ตอนที่ 202 เคารพฮู่หยิน
ตอนที่ 202 เคารพฮู่หยิน
เมื่อไร้ซึ่งหนทาง เมียวฮวาเฉินจึงกล่าวตะโกนด้วยความหมดหวัง เขาหวังว่าหยางไค่เพียงต้องการขู่เขาเท่านั้น หลังจากนี้หยางไค่ต้องปล่อยตัวเขาไป ตนเองก็จะมีชีวิตรอดต่อไป
แต่ฝ่ายตรงข้ามไม่สนใจสำนักหยุนเซี่ยแม้แต่น้อย เขาก้าวเดินมาข้างหน้าและหยุดอยู่ตรงหน้าของตนเอง ดูเหมือนว่าเขาค่อยวางฝ่ามือไว้บนทรวงอกของเขา จากนั้นจึงถอยออกไปอย่างแผ่วเบา โดยดวงตาทั้งคู่ของเขาเยือกเย็นและเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม
ทันใดนั้น หัวใจของเขารู้สึกราวกับว่ากำลังถูกบีบจากมืออันมหึมา มันร้อนลุ่มดั่งถูกเผาไหม้จากเปลวเพลิง มันหดเกร็งและขยายตัวอย่างรุนแรง
ฮว่า !!! เมียวฮวาเฉินพ่นโลหิตสีแดงสดออกมาจากปาก ผิวหนังทั่วร่างกายของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงสด ราวกับว่าเขาถูกกำลังถูกต้มจากน้ำที่เดือดสุดขีด แม้ว่าเขาจะยังไม่ตาย แต่มันทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาณ
มารปฐพีใช้โอกาสในตอนนี้ ลงมือสังหารอย่างโหดเหี้ยม เข็มสลายวิญญานพุ่งเข้าสู่ร่างกายของเมียวฮวาเฉิน เพื่อต้องการกระชากวิญญานของเขาให้ตายในทันที
เด็กหนุ่มผู้นี้เป็นใคร !! ทำไมเข้าต้องบุกรุมจวจตระกูลเมียวและเปิดฉากการสังหารที่โหดเหี้ยมเช่นนี้
ก่อนที่เมียวฮวาเฉินจะตาย เขาคิดครุ่นคิดเพียงอย่างเดียวว่าเขาได้ล่วงเกินเด็กหนุ่มคนนี้ตอนไหน แต่สุดท้ายเขาก็คิดไม่ออก ไม่กล่าวอาจจะไม่ได้เพราะราวกับว่าเขาถูกฆ่าตายโดยไม่รู้ว่าได้ทำผิดอะไรไป ทำให้เมียวฮวาเฉินตายตาไม่หลับอย่างน่าเวทนา
ท้องฟ้าในเมืองไห่เฉินลอยเคว้งอย่างงดงาม พลังแห่งฟ้าดินจำนวนมากมายมหาศาลกำลังรวมตัวอยู่บนร่างกายของหยางไค่อย่างบ้าคลั่ง
เขาบรรลุเขตแดนขนาดใหญ่ และยังได้รับการต้อนรับจากพลังแห่งฟ้าดินที่บริสุทธุ์
หยางไค่เปิดใช้ท่าร่างแห่งการเคลื่อนไหวของเขา และออกจากจวนตระกูลเมียวอย่างรวดเร็ว เขาได้ปรากฏตัวที่บริเวณริมชายหาดอย่างรวดเร็ว
ในค่ำคืนนี้ เสียงลมพัดอย่างรุนแรง คลื่นทะเลกระแทกเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ผู้ฝึกยุทธุ์จำนวนมากในเมืองไห่เฉินต่างมองไปยังทิศทางของท้องทะเลด้วยความหวาดกลัว พวกเขาทราบดีว่าว่ามีคนผู้หนึ่งกำลังบรรลุเขตแดนขนาดใหญ่ ทำให้ท้องฟ้าและผืนปฐพีเกิดความผันผวน แต่การผันผวนของท้องฟ้าและผืนปฐพีในครั้งนี้น่าหวาดกลัวจนพวกเขาไม่กล้าที่จะเข้าใกล้ พวกเขาล้วนจ้องมองจากระยะไกล ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคารพและชื่นชม
คนผู้นี้ ต้องเป็นยอดฝีมืออย่างแน่นอน !! อาจเป็นไปได้ที่เขาอยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริงและบรรลุก้าวข้ามไปยังเขตแดนเทพาสวรรค์ ไม่เช่นนั้นท้องฟ้าผืนปฐพีคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงเช่นนี้ เขตแดนของผู้ฝึกยุทธุ์ในเมืองไห่เฉินไม่สุงมาก จึงเป็นธรรมาดที่พวกเขาไม่กล้าที่จะล่วงเกินยอดฝีมือที่อยู่ในเขตแดนเทพสวรรค์
แต่ไม่มีใครคาดคิดว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นจากเด็กหนุ่มอายุ 15 คนหนึ่ง จากเขตแดนลมปราณหมุนเวียนก้าวข้ามไปยังเขตแดนผสานลมปราณและได้รับการชะล้างจากพลังแห่งฟ้าดิน หากพวกเขาทราบความจริง พวกเขาคงต้องตื่นตะลึงจนตาถลนและอ้าปากค้างอย่างแน่นอน
การเคลื่อนไหวที่ผกผันและวุ่นวายกินเวลากว่าค่อนค่ำคืนมันจึงค่อยๆหยุดลง หลังจากที่ลมพายุที่รุนแรงจางหายไป มีผู้คนบางส่วนมองเห็นลูกไฟขนาดใหญ่พุ่งบินออกจากริมชายหากและมุ่งหน้าไปยังท้องทะเลอย่างไร้ซึ่งจุดมุ่งหมาย
เมื่อลูกไฟนั้นบินผ่านไป ราวกับว่าพวกเขามองเห็นปีกคู่หนึ่งอันใหญ่มหึมา แต่แม้ว่าผู้คนบางส่วนจะมองเห็นด้วตาของพวกเขา พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะเชื่อสายตาตนเอง พวกเขาคิดว่าดวงตาของพวกเขาคงพร่ามัวและเกิดเป็นภาพลวงตาขึ้น
หลังจากที่หยางไค่มาถึงเกาะครึ่งซีกขวาของเกาะหยุนเซี่ย เขายืนอยู่ตรงยอดเขาที่เขาแยกขากฮู่หยินเจียง และจ้องมองไปที่ขอบฟ้า
เกาะหยุนเซี่ยตกอยู่ในความมืดมิด แม้ว่าเขาจะอยู่ในเกาะครึ่งซีกขวา แต่เขาได้กลิ่นคาวโลหิตที่หมุนเวียนในอากาศ ทุกพื้นที่ของเกาะครึ่งซีกซ้ายเต็มไปด้วยซากศพที่มากมาย ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยสีแดงจากโลหิตที่ยังไม่แห้ง ตำหนัก หอต่างถูกทำลายจนพังทลายลงมา สิ่งปลุกสร้างทุกอย่างกลายเป็นซากปรักหักพังที่ไร้ค่า ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสิ่งที่หลงเหลือจากสงครามอันยิ่งใหญ่ระหว่างสำนักหยุนเซี่ยและสำนักเกาะเมฆาบรรพกาล
รุ่งอรุณ เกาะหยุนเซี่ย
บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยฝูงนกที่บินผ่าน มันส่งเสียงกรีดร้องที่โหยหวนออกมาอย่างต่อเนื่อง
สำนักหยุนเซี่ย ถูกสังหารหมู่จนหมดสิ้น !!
ตรงหน้าของหยางไค่ มีซากโครงกระดูก บนโครงกระดูก สวมใส่เสื้อกระโปรงที่ขาดรุ่งริ่ง มันเป็นเสื้อกระโปรงที่ฮู่หยินเจียงสวมใส่ในวันนัั้น
โครงกระดูกนี้อยู่ในสภาพที่นั่งอยู่ในบริเวณที่เงียบเชียบ ราวกับก้อนหินที่ไม่ขยับเขยื้อน
หยางไค่มองเห็นอย่างชัดเจนในวันที่เขาแยกจากฮู่หยินเจียง เขานั่งอยู่ในท่าเช่นนี้โดยไม่มีการขยับเขยื่อนแม้แต่น้อย แต่สายตาของเขาหันมองไปยังทิศทางของจวนตระกูลเมียวในเมืองไห่เฉิน
สายลมอ่อนๆพัดผ่านอย่างอ่อนโยน มันพัดเส้นผมของฮู่หยินเจียงอย่างแผ่วเบา ดวงตาของนางกลายเป็นสีเท่า ราวกับเมฆที่อึมครึมอย่างว้าเหว่ มันมองไม่เห็นแสงสว่าง มองไม่เห็นความหวัง
นางจ้องมองเช่นนี้เสมอมา จ้องมองจนกระทั่งนางตายนางก็ยังไม่หลับตา
จนเมื่อคืนที่ผ่านมา ราวกับว่านางมองเห็นตระกูลจวนถูกทำลาย มองเห็นเมียวฮวาเฉินตายอยู่ในเงื้อมมือของหยางไค่
เป็นเรื่องง่ายดายที่จะกลับไปยังสรวงสวรรค์ ใครจะสามารถละเว้นวัฎจักรแห่งการกลับชาติมากเกิด?
แค้นได้รับการชำระ !! คนชั่วยอมได้รับกรรมของคนชั่ว !!
หยางไค่หยิบเหล้าขึ้นมา และคำนับอยู่ตรงหน้าของฮู่หยินเจียง เขายื่นมือออกไป เพื่อจะฝังโครงกระดูกของนาง แต่ในขณะที่มือของเขาสัมผัสโครงกระดูกของฮุ่หยินเจียง โครงกระดูกของนางได้สลาย และกลายเป็นเศษธุรีในทันที
ทันใดนั้นในบริเวณแห่งนี้ได้เกิดลมกรรโชกที่รุนแรง พัดพาเถ้าธุรีเหล่านี้ออกไปอย่างช้าๆ มันลอยผ่านเกาะครึ่งซีกขวาและล่วงโรยไปยังท้องทะเลอันกว้างใหญ่และมลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หยางไค่หลับตาลง ใบหน้าแสดงออกอย่างเศร้าโศก และรู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยวอย่างถึงที่สุด
ในวันนั้น เขาต้องการที่จะพาฮู่หยินออกไปกับเขา แต่ ฮู่หยินเจียงปฏิเสธ หัวใจของนางได้ตายไปแล้ว การที่นางยังมีชีวิตจะทำให้นางทุกข์ทรมาณไปตลอดชีวิต การที่นางได้ติดตามสามี บุตรีของนางของนางไป จะทำให้นางหลุดพ้นจากความทุกข์ฺทรมาณทั้งปวง
หยางไค่ทำตายความต้องการของนาง แต่เมื่อคิดย้อนกลับไปในตอนนี้ เขาไม่แน่ใจว่าการตัดสินและการกระทำของเขาในวันนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่
เมื่อสัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าในหัวใจของหยางไค่ มารปฐพีที่อดกลั้นมานานจึงกล่าวปลอบโยน : นายน้อย ฮู่หยินท่านนี้คงไม่ตำหนิท่าน สำหรับนางแล้วความตายเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้นางหลุดพี้นจากความทุกข์ทรมาณ
หยางไค่เงียบโดยไม่กล่าวสิ่งใด ผ่านไปเป็นเวลานานเขาจึงหมุนตัว เขากางเพลิงปีกอัคคีโลกันย์ และบินไปยังชายหาดทะเล
บางที สำหรับนางแล้วเป็นการหลุดพ้น แต่สำหนับเขาแล้ว มันเป็นความเสียใจ
สองวันผ่านมา หยางไค่นำบุพผาหญ้าจิตวิญญานที่แปลกประหลาดออกไป เพื่อแลกเปลี่ยนกับสิ่งของที่มีคุณสมบัติของพลังหยางในเมืองไห่เฉิน ก่อนที่เขาจะหลอมละลายมันและกักเก็บมันไว้ที่จุดตันเถียน
ในค่ำคืนของสองวันถัดมา หยางไค่สะพายถุงผ้าขนาดใหญ่และบินไปยังทิศเหนือนในทันที
หลังจากที่หยางไค่ออกจากเมืองไห่เฉินไม่นาน สำนักในท้องทะเลอันไกลพ้น ต่างได้รับข่าวคราวที่่น่าตื่นตะลึง
สำนักไท่ยี : อะไรน่ะ ? เกาะเมฆาบรรพกาลพบเจอกับคัมภรี์เคล็ดวิชาพลิกกายทะลายจันทร์ดารา ? ข่าวนี้เป็นเรื่องจริง ?
นิกายซิ่วหล่อ : อะไรน่ะ ? เกาะเมฆาบรรพกาลพบเจอกับคัมภรี์เคล็ดวิชาพลิกกายทะลายจันทร์ดารา ? มีข่าวเกี่ยวกับกระบี่สร้างค่ายกลของนิกายซิ่วหล่อบ้างไหม ?
พรรคบุพผาโรยรา : พบเจอคัมภรี์เคล็ดวิชาพลิกกายทะลายจันทร์ดารา แล้วมีข่าวคราวเกี่ยวกับบุพผาโลหิตพันปีบ้างไหม มันเป็นส่วนหนึ่งของพรรคบุพผาโรยรา ในตอนนั้นมันหายไปพร้อมกับ คัมภรี์เคล็ดวิชาพลิกกายทะลายจันทร์ดารา !!
นิกายพร่ำโลหิต : ไปเกาะเมฆาบรรพกาล สืบเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสมบัติล้ำค่าของนิกาย !!
เกาะมังกรเมฆา : .
สำนักนิกายพรรคต่างที่มีอำนาจทั้งหมด 10 แห่ง หลังจากที่พวกเขาได้ทราบข่าวว่าเกาะเมฆาบรรพกาลได้พบเจอมภรี์เคล็ดวิชาพลิกกายทะลายจันทร์ดารา ในตอนแรกพวกเขาไม่เชื่อ เพราะสมบัติล้ำค่าของพวกเขาหายไปพร้อมกัน ไม่มีเหตุผลที่เกาะเมฆาบรรพกาลจะค้นพบ ในเมื่อพวกเขาไม่ได้รับข่าวคราวเกี่ยวกับสมบัติล้ำค่าของพวกเขา ความโกลาหล ความวุ่นวายทั้งหมดจึงได้เริ่มขึ้น ยอดฝีมือของทุกสำนักต่างเริ่มรวมตัวและเคลื่อนไหวในทันที
ใน 1 วันเกาะเมฆาบรรพกาลเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากมาย พวกเขาล้วสนเป็นตัวแทนยอดฝีมือจากสำนักนิกายพรรคต่างๆที่มีความแข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่ ผู้อาวุโสแห่งเกาะเมฆาบรรพกาลต่างเหน็ดเหนื่อยจากการต้อนรับพวกเขาอย่างยิ่ง
หลังจากที่ข่าวคราวการค้นพบคัมภรี์เคล็ดวิชาพลิกกายทะลายจันทร์ดาราแพร่สะบัดออกไป สำนักนิกายพรรคต่างทั้ง 10 แห่งล้วนเดินทางไปยังเสำนักหยนุเซี่ยในทัน
แต่น่าเสียดายที่สำนักหยุนเซี่ยเป็นเพียงสำนักที่มีความแข็งแกร่งในระดับที่ 3 เพียงแค่คัมภรี์เคล็ดวิชาพลิกกายทะลายจันทร์ดาราเพียงเล่มเดียวก็ถูกทำลายในทันที แต่ชะตากรรมของสำนักหยุนเซี่ยไม่หมดเพียงเท่านี้ สำนักนิกายพรรคต่างที่มีอำนาจทั้งหมด 10 แห่ง ต่างเดินทางไปค้นหาสมบัติล้ำค่าที่หายไปเมื่อ 300 ปีก่อนจนทุกสิ่งทุกอย่างของสำนักหยุนเซี่ยพังทะลายจนกลายเป็นเศษซาก
แต่สิ่งเหล่านั้นถูกหยางไค่นำกลับไป แล้วพวกเขาจะค้นพบได้อย่างไร ? เมื่อหาสมบัติล้ำค่าที่หายสาปสูญไปกว่า 300 ปีก่อนไม่พบ พวกเขาจึงเกรี้ยวโกรธ เมื่อเกรี้ยวโกรธแต่ไม่สามารถลงมือกับใครได้ พวกเขาจึงลงมือโจมตีเกาะหยุนเซี่ยโดยไม่ยั้งมือ
ในเวลาไม่ถึง 3 ววัน เกาะหยุนเซี่ยได้หายไปจากสายตาของคนบนโลกในทันที เกาะหยุนเซี่ยถูกทำลายและหายไปอย่างไร้ซึ่งร่องรอย
หลังจากที่หยางไค่เดินทางกลับ เขาไม่รู้เลยว่าเกาะหยุนเซี่ยได้พบเจอกับชะตากรรมอันน่าสังเวชเช่นนี้ หยางไค่ในตอนนี้กำลังจะเข้าใกล้หอประลองยุทธุ์เซี่ยว
ในเมืองไห่เฉิน หยางไค่ได้รับหยดน้ำพลังลมปราณหยางจำนวนมาก ทำให้เขาบินกลับมายังหอประลองยุทธุ์ได้อย่างรวดเร็ว
หยางไค่รอเวลาในค่ำคืนหนึ่ง เขาร่อนลงมายังสถานที่แห่งหนึ่งที่ห่างจากหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ย 50 ลี้ และเปิดใช้ท่าร่างในการเคลื่อนไหวเพื่อเดินทางกลับไปยังหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว
1 ชั่วยามผ่านไป เขามองไปยังหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวที่เขาไม่พบเจอกว่าครึ่งปี หยางไค่ยิ้มเบาๆ ทำให้ความรู้สึกผิดความรู้สึกเสียใจในเรื่องของฮู่หยินเจียงผ่อนคลายลงไม่น้อย
เขาไม่มีความรู้สึกที่พิเศษให้แก่สำนัก แต่เขารู้ดีว่าการอยู่ในสำนักแห่งนี้ มีสตรีที่จะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิตรอเขาอยู่
ด้านหลังของเขาสะพายถุงผ้าขนาดใหญ่ และแอบเข้าไปในสำนักอย่างเงียบๆ แต่เพียงก้าวไปได้ไม่กี่ก้าว หยางไค่เริ่มขมวดคิ้วในทันที
นายน้อย .. มารปฐพีกล่าวเตือนอย่างรวดเร็ว
ข้าไม่สนใจ !! ม่านตาของหยางไค่หดลง เขารู้สึกว่ามีจิตวิญญานในระดับสูงประกายผ่านร่างกายของเขาไป
หากเป็นในอดีต หยางไค่ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงขนาดนี้ เพราะคนที่สามารถใช้จิตวิญญานติดตามเขาต้องอยู่ในระดับเขตแดนเทพสวรรค์ และมันยังแข็งแกร่งกว่าเขตแดนของเขาในปัจจุบันถึงหลายขั้น
แต่หลังจากที่เขาได้รับดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์ การรับรู้และการสัมผัสของหยางไค่ชัดเจนและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เขาเริ่มสามารถใช้ปราณจิตสัมผัสในการรับรู้และสัมผัสสิ่งต่างๆ
แต่เขารู้สึกคุ้นเคยกับจิตวิญญานนั้นอย่างยิ่ง มันไม่ใช่ปราณจิตสัมผัสจากจิตวิญญานของเหล่าผู้อาวุโสแห่งสำนักหยุนเซี่ยอย่างแน่นอน
โชคดีที่จิตวิญญานเหล่านัั้นเพียงแค่มาตรวจสอบ โดยไม่มีเจตนาในการทำร้าย มันประกายผ่านโดยไม่ได้สังเกตุหยางไค่ แต่การค้นพบนี้ทำให้จิตใจของเขาสั่นไหวอย่างยิ่ง
ทำไมหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยจึงมียอดฝีมือที่มากมายเช่นนี้ ? เขาตั้งข้อสนิษฐานบางอย่างเอาไว้ ในที่สุดเขาตัดสินใจกลั้นลมหายใจ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าสำนักหยุนเซี่ยแห่งนี้ไม่สงบเหมือนเคยอีกต่อไป
ในทันทีที่หยางไค่กลับมาถึงหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ย ในกระท่อมเล็กๆ ซู่เหยียนที่กำลังปิดกั้นตนเองเพื่อฝึกยุทธุ์เบิกตาโพลงขึ้นทันที
เขากลับมาแล้ว ? ซู่เหยียนกระซิบเบาๆ นางเม้มริมฝีปาก ใบหน้าแดงก่ำขึ้นในทันที ในสถานที่ห่างไกล ราวกับมีเสียงเรียกที่อ่อนโยนกำลังร้องเรียกหานาง ทำให้นางเดินทางไปยังทิศทางของคนคนนั้นทันที เสียงเรียกเช่นนั้นทำให้จิตใจของซู่เหยียนว้าวุ่น ทำให้นางไม่สามารถนั่งสมาธิเพื่อฝึกฝนวิชายุทธุ์อีกต่อไป
มันเป็นดาวข่มของข้าจริงๆ หลายเดือนที่เขาไม่อยู่ หลายครั้งที่การใช้ชีวิตของตนเองจะผ่านไปได้ยาก แต่เมื่อใดที่ปราณจิตเย็นหมุนเวียนขึ้น ทำให้สามารถสงบสติอารมณ์ของตนเองลงได้ ทำให้นางหยิบยืมโอกาสในครั้งนี้เป็นบททดสอบให้ต่อต้าน จนเขตแดนของปราณจิตเย็นแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
แต่เมื่อทราบว่าเขากลับมา ราวกับว่าปราณจิตเย็นของนางได้ถูกทำลายไป จิตใจที่สงบได้เสียการทรงตัวจนมิอาจควบคุมได้
เมื่อครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ซู่เหยียนไม่อดทนอีกต่อไป นางเปิดประตูห้อง นางนำพาทิ้งความเยือกเย็นและไอแห่งความเยือกเย็นไว้ช้างหลัง และพุ่งออกไปยังทิศทางของคุกคุมมังกรในทันที
ในคุกคุมขังมังกร หยางไค่หันหลังกลับไป มุมปากของเผยให้เห็นรอยยิ้ม
มาปฐพี เจ้าออกไปหาอะไรสนุกๆ ทำไป หยางไค่กล่าวและขว้างเข็มสลายวิญญานออกไปในทันที
อั๊ย ..ฮ่าฮ่า .. มารปฐพีไร้ซึ่งคำพูดที่จะกล่าว ในใจเขาคิดว่าเขาไม่ใช่เด็กอายุ 3 ขวบ ทำไมนายน้อยถึงทิ้งขว้างเขาเช่นนี้
แต่กลิ่นอายแห่งปีศาจที่อยู่เบื้องล่างของคุกคุมขังมังการดึงดูดเขาอย่างยิ่ง ทำให้เขาไม่รอช้า ดิ่งลงไปยังด้านล่างทันที
หยางไค่ยืนอยู่บนหน้าผาคุกคุมขังมังกรสักครู่ เงาร่างสีขาวได้พุ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว เมื่อเงาร่างปรากฏตัว มันห่างจากหยางไค่เพียง 3 จ้างเท่านั้น
ดวงตาทั้ง 4 จ้องประสานซึ่งกันและกัน มันเอ่อล้นไปด้วยความรักและคิดถึงอย่างสุดซึ้ง
ดวงตาของหยางไค่เต็มไปด้วยความคิดถึง ดวงตาของซู่เหยียนเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
พวกเขาจ้องมองซึ่งกันและกันอย่างเงียบๆ เพื่อสังเกตุความเปลี่ยนแปลงที่พวกเขาไม่เจอกันหลายเดือน
เขาแข็งแกร่งขึ้นมา รูปร่างกำยำยิ่งขึ้น แต่ดวงตาของเขากลับปรากฏร่องรอยแห่งความผันแปรแห่งชีวิตและความหดหู่ใจที่มิอาจปิดบังได้ ความรู้สึกแห่งความผันแปรของชีวิตและความหดหู่ใจไม่ควรปรากฏอยู่ในร่างกายของเด็กหนุ่มอายุ 15 แต่มันทำให้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่มากยิ่งขึ้น แต่เมื่อนางมองเห็นความรู้สึกเหล่านี้ในดวงตาของหยางไค่ ทำให้ซู่เหยียนอดไม่ได้ที่จะเจ็บปวดอยู่ภายใจ
นางทราบดี หลายเดือนที่เขาอยู่ด้านนอก เขาคงพบเจอกับเรื่องราวต่างๆที่มากมาย
หลังจากที่หยางไค่ออกจากเมืองไห่เฉินไม่นาน สำนักในท้องทะเลอันไกลพ้น ต่างได้รับข่าวคราวที่่น่าตื่นตะลึง
สำนักไท่ยี : อะไรน่ะ ? เกาะเมฆาบรรพกาลพบเจอกับคัมภรี์เคล็ดวิชาพลิกกายทะลายจันทร์ดารา ? ข่าวนี้เป็นเรื่องจริง ?
นิกายซิ่วหล่อ : อะไรน่ะ ? เกาะเมฆาบรรพกาลพบเจอกับคัมภรี์เคล็ดวิชาพลิกกายทะลายจันทร์ดารา ? มีข่าวเกี่ยวกับกระบี่สร้างค่ายกลของนิกายซิ่วหล่อบ้างไหม ?
พรรคบุพผาโรยรา : พบเจอคัมภรี์เคล็ดวิชาพลิกกายทะลายจันทร์ดารา แล้วมีข่าวคราวเกี่ยวกับบุพผาโลหิตพันปีบ้างไหม มันเป็นส่วนหนึ่งของพรรคบุพผาโรยรา ในตอนนั้นมันหายไปพร้อมกับ คัมภรี์เคล็ดวิชาพลิกกายทะลายจันทร์ดารา !!
นิกายพร่ำโลหิต : ไปเกาะเมฆาบรรพกาล สืบเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสมบัติล้ำค่าของนิกาย !!
เกาะมังกรเมฆา : .
สำนักนิกายพรรคต่างที่มีอำนาจทั้งหมด 10 แห่ง หลังจากที่พวกเขาได้ทราบข่าวว่าเกาะเมฆาบรรพกาลได้พบเจอมภรี์เคล็ดวิชาพลิกกายทะลายจันทร์ดารา ในตอนแรกพวกเขาไม่เชื่อ เพราะสมบัติล้ำค่าของพวกเขาหายไปพร้อมกัน ไม่มีเหตุผลที่เกาะเมฆาบรรพกาลจะค้นพบ ในเมื่อพวกเขาไม่ได้รับข่าวคราวเกี่ยวกับสมบัติล้ำค่าของพวกเขา ความโกลาหล ความวุ่นวายทั้งหมดจึงได้เริ่มขึ้น ยอดฝีมือของทุกสำนักต่างเริ่มรวมตัวและเคลื่อนไหวในทันที
ใน 1 วันเกาะเมฆาบรรพกาลเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากมาย พวกเขาล้วสนเป็นตัวแทนยอดฝีมือจากสำนักนิกายพรรคต่างๆที่มีความแข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่ ผู้อาวุโสแห่งเกาะเมฆาบรรพกาลต่างเหน็ดเหนื่อยจากการต้อนรับพวกเขาอย่างยิ่ง
หลังจากที่ข่าวคราวการค้นพบคัมภรี์เคล็ดวิชาพลิกกายทะลายจันทร์ดาราแพร่สะบัดออกไป สำนักนิกายพรรคต่างทั้ง 10 แห่งล้วนเดินทางไปยังเสำนักหยนุเซี่ยในทัน
แต่น่าเสียดายที่สำนักหยุนเซี่ยเป็นเพียงสำนักที่มีความแข็งแกร่งในระดับที่ 3 เพียงแค่คัมภรี์เคล็ดวิชาพลิกกายทะลายจันทร์ดาราเพียงเล่มเดียวก็ถูกทำลายในทันที แต่ชะตากรรมของสำนักหยุนเซี่ยไม่หมดเพียงเท่านี้ สำนักนิกายพรรคต่างที่มีอำนาจทั้งหมด 10 แห่ง ต่างเดินทางไปค้นหาสมบัติล้ำค่าที่หายไปเมื่อ 300 ปีก่อนจนทุกสิ่งทุกอย่างของสำนักหยุนเซี่ยพังทะลายจนกลายเป็นเศษซาก
แต่สิ่งเหล่านั้นถูกหยางไค่นำกลับไป แล้วพวกเขาจะค้นพบได้อย่างไร ? เมื่อหาสมบัติล้ำค่าที่หายสาปสูญไปกว่า 300 ปีก่อนไม่พบ พวกเขาจึงเกรี้ยวโกรธ เมื่อเกรี้ยวโกรธแต่ไม่สามารถลงมือกับใครได้ พวกเขาจึงลงมือโจมตีเกาะหยุนเซี่ยโดยไม่ยั้งมือ
ในเวลาไม่ถึง 3 ววัน เกาะหยุนเซี่ยได้หายไปจากสายตาของคนบนโลกในทันที เกาะหยุนเซี่ยถูกทำลายและหายไปอย่างไร้ซึ่งร่องรอย
หลังจากที่หยางไค่เดินทางกลับ เขาไม่รู้เลยว่าเกาะหยุนเซี่ยได้พบเจอกับชะตากรรมอันน่าสังเวชเช่นนี้ หยางไค่ในตอนนี้กำลังจะเข้าใกล้หอประลองยุทธุ์เซี่ยว
ในเมืองไห่เฉิน หยางไค่ได้รับหยดน้ำพลังลมปราณหยางจำนวนมาก ทำให้เขาบินกลับมายังหอประลองยุทธุ์ได้อย่างรวดเร็ว
หยางไค่รอเวลาในค่ำคืนหนึ่ง เขาร่อนลงมายังสถานที่แห่งหนึ่งที่ห่างจากหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ย 50 ลี้ และเปิดใช้ท่าร่างในการเคลื่อนไหวเพื่อเดินทางกลับไปยังหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว
1 ชั่วยามผ่านไป เขามองไปยังหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวที่เขาไม่พบเจอกว่าครึ่งปี หยางไค่ยิ้มเบาๆ ทำให้ความรู้สึกผิดความรู้สึกเสียใจในเรื่องของฮู่หยินเจียงผ่อนคลายลงไม่น้อย
เขาไม่มีความรู้สึกที่พิเศษให้แก่สำนัก แต่เขารู้ดีว่าการอยู่ในสำนักแห่งนี้ มีสตรีที่จะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิตรอเขาอยู่
ด้านหลังของเขาสะพายถุงผ้าขนาดใหญ่ และแอบเข้าไปในสำนักอย่างเงียบๆ แต่เพียงก้าวไปได้ไม่กี่ก้าว หยางไค่เริ่มขมวดคิ้วในทันที
นายน้อย .. มารปฐพีกล่าวเตือนอย่างรวดเร็ว
ข้าไม่สนใจ !! ม่านตาของหยางไค่หดลง เขารู้สึกว่ามีจิตวิญญานในระดับสูงประกายผ่านร่างกายของเขาไป
หากเป็นในอดีต หยางไค่ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงขนาดนี้ เพราะคนที่สามารถใช้จิตวิญญานติดตามเขาต้องอยู่ในระดับเขตแดนเทพสวรรค์ และมันยังแข็งแกร่งกว่าเขตแดนของเขาในปัจจุบันถึงหลายขั้น
แต่หลังจากที่เขาได้รับดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์ การรับรู้และการสัมผัสของหยางไค่ชัดเจนและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เขาเริ่มสามารถใช้ปราณจิตสัมผัสในการรับรู้และสัมผัสสิ่งต่างๆ
แต่เขารู้สึกคุ้นเคยกับจิตวิญญานนั้นอย่างยิ่ง มันไม่ใช่ปราณจิตสัมผัสจากจิตวิญญานของเหล่าผู้อาวุโสแห่งสำนักหยุนเซี่ยอย่างแน่นอน
โชคดีที่จิตวิญญานเหล่านัั้นเพียงแค่มาตรวจสอบ โดยไม่มีเจตนาในการทำร้าย มันประกายผ่านโดยไม่ได้สังเกตุหยางไค่ แต่การค้นพบนี้ทำให้จิตใจของเขาสั่นไหวอย่างยิ่ง
ทำไมหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยจึงมียอดฝีมือที่มากมายเช่นนี้ ? เขาตั้งข้อสนิษฐานบางอย่างเอาไว้ ในที่สุดเขาตัดสินใจกลั้นลมหายใจ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าสำนักหยุนเซี่ยแห่งนี้ไม่สงบเหมือนเคยอีกต่อไป
ในทันทีที่หยางไค่กลับมาถึงหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ย ในกระท่อมเล็กๆ ซู่เหยียนที่กำลังปิดกั้นตนเองเพื่อฝึกยุทธุ์เบิกตาโพลงขึ้นทันที
เขากลับมาแล้ว ? ซู่เหยียนกระซิบเบาๆ นางเม้มริมฝีปาก ใบหน้าแดงก่ำขึ้นในทันที ในสถานที่ห่างไกล ราวกับมีเสียงเรียกที่อ่อนโยนกำลังร้องเรียกหานาง ทำให้นางเดินทางไปยังทิศทางของคนคนนั้นทันที เสียงเรียกเช่นนั้นทำให้จิตใจของซู่เหยียนว้าวุ่น ทำให้นางไม่สามารถนั่งสมาธิเพื่อฝึกฝนวิชายุทธุ์อีกต่อไป
มันเป็นดาวข่มของข้าจริงๆ หลายเดือนที่เขาไม่อยู่ หลายครั้งที่การใช้ชีวิตของตนเองจะผ่านไปได้ยาก แต่เมื่อใดที่ปราณจิตเย็นหมุนเวียนขึ้น ทำให้สามารถสงบสติอารมณ์ของตนเองลงได้ ทำให้นางหยิบยืมโอกาสในครั้งนี้เป็นบททดสอบให้ต่อต้าน จนเขตแดนของปราณจิตเย็นแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
แต่เมื่อทราบว่าเขากลับมา ราวกับว่าปราณจิตเย็นของนางได้ถูกทำลายไป จิตใจที่สงบได้เสียการทรงตัวจนมิอาจควบคุมได้
เมื่อครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ซู่เหยียนไม่อดทนอีกต่อไป นางเปิดประตูห้อง นางนำพาทิ้งความเยือกเย็นและไอแห่งความเยือกเย็นไว้ช้างหลัง และพุ่งออกไปยังทิศทางของคุกคุมมังกรในทันที
ในคุกคุมขังมังกร หยางไค่หันหลังกลับไป มุมปากของเผยให้เห็นรอยยิ้ม
มาปฐพี เจ้าออกไปหาอะไรสนุกๆ ทำไป หยางไค่กล่าวและขว้างเข็มสลายวิญญานออกไปในทันที
อั๊ย ..ฮ่าฮ่า .. มารปฐพีไร้ซึ่งคำพูดที่จะกล่าว ในใจเขาคิดว่าเขาไม่ใช่เด็กอายุ 3 ขวบ ทำไมนายน้อยถึงทิ้งขว้างเขาเช่นนี้
แต่กลิ่นอายแห่งปีศาจที่อยู่เบื้องล่างของคุกคุมขังมังการดึงดูดเขาอย่างยิ่ง ทำให้เขาไม่รอช้า ดิ่งลงไปยังด้านล่างทันที
หยางไค่ยืนอยู่บนหน้าผาคุกคุมขังมังกรสักครู่ เงาร่างสีขาวได้พุ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว เมื่อเงาร่างปรากฏตัว มันห่างจากหยางไค่เพียง 3 จ้างเท่านั้น
ดวงตาทั้ง 4 จ้องประสานซึ่งกันและกัน มันเอ่อล้นไปด้วยความรักและคิดถึงอย่างสุดซึ้ง
ดวงตาของหยางไค่เต็มไปด้วยความคิดถึง ดวงตาของซู่เหยียนเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
พวกเขาจ้องมองซึ่งกันและกันอย่างเงียบๆ เพื่อสังเกตุความเปลี่ยนแปลงที่พวกเขาไม่เจอกันหลายเดือน
เขาแข็งแกร่งขึ้นมา รูปร่างกำยำยิ่งขึ้น แต่ดวงตาของเขากลับปรากฏร่องรอยแห่งความผันแปรแห่งชีวิตและความหดหู่ใจที่มิอาจปิดบังได้ ความรู้สึกแห่งความผันแปรของชีวิตและความหดหู่ใจไม่ควรปรากฏอยู่ในร่างกายของเด็กหนุ่มอายุ 15 แต่มันทำให้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่มากยิ่งขึ้น แต่เมื่อนางมองเห็นความรู้สึกเหล่านี้ในดวงตาของหยางไค่ ทำให้ซู่เหยียนอดไม่ได้ที่จะเจ็บปวดอยู่ภายใจ
นางทราบดี หลายเดือนที่เขาอยู่ด้านนอก เขาคงพบเจอกับเรื่องราวต่างๆที่มากมาย