ตอนที่แล้วตอนที่ 195 ลมปราณหมุนเวียนขั้นที่ 9
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 197 เกาะเมฆาบรรพกาล

ตอนที่ 196 แย่งชิง


ตอนที่ 196 แย่งชิง

เมื่อสองวันก่อนเข้าพบเจอกับเขตต้องห้ามที่เต็มไปด้วยอันตราย หยางไค่สัมผัสได้ว่าบริเวณแห่งนั้นมีสมบัติแห่งฟ้าสวรรค์ที่มีคุณสมบัติของพลังหยางที่มากมาย แต่ว่าบริเวณแห่งนี้มีเครื่องหมายระบุเอาไว้ ดังนั้นหยางไค่จึงไม่กล้าที่จะเข้าไปสำรวจ

แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่า เขาต้องไปยังบริเวณนั้นโดยไม่มีทางเลือก ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีคุณสมบัติของพลังหยางในเกาะซ่อนเร้นถูกหยางไค่เก็บเกี่ยวจนหมดสิ้น หากต้องการสั่งสมหยดน้ำพลังลมปราณหยางจำนวน 400 หยด นอกเสียจากบริเวณที่เป็นอันตรายไม่มีบริเวณไหนที่เขาจะมองเห็นหนทางอีกเลย

แต่ปัญหาเดียวที่คอยกวนใจเขา นั่นคือบริเวณแห่งนั้นจะมีสัตว์อสูรเช่นไรอาศัยอยู่

เขาต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก หากพบเจอกับสัตว์อสูรที่คล้ายคลึงกับอินทรีย์สองตัวในวันนั้น แม้ว่าหยางไค่จะมีเพลิงปีกอัคคีโลกันย์ก็มิอาจหลบหนีจากความตายไปได้

หยางไค่ใช้เวลาในการเดินทางเกือบทั้งวัน ในที่สุดเขาก็มาถึงเขตอันตรายแห่งหนึ่ง

หยางไค่ครุ่นคิดวางแผนอย่างรอบคอบเป็นเวลานาน ในที่สุดเขาได้สั่งการให้เหล่าแมลงคอยคุ้มกันเขา และยังคิดหาวิธีการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้น เมื่อเขาคิดหาวิธีการได้ เขาจึงเริ่มลงมือ

ต้นกำเนิดพลังหยางที่อยู่บนทรวงอกของเขาแสดงปฏิกิริยาที่รุนแรงออกมาอีกครั้ง ด้านหน้าที่ห่างกันไม่ถึง 100 จ้างต้องมีสมบัติที่ซ่อนเร้นพลังหยางอย่างแน่นอน และมันยังเป็นสมบัติที่แฝงไปด้วยพลังหยางที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง มันเพียงพอที่จะหลอมละลายจนกลายเป็นหยดน้ำพลังลมปราณที่เขาต้องการทั้งหมด 400 หยด

ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลวไม่ว่าอย่างไรเขาต้องลองเสี่ยงดูสักครั้ง เมื่อถึงตอนนี้หยางไค่ไม่มีทางเลือก เขาค่อยๆเดินลัดเลาะเข้าไปยังบริเวณทิศทางแห่งพลังหยาง

ในอากาศมีกลิ่นคาดโลหิตที่เหม็นสาบ นอกจากนั้นหยางไค่ยังพบเห็นร่องรอยของสัตว์อสูรทั่วทั้งบริเวณ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามันเป็นสถานที่อันตรายอย่างยิ่ง

หยางไค่เดินเข้าไปอีก 100 จ้าง กลิ่นเหม็นสาบแห่งโลหิตทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ตรงหน้าที่ไม่ไกลมาก หยางไค่มองเห็นศิลาสีแดงขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงนั้น

การที่ต้นกำเนิดพลังหยางไค่แสดงปฏิกิริยาออกมาอย่างรุนแรงเป็นเพราะมันสัมผัสถึงพลังหยางที่แพร่กระจายออกมาจากศิลาขนาดใหญ่ก้อนนั้นนั่นเอง

หยางไค่รู้สึกดีใจ ความหวังที่จะได้กลับไปถึงบ้านเริ่มจุดประกายขึ้นมา ศิลาสีแดงที่มีพลังหยางที่แข็งแกร่งเช่นนี้ หากสามารถดูกกลืนพลังหยางจากมันจนหมด จะไดรับหยดน้ำพลังลมปราณหยางจำนวน 400 หยดอย่างง่ายดาย ศิลาก้อนนี้คล้ายคลึงกับหินพลังหยางของนิกายโลหิต แต่คุณสมบัติของมันดีกว่าและแข็งแกร่งกว่าอย่างยิ่ง

หยางไค่เดินเข้าไปด้านหน้าอย่าง่รวดเร็ว ทันใดนั้หยางไค่มองเห็นโขดหินก้อนหนึ่ง ด้านล่างของโขดหินมีปากถ้ำที่ไม่ลึกมาก ภายในถ้ำแห่งนั้น มีสัตว์อสูรที่ง่างามตนหนึ่ง ในตอนนี้มันกำลังจ้องมองตนเองด้วยดวงตาสีม่วงที่น่าเกรงขามของมัน

หัวใจของหยางไค่สั่นสะท้าน เขาไม่คิดการมาเยือนของเขาจะถูกพบเห็นได้รวดเร็วเช่นนี้

สัตว์อสูรตนนั้นมิได้มีเจตนาที่จะออกมาโจมตีหยางไค่ แต่มันยังคงอยู่ในถ้ำของมัน โดยจ้องเขม่งมาที่ตนเองด้วยความประสงค์ร้าย

สถานที่แห่งนี้เป็นบ้านของมัน เป็นสถานที่ที่มันอาศัย และยังเป็นต้นตอที่ทำให้มันแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้ หากไม่ใช่เหตุการณ์ที่รุนแรงจนถึงแก่ชีวิต มันว่าอย่างไรมันก็ไม่มีทางที่จะออกไปจากสถานที่แห่งนี้

หยางไค่เดินเข้าไปด้านหน้าอีก 30 จ้าง สัตว์อสูรตนนั้นคำรามอย่างเหี้ยมโหดอยู่ภายในลำคอของมัน ดวงตาสีม่วงของมันประกายด้วยความโหดร้ายตลอดเวลา

มันค่อยๆลุกยืนขึ้น และเดินออกจากปากถ้ำทีละก้าวทีละก้าว

จนถึงตอนนี้ หยางไค่มองเห็นร่างกายที่แท้จริงของมัน สัตว์อสูรตนนี้มีร่างกายที่คลึงกับหมาป่า แต่ว่าร่างกายหรือแม้แต่เส้นขนของมันกลายเป็นสีแดงทั้งหมด มันมีความสูงประมาณ 2 จ้างปากของมันยังเต็มไปด้วยเขี้ยวที่แหลมคม มันพุ่งเข้ามาหาหยางไค่และแสะเขี้ยวอย่างดุดัน

พลังแห่งความกดทับที่ไร้ซึ่งรูปร่าง ทำให้หยางไค่หายใจได้อย่างยากลำบาก

สัตว์อสูรขั้นที่ 6 ! (เทียบเท่าเขตแดนเทพสวรรค์ ) มันไม่แตกต่างจากอินทรียักษ์ที่เขาพบเจอแม้แต่น้อย สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ไม่ว่าหยางไค่จะพยายามมากเท่าไหร่ ก็ไม่มีวันที่เขาจะฆ่ามันได้

ทันใดนั้น เขาใช้พละกำลังทั้งหมด ในการโยนหินก้อนนั้นไปยังสัตว์อสูรทันที

การยั่วยุเช่นนี้ ได้สร้างความเกรี้ยวโกรธให้แก่สัตว์อสูรหมาป่าที่มีร่างกายสีแดง หยางไค่มองเห็นเพียงแสงสีแดงที่ประกายผ่านไป แต่ทันใดนั้นสัตว์อสูรหมาป่าได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขาซึ่งห่างจากตนเองเพียง 30 จ้าง

การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วอย่างยิ่ง !! สีหน้าของหยางไค่แสดงออกด้วยความตื่นตะลึง หยางไค่ไม่ลังเล เขาหมุนตัวกลับและเปิดใช้ท่าร่างแห่งการเคลื่อนไหวและถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

เสียงลมดังแว่วมาจากด้านหลังของเขา สัตว์อสูรหมาป่ากำลังเข้าใกล้เขาอย่างรวดเร็ว ร่างกายของหยางไค่เย็นเฉียบ แม้แต่กระดูกภายในร่างกายยังรู้สึกเย็นยะเยือก เขาเร่งความเร็วในการเคลื่อนไหวของตนเอง ไม่หยุดที่จะประกายตัวออกไปอย่างต่อเนื่อง

นายน้อย แย่แล้ว มันกำลังจะถึงตัวท่าน !! มารปฐพีกล่าวร้องด้วยความตกใจ

ช่วยข้าด้วย ! หยางไค่ไม่กล้าที่จะคิดเรื่องอื่น เขารีบวิ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว มารปฐพีรับคำสั่งเขาผสานดวงวิญญานเข้ากับเข็มสลายวิญญานแปรเปลี่ยนเป็นหมอกสีดำทะมึนและพุ่งเข้าสู่ร่างกายของสัตว์อสูรหมาป่าในทันที

การตอบสนองของสัตว์อสูรหมาป่ารวดเร็วอย่างยิ่ง ในขณะที่มันกำลังวิ่ง มันได้อ้าปากและกัดเข็มสลายวิญญานเอาไว้ในปากของมัน

มารปฐพีร้องโหยหวนด้วยความหวาดกลัว โชคดีที่สัตว์อสูรหมาป่าไม่ไดกัดเข็มสลายวิญญาณจนกลายเป็น 2 ท่อน แต่มันพบว่าสิ่งของชิ้นนี้ค่อนข้างแข็ง มันจึงคายออกมาอย่างรวดเร็ว

จิตใจของมารปฐพียังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ความล่าช้าที่เกิดขึ้น ทำให้ระยะห่างของหยางไค่และสัตว์อสูรหมาป่าห่างกันมากขึ้น

หลังจากที่วิ่งออกมาประมาณ 100 จ้าง หยางไคได้มาถึงบริเวณตำแหน่งในตอนแรก หยางไค่ไม่วิ่งหนีอีกต่อไป แต่เขาหมุนตัวกลับและจ้องมองสัตว์อสูรหมาป่า ทันใดนั้นเขามองเห็นร่างกายของสัตว์อสูรหมาป่าที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว มันกำลังอ้าปากที่เผยให้เห็นเขี้ยวฟันที่แหลมคมของมันซึ่งกำลังประกายแสงแพรวพราวอย่างน่าหวาดกลัว

หยางไค่เตะเท้าและประกายออกไปอีก 10 จ้าง

ยังมิทันที่หยางไค่จะยืนนิ่ง สัตว์อสูรหมาป่าได้พุ่งเข้ามอีกครั้ง ความเร็วของมัน ไม่ได้ด้อยกว่าแมลงกลืนฟ้าที่เคยเผชิญหน้า ทันใดนั้นหยางไค่รู้สึกถึงแรงกดทับที่รุนแรง เขาเปิดใช้ท่าร่างแห่งการเคลื่อนไหวอย่างฉับพลัน

ในตอนนี้มารปฐพีได้พุ่งมาถึง เขากำลังดึงดูดความสนใจของสัตว์อสูรหมาป่า ซึ่งช่วยผ่อนคลายสถานการณ์ที่น่าตึงเครียดของหยางไค่

1 มนุษย์ 1 มารกับวิ่งวนในบริเวณรัศมี 10 จ้างอย่างไม่หยุด หลายครั้งที่หยางไค่เกือบจะถูกมันตะครุ่บตัว แต่ทุกครั้งหยางไค่ก็สามารถหลบหนีจากสถานการณ์แห่งความเป็นความตาย จนในตอนนี้ ร่างกายของหยางไค่เปียกชุ่มด้วยเหงื่อเย็นที่ไหลอย่างไม่หยุด

จากความแข็งแกร่งที่อยู่ในเขตแดนลมปราณหมุนเวียนขั้นที่ 9ในการเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรขั้นที่ 6 เป็นการกระทำที่ไม่เจียมตัวอย่างโง่เขลา หากไร้ซึ่งท่าร่างแห่งการเคลื่อนไหวที่สร้างมันขึ้นมาด้วยตนเอง เขาอาจจะถูกฆ่าโดยสัตว์อสูรหมาป่าตั้งแต่วินาทีแรก

แต่เพื่อจะสามารถหนีออกไปจากเกาะซ่อนเร้น หยางไค่ไม่มีทางเลือกที่จะต้องกระทำเรื่องที่เสี่ยงเป็นเสียงตายเช่นนี้

ระยะเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วบาม หยางไค่มองไปยังรอบบริเวณทั้ง 4 ทิศ เขาจึงเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ดีใจ เพลิงปีกอัคคีโลกันต์ที่อยู่ด้านหลังได้ถูกเปิดออก ทันใดนั้นร่างกายของเขาลอยขึ้น เขาบินขึ้นสู่กลางอากาศในทันที

มารปฐพี เจ้าหยุดยั้งมันพร้อกมับฝูงแมลงเหล่านี้ ข้าจะออกไปก่อน !! หยางไค่กล่าวบอก ก่อนจะหันทิศทางและบินไปยังทิศทางของศิลาขนาดใหญ่ในทันที

นายน้อย กรุณากระทำอย่างเร่งรีบ ข้ากลัวว่ามันจะกลืนกินข้าเข้าไป มารปฐพีกล่าวตอบด้วยความหวาดกลัว แม้ว่าจิตวิญญาณของเขาจะซ่อนเร้นอยู่ภายในเข็มสลายวิญญาณก็ตาม

แม้ว่ามันจะไม่เป็นอันตรายต่อมารปฐพี แต่หากถูกมันกลืนกินเข้าไป คงเป็นเรื่องที่น่าหวาดกลัวอย่างสุดขีด

สัตว์อสูรหมาป่าจ้องมองทิศทางที่หยางไค่บินไป ราวกับว่ามันรู้ว่ามนุษย์ผู้นี้ต้องการครอบครองบ้านของมัน มันเห่าคำรามอย่างเกรี้ยวโกรธ และวิ่งตามไปในทันที

แต่มันวิ่งไปได้ไม่ไกล ตรงหน้าของมันก็คือหมอกพิษที่น่าสะพรึง

ฉึกชาชา !! เสียงดังจากการถูกหลอมละลายดังขึ้น สัตว์อสูรหมาป่าร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด มันรีบถอยหลังอย่างรวดเร็ว และจ้องมองหมอกพิษสีขาวที่ขวางทางของมันด้วยความหวาดกลัวอย่างสุดขีด

หมอกพิษเหล่านี้ไมได้ทำลายความหวังของหยางไค่ แม้แต่สัตว์อสูรขั้นที่ 6 ก็มิอาจสัมผัสมันได้ จากอำนาจแห่งการหลอมละลายที่แข็งแกร่งของมันเพียงพอที่จะหยุดยั้งมันได้อย่างเด็ดขาด

สัตว์อสูรหมาป่าค่อนข้างฉลาด เมื่อมันทราบว่าหมอกพิษนี้มีอำนาจพลังแห่งการฆ่าที่รุนแรง มันจึงเปลี่ยนทิศทางและวิ่งพุ่งไปอีกฟากหนึ่ง แต่หลังจากที่มันวิ่งรอบ 1 รอบ มันจึงพบว่าพื้นที่รัศมีวงกลมหลาย 10 จ้างถูกล้อมรอบด้วยหมอกพิษโดยไม่รู้ตัว มันปิดกั้นทางออกทุกทิศทาง ทำให้มันไร้ซึ่งหนทางในการหนีออกไป

มันเป็นแผนการของหยางไค่ ก่อนหน้านี้เขาสั่งการให้แมลงยักษ์พ่นหมอกพิษออกมา และเหลือทางออกให้แก่เขา เพื่อดึงดูดสัตว์อสูรหมาป่าให้ติดกับ ก่อนจะให้พวกมันปิดผนึกทางเข้าออกด้วยหมอกพิษอีกครั้ง ส่วนตนเองจะสามารถหนีออกไปอยางปลอดภัยโดยเพลิงปีกอัคคีโลกันย์ของตนเอง

ตั้งแต่ต้นจนจบ หยางไค่ไม่มีเจตนาที่จะฆ่าสัตว์อสูรหมาป่าขั้นที่ 6 ตนนี้ และเขาไม่มีความสามารถที่จะฆ่ามัน สามารถคุมขังมันจนสำเร็จก็เพียงพอแล้ว

ซา ซา ซ่า

ด้านล่างพื้นดินมีเสียงที่หวาดกลัวซึ่งทำให้ขนของมนุษย์ตั้งชูชันขึ้นดังแว่วออกมา ทันใดนั้นพื้นดินสั่นสะเทือนไปมา ฝูงแมลงเริ่มพุ่งพรวดพราดและโจมตีไปยังสัตว์อสูรหมาป่าอย่างไม่กลัวความตาย

สัตว์อสูรหมาป่าเกรี้ยวโกรธ จนทำให้ร่างกายของมันห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงสีแดง ยังมิทันที่เหล่าแมลงจะพุ่งเข้าไป พวกมันได้ถูกเปลวเพลิงเหล่านี้แผดเผาจนตาย

มารปฐพียิ่งไม่กล้าที่จะเข้าใกล้ เขาลอยอยู่บริเวณรอบๆโดยไม่หยุด เพื่อทำลายความสนใจของสัตว์อสูรหมาป่า

อีกด้านหนึ่ง หยางไค่บินไปถึงด้านข้างของก้อนศิลาสีแดงก้อนนั้น เขายื่นมือออกไปและวางมือบนศิลา ในตอนนี้หยางไค่เคลื่อนไหวกลยุทธุ์หยางอย่างบ้าคลั่ง และดูดซับพลังหยางเข้าสู่ร่างกายของตนเองอย่างรวดเร็ว

พลังหยางที่ซ่อนเร้นอยู่ในศิลาก้อนนี้ มีความแข็งแกร่งมากกว่าหินพลังหยางอย่างมาก ไม่แปลกเลยที่สัตว์อสูรหมาป่าจะบำเพ็ญตนอยู่ในบริเวณแห่งนี้ เพราะศิลาสีแดงเป็นสมบัติที่มีประโยชน์ต่อการฝึกยุทธุ์ของมันอย่างยิ่ง

พลังหยางไค่ไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายอย่างท่วมถ้น เพียงพริบตาย เส้นชีพจรลมปราณของเขาได้ขยายตัวขึ้นในทันที

หยดน้ำพลังลมปราณหยางหยดแรกก่อกำเนิดขึ้นมาและไหลเวียนไปยังจุดตันเถียน

ติ่ง ติ่ง ติ่ง ติ่ง .

หยางไค่รู้สึกว่าชั่วชีวิตของเขาไม่เคยได้ยินเสียงที่น่าพึงพอใจเช่นนี้มาก่อน หยดน้ำพลังลมปราณหยางในจุดตันเถียนเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุด

320 หยด 350 หยด 380 หยด

ระยะเวลาไม่ถึง 100 ลมหายใจ หยางไค่สามารถบรรลุเป้าหมายของตนเองได้สำเร็จ พลังหยางทั้งหมดในศิลาสีแดงก้อนนี้ ถูกดูดซับเพียง 1 ส่วน ใน 10 ส่วนของทั้งหมดเท่านั้น

แต่หยางไค่ไม่ได้หยุด เขายังคงดูดซับพลังหยางอย่างต่อเนื่อง

เสียงโห่ร้องที่โหยหวนของสัตว์อสูรหมาป่าดังขึ้น เสียงของมันเต็มไปด้วยความเกรี้ยวโกรธและความต้องการฆ่าที่รุนแรง เพราะมันเป็นสัตว์อสูรขั้นที่ 6 หยางไค่ไม่รู้ว่าหมอกพิษจะต้านทานได้นานแค่ไหน หากมันตัดสินใจที่พุ่งเข้ามาหาเขาโดยไม่คำนึงอาการบาดเจ็บที่จะได้รับ หมอกพิษและฝูงแมลงคงไม่สามารถขัดขวางมันได้

หลังจากที่ผ่านไปชั่วครู่ จุดตันเถียนของหยางไค่พรั่งพรูด้วยหยดน้ำพลังลมปราณหยางถึง 500 หยด มันเพียงพออย่างยิ่งที่จะเกือหนุ่นให้เขาบินกลับไปยังเมืองไห่เฉิน

ทันใดนั้น เงาสีดำทะมึนได้พุ่งเข้ามาจากบริเวณนั้น มันคือเข็มสลายวิญญาณนั้นเอง มารปฐพีกล่าวด้วยความตื่นตระหนก : นายน้อย รีบหนีแล้ว สัตว์อสูรตนนั้นตัดสินใจที่จะวิ่งพุ่งออกมา

สิ้นเสียงคำกล่าวของมารปฐพี หยางไค่มองเห็นร่างเงาสีแดงกำลังวิ่งเข้าใกล้กับตัวเขา สัตว์อสูรหมาป่ากำลังพุ่งมาหาเขา

ร่างกายของสัตว์อสูรหมาป่าห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงสีแดง มันเป็นชั้นของเปลวเพลิง ซึ่งสามารถทนต่อการหลอมละลายของหมอกพิษ ทำให้มันได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

100 จ้าง 80 จ้าง 50 จ้าง 30 จ้าง ..

ความเร็วของสัตว์อสูรหมาป่าเปรียบเหมือนสายลม

ฮวา !! เพลิงปีกอัคคีโลกันย์กระพือขึ้นอกครั้ง ในขณะเดียวกับสัตว์อสูรหมาป่าได้พุ่งเข้ามาถึงตัวเขา ทำให้เขาต้องรีบโบยบินขึ้นสู่ท้องฟ้าในทันที

หยางไค่ก้มหน้าลงมอง ซึ่งพบเห็นดวงตาสีม่วของสัตว์อสูรหมาป่าที่จ้องมองตนเองด้วยความเกรี้ยวโกรธ ลำคอของมันส่งเสียงคำรามอย่างไม่หยุด

หยางไค่แสะยิ้ม : ขอบคุณ ! ที่จริงข้าดูดซับพลังหยางเพียงแค่ 2 ใน 10 ส่วนเท่านั้น จำเป็นที่เจ้าต้องโกรธแค้นข้าเช่นนี้หรือไง ?

ราวกับว่ามันเข้าใจในสิ่งที่หยางไค่กำลังกล่าว มันค่อยผ่อนปรนความโกรธลงอย่างช้าๆ แม้แต่เสียงคำรามของมันยังไดจางหายไป

หยางไค่ไม่สนใจกับเรื่องนีต่อไป เขายังคงกระพือเพลิงปีกอัคคีโลกันต์ของเขา และบินออกไปอย่างรวดเร็ว

สัตว์อสูรหมาป่ารู้ดีว่ามันไม่สามารถจับศัตรูที่โบยบิน มันจึงไม่ได้ไล่ตามไป

เมื่อมาถึงบริเวณก่อนหน้า หยางไค่เก็บถุงผ้าที่บรรจุสมบัติแห่งฟ้าสวรรค์ และนำพาเหล่าแมลงที่ยังมีชีวิต กลับไปยังยอดเขาโดดเดี่ยวอีกครั้ง

2 วันผ่านไป หยางไค่จึงมาถึงยอดเขาโดดเดี่ยว เขาเข้าไปในถ้ำและเก็บสมบัติล้ำค่าในชั้นหินออกมาทั้งหมด สิ่งเหล่านี้เขาไม่กล้าที่จะหลอมละลายและไม่กล้าที่จะทิ้งไว้ที่นี้

หากเขาสามารถใช้มันได้ สมบัติล้ำค่าที่อยู่ในถ้ำล้วนเป็นอาวุธที่มีพลังแห่งการฆ่าที่รุนแรง !! ในวันนี้หยดน้ำพลังลมปราณหยางเพียงพอสำหรับเขา ถึงเวลาที่จะออกจากเกาะหยุนเซี่ย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด