ตอนที่แล้วตอนที่ 200 โจมตีตระกูลเมียว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 202 เคารพฮู่หยิน

ตอนที่ 201 การตายของเมียวฮวาเฉิน


ตอนที่ 201 การตายของเมียวฮวาเฉิน

บ้าเอ้ย !! รีบหนีเร็ว! ทหารยามที่อยู่ในเขตแดนผสานลมปราณถูกฆ่าในเวลาที่ไม่ถึง 30 ลมหายใจ ทหารที่อยู่ในเขตแดนลมปราณหมุนเวียนจะกล้าต่อต้านต่อไปได้อย่างไร ? พวกเขาวิ่งหนีออกไปพร้อมกับเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว

คากกคากก .อย่าคิดว่าจะหนีไปได้ หยุดเดี่ยวนี้ !! มารปฐพีหัวเราะด้วยความบ้าคลั่ง เข็มสลายวิญญานล่องลอยอยู่บนอากาศ ทุกครั้งที่มันเคลื่อนไหวและพุ่งออกไปจะมีคนตายไป 1 คน ทหารยามแห่งเขตแดนลมปราณหมุนเวียนกว่า 10 คนล้วนตายในทันทีร่างกายของพวกเขาต่างล้มทรุดไปที่พื้นดินอย่างน่าเวทนา

รอบบริเวณเต็มไปด้วยร่างศพจำนวนมากมาย กลิ่นคาวแห่งโลหิตคละคลุ้งไปทั่ว พลังลมปราณของหยางไค่หมุนเวียนอย่างรุนแรงยิ่งกว่าพายุหมุนเสียอีก ร่างกายของเขาปกคลุมด้วยกลิ่นอายแห่งปีศาจ ควบคู่กับเสื้อสีดำที่เขาสวมใส่ ราวกับเขาเป็นมารป๊สาจที่น่าหวาดกลัวตนหนึ่ง

ปัง !! ประตูห้องถูกเปิดออกมา เมียวฮวาเฉินวิ่งออกมาจากบ้านด้วยความตื่นตระหนก สิ่งแรกที่เขามองเห็นคือฉากเหตุการณ์ที่โหดเหี้ยม ทำให้สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนอย่างฉับพลัน

ตั้งแต่หยางไค่บุกรุกเข้ามายังจวนตระกูลเมียว เขาได้ยินตั้งแต่แรก ในตอนนั้นเขายังอยู่บนเตียงกับสตรีทั้ง 2 ในขณะที่เขาถอดเสื้อจนร่างกายเปลือยเปล่า เขารู้ในทันทีว่าภายนอกเกิดการต่อสู้ขนาดใหญ่ขึ้น เขาจึงสวมใส่เสื้อผ้าของเขาจนเรียบร้อย มิฉันนั้นเขาคงต้องต่อสู้อย่างเปลือยเปล่ากับผู้ทีบุกรุกเข้ามา

เสียงกรีดร้องของทหารยามทำให้จิตใจของเมียวฮวาเฉินตื่นตระหนกอย่างยิ่ง ทำให้เขาติดกระดุมเสื้อของตนเองผิดไปถึง 2 อัน

หลังจากที่สวมใสเสื้อผ้าด้วยความร้อนรน ในขณะที่เพิ่งวิ่งออกมา เขากลับมองเห็นทหารยามตายเกลือนอยู่ลานหน้าบ้านของเขา ไม่มีใครรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว ทุกคนต่างนอนตายอยู่บนพื้นอย่างน่าหวาดกลัว

ตรงหน้าที่ห่างจากเขาประมาณ 10 จ้าง เขามองเห็นชายคนหนึ่งที่สวมใส่เสื้อสีดำ เขากำลังก้าวเข้ามาอย่างช้าๆ พลังลมปราณในร่างกายของเขาหมุนเวียนจนอย่างรุนแรงและแข็งแกร่ง แต่ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในเขตแดนลมปราณหมุนเวียนขั้นสูงสุดเท่านั้น

การค้นพบเช่นนี้ทำให้จิตใจของเมียวฮวาชื่นหวาดกลัวจนมิอาจสงบจิตใจที่ว้าวุ่นได้

เจ้าเป็นใคร ? เมียวฮวาชังกล่าวตะโกนด้วยความเกลียดชังและเกรี้ยวโกรธ เขาจ้องมองหยางไค่อย่างไม่วางตา

ฝ่ายตรงข้ามไม่กล่าวตอบ แต่เขาค่อยๆเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้น

รนหาที่ตาย !! ไฟแห่งความโกรธของเมียวฮวาเฉินพุ่งทะยานจนถึงขีดสุด เขาเริ่มก้าวไปหาหยางไค่ ระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งสองเริ่มเข้าใกล้กันเรื่อยๆ

เมื่อระยะห่างของพวกเขาเหลือเพียง 3 จ้าง เมียวฮวาเฉินได้ชี้นิ้วของเขาออกไปและพุ่งไปยังทิศทางของหยางไค่อย่างฉับพลัน ทันใดนั้นเสียงลมที่แหลมพุ่งออกมา ทำให้เกิดเสียงที่เสียดแก้วหูอย่างรุนแรง

หยางไค่พลิกร่างกายหลบ ทำให้ลมที่แหลมคมพุ่งบาดไหล่ของเขา ทิ้ไว้ซึ่งแผลเล็กๆและโลหิตสีแดงที่ไหลซึมออกมา

เมียวฮวาเฉินตื่นตะลึง เขาไม่คาดคิดว่าระยะทางเพียงเท่านี้ แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับสามารถหลบหนีจากการโจมตีด้วยดรรชนีคลื่นวายุของ เมื่อเป็นเช่นนี้เขาไม่ได้ตื่นตระหนก แต่ยังหัวเราะอย่างร้ายกาจ และโจมตีด้วยดรรชนีคลื่นวายุไปที่หยางไค่อีกครั้ง

การโจมตีเช่นนี้ไม่ใช่เคล็ดวิชาแห่งการต่อสู้ในระดับสูง แต่มันได้เปรียบในด้านของความเร็ว และยังสูญเสียพลังลมปราณค่อนข้างน้อย ทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถเผชิญหน้าโจมตีเขาได้

เมื่อดรรชนีคลื่นวายุโจมตีออกไป เงาร่างของหยางไคได้หายไป หลังจากนั้น เมียวฮวาเฉินรู้สึกถึงความร้อนลุ่มที่มาจากด้านหลังของเขา

บ้าเอ้ย !! แม้ว่าเมียวฮวาเฉินจะตกใจกับความรวดเร็วและความว่องไวในการเคลื่อนไหวของหยางไค่ แต่ไม่ว่าอย่างไรเมียวฮวาเฉินก็เป็นผู้ฝึกยุทธุ์ที่อยู่ในเขตแดนผสานลมปราณ การโจมตีของเขาย่อมซ่อนบางสิ่งบางอย่างที่ลึกลับไว้ภายใน

และไม่รู้ว่าเขาใช้ทักษะในการเคลื่อนไหวเช่นไร เขายื่นมืออกมาและพุ่งฝ่ามืออกไปหลายครั้ง ทำให้การโจมตีของหยางไค่โจมตีไปยังห้วงอากาศที่เปลี่ยวเปล่าโดยไม่สามารถทำอันตรายต่อเมียวฮวาเฉินแม้แต่น้อย

เมียวฮวาเฉินพลิกตัวกระโดดขึ้นสู่กลางอากาศ ฝ่ามือทั้งสองพุ่งออกไปพร้อมัน พลังลมปราณเคลื่อนไหวจนถึงขีดสด ปากของเขายังกล่าวตะโกนอย่างรุนแรง : ฝ่ามือวายุสังหาร !!

เสียงลมวายุที่โหยหวนดังขึ้น สองมือของเมียวฮวาเฉินเริงร่าจนกลายเป็นเงาลวงตัว ลมวายุที่คมกริบดังกระบี่ที่แหลมคมซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าลอยพุ่งโจมตีไปยังทิศทางของหยางไค่อย่างไม่หยุด

แม้ว่าหยางไค่จะมองไม่เห็นการโจมตีนี้ด้วยสายตา แต่ความรู้สึกและการสัมผัสของหยางไค่ตอบสนองอย่างว่องไว เขาสามารถรับรู้ถึงวิถีและการเคลื่อนไหวของลมวายุที่เปรียบเสมือนกระบี่ที่แหลมคมได้อย่างชัดเจน

ร่างกายของเขาประกายไปมา เขากำลังหลบการโจมตีของเมียวฮวาเฉินอย่างรวดเร็ว

ซวบ ซวบ ซวบ !! ลมวายุพุ่งออกไปอย่างไม่หยุด มันเฉือนผ่านเสื้อผ้าของหยางไค่และกระทบไปที่พื้นดิน ทำให้พื้นดินเกิดเป็นรอยแตกขนาดใหญ่จำนวนมาก แต่หยางไค่ไม่ได้รับอันตรายแม้แต่น้อย เพียงแค่เสื้อผ้าสีดำของเขาถูกเฉือนขาดเป็นบางส่วนเท่านั้น

เมียวฮวาเฉินยิ้มกว้างด้วยความสะใจ เขาเพิ่มความเร็วในการโจมตีและกล่าวตะโกนดั่งผู้ชนะ : ข้าจะดูว่าเจ้าจะหลบหนีได้นานแค่ไหน !!

ลมวายุที่คมกริบดั่งกระบี่ที่แหลมคมพุ่งโจมตีออกไปในทิศทางต่างๆอย่างพร้อมเพรียงกัน มันได้ปิดกั้นหนทางในการหลบหนีของหยางไค่จนหมดสิ้น

สีหน้าของหยางไค่เย็นเยือกในทันที เขาไม่ทำในสิ่งที่ไร้ประโยชน์อีก พลังลมปราณของเขาโหมกระหน่ำขึ้นอย่างกะทันหัน ร่างกายของเขาเปล่งประกายเปลวเพลิงดั่งสุริยันทีสว่างจ้า สองมือของเขายื่นออกมาและกำลังเตรียมขย้ำฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่ปราณี

เสียงอึมครึมดังขึ้น และยังมีเสียงของลมวายุที่แหลมคม พุ่งเข้าสู่ร่างกายของหยางไค่ ไม่ว่าจะเป็นลำคอ ต้นขา ล้วนมีบาแผลของการถูกเฉือน โลหิตของเขาไหลนองออกมา ก่อให้เกิดเป็นฉากเหตุการณ์ที่น่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เมียวฮวาเฉินตื่นตะลึง เพราะการโจมตีของฝ่ามือวายุสังหารที่แข็งแกร่งไม่สามารถปลิดชีวิตฝ่ายตรงข้ามได้ มันทำให้เขาผิวหนังของเขาถลอกทำให้เขาได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

พลังลมปราณของเขาต้องมีอำนาจพลังแค่ไหน และมันต้องบริสุทธุ์มากเพียงใด ถึงสามารถป้องกันการโจมตีของผู้ฝึกยุทธุ์ที่อยู่ในเขตแดนผสานลมปราณขั้นสูงสุด

เมื่อเห็นหยางไค่ตกอยู่ในสภาวะที่เสียเปรียบ มารปฐพีเกรี้ยวโกรธเขาหัวเราะด้วยความแค้นและกำลังพุ่งไปช่วยเหลือหยางไค่ แต่ถูกหยางไค่ห้ามปรามและปฏิเสธ

การต่อสู้ในครั้งนี้ เขาต้องชำระแค้นด้วยตัวของเขาเอง !!

ไม่เพียงแต่ต้องการตรวจสอบความสามารถของตนเองในปัจจุบัน แต่เขายังต้องการอาศัยโอกาสในครั้งนี้บรรลุเขตแดนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น หากได้รับความช่วยเหลือจากมารปฐพี การปลิดชีวิตเมียวฮวาเฉินจะเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งขึ้น แต่มันจะขัดต่อเส้นทางการต่อสู้และการก้าวข้ามเขตแดนของเขาเอง

เมื่อสัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นของหยางไค่ มารปฐพีจึงกล่าวตักเตือนให้เขาระวังตัว เขาไมได้แทรกแซงการต่อสู้ของหยางไค่ แต่หลบซ่อนตัวอยู่ในเข็มสลายวิญญาณเพื่อช่วยเหลือหยางไค่ในยามคับขัน

จนถึงตอนนี้ เมียวฮวาเฉินจึงมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของหยางไค่ มันเป็นใบหน้าของเด็กหนุ่มที่มีอายุประมาณ 15-16 ปี ความอดทน, ความบ้าคลั่ง, ความบ้า, ความกระหายเลือด, ความสงบ, ทุกอารมณ์ความรู้สึกต่างรวมผสานกันอยางกลมกลืน แต่ในขณะเดียวกันมันกลับขัดแย้งกัน ซึ่งให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาดและความว้าวุ่นในเวลาเดียวกัน

เมียวฮวาเฉินขมวดคิ้วและกล่าวออกมา : เจ้าเด็กหนุ่ม เราเคยพบกันที่ไหนมาก่อนหรือไม่ เขารู้สึกว่าใบหน้าของเด็กหนุ่มคุ้นชินอย่างยิ่ง แต่เขาจำไมได้ว่าเขาเคยเห็นมันที่ไหน

หลายเดือนก่อน ในขณะที่หยางไค่พบเจอกับเมียวฮวาเฉิน เขาเป็นเพียงขอทานน้อยคนหนึ่ง ใบหน้าเต็มไปสิ่งสกปรก เมียวฮวาเฉินจะคิดว่าขทานน้อยที่สกปรกโสโครกจะเป็นหยางไค่ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งมารปีศาจที่แข็งแกร่งและชั่วร้ายในตอนนี้ได้อย่างไร ?

เขาไมได้รับคำตอบใดๆ ราวกับว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นใบ้

ไอเด็กน้อย เจ้ากล้าเหิมเกริมในจวนของข้า รนหายที่ตายเอง !! เมียวฮวาเฉินไม่สนใจหยางไค่อีกต่อไป เขาเปิดใช้ท่าร่างแห่งการเคลื่อนไหวของเขาและพุ่งเข้าสู่หยางไค่ โดยฝ่ามือทั้งสองพุ่งไปด้านหน้าอย่างรุนแรง

หยางไค่ยังคงใช้ท่าร่างแห่งการเคลื่อนไหวของเขา เขาโจมตีด้วยฝ่ามือสลับกับกับหมัดของเขา โดยต่อสู้กับเมียวฮวาเฉินอย่างไม่หยุด

ช่องว่างแห่งเขตแดนที่แตกต่างกันอย่างมาก ทำให้หยางไค่ถูกโจมตีด้วยฝ่ามือวายสังหารของเมียวฮวาเฉิน เขาทำได้เพียงป้องกันการโจมตี โดยไม่สามารถโจมตีเมียวฮวาเฉินแต่เมียวฮวาเฉินเริ่มโจมตีอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยที่เขาเป็นฝ่ายไดเปรียบ ปากของเขายังแสะยิ้มด้วยความเย้ยหยันอย่างน่ารังเกียจ

แต่หยางไค่ไมไม่รู้สึกตื่นตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้ว่าการต่อสู้กับผู้ฝึกยุทธุ์ที่อยู่ในเขตแดนผสานลมปราณขั้นสูงสุดจะทำให้เขาเป็นผู้เสียเปรียบ และอาจทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจนถึงแก่ความตาย แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้หยางไค่ยังอดทนอย่างมุ่งมั่นโดยยังไม่เปิดใช้เคล็ดวิชาความอดทนที่ไร้พ่ายของกระดูกทองคำ

เขาต้องการสัมผัสช่องว่างระหว่างความเป็นความตายที่ห่างเหินกันเพียงเล็กน้อย ต้องการสัมผัสถึงพลังความแข็งแกร่งของตนเอง เพื่อผลักดันให้ตนเองบรรลุเขตแดนที่สูงขึ้นและก้าวข้ามไปยังเขตแดนที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

การกระทำเช่นนี้ไม่ใช่ทางเลือกที่ชาญฉลาด แต่มันเป็นการเดิมพันด้วยชีวิตของเขา การกระทำของหยางไค่ สามารถอธิบายจากเหตุการณ์ที่เดินบนลวดหนามในเทือกเขาที่สูงเสียดฟ้า ทำให้จิตใจของมารปฐพีรู้สึกวิตกกังวล จนความหวาดกลัวเริ่มครอบคลุมจิตใจของเขา

ร่างกายของเขาได้รับบาดแผลที่เพิ่มมากขึ้น แต่พลังลมปราณในร่างกายกลับหมุนเวียนและแพร่กระจายออกมาอย่างรุนแรงและแข็งแกร่งมากขึ้น ความร้อนที่แพร่ซ่านออกมาจากกระดูกเริ่มแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าไม่สามารถระงับพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ในกระดูกทองคำ ทำให้ตนเองต้องระเบิดมันออกมาในทันที

แต่หยางไค่ยังคงระงับและปราบปรามมันอย่างสุดกำลัง เขาต้องการใช้ความแข็งแกร่งในเขตแดนลมปราณหมุนเวียนขั้นสูงสุดในการต่อสู้กับเมียวฮวาเฉิน

เมียวฮวาเฉินมีอายุไม่น้อยการฝึกฝนและประสบการณ์ในการชีวิตของเขาก็ไม่น้อยเช่นเดียวกัน เขาพลิกร่างกายไปมาและใช้กระบวนท่าอื่นๆในการโจมตีเพื่อต้องการฆ่าหยางไค่ แม้ว่าจะโจมตีจนหยางไคได้รับบาดเจ็บ แต่ฝ่ายตรงข้ามยังมีชีวิตและยังคงแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อเวลาผ่านไป เมียวฮวาเฉินเริ่มรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ปกติเกิดขึ้น

เด็กหนุ่มที่บ้าคลั่งราวกับมารปีศาจ พลังลมปราณที่แพร่ซ่านออกมาอย่างวุ่นวายเริ่มเข้าสู่ความปกติ นอกจากนั้นเขายังไม่ได้ตอบโต้เขาเป็นเวลานาน แต่มันกลับให้ความรู้สึกที่ยากต่อการรับมือ คลื่นพลังของเขาแปรเปลี่ยนอย่างกะทันหัน ทำให้ประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างยิ่ง

มุมปากของหยางไค่แสะยิ้มออกมา เขารู้สึกว่าตนเองกำลังสัมผัสได้ถึงขีดจำกัดสูงสุดของตนเอง ทำใหเขาพุ่งความสนใจไปยังความรู้สึกที่เกิดขึ้นในขณะที่ตนเองกำลังจะเผชิญหน้ากับความตาย

การป้องกันของเขาค่อยๆแปรเปลี่ยนราวกับว่าบางสิ่งบางอย่างที่หนักอึ้งที่เขาแบกเอาไว้ตลอดซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าได้อันตราธานหายไปแม้แต่ท่าร่างแห่งการเคลื่อนไหวที่เขาสร้างขึ้นเอง ยังสามารถใช้งานได้อย่างอิสระมากกว่าเดิม จากการป้องกันที่แปรเปลี่ยนผสานกับการความรวดเร็วในการเคลื่อนไหว ทำให้การป้องกันแปรเปลี่ยนเป็นการโจมตีที่รุนแรงอย่างฉับพลัน

หลังจากที่ต่อสู้ไปอีกสักพัก ความรู้สึกแห่งการรับรู้ของหยางไค่หยั่งลึกเข้าไปอีก เขาเข้าใจการไหลเวียนของพลังลมปราณที่อยู่ภายในร่างกายว่ามีวิถีและความเป็นไปเช่นไร ไม่ว่าจะเป็นพลังที่ตามมาหลังจากการออกหมัดและเตะเท้าและร่องรอยการต่อสู้ระหว่างเขาและฝ่ายตรงข้ามแม้แต่สภาพแวดล้อมต่างๆที่อยู่การต่อสู้แห่งนี้เขายังสามารถสัมผัสมันได้อย่างชัดเจน

เงาจันทราสังหาร!! เมียวฮวาเฉินตะโกนด้วยความเกรี้ยวโกรธ ในที่สุดเขาได้ใช้เคล็ดวิชาแห่งการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา รอบบริเวณทั้ง 4 ทิศปรากฏร่างเงาของเมียวฮวาเฉินหลาย 10 คน ราวกับว่าเขาเป็นคนเดียวกัน ทันใดนั้นเมียวฮวาเฉินยกกำปั้นขึ้นสูง เขายิ้มอย่างเหี้ยมโหดและพุ่งหมัดโจมตีไปที่หยางไค่

มันเป็นท่าไม้ตายแห่งการต่อสู้ของเขา ภาพลวงตาแห่งเงาจันทราสังหารปรากฏออกมาถึง 10 คน มันกลายเป็นภาพลวงตาที่เสมือนจริง เรื่องราวเสมือนจริงที่เป็นภาพลวงตา แม้แต่ผู้ฝึกยุทธุ์ที่อยู่ในเขตแดนเดียวกันก็มิอาจแยกแยกระหว่างตัวตนที่แท้จริงหรือเงาลวงตาในวันนี้เพื่อเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มที่อยู่ในเขตแดนลมปราณหมุนเวียนเขาต้องเปิดใช้งานมัน เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาเกรี้ยวโกรธจนถึงขีดสุดและหมดความอดทนต่อการกระทำของหยางไค่

แต่ เรื่องนี้น่าจะจบลง เมื่อเงาจันทราสังหาร ถูกเปิดใช้งาน เด็กหนุ่มผู้นี้ต้องตายสถานเดียว ! เมียวฮวาเฉินมั่นใจกับการโจมตีที่แข็งแกร่งของตนเองอย่างยิ่ง

แต่สีหน้าของหยางไค่ยังแสดงออกอย่างเงียบสงบ เขาจ้องมองไปยังเงาร่างที่ล้อมรอบเขาเอาไว้ ทันใดนั้นสายตาที่พร่ามัวและสับสนได้ประกายความสว่างในทันที

ระงับจิตใจของตนเอง ผ่านเส้นทางที่แตกต่าง ไม่ว่าจะดีหรือชั่วร้าย เพียงยึดมั่นในจิตใจและความเชื่อมั่นของตนเอง มันเป็นหนทางแห่งการฝึกยุทธุ์ของเขา !!

พลังลมปราณที่อ่อนแอลงเริ่มระเบิดออกมาอย่างฉับพลัน การระเบิดออกมาในครั้งนี้ทำให้พลังลมปราณของเขาพุ่งทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดอย่างบ้าคลั่ง ในครั้งนี้ พลังลมปราณของเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมหลายสิบเท่า ราวกับพลังอำนาจแห่งเทือกเขาหิมะที่ดุดัน มันแข็งแกร่งจนเมียวฮวาเฉินสัมผัสได้ถึงความโหดเหี้ยมในกลิ่นอายแห่งพลังลมปราณของหยางไค่จนสีหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน

เข้ากำลังเดินเข้าสู่เส้นทางแห่งมารปีศาจ ?

นอกจากนั้น เขายังบรรลุขอบเขตแห่งความแข็งแกร่งและก้าวสู่เขตแดนผสานลมปราณต่อหน้าต่อตาเขา !!

ในขณะที่หยางไค่ก้าวข้ามเขตแดน เขาได้เปิดใช้งานเคล็ดวิชาความอดทนที่ไร้พ่าย

ความแข็งแกร่งที่เพิ่งก้าวเข้าสู่เขตแดนผสานลมปราณเริ่มแรก แต่พลังอำนาจของเขาได้พุ่งทะยานขึ้นสู่เขตแดนผสานลมปราณขั้นสูงสุด !!

เขาอยู่ในเขตแดนเดียวกันกับเมียวฮวาเฉิน

หมัดแรกที่เขาพุ่งออกไป พลังลมปราณหยางพุ่งออกไปอย่างรุนแรงเช่นเดียวกัน เงาร่างที่อยู่รอบทั้ง 4 ทิศของเมียวฮวาเฉิน ราวกับกระจกที่ถูกที่ถูกทำลายจนแตกเป็นเสี่ยงๆ ในพริบตา

เสียงแห่งความเจ็บปวดดังขึ้น เมียวฮวาเฉินพ่นโลหิตสีแดงสดออกมา ร่างกายยังกระเด็นลอยออก

ความแข็งแกร่งในระดับเขตแดนเดียวกัน ปะทะซึ่งกันและกัน แต่เมียวฮวาเฉินกลับถูกหยางไค่ปรามปรามภายในหมัดเดียวของเขา !!

เมียวฮวาเฉินพยายามลุกขึ้น เขาจ้องมองไปที่หยางไค่ด้วยความตื่นตกใจ เขามองเห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความโกรธเคืองที่บ้าคลั่ง แต่การกระทำของเขายังคงสงบนิ่งแต่สายตา

ประกายด้วยความโหดเหี้ยมและความกระหายเลือด ทันใดนั้นร่างกายของเขาได้ประกายมายังตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว

เจ้าเป็นใคร ข้ามีความแค้นอะไรกับเจ้า ? ความตื่นตกใจหายไปมันถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัวอย่างสุดขีด เมียวฮวาเฉินทราบดีว่าเขาไม่สามารถเอาชนะเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ในตอนนี้เขาทราบเหตุผลที่เด็กหนุ่มเข้ามาสร้างหายนะสำหรับเขาเพียงเท่านี้

แต่ยังไร้ซึ่งคำตอบ!

จิตใจของเมียวฮวาเฉินอัดอั้นด้วยความขมขื่นและความหวาดกลัวอย่างสุดขีด เขากล่าวตะโกนอย่างเสียงดัง : อย่าฆ่าข้าเลย บุตรชายของข้า เมียวหลิงเป็นศิษย์ของสำนักหยุนเซี่ย ผู้อาวุโสให้ความสำคัญกับเขาอย่างมาก หากเจ้าฆ่าข้า ปัญหาความเดือดร้อนจะตามเจ้าไป แล้วเจ้าจะเสียใจกับการกระทำของเจ้า !!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด