ตอนที่ 198 ทำลายสำนักหยุนเซี่ย
ตอนที่ 198 ทำลายสำนักหยุนเซี่ย
เสียงของสตรีนั้นแหลมคมเป็นทุนเดิมเสียงนั้นยังเต็มไปด้วยพลังแห่งการกรีดร้องที่แข็งแกร่ง ในตอนนี้ยังเป็นเวลารุ่งเช้าและเป็นในบริเวณนี้ยังเป็นสถานที่พำพักของผู้อาวุโส รอบบริเวณสงบเงียบไร้ซึ่งสุ้มเสียงรบกวนต่างๆ เมื่อจงเมี่ยวตะโกนเช่นนี้ ดูเหมือนว่าเสียงของนางดังก้องไปไกลกว่า 10 ลี้ ศิษย์สาวกแห่งเกาะเมฆาบรรพกาลที่อยู่ใกล้เคียงต่างได้ยินเสียงตะโกนกรีดร้องของนางอย่างชัดเจน
ศิษย์สาวกชายทั้งสองที่ได้ยินคำกล่าวนี้ ใบหน้าของพวกเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดในทันที เขาของพวกเขาอ่อนยวบลง ราวกับว่าพวกเขาทั้งสองไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะยืนอีกต่อไป
ศิษย์สาวกที่กำลังเดินหรือฝึกฝนวิชายุทธ์อยู่ใกล้เคียง รีบเดินถอยหลังและหนีกลับไปอย่างรวดเร็ว เสียงตะโกนของจงเมี่ยวในครั้งนี้ เปรียบเสมือนว่านางได้ทิ้งสารแห่งความตายเอาไว้ ทุกๆคนที่อยู่ใกล้เคียงต่างหนีเอาชีวิตอย่างวุ่นวาย
แย่แล้ว แย่แล้ว นกยูงของผู้อาวุโสอั่นตาย นกยูงเหล่านั้นเปรียบเสมือนชีวิตของผู้อาวุโสฮั่น !! แม้ว่านกยูงเหล่านี้จะเป็นเพียงสัตว์เดรฉานสามัญทั่วไป แต่พวกมันคือนกยูงของฮู่หญิงอันเป็นที่รักของผู้อาวุโสฮั่นที่ตายไปแล้วช่วยกลับมาและเลี้ยงดูมันอย่างดี ผู้อาวุโสฮั่นเป็นคนที่มั่นคงต่อความรัก หลังจากที่ฮู่หญิงของผู้อาวุโสฮั่นตายไป ผู้อาวูโสฮั่นได้นำความรักความคิดถึงที่มีต่อนางมอบให้แก่นกยูงเหล่านี้ เมื่อใดที่ผู้อาวุโสว่างเว้นหรือมีเวลา เขาจะไปเยี่ยมดูเหล่านกยูงอยู่เสมอ ความรู้สึกที่เขามอบให้แก่นกยูงใกล้ชิดยิ่งกว่าบุตรชายแท้ๆของตนเองเสียอีก
แต่ตอนนี้ พวกมันทั้งหมดตาย
ศิษย์สาวกแห่งเกาะเมฆาบรรพกาลที่ได้ยินคำกล่าวนี้ต่างจินตนาการได้ว่าผู้อาวุโสฮั่นจะเกรี้ยวโกรธมากเช่นไร เปลวเพลิงแห่งประตูเมืองกำลังจะโหมกระหน่ำ หากยังไม่หนีออกไปในตอนนี้ ภัยพิบัติแห่งความเกรี้ยวโกรธของผู้อาวุโสฮั่นจะต้องถาโถไปหาพวกเขาอย่างแน่นอน
เจ้า เจ้าเด็กน้อย .เจ้ารู้ตัวไหมว่ากำลังกล่าวอะไรออกไป ? ศิษย์พี่ชายที่ขัดขวางนางกล่าวถามด้วยความหวาดกลัว สุ้มเสียงของเขาตะกุกตะกัก เขาอยากจะวิ่งหนี แต่ก็ไร้ซึ่งความกล้าหาญที่จะทำเช่นนั้น
ใครกล้ากล่าวคำที่ไร้สาระเช่นนี้ ? เสียงคำรามด้วยความเกรี้ยวโกรธจากผู้อาวุโสฮั่นดังมาจากภายใน เวลาต่อมา เงาร่างของชราผมขาวประกายพุ่งออกมาราวกับสายฟ้า เขาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของศิษย์พี่ชายทั้งสอง เขาก็คือผู้อาวุโสฮั่นเจา
เมื่อมองออกไป นางมองเห็นดวงตาที่แดงก่ำของผู้อาวุโสฮั่นเจา นอกจากนั้นเขายังปรากฏตัวในสภาพที่สวมชุดนอนและถุงเท้าคู่หนึ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาไม่สนใจกับการเปลี่ยนเสื้อ ไม่สนใจที่จะใส่รองเท้าแต่กลับพุ่งออกมาอย่างรีบร้อน ความกดทับแห่งเขตแดนเทพสวรรค์แพร่ซ่านออกมา ทำให้ศิษย์พี่ชายทั้งสองและจงเมี่ยวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวในทันที
ดวงตาของฮั่นเจาเต็มไปด้วยความโกรธแห่งการฆ่าที่รุนแรง เขากวาดสายตาและจ้องมองไปที่จงเมี่ยวก่อนจะกล่าวถามอย่างดุดัน : เกิดอะไรขึ้นกับนกยูงของข้า ?
จงเมี่ยวตกใจจนตัวสั่นเทา นางไม่กล้ากล่าวตอบ แต่โค้งศีรษะลงและยื่นจดหมายที่อยู่ในเมือให้แก่ผู้อาวุโสฮั่นเจาด้วยความหวาดกลัว
ฮั่นเจาจ้องมองสตรีน้อยที่รับผิดชอบในการให้อาหารนกยูงของตนเองด้วยความสงสัย เขายื่นมือรับจดหมายเอาไว้ สูดลมหายใจเข้าเพื่อข่มความเกรี้ยวโกรธที่กำลังปะทุอย่างรุนแรง ก่อนที่เขาจะดึงหน้าหนังสือสีเหลืองออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ และจ้องมองมันอย่างไม่ใส่ใจ
หลังจากนั้น ดวงตาของฮั่นเจาจ้องเขม่งอย่างตื่นตะลึง ร่างกายของเขาสั่นสะท้านไปมา ราวกับว่าลมแห่งฤดูหนาวที่หนาวเหน็บได้พัดผ่านไป ลำคอของเขามีไอเบาๆราวกับว่าเขากำลังกลืนกระดูกที่แหลมคมเข้าใปในลำคอ เขาไอเบาๆเป็นเวลานานโดยไม่กล่าวสิ่งใดออกมาทั้งนั้น
เมื่อศิษย์สาวกชายทั้งสองมองเห็นฉากเหตุการณ์เช่นนี้ เหงื่อเย็นเริ่มผุดออกมาจากร่างกายของพวกเขา หัวใจของพวกเขาทั้งสองกระซิบด้วยความขมขื่น ดูเหมือนว่าการตายของเหล่านกยูงส่งผลกระทบต่อผู้อาวุโสฮั่นไม่น้อย ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในเขตแดนเทพสวรรค์ ยังมิอาจทนต่อความรู้สึกแห่งความสูญเสีย
ผู้อาวุโสฮั่น .. เสียงที่อ่อนแอของจงเมี่ยวกล่าวเรียกออกมา
ฮั่นเจาจึงเหมือนว่าเพิ่งตื่นจากความฝัน เขารีบหยักหน้าหนังสือสีเหลืองเข้าไปในซองจดหมาย เขากระทืบเท้าและกล่าวตำหนิต่อจงเมี่ยวอย่างรุนแรง : เรื่องสำคัญเช่นนี้ ทำไมไม่รายงานข้าให้เร็วกว่านี้ !!
หัวใจของศิษย์สาวกชายทั้งสองเย็นยะเยือกในทันที พวกเขาทั้งสองถอยออกไปหลายก้าว เพราะหวาดกลัวว่าจะถูกตำหนิ และจ้องมองจงเมี่ยวด้วยสายตาที่ขอความเมตตา
จงเมี่ยวใช้โอกาสนี้ในการระบายความคับแค้นใจของนางทั้งหมด : ข้าเพิ่งเห็นมันเมื่อรุ่งเช้า ข้ารีบวิ่งเข้ามารายงาน แต่ศิษย์พี่ทั้งสองไม่ยอมให้ข้าเข้าไป ข้าจึงต้องกล่าวตะโกนเช่นนั้น
ผู้อาวุโส ไม่เกี่ยวกับพวกเราทั้งสองเลย . เข่าของศิษย์สาวกชายทั้งสองอ่อนยวบในทันที พวกเขารีบคุกเข่าลงและอ้อนวอนขอความเมตตา
ฮั่นเจาไม่ได้สนใจพวกเขา ร่างกายของประกายและหายตัวไปในทันที
จงเมี่ยวและศิษย์สาวกชายทั้งสองตะลึงกับสิ่งที่พบเห็น
ยังมิทันทีจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก ฮั่นเจาที่หายตัวไปได้ปรากฏตัวอีกครั้ง ดวงตาทั้งคู่ของเขาดั่งดวงตาของอินทรีที่เฉียบแหลม เขากล่าวถามด้วยเสียงที่ตริงจัง : มีใครที่รู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกไหม ?
จงเมี่ยวรีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว
ทำได้ดี เจ้ามากับข้า !! ฮั่นเจาจับแขนของจงเมี่ยวและหายตัวไปอีกครั้ง
ผ่านไปเป็นเวลานาน ศิษย์สาวกชายทั้งสองที่คุกเข่าลงกับพื้นค่อยๆลุกยืนขึ้น พวกเขาทั้งสองจ้องมองซึ่งกันและกันด้วยความสับสนโดยไม่กล่าวสิ่งใดออกมา
ผู้อาวุโส ..เลอะเลือนหรือเปล่า ? นกยูงของเขาตายทั้งหมด แต่เขายังกล่าวชมศิษย์น้องว่าทำได้ดี ? ต้องลงโทษนางอย่างรุนแรงถึงจะถูกต้อง ?
นอกจากนั้น ศิษย์น้องตะโกนเช่นนี้ ผู้คนที่อยู่ในเกาะเมฆาบรรพกาลคงได้รู้เรื่องนี้ทั้งหมด ทำไมเรื่องนี้ถึงไม่มีใครรู้เห็นอีก ?
สถานที่พำพักของประมุขแห่งเกาะเมฆาบรรพกาล จงเมี่ยวคุกเข่าอยู่ในตำหนักขนาดใหญ่ รอบบริเวณเต็มไปด้วยความเงียบ ไม่มีร่องรอยของคนอื่นๆแม้แต่คนเดียว
หลังจากที่ฮั่นเจาพานางมาถึงนี้ เขาไมได้สนใจนางอีกเลย แต่จงเมียวกลับพบว่าผู้อาวุโสและผู้นำต่างๆ ต่างวิ่งมารวมตัวอยู่ในตำหนักแห่งนี้อย่างเร่งรีบ
ผู้อาวุโส 7 8 9 10 ต่างมาชุมนุมอยู่ที่นี้ และไม่ทราบว่าพวกเขากำลังหารืออะไรกัน
หลังจากที่รอเป็นเวลากว่าครึ่งวัน กลุ่มคนเหล่านี้เดินออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม พวกเขาค่อยๆเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเหลือเพียงผู้อาวุโสฮั่นเจาและประมุขแห่งเกาะเมฆาบรรพกาล กู่ฟง
พวกเขาทั้งสองเดินไปยังด้านหน้าของจงเมี่ยว กู่ฟงได้กล่าว : ลุกขึ้นสิ !!
ศิษย์มิกล้า !! จงเมี่ยวก้มศีรษะของนางต่ำลง
กู่ฟงหัวเราะอย่างอ่อนโยน เขานำสิ่งของบางอย่างออกมา โยนไปยังด้านหน้าของจงเมี่ยวและกล่าว : นี้คือคำสั่ง ไปเลือกโอสพวิเศษที่ต้องใช้ในการฝึกฝนวิชายุทธุ์ด้วยตนเองที่หอโอสพจากนั้นจึงปิดกั้นตนเองเพื่อฝึกฝนวิชายุทธุ์ที่ถ้ำจิตวิญญานเมฆา
ร่างกายของจงเมี่ยวสั่นสะเท้าน นางเงยหน้ามองกู่ฟงด้วยสายตาที่ไม่เชื่อ
ถ้ำจิตวิญญาณเมฆา !! เป็นสถานที่เต็มไปด้วยพลังแห่งฟ้าสวรรค์และเป็นแหล่งฝึกฝนวิชายุทธุ์และบ่มเพาะพลังที่ดีที่สุดของเกาะเมฆาบรรพกาล เมื่อฝึกฝนวิชายุทธุ์อยู่ในสถานที่แห่งนั้น การบ่มเพาะพลังจะมีประสิทธิภาพมากว่าการบ่มเพาะลังในสถานที่ทั่วไปถึง 3 เท่า ที่ผ่านมามีเพียงศิษย์ที่มีพรสวรรค์และมีความสามารถโดดเด่นจึงจะได้รับคำสั่งจากผู้อาวุโสให้ไปฝึกฝนที่ถ้ำจิตวิญญานเมฆา สำหรับคนที่ต้อยต่ำเช่นนาง ไม่กล้าแม้แต่จะคิดฝัน
แต่ในตอนนี้ ประมุขกลับออกคำสั่งให้นางปิดกั้นตนเองในถ้ำจิตวิญญานเมฆาเพื่อฝึกฝนวิชายุทธุ์และบ่มเพาะพลังของตน
นอกจากนั้น ยังสามารถไปที่หอโอสพเพื่อรับโอสพวิเศษที่ตนเองต้องการ ? ป้ายคำสั่งที่อยู่ตรงหน้า เป็นคำสั่งของประมุข มันเปรียบเสมือนการสั่งการด้วยตัวของประมุขเอง ไม่ใช่ศิษย์ทุกคนที่จะได้รับป้ายคำสั่งที่สูงส่งเช่นนี้ได้
ไม่ต้องสงสัย นี้คือสิ่งที่เจ้าสมควรจะได้รับ ฮั่นเจาที่ไม่เคยเผยรอยยิ้มให้แก่นาง แต่ในตอนนี้เขากลับยิ้มให้แก่นางด้วยสายตาที่อ่อนโยน สีหน้าของเขาแสดงออกอย่างมีเมตตา ราวกับว่าเขาเป็นปู่แท้ๆของนาง : แต่ต้องจำเอาไว้ เรื่องในวันนี้ ไม่ว่าใครก็ตามที่กล่าวถามเรื่องนี้กับเจ้า ..
ศิษย์ไม่รู้อะไรทั้งสิ้น จงเมี่ยวมิใช่คนโง่เขลา นาทราบดีว่าต้องตอบเช่นไร
ฮั่นเจาพยักหน้าด้วยความพอใจ เขาโบกมือใหญ่และกล่าว : ไปได้ !!
ขอบคุณประมุขกู่ ขอบคุณผู้อาวุโสฮั่น !! จงเมี่ยวกล่าวด้วยความรู้สึกดีใจ ราวกับว่าวันนี้นางได้พบเจอกับลาภก้อนโต เพียงแค่นางพบเจอจดหมายที่ประตูหน้าห้องของนาง แต่กลับได้รับผลตอบแทนที่มากมายมหาศาลเช่นนี
เป็นผู้มีพระคุณลึกลับคนไหนที่ได้มอบโชคลาภอันยิ่งใหญ่ให้แก่นาง? เขาไมได้ทิ้งไว้แม้แต่ชื่อของตนเอง แล้วหลังจากวันนี้ตนเองจะตอบแทนพระคุณได้อย่างไร ?
นางเก็บป้ายคำสั่งของประมุข ก่อนจะวิ่งออกจากตำหนักราวกับว่าตนเองกำลังล่องลอยอยู่ในความฝันที่สุดแสนจะวิเศษ
กระแสน้ำแห่งเกาะเมฆาบรรพกาลสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ศิษย์สาวกบางคนที่เฉลียวฉลาดสังเกตุเห็นว่ายอดฝีมือแห่งเกาะเมฆาบรรพกาลรีบร้อนไปชุมนุมยังสาถานที่แห่งหนึ่ง โดยไม่รู้ว่าพวกเขากำลังจะทำสิ่งใด ก่อให้เกิดความรู้สึกตึงเครียดราวกับว่าพายุฝนกำลังจะโหมกระหน่ำ
ในเวลาเที่ยงคืน ยอดฝีมือแห่งเกาะเมฆาบรรพกาลต่างรวมตัวอยู่สถานที่แห่งหนึ่ง พวกเขาขึ้นไปยังเรือลำใหญ่ลำหนึ่ง และแล่นไปยังทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว
บนเรือขนาดใหญ่เต็มไปด้วยยอดฝีมือแห่งเกาะเมฆาบรรพกาลกว่า 200 คน ประมุขเป็นผู้นำทางด้วยตนเอง ผู้อาวุโสระดับสูงทั้ง 4 พร้อมด้วยผู้พิทักษ์อีก 3 คนที่ออกเดินทางไปพร้อมกัน นอกจากนั้น ยังมียอดฝีมือแห่งเขตแดนลมปราณแท้จริงที่มามายนับไม่ถ้วน ความแข็งแกร่งที่ตำที่สุดคือผู้ฝึกยุทธุ์ที่อยู่ในเขตแดนผสานลมปราณ
นอกเหนือจากนั้นมีผู้นำระดับสูงที่รู้ความเป็นจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้และผู้นำคนอื่นๆที่ตกอยู่ในความสับสน
วันที่ 2 เมื่อรุ่งสาง เรือขนาดใหญ่ได้เข้าใกล้กับเกาะแห่งหนึ่ง
นั่นคือเกาะหยุนเซี่ย ? มีคนรู้ว่าเกาะแห่งนี้คือสถานที่ใด
พวกเรามาทำอะไรที่นี้ ?
แม้ว่าสำนักหยุนเซี่ยจะเป็นสำนักที่มีความแข็งแกร่งในระดับที่ 3 แม้ไม่สามารถเทียบได้กับความแข็งแกร่งของเกาะเมฆาบรรพกาล แต่ไม่ว่าอย่างไรมันก็คือสำนักแห่งหนึ่ง สำนักแต่ละสำนักในท้องทะเลต่างมีการพัฒนาความสามารถของสำนักด้วยตนเอง โดยไม่มีการแทรกแซงซึ่งกันและกัน ไม่มีใครคิดว่าจุดมุ่งหมายในการแล่นเรือมา คือเกาะหยุนเซี่ย พวกเขากำลังจะทำสงครามกับสำนักหยุนเซี่ย ?
กู่ฟงที่มีร่างกายกำยำ ดวงตาเฉียบคมดั่งสายฟ้า ไดสร้างบรรยากาศที่น่าเบื่อหน่ายให้ดูน่าตื่นเต้นมากขึ้น เขได้ตะโกนด้วยเสียงที่ดังสนั่น : ข้าได้รับสารลับหนึ่ง นั่นคือเคล็ดวิชาพลิกกายทลายจันทร์ดาราที่สูญหายไปเมื่อ 300 ปีก่อน อยู่ในสำนักหยุนเซี่ยแห่งนี้
พลิกกายทะลายจันทร์ดารา !
คนส่วนใหญ่ส่งเสียงร้องด้วยความตกใจในทันที นั้นเป็นเคล็ดวิชาระดับสูงสุดของเกาะเมฆาบรรพกาล มันหายไปเมื่อ 300 ปีก่อน จนถึงวันนี้ก็ยังไม่พบมัน แต่ทำไมมันถึงปรากฏอยู่ในสำนักหยุนเซี่ยอย่างกะทันหันเช่นนี้ ?
กู่ฟงแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการกล่าวอธิบายมาก เขากล่าวต่อ : วันนี้ เราจะค้นสำนักหยุนเซี่ย พวกเราต้องหาคัมภีร์แห่งเคล็ดวิชาพลิกกายทลายจันทร์ดาราให้พบ และนำมันกลับไปยังเกาะเมฆาบรรพกาล เพื่อทำความปรารถนาสุดท้ายของบรรพบุรุษแห่งสำนักเกาะเมฆาบรรพกาลให้เป็นความจริง หากมีใครกล้าขัดขวาง ฆ่าให้หมด !! หากใครกล่าวหาเกาะเมฆาบรรพกาลฆ่าให้หมด !! สงครามในวันนี้ เพื่อ เคล็ดวิชาพลิกกายทะลายจันทร์ดารา หากพวกเราค้นหามันจนพบและนำมันกลับไป พวกเรสจะกล่าวยเป็นวีรบุรุษของเกาะเมฆาบรรพกาล !!
ขึ้นเกาะ !! กู่ฟงส่งสัญญานให้ขึ้นไปที่เกาะหยุนเซี่ย เขาโบกมือ ยอดฝีมือทั่วไปได้โบยบินขึ้นสู่เกาะหยุนเซี่ยอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงกรีดร้องพร้อมคำสาปแช่งดั่งมากจาเกาะหยุนเซี่ย และยังมีเสียงแห่งการต่อสู้ที่รุนแรง ในเวลานี้เป็นช่วงเวลารุ่งสาง เป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลายที่สุดของคนเรา เกาะเมฆาบรรพกาลมีการเตรียมพร้อมในการเดินทางมายังเกาะหยุนเซี่ย และลงมืออย่างโหดเหี้ยม นอกจากนั้นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งของพวกเขายังมีจำนวนที่มากมาย สำนักหยุนเซี่ยจะต่อต้านพวกเขาได้อย่างไร ?
สุดท้ายเหลือเพียงผู้อาวุโสระดับสูงเพียง 2 คนที่ออกมาต่อต้าน แต่สุดท้ายก็ถูกผู้อาวุโสระดับสูงของเกาะเมฆาบรรพกาลร่วมมือและฆ่าพวกเขาทั้ง 2 จนสำเร็จ
ประมุขแห่งสำนักหยุนเซี่ยและผู้อาวุโสระดับสูงต่อต้านอย่างสุดกำลัง แต่สุดท้ายพวกเขาก็ถูกฆ่า สถานที่ที่ยอดฝีมือแห่งเกาะเมฆาบรรพกาลวิ่งผ่าน เต็มไปด้วยร่างศพของศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ย
ในวันนี้ โลหิตของสำนักหยุนเซี่ยได้หลั่งไหลเป็นสายน้ำ ร่างศพกองเป็นเนินภูเขา ศิษย์สาวกแห่งเกาะหยุนเซี่ยตายไปกว่าครึ่ง ยอดฝีมือที่อยู่ในเขตแดนผสานลมปราณต่างถูกฆ่าตายทั้งหมด
หาเจอแล้ว หาเจอแล้ว ข้าหาเจอกล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า !! มือของฮั่นเจาสั่นเทาเมื่อเขานำมือออกมาจากร่างของผู้อาวุโสระดับสูงคนหนึ่งเพราะเขาพบคัมภร์โบราณสีเหลือง มันคือคัมภรีเคล็ดวิชาพลิกกายทะลายจันทร์ดาราแห่งเกาะเมฆาบรรพกาล
เขารีบน้ำคัมภีร์โบราณกลับไปยังเรือใหญ่และมอบให้แก่กู่ฟง
ประมุขแห่งเกาะเมฆาบรรพกลายตื้นตันจนน้ำตาแห่งความปิดติไหลออกมา เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา : สวรรค์คุ้มครองเกาะเมฆาบรรพกาลของเรา ความปรารถนา 300 ปีในที่สุดก็เป็นจริงความจริง พวกเราค้นพบคัมภร์เคล็ดวิชาพลิกกายทะลายจันทร์ดารา บรรพบุรุษของเกาะเมฆาบรรพกาล พวกท่านนอนหลับได้อย่างสงบสักที
ฮั่นเจากล่าวถามด้วยความกระวนกระวาย : ประมุข แล้วศิษย์สาวกที่เหลือของสำนักหยุนเซี่ยล่ะ เราควตจัดการอย่างไร ?
ฆ่า !! กู่ฟงกล่าวออกคำสั่งด้วยความเยือกเย็น คำพูดเพียงคำเดียวของเขาได้ตัดสินชะตากรรมของศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ยที่เหลือ
ไม่ว่าคัมภร์เคล็ดวิชาพลิกกายทะลายจันทร์ดาราจะไปอยู่ในมือของคนแห่งสำนักหยุนเซี่ยได้อย่างไร และไม่ว่าจะมีผู้คนจำนวนกี่คนที่ได้อ่านคัมภร์เล่มนี้ไป การฆ่าพวกเขาทั้งหมด จะเป็นการทำลายผู้คนที่ทราบถึงความลับของเคล็ดวิชาพลิกกายทะลายจันทร์ดารา เพื่อปกป้องไม่ให้เคล็ดวิชาพลิกกายทะลายจันทร์ดารารั่ว่ไหลไปสู่คนภายนอก การฆ่าคนในเกาะเล็กๆเพียง 1 เกาะจะเป็นอะไรไป ?