคนที่ได้อันดับหนึ่งแน่ๆ”
“ใช่แล้ว ต้องเป็นเช่นนั้นไม่ผิดแน่”
เมื่อยินที่ผู้คนรอบๆพูดคุยกัน ไป๋ลี่เถิงหยุนเค้นเสียง ‘ฮึ’ พร้อมกับหยิบไม้เท้าสั้นออกมา มันสั่นไม้เท้าเล็กน้อย และจากส่วนปลายจนถึงส่วนล่างของไม้เท้าได้ยืดออก มันกลายเป็นไม้เท้าที่มีความยาวขนาดสองเมตร
ไม้เท้านี้สร้างมาจากวัตถุดิบที่ไม่สามารถระบุได้ ทั่วทั้งไม้เท้ามีสีดำราวกับน้ำหมึก
“ข้าได้ยินมาว่านิกายไป๋ลี่มีสมบัติลับอยู่ ผู้คนบอกเล่ากันว่ามันคือสุดยอดอาวุธของจอมยุทธที่ทรงพลัง มันถูกหลอมอยู่หลายวันหลายคืนโดยจอมยุทธคนนั้น อาวุธนั่นมีพลังทำลายล้างที่น่ากลัวมาก หรือว่ามันจะเป็นไม้เท้าอันนี้?” จิงหวู่จื้อถาม
“ถูกต้อง นี่คือไม้เท้าวินาศสลาย!” ไป๋ลี่เถิงหยุนพยักหน้าและสะบัดไม้เท้าเล็กน้อย ‘วู่ม’ ไม้เท้าสีดำสั่นไหวเบาๆและมีคลื่นกระแทกที่ทรงพลังถูกปล่อยออกมา
“งั้นก็ให้ข้าได้ลิ้มลองการโจมตีจากไม้เท้าวินาศสลายเสียหน่อยแล้วกัน!” จิงหวู่จื้อเผยสีหน้าที่เอาจริงออกมา ที่มันเอาจริงไม่ใช่เพราะไป๋ลี่เถิงหยุน แต่เป็นไม้เท้าวินาศสลาย
*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*