ตอนที่ 200 โจมตีตระกูลเมียว
ตอนที่ 200 โจมตีตระกูลเมียว
โดยเฉพาะในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เมียวฮวาเฉินเริ่มมีชื่อเสียงในเมืองไห่เฉิน ทำให้เขาได้รับผลประโยชน์ต่างๆที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในช่วงแรกเป็นเพราะตระกูลเจียงได้ขนทรัพย์สินที่มีค่ามากมายเข้ามายังตระกูลของพวกเขา ทำให้ทรัพย์สินของตระกูลเมียวเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในชั่วข้ามคืน หลังจากนั้นเขายังได้นำกระดองเต่ามอบให้แก่สำนักหยุนเซี่ย ผู้อาวุโสแห่งสำนักหยุนเซี่ยรับปากและสัญญาว่าจะดูแลบุตรชายของเขาอย่างดี และยังมอบโอสพวิเศษในการบ่มเพาะพลังให้แก่เขาอีกด้วย
เมื่ออนาคตของบุตรชายของเขามีความมั่นคง เมียวฮวาเฉินจึงรู้สึกภูมิใจและดีใจอย่างยิ่ง แม้แต่การสืบหาเกาะซ่อนเร้นที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ สำนักหยุนเซี่ยยังพาบุตรชายของเขาไปด้วย เห็นได้ชัดเจนว่าสำนักหยุนเซี่ยทำตามคำสัญญาอย่างเคร่งครัด
ในอนาคตนางต้องแต่งสตรีที่ชื่อว่ายู่เอ้าชิงเป็นภรรยาของเขา เมื่อบุตรชายของเขาประสบความสำเร็จ เมียวฮวาหลินจะรู้สึกว่าตนเองก็ประสบความสำเร็จและอยู่ในระดับที่สูงขึ้นเช่นเดียวกัน เพราะเขาสืบเรื่องราวทั้งหมดจนพบว่า ยู่เอ้าชิงเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของผู้อาวุโสผู้หนึ่งในสำนักหยุนเซี่ย หากบุตรชายของเขาสามารถแต่งนางให้เป็นภรรยาของตนเอง ในอนาคตตระกูลเมียวของเขาจะเจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างยิ่ง
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกเสียดาย คืฮู่หญิงตระกูลเจียงที่ต่อต้านเขาอย่างรุนแรง ทำให้เขาไม่สามารถกักขังและได้ตัวของนาง เมื่อคิดถึงร่างกายอวบอั๋นที่ขาวบริสุทธุ์ ใบหน้าที่ดงาม ทำให้เขารู้สึกผิดหวังอย่างยิ่ง หากว่าในตอนนั้นเขาไม่โกรธเคืองอย่างสุดขีด ไม่มีทางที่เขาจะขายนางให้แก่หอนางโลมเชียนจิง เขาต้องขังนางเอาไว้ และรอจนกว่านางจะยินยอมมอบกายให้แก่เขา และกลายมาเป็นของเล่นทางร่างกายของเขาในที่สุด
สตรี .เมื่อได้ขึ้นเตียงจะทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้นางมีความสุข เมื่อนางมีความสุขกับเรื่องบนเตียง นางจะโหยหามันตลอดเวลา และไม่มีทางที่นางจะหนีจากเขาไปอีก
หลังจากนั้นเมื่อเมียวฮวาเฉินเดินทางไปหาความสุขที่หอนางโลมเชียนจิง นางได้ยินมาจากแม่เล้าว่าฮู่หญิงเจียงได้กรีดหน้าของตัวเองจนเสียโฉม จนนางมิอาจที่จะต้อนรับแขก จึงต้องขายให้แก่สำนักหยุนเซี่ยอย่างช่วยไม่ได้
ฮึ่ม เมื่อตกไปยังสำนักหยุนเซี่ย ชะตากรรมของนางก็ต้องจบลง เมียวฮวาเฉินหัวเราะอย่างเยือกเย็น เขาไม่สามารถที่จะไม่ชื่นชมการต่อต้านที่แข็งแกร่งของนาง แต่ไม่ว่าอย่างไรนี้ก็คือชะตากรรมที่นางได้รับ
เมื่อเขาดื่มเหล้าเข้าไป 1 จอก เมียวฮวาเฉินหัวเราะอย่างเสียงดัง มือข้างหนึ่งของเขาโอบกอดสตรีที่มีรูปร่างเย้ายวนและเพลิดเพลินไปกับร่างกายที่หอมหวานของนางอย่างมีความสุข
ซ้ายขวาของเขามีสตรีที่มีหน้าตาและเรือนร่างที่งดงาม สตรีทั้งสองล้วนเป็นสตรีทีซื้อมาจากหอนางโลมเชียนจิง สตรีทั้งสองมีเสน่ห์ที่เย้ายวนใจและมีมารยาของสตรีที่น่าหลงใหล หลายวันที่ผ่านมาเขาใช้ชีวิตอยู่บนเตียงและร่วมรักกับพวกนางทั้งสองตลอดมา
แม้แต่ในตอนนี้ พวกเขาทั้ง 3 กำลังนั่งอยู่บนเตียง บนเตียงมีโต๊ะเล็กๆโต๊ะหนึ่ง บนโต๊ะมีอาหารที่ทำมาอย่างประณีต เมียวฮวาเฉินยังสวมใส่ชุดนอนที่ปิดมิด แต่ร่างกายของสตรีทั้งสองเปลื่อยเปล่า พวกนางทั้งสองสวมเพียงผ้าฝ้ายบางๆที่ปกคุลมส่วนสำคัญของร่างกายเอาไว้ ผิวที่อ่อนนุ่มรับกับเอวบางที่โค้งมน ขาที่เรียวยาว หน้าอกที่อวบอึมอย่างเต่งตึง และก้นกลมกลึงที่เร้าอารมณ์
ดื่มเหล้าหาความสุข ในบางครั้งเมียวฮวาเฉินจะสัมผัสร่างกายของหญิงสาว ดวงตาเริ่มเข้าสู่ความความพร่มัว อารมรณ์แห่งความไคร่เริ่มตื่นตัวอีกครั้ง
เอาโต๊ะลงไปข้างล่าง ข้าจะสอนท่าร่วมรักใหม่ให้พวกเจ้า !! เมียวฮวาเฉินโลกมือและกล่าวด้วยความมึนเมา
สตรีทั้งสองลุกขึ้นนำโต๊ะลงจากเตียงและหัวเราะคิกคักด้วยความคื่นเต้น
ฮ่าฮ่า มานี่ !! ฮวาเฉินกวัดมือพวกนางด้วยเสียงหัวเราะ เมื่อพวกนางเดินไปถึงเตียง เขาได้ดึงสตรีทั้งสองไปยังอ้อมอกของเขาอย่างรุนแรง
เพียง 2-3 ลมหายใจ เสื้อผ้าที่เบาบางของหญิงสาวทั้งสองถูกปลดเปลื้องจนหมด
เมียวฮวาเฉินวางพวกนางทั้งสองไว้บนตนเอง เขากำลังถอดเสื้อผ้าของตนเองและโยนมันออกไป ราวกับสุนัขหิวโหยที่กำลังจะพุ่งเข้าสู่เหยื่ออันโอชะของตนเอง ในขณะที่เขากำลังจะขย้ำร่างกายของหญิงสาวทั้งสอง ประตูด้านนอกกลับมีกรีดร้องที่โหยหวนสั้นๆดังขั้น
เสียงกรีดร้องนี้ทำให้หัวใจของเมียวฮวาเฉินตกอยู่ในความเยือกเย็น ทำให้เขากระโดดลงจากเตียงในทันที
เขาได้ยินเสียงตะโกนที่เกรี้ยวโกรธจากประตูด้านนอก : เด็กหนุ่มที่ไหน ถึงกล้าหาญชาญชัยบุกรุกจวนของตระกูลเมียว !!
สิ้นเสียงตะโกน ทหารยามที่อยู่ด้านนอกทั้ง 4 เริ่มมีการเคลื่อนไหว พวกเขาตะโกนอย่างดุดันและเริ่มต่อสู้ขึ้นอย่างดุดัน ฮวาเมียวเฉินไม่รีบร้อนที่จะออกไป แต่เขาตั้งใจฟังสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแน่วแน่ แต่หลังจากนั้น สีหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน เขาพบว่าผู้บุกรุกมีแข็งแกร่งมาก ทหารยามในจวนของเขาถูกฆ่าทีละคนทีละคนอย่างง่ายดาย
ร่างกายของหยางไค่สวมใส่เสื้อผ้าสีดำ เขาเดินเข้าไปยังประตูจวนของตระกูลเมียว โดยในมือของเขามีเพียงมีดสั้นเล่มหนึ่ง แสงประกายแห่งมีดสั้นส่องสว่างราวกับว่ามันมาเพื่อปลิดชีวิตคนแห่งตระกูลเมียว !!
ผู้ฝึกยุทธุ์เช่นนี้ที่รับหน้าที่เป็นทหารยามให้แก่จวนเล็กๆไม่ใช่ศิษย์สาวกแห่งสำนักหรือนิกายที่ยิ่งใหญ่ ผู้ดูแลรักษาความปลอดภัยที่ทำงานให้แก่พวกเขา ล้วนเป็นศิษย์สาวกที่ไร้ซึ่งอนาคต พวกเขาละทิ้งการฝึกยุทธุ์ และเดินทางกลับมายังบ้านเกิดของพวกเขาและหาเลี้ยงชีพตนเองอย่างง่ายดายเท่านั้น
ครอบครัวตระกูลเมียวมิใช่ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ ทหารยามที่ถูกตระกูลเมียวเรียกใช้งาน จึงเป็นผู้ฝึกยุทธุ์ที่อ่อนแออย่างถึงที่สุด
หลายวันก่อน หยางไค่ได้สอบถามและสืบหาทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเมียวจนเข้าใจอย่างแจ่มชัด ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลเมียว ก็คือเมียวฮวาเฉิน เขาอยู่ในเขตแดนผสานลมปราณขั้นสูงสุด และยังมีผู้ดูแลที่อยู่ในเขตแดนผสานลมปราณ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ดูแลที่อยู่ในเขตแดนลมปราณหมุนเวียนเท่านั้น
คนเหล่านี้อยู่ในเกณฑ์การฝึกยุทธ์ทั่วไป พวกเขาฝึกฝนวิชายุทธุ์มากกว่า 20 -30 ปี ก็ยังอยู่ในเขตแดนเพียงเท่านี้ การที่พวกเขาถูกเมียวฮวาเฉินเรียกใช้งานให้เป็นผู้ดูแลจวนตระกูลเมียว เพราะเมียวฮวาเฉินต้องการเสริมอำนาจบารมีและศักดิ์ศรีของเขา
ในขณะที่หยางไค่บุกรุกเข้าม เขาถูกพบเจอโดยทหารยามเหล่านี้ พวกเขาทั้งสองฝ่ายได้ปะทะและเข้าสู่การต่อสู้ แต่เพียงไม่กี่ลมหายใจ ทหารยามเหล่านั้นกลับต้องสังเวยชีวิตให้แห่หยางไค่เป็นจำนวนมาก
แม้ว่าความแข็งแกร่งของหยางไค่จะอยู่ในเขตแดนลมปราณหมุนเวียนขั้นที่ 9 แต่เขตแดนเพียงเท่านี้ของเขากลับสูงกว่าทหารยามที่ดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่ตระกูลเมียวเป็นจำนวนมาก ในขณะที่หยางไค่เกรี้ยวโกรธ ลมปราณในร่างกายจะระเบิดออกมาอย่างรุนแรง กลิ่นอายแห่งลมปราณเต็มไปด้วยเจตนาแห่งการฆ่าที่โหดเหี้ยม มันกดทับกลิ่นอายลมปราณของคนอื่นๆจนหมดสิ้น เมื่อจ้องมองหยางไค่ ราวกับว่าหยางไค่เป็นมารตนหนึ่งที่น่าหวาดกลัว ในค่ำคืนที่มืดมิดร่างกายที่ห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้าสีดำ ดวงตาแดงก่ำและยังประกายด้วยความโหดเหี้ยมอย่างน่าหวาดกลัว
กลิ่นอายลมปราณที่ชั่วร้ายดั่งมารปีศาจเช่นนี้ ทำให้ทหายามแห่งตระกูลเมียวหลายคนหวาดกลัวจนร่างกายสั่นเทาด้วยความหนาวเหน็บ
การเผชิญหน้ากับสำนักหยุนเซี่ย หยางไค่ต้องหยิบยืมความช่วยเหลือจากเกาะเมฆาบรรพกาลอย่างช่วยไม่ได้ แต่การเผชิญหน้ากับตระกูลเมียว หยางไค่ต้องการลงมือเอง ความแค้นต้องชำระด้วยมือของตนเอง จึงจะถือว่าแค้นที่อัดอั้นอยูในใจได้ถูกชำระสะสางจนหมดสิ้น
เจ้าเด็กน้อย เจ้าเป็นใครกันแน่ ดูเหมือนเจ้าอายุยังน้อยแต่มีความแข็งแกร่งที่สูงส่งเช่นนี้ เจ้าเป็นศิษย์สาวกของสำนักใด ? ทหารยามแห่งเขตแดนผสานลมปราณคนหนึ่งกล่าวถาม
อายุเพียงเท่านี้ แต่เขาอยู่ในเขตแดนลมปราณหมุนเวียนขั้นสูงสุด (ขั้นที่ 9) นอกเสียจากศิษย์สาวกแห่งเกาะที่อยู่ในท้องทะเลอันไกลพ้น ในเมืองไห่เฉินไม่มีครอบครัวใดที่จะสามารถสร้างคนที่แข็งแกร่งอย่างเขาออกมาได้ จากการศึกษาของทหารยามผู้นี้ ศิษย์สาวกแห่งเกาะที่อยู่ในท้องทะเลอันไกลพ้นไม่ว่าจะเป็นสำนักใดหรือนิกายใดก็ไม่ใช่สิ่งที่ครอบครัวตระกูลเมียวจะสามารถแตะต้องหรือสร้างความบาดหมางให้แก่พวกเขาได้
หากเขาฆ่าเด็กหนุ่มผู้นี้ สร้างปัญหาที่ไม่ควรสร้าง เรื่องราวจะเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงและความวุ่นวาย แม้ว่าเขาจะรับเงินทองของตระกูลเมียว ทำงานให้แก่ครอบครัวตระกูลเมียว แต่เขาก็ไม่อยากให้ความเดือกร้อนพาลเข้าสู่ตนเอง
แต่ในตอนนี้มันเต็มไปด้วยความประหลาด ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาจนถึงตอนนี้ เขาไม่กล่าวพูดสิ่งใดแม้แต่น้อย เขาฆ่าทุกคนที่พบเจอ ทำให้พวกเขาเกรี้ยวโกรธอย่างยิ่ง ในเมือเขามีความแค้นทีทุกข์ทรมาณเขาก็ต้องกล่าวออกมา แม้ว่าเขาจะเข้ามาจวนแห่งตระกูลเมียวเพื่อฆ่าคนแห่งตระกูลเมียว มันก็ต้องมีเหตุผลให้พวกเขาใช่ไหม ?
เจ้าเด็กหนุ่ม ข้าถามว่าเจ้ามาจากที่ใด ? เจ้ากล่าวบอกแก่พวกเราได้ไหม ? ทหารยามผู้นี้เริ่มกล่าวด้วยความระมัดระวังยิ่งขึ้น
สีหน้าของหยางไค่เฉยชาอย่างไม่แยแส ในมือของเขาถือมีดที่เปื้อนโลหิตเอาไว้ และค่อยๆเดินเข้าไปในจวนตระกูลเมียว
เจ้าสารเลว !! การกระทำของหยางไค่กระตุ้นความเกรี้ยวโกรธของทหารยามคนนี้ เขากล่าวตะโกนอย่างรุนแรง : ฆ่ามันซะ !!
หากเขาเป็นศิษย์คนใดคนหนึ่งของเกาะใดเกาะหนึ่งล่ะ ? มีทหารยามผู้หนึ่งกล่าวถามด้วยความลังเล
ร่างกายของเจ้าเด็กคนนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งมารปีศาจ ดูจากสภาพของเขา เขาคงจะถูกธาตุไฟเข้าแทรกจนกลายเป็นมารปีศาจที่บ้าคลั่ง สำนักหรือนิกายในเกาะอันไกลพ้นจะสนใจศิษย์สาวกที่เป็นมารปีศาจได้อย่างไร
คำกล่าวนี้ค่อนข้างมีเหตุผล ตั้งแต่หยางไค่เข้ามาในจวนตระกูลเมียว เขาไม่กล่าวพูดหรือกล่าวตอบคำถาม แต่เขาเดินเขามาและฆ่าทุกคนที่พบเจอ หากไม่ใช่มารปีศาจที่บ้าคลั่งแล้วเขาจะเป็นใครได้ ?
กำจัดมารปีศาจที่ชั่วร้ายเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของทุกคน !!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ทหารยามแห่งจวนตระกูลเมียวไม่ลังเลอีกต่อไป ภายใต้การนำของยอดฝีมือแห่งเขตแดนผสานลมปราณ พวกเขาวิ่งเข้าไปข้างหน้าและเริ่มเปิดการโจมตีแห่งการฆ่าที่ดุดันขึ้น
หยางไค่โบกมือ เงาสีดำทะมึนพุ่งออกไป มีดสั้นที่อยู่ในมือของเขากระพริบไปมา และพุ่งไปยังทหารยามแห่งเขตแดนลมปราณหมุนเวียน
ฝ่ายตรงข้ามพุ่งใช้กระบี่ของตนเองป้องกันตนเองเอาไว้ แต่เขาไม่คิดว่าเมื่อกระบี่และมีดปะทะกัน กระบี่กับหักออกเป็น 2 ท่อน มีดสั้นห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงสีแดง ไม่เพียงแต่ตัดกระบี่ของเขาออกเป็น 2 ท่อน แต่ยังตัดร่างกายของเขาออกเป็น 2 ท่อนอีกด้วย
โลหิตกระเซ่นกระซ่านดั่งหิมะที่ร่วงโรยลงมายังพื้นดิน
ยังมิทันที่ยอดฝีมือแห่งเขตแดนผสานลมปราณที่พุ่งเข้ามาจากซ้ายและขวาจะเข้าใกล้ร่างกายของหยางไค่ เสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความแปลกประหลาดและความน่าหวาดกลัวดังขึ้น เสียงประหลาดที่คล้ายเสียงของภูติผีวิญญาน ทำให้พวกเขาขนหัวลุกและหวาดกลัวอย่างยิ่ง ราวกับว่ามียอดฝีมือที่กำลังสังเกตุการกระทำของพวกเขาอยู่ที่ใดที่หนึ่ง
ความสงสัยที่เกิดขึ้น ทำให้พวกเขาไม่พุ่งโจมตีหยางไค่ เพราะมารปฐพีที่อยู่ในเข็มสลายวิญญานกำลังจะโจมตีพวกเขาจากด้านหน้า
ความมืดในยามค่ำคืน มารปฐพีลงมือย่างเงียบเชียบ แต่เมื่อยอดฝีมือแห่งเขตแดนผสานลมปราณทั้งสองรู้สึกถึงวิกฤติที่กำลังจะมาเยือน พวกเขารีบต่อต้านมันอย่างรวดเร็ว เสียงแห่งการปะทะดังขึ้นอย่างสนั่นหวั่นไหว เมื่อการโจมตีในครั้งแรกไม่สำเร็จ มารปฐพีถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็ว
เข็มสลายวิญญาณได้บินไปยังด้านหน้าของทหารยามที่อยู่ในเขตแดนลมปราณหมุนเวียนขั้นที่ 5 คนหนึ่ง ทันใดนั้น มารปฐพีพุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขา และพุ่งออกไปจากด้านหลัง โดยที่มารปฐพีได้กระชากวิญญานของทหารยามผู้นี้ออกจากร่างกายของเขาไปแล้ว
ในครึ่งซีกขวาของเกาะหยุนเซี่ย มารปฐพีได้กลืนกินกลิ่นอายแห่งมารปีศาจจำนวนมากมาย ในเกาะซ่อนเร้น เขายังได้กลืนกินดวงจิตแห่งความรู้ของยอดฝีมือ ในตอนนี้ความแข็งแกร่งแลความสามารถในการต่อสู้ของมารปฐพีไม่อ่อนแอเหมือนเดิม การฆ่าผู้ฝึกยุทธุ์ที่อยู่ในเขตแดนลมปราณหมุนเวียนเป็นสิ่งที่ง่ายดายสำหรับเขา นอกจากนั้น เขายังซ่อนเร้นอยู่ในเข็มสลายวิญญาณ ซึ่งเป็นสมบัติวิเศษที่สร้างขึ้นโดยจิตวิญญาณของเขา ทำให้พลังความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ในขณะที่มารปฐพีกำลังแสดงอำนาจของตนเอง หยางไค่ได้ฆ่าทหารอีก 2 คนที่อยู่ในเขตแดนลมปราณหมุนเวียน เมื่อทหารยามคนอื่นๆที่อยู่ในเขตแดนลมปราณหมุนเวียนมองเห็นสหายของเขาถูกหยางไค่ฆ่าอย่างโหดเหี้ยม พวกเขาจะกล้าพุ่งโจมตีออกไปได้อย่างไร ? ในเวลานี้เหลือเพียงยอดฝีมือที่อยู่ในเขตแดนผสานลมปราณเพียง 3 พวกเขาเฝ้าระวังหยางไค่ และยังป้องกันการโจมตีจากมารปฐพี มือเขาพวกเขาเปียกชุ่มด้วยเหงื่อเย็นที่ผุดออกมาอย่างต่อเนื่อง
พวกเขาทั้งสามสบตาซึ่งกันและกัน พวกเขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาดและกล่าวตะโกนด้วยความโกรธ : ตายซะเถอะ !!
พวกเขาทั้ง 3 ลงมือพร้อมัน หยางไค่ถือมีดสั้นและเริ่มต่อสู้กับพวกเขา มารปฐพีเริ่มโจมตีกับพวกเขาอย่างดุดัน แม้จะเป็นการต่อสู้ระหว่างหยางไค่มารปฐพีทั้ง 2 คนกับยอดฝีมือแห่งเขตแดนผสานลมปราณทั้ง 3 หยางไค่และมารปฐพีมิได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย พวกเขาทั้งสองโจมตีและโต้อย่างไม่ปราณี
คากฉากๆๆ มีดสั้นของหยางไค่แตกกระจาย หยางไค่ถอยหลังออกมาหลายก้าวหลังจากที่ถูกรุมโจมตีจากพวกเขาทั้ง 3 แต่ทันใดนั้น ร่างกายของหยางไค่กลับประกายและปรากฏอยู่ตรงหน้าของพวกเขา หยางไค่ได้พุ่งหมัดกระแทกไปยังหน้าอกของยอดฝีมือคนหนึ่งอย่างรุนแรง
ปังปังปัง !! .เสียงกระทบร่างกาย 3 ครั้งดังขึ้น โลหิตสีแดงสดพุ่งออกมาจากปากของพวกเขาในทันที
การโจมตีเพียงครั้งเดียว ทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส พลังแห่งหมัดอัคคีเปลวเพลิงช่างมีพลังอำนาจที่แข็งแกร่งยิ่งนัก
หยางไค่ไม่รอให้พวกเขาทั้ง 2 ที่เหลือเข้ามาช่วยเหลือ ทันใดนั้นเขารีบถอยห่างออกไป มารปฐพีโจมตีต่อจากเขา ทำให้พลังลมปราณภายในของเขาเริ่มไหลเวียนอย่างวุ่นวาย ในวินาทีนั้น มารปฐพีพุ่งเข้าสู่ลำคอของเขา มารปฐพีอยู่ภายในร่างกายของเขาเป็นเวลานาน และพุ่งออกมาอีกครั้ง
ฮ่าฮ่าฮ่า !! ในที่สุดข้าก็ได้กลืนกินจิตวิญญานที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ เสียงหัวเราะของมารปฐพีดังออกมา ตามมาด้วยเสียงเคี้ยวที่ดังสนั่น
สีหน้าของทหารยามแห่งเขตแดนผสานลมปราณเริ่มแปรเปลี่ยน ยังมิทันที่พวกเขาจะดึงสติกลับมา หยางไค่ที่อยู่ในระยะห่างกับพวกเขา 10 จ้างได้ปรากฏตรงหน้าของพวกเขาอีกครั้ง
ฝ่ามือที่แดงก่ำราวกับเหล็กที่ถูกชโลมด้วยเปลวเพลิงได้พุ่งปะทะออกไปยังทรวงอกของเขา
พวกเขาทั้งสองตะโกนอย่างประหลาด พลังลมปราณของพวกเขาหมุนเวียน แล่ะพุ่งฝ่ามือขึ้นไปเพื่อตอบโต้การโจมตีในครั้งนี้
ป๊าป ป๊าก
สีหน้าของหยางไค่แปรเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด เขาถอยออกไปอย่างรวดเร็ว สองคนนั้นก็ไม่แตกต่างจากเขา พวกเขารู้สึกว่าฝ่มือของพวกปวดแสบปวดร้อนอย่างรุนแรง นอกจากนั้นยังมีพลังลมปราณที่ดุดันและแข็งแกร่งแทรกซึมเข้าไปยังร่างกายของพวกเขา
พวกเขาไม่กล้ารอช้า เขารีบทำลายพลังลมปราณที่แทรกซึมเข้ามา ลมปราณลูกที่ 1 ถูกทำลาย ลูกที่ 2 ถูกทำลาย
ลมปราณลูกที่ 3 เปรียบดั่งคลื่นทะเลที่ถาโถมเข้ามาอย่างรุนแรง มันพุ่งเข้าสู่เส้นชีพจรของพวกเขา ทำให้แขนของพวกเขาระเบิดโลหิตจำนวนมากมายออกมาอย่างรุนแรง
เสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น หยางไค่ที่ถอยหนีออกไป ได้กลับมาอีกครั้งด้วยท่าร่างแห่งการเคลื่อนไหวที่เขาสร้างมันขึ้นเอง ร่างกายของเขาประกายและปรากฏตัวอยู่ตรงด้านหลังขอพวกเขาทั้งสอง ก่อนจะพุ่งหมัดโจมตีออกไปอย่างดุดัน
ปัง ปัง ปัง !
ราวกับว่าร่างกายของพวกเขาทั้งสองเป็นดั่งกระดาษที่เบาบาง หลังจากที่พวกเขาถูกโจมตีด้วยหมัดอัคคีผลาญเปลวเพลิงอยู่หลายครั้งจึงรีบหลบการโจมตีของหยางไค่อย่างเร่งด่าวน แต่พลังลมปราณของหยางไค่ได้แทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของพวกเขาทั้งสอง
ใบหน้าของพวกเขาทั้ง 2 ค่อนข้างแดงก่ำ พวกเขาใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถในการทำลายพลังลมปราณที่ร้อนระอุเช่นนี้
มารปฐพีพุ่งโจมตีเข้าไปอีกครั้ง การโจมตีที่แปลกประหลาดและลึกลับ ทำให้จิตวิญญานของพวกเขาทั้ง 2 ถูกกระฉากออกไปและตายในทันที !!