ตอนที่ 195 ลมปราณหมุนเวียนขั้นที่ 9
ตอนที่ 195 ลมปราณหมุนเวียนขั้นที่ 9
หยางไค่เดินไปยังบริเวณที่ก่อกำเนิดพลังแห่งชีพจรปฐพี ทันทีที่เข้าไปถึงเขาได้ถูกพลังแห่งชีพจรปฐพีห่อหุ้มเอาไว้ ทำให้ร่างกายและจิตใจของเขารู้สึกสบายอย่างอ่อนนุ่ม ทุกอณุขุมขนของได้ขยายตัว โดยที่เขาไม่ต้องไม่สั่งการ โลหิตทุกหยด เนื้อหนังทุกส่วนต่างชื่นชมยินดีในสิ่งที่ได้รับ
พลังแห่งฟ้าสวรรค์ที่เข้มข้นและบริสุทธุ์อย่างยิ่ง หยางไค่ก็รู้สึกดีใจเช่นเดียวกัน
นั่งขัดสมาธิลง เคลื่อนไหววิชายุทธุ์ของเขา เขาดูดกลืนพลังแห่งชีพจรปฐพีเข้าไปอย่างต่อเนื่องดั่งปลาวาฬที่กำลังดูดกลืนน้ำทะเลอย่างมีความสุข
เหตุที่โจรขโมยสมบัติล้ำค่าผู้นั้นสามารถบ่มเพาะพลังและฝึกฝนวิชายุทธุ์จนแข็งแกร่งและสามารถสร้างความวุ่นวายและสร้างความเจ็บปวดให้แก่สำนักใหญ่ในท้องทะเลแห่งนี้ภายในระยะเวลาสั้นๆเพียง 30 ปี เขาต้องได้รับความช่วยเหลือจากดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์สีรุ้ง และ พลังแห่งชีพจรปฐพี
ดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์สีรุ้งสร้างความแข็งแกร่งให้แก่จิตวิญญาณ พลังแห่งชีพจรปฐพีสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกาย เขาได้ครอบครองสมบัติล้ำค่าที่วิเศษ ความแข็งแกร่งของเขาไม่มีความก้าวหน้าคงจะเป็นเรื่องที่แปลกยิ่ง
แต่น่าเสียดายยิ่งนัก เพราะในบริเวณเหลือพลังแห่งชีพจรปฐพีเพียงน้อยนิด พลังแห่งฟ้าสวรรค์ที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในจึงไม่ยิ่งใหญ่ และยังถูกโจรขโมยผู้นั้นดูดกลืนเป็นเวลากว่า 30 ปี พลังแห่งชีพจรปฐพีจึงเหลือเพียงน้อยนิดและกำลังจะแห้งเหือดในไม่ช้า
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม สำหรับหยางไค่แล้ว มันเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่ล้ำค่ายิ่ง
ร่างกายที่วิเศษของเขา ทำให้เขาสามารถดูดกลืนพลังแห่งฟ้าดินได้เร็วกว่าโจรขโมยผ้นั้น กระดูกทองคำเป็นดั่งหลุมลึกที่ไร้ซึ่งขอบเขต ไม่ว่าพลังประเภทไหนชนิดจะเข้าสู่ร่างกาย มันจะสามารถดูดกลืนเข้าไปทั้งหมด โดยไม่ต้องกังวลว่าจะจัดการมันอย่างไร
นอกจากพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ในชีพจรปฐพี บริสุทธิ์ยิ่งกว่าสิ่งใด เพียงแค่หมุนเวียนมันอยู่ภายในเส้ยชีพจรลมปราณเพียง 1 วันโดยไม่ต้องหลอมละลายมัน มันก็สามารถเข้าไปยังด่านกักเก็บพลังของกระดูกทองคำ และกลายเป็นพลังความแข็งแกร่งที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในของหยางไค่
หลังจากที่หยางไค่ดูดกลืนพลังแห่งชีพจรปฐพี มารปฐพีดูดกลืนจิตวิญญาณความรู้ ทั้งสองต่างกลืนพลังที่ตนเองได้รับโดยไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกัน ร่างกายและจิตใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความสุข และลืมเวลาที่ไหลผ่านไป
หลังจากที่ผ่านไป 1 เดือน หยางไค่สูดลมหายใจเข้าลึกๆและลืมตาของเขาในทันที
พลังแห่งชีพจรปฐพีที่เหลือเพียงน้อยนิดถูกหยางไค่ดูดกลืนอย่างบ้าคลั่ง ในเวลานี้มันได้เหือดแห้งอย่างสิ้นเชิง พลังสีขาวบริสุทธุ์ที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็หายไปเช่นเดียวกัน
หยางไค่ตรวจสอบเขตแดนของตนเองในปัจจุบันอย่างละเอียด ทันใดนั้นใบหน้าของเขาเผยให้เห็นรอยยิ้มทึ่พึงพอใจ
ความแข็งแกร่งของตนเองมีความก้าวหน้า เพราะในตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในเขตแดนลมปราณขั้นที่ 9 เหลือเพียงก้าวสุดท้ายเข้าจะบรรลุเขตแดนผสานลมปราณ
นอกจากนั้นหยางไค่ยังรู้สึกว่า พลังในร่างกายไม่ว่าจะเป็นระดับของพลังหรือความแข็งแกร่งของร่างกายได้บรรลุเขตแดนผสานลมปราณอย่างสมบูรณ์ สิ่งที่ขาดหายไปเพียง 1 ขั้นคือการเข้าใจอย่างถ่องแท้แห่งการรับรู้และสัมผัสทางจิตวิญญานของผู้ฝึกยุทธุ์
การก้าวข้ามเขตแดนขนาดใหญ่ในทุกๆครั้ง ต้องใช้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ของการรับรู้และสัมผัสทางจิตวิญญาน ในขณที่ตนเองอยู่ในเขตแดนลมปราณแรกเริ่มและก้าวเข้าสู่ลมปราณหมุนเวียนก็เป็นเช่นนี้ ในตอนนี้การบรรลุและก้าวไปยังเขตแดนผสานลมปราณ ก็ต้องใช้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้แห่งการรับรู้และสัมผัสทางจิตวิญญานเช่นเดียวกัน
แต่เนื่องจากหยางไค่ไม่ได้สั่งสมความเข้าใจอย่างถ่องแท้แห่งการรับรู้และสัมผัสทางจิตวิญญานของผู้ฝึกยุทธุ์ของตนเองแต่ได้รับการช่วยเหลือจากโอกาสและโชคชะตาที่เขาพบเจอ ซึ่งไม่ได้มาจากการฝึกฝนของตนเอง
เมื่องเงยหน้าขึ้นมอง มารปฐพีได้ดูดกลืนจิตวิญญาณความรู้ที่อยู่รอบๆดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์จนแห้งเหือด ในตอนนี้เขากำลังรอให้มารฐพีตื่นขึ้นอย่างเบื่อหน่าย
ด้านหน้าของเขาก็คือดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์สีรุ้ง หยางไค่ค่อยๆลุกขึ้นยืน เขาเดินไปยังสมบัติล้ำค่าในการหล่อเลี้ยงจิตวิญญานที่น่าอัศจรรย์
มารปฐพีเมื่อข้าดูดกลืนมันเข้าสู่ร่างกายจะข้าจะต้องให้ความสนใจกับมันหรือไม่ ? หยางไค่กล่าวถาม
ไม่ต้องให้ความสนใจกับมัน แต่ถ้าหากนายน้อยเป็นผู้ฝึกยุทธุ์ที่บ่มเพาะพลังของตนเองจนอยู่ในเขตแดนเทพสวรรค์ นายน้อยอาจต้องต่อสู้กับมัน แต่ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของนายน้อยยังไม่บรรลุเข้าสู่เขตแดนเทพสวรรค์ นายน้อยดูดกลืนมันแค่นั้นก็เพียงพอ
ในเมื่อไม่ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ หยางไค่จึงไม่ลังเลอีกต่อไป เขายื่นมือไปยังดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์สีรุ้ง นิ้วของเขาเพียงแค่แตะไปยังดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์สีรุ้ง มันกลับมลายหายไปในทันที
ในขณะเดียวกัน ร่างกายของหยางไค่รู้สึกสดชื่นและมีชีวิตชีวาราวกับว่าร่างกายของเขาถูกฟื้นฟู จิตใจจิตใต้สำนึกของเขาสว่างไสวมากกว่าเดิมอย่างยิ่ง แม้กระทั่งการรับรู้ของเขายังแข็งแกร่งมากกว่าเดิมไม่น้อย
ทันใดนั้นหยางไค่สูดลมหายใจเข้าโดยไม่ทันตั้งตัว ร่างกายของเขาสั่นสะท้านด้วยความสุขสม
เมื่อเขาใข้จิตใจตรวจสอบของดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์สีรุ้งเขากลับไม่รู้สึกถึงการดำรงอยู่ของดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์สีรุ้ง แต่หยางไค่ทราบดีว่าในตอนนี้มันได้เข้าสู่จิตวิญญานที่ลึกที่สุดของจิตใต้สำนึกของเขา มีเพียงการฝึกฝนปราณสัมผัสทางจิตวิญญาณ เขาจึงจะค้นพบร่องรอยของมันอีกครั้ง
อั๊ย ดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์สีรุ้ง .. มารปฐพีถอยหายใจด้วยความอิจฉาริษยาและความเสียดาย
ฮ่าฮ่า! หยางไค่หัวเราะอย่างไม่หยุด
นายน้อย ในอนาคตนายน้อยต้องค้นหาสมบัติแห่งฟ้าสวรรค์ที่หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของท่าน เพื่อเกื้อหนุนดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์สีรุ้ง แล้วรอเวลาให้มันประกายสีรุ้งของมันออกมาอย่างสง่า มันจะช่วยเหลือนายน้อยได้มากกว่าเดิม
มันสามารถเติบโต ? หยางไค่กล่าวถามด้วยความประหลาดใจ
แน่นอน ในขณะที่ดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์ก่อกำเนิด มันมีเพียงสีเดียว มันมีระดับขั้นของมัน สีสันของมันยิ่งมากเท่าใด ระดับขั้นของมันจะสูงมากยิ่งขึ้น ระดับขั้นที่สูงสุดของมันคือดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์สีรุ้งที่มีทั้งหมด 7 สี ยกตัวอย่างง่ายๆเช่น ดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์ 1 สี ต้องใช้เวลาถึง 100 ปี จึงสามารถทำให้จิตวิญญาณความรู้ของมนุษย์คนหนึ่งแข็งแกร่งขึ้น 1 เท่า ดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์ 5 สี ใช้เวลาเพียง 20 ปี ดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์7 สี ใชเวลาเพียง 5 ปีเท่านั้น ในเวลานี้ดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์สีรุ้งมีทั้งหมด 5 สี เหลือเพียงอีก 2 สี มันก็จะกลายเป็นดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์สีรุ้งที่น่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง
ไม่น่าเชื่อ !! หยางไค่กล่าวด้วยความตกใจ แม้ว่าเขายังไม่บ่มเพาะปราณจิตสัมผัสแห่งจิตวิญญาน แต่เขารู้ดีว่ามันเป็นเรื่องที่ยากลำบากในการฝึกฝน จากคำกล่าวของมารปฐพี การบ่มเพาะปราณจิตสัมผัสแห่งจิตวิญญานยากยิ่งกว่าการสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกายหลายร้อยเท่า แต่ในเวลานี้ เขามีความช่วยเหลือจากอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์ ทำใหตนเองไม่ต้องกังวลง เพราะปราณจิตสัมผัสแห่งจิตวิญญาณของตนเองจะแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ต้องรอให้เขตแดนของตนเองบรรลุไปยังเขตแดนเทพสวรรค์
หากกล่าวเช่นนี้ ดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์เป็นสมบัติที่น่าอัศจรรย์ ไม่ส่วนไหนที่หยางไค่ไม่พึงพอใจ สมบัติล้ำชิ้นนี้เขาได้รับมันมาจากโชคชะตาที่พลิกฟ้าพลิกสวรรค์ ไม่ใช่เรื่องที่น่าผิดหวังที่ดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์จะยังไมเติบโตเป็นดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์ 7 สี
มันเป็นสมบัติที่น่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง หลังจากวันนี้รอจนกว่ามันจะวิวัฒนการเติบโตเป็นดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์ 7 สี เมื่อวันนั้นมาถึงมันจะกลายเป็นสมบัติที่ล้าค่าที่สุดในโลก !! แต่ว่าสมบัติชิ้นนี้มีการวิวัฒนการเติบโตที่เชื่องข้า นอกจากนั้นมันยังดูดซับพลังแห่งฟ้าสวรรค์ที่ช่วยฟื้นฟูจิตวิญญานเพียงอย่างเดียว หากต้องการให้มันแปรเปลี่ยนเป็นดอกบัวเทพสวรรค์สีรุ้ง 7 สี มันต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่ง
พอใจกับโชคชะตาที่ได้รับ โดยไม่ต้องขนขวายในการค้นหามัน !! หยางไค่ค่อนข้างเข้าใจ หากดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์สีรุ้ง 5 สีในตอนนี้สามารถวิวัฒนาการเติบโตเป็นดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์สีรุ้ง 7 สี มันคงเป็นความโชคดีของเขา แต่หากมันไม่สามารถวิวัฒนาการในการเติบโต การฝีนพยายามก็ไม่มีประโยชน์
เป็นเรื่องดีที่นายน้อยคิดเช่นนี้ มารปฐพีกล่าด้วยความชื่นชม หยางไค่ยังอ่อนเยาว์ แต่เขาสงบเสงี่ยมสุขุมอย่างถึงที่สุด ยิ่งใกล้ชิดหยางไค่แค่ไหน ความรู้สึกชืนชมก็เพิ่มมากขึ้น
หากเป็นบุรุษหนุ่มที่อ่อนเยาว์คนอื่นๆ จากประสบการณ์ที่มารปฐพีพบเจอ มารปฐพีสามารรถควบคุมจิตวิญญานของคนคนนั้นอย่างแน่นอน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับหยางไค่ มารปฐพีมิกล้าที่จะวางแผนชั่วร้าย เพราะนายน้อยของเขาเป็นคนที่เขาเคารพอย่างสูงสุด
ถึงเวลาที่เราควรจะออกไป หยางไค่สูดลมหายใจเข้า เขาอยู่ในถ้ำแห่งนี้เป็นเวลากว่า 1 เดือน เขาดูดซับดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์สีรุ้ง และยังดูดกลืนพลังแห่งชีพจรปฐพี ทุกสิ่งทุกอย่างที่ล้ำค่าล้วนถูกครอบครองโดยเขาเพียงคนเดียว ไม่มีเหตุผลที่เขาจะอยู่ต่อ
ก่อนที่จะออกไป หยางไค่ขูดหลุมลึกหลุ่มหนึ่ง และฝังกระดูกของโจรขโมยผู้นั้น
หยางไค่เดินออกไปเรื่องๆ ระหว่างที่เขาเดินผ่านชั้นหินเหล่านั้น หยางไค่ลังเลเป็นเวลานั้น ในที่สุดเขาก็สามารถปราบปรามความคิดตื้นๆของตนเอง เขาไม่กลับไปมองสมบัติเหล่านี้และออกจากบริเวณแห่งนั้นทันที
บนชั้นหินมีสมบัตล้ำค่า 3 ชิ้น นอกเสียงจากตราประทับแห่งสำนักไท่ยี่ หยางไค่สามารถใช้ประโยชน์จากสมบัติล้ำค่า 2 ชิ้นที่เหลือ แต่เมื่อโจรขโมยผู้นั้นไม่ได้นำสมบัติเหล่านี้ออกไปใช้ เขาต้องมีเหตุผลบางสิ่งบางอย่างอย่างแน่นอน
หากว่าเขาใช้สมบัติเหล่านี้ ไม่แน่ว่าสำนักที่ตั้งอยู่ในท้องทะเลที่กว้างไกลจะรับรู้ด้วยวิธีการที่พิเศษบางอย่าง มันเป็นเพียงการคาดเดาของหยางไค่ แต่มันก็เป็นเรื่องจริงที่ทุกสำนักปฏิบัติ สำนักที่ยิ่งใหญ่ต่างสร้างข้อห้ามให้แก่สมบัติล้ำค่าของพวกเขา ในบริเวณใดบริเวณหนึ่งในสถานที่แห่งนี้ หากใช้งานสมบัติล้ำค่าโดยไม่ได้รับอนุญาติมันจะถูกตรวจพบในทันที หยางไค่ตั้งใจว่าจะกลับไปยังเมืองไห่เฉินอีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะใช้สมบัติล้ำค่าเหล่านี้
ทิ้งมันเอาไว้ตรงนี้ เมื่อออกจากเกาะซ่อนเร้นค่อยหวนกลับมาเก็บมันไป
หยางไค่ได้มาถึงยอดเขาโดดเดี่ยวอีกครั้ง แมลงเหล่านั้นยังคงขยันขันแข็งในการปกปอ้งประตูหินที่พังทลาย ยอดฝีมือแห่งเขตแดนลมปราณแท้จริงของสำนักหยุนเซี่ยไม่ได้หวนกลับมาอีก พวกเขาอาจถูกฆ่าจากอินทรียักษ์ทั้งสองตัว
หยางไค่สั่งการให้แมลงทำลายหมอกพิษที่ปิดกั้นประตูหินเอาไว้ เขาจึงค่อยๆเดินออกไป
หยางไค่ยืนอยู่บนยอดเขาโดดเดี่ยวและกวางสายตามองไปยังบริเวณรอบๆ
สถานที่แห่งนี้ห่างจากเกาะหยุนเซี่ยหลายพันหลายหมื่นลี้ หากต้องการออกจากเกาะซ่อนเร้น มีเพียงการพึงพาพลังอำนาจแห่งเพลิงปีกอัคคีโลกันย์ แต่การใช้เพลิงปีกอัคคีโลกันย์ต้องสูญเสียพลังลมปราณเป็นจำนวนมาก หยดน้ำพลังลมปราณหยางที่กักเก็บอยู่ในจุดตันเถียนเหลือเพียง 30 หยดเท่านั้น มันไม่เพียงพอที่จะโบยบินข้ามน้ำข้ามทะเลด้วยระยะทางที่ยาวไกลเช่นนี้
การโบยบินในระยะทางพันลี้หมื่นลี้เป็นเรื่องที่ยาวมาก หากพบเจอกับพายุในท้องทะเล มันต้องบินอ้อมเพื่อหลีกเลี่ยง เมื่อเป็นเช่นนั้น หยดน้ำพลังลมปราณหยางต้องมีมากกว่านี้
อย่างน้อยต้องมีหยดน้ำพลังลมปราณหยางกักเก็บอยู่ในจุดตันเถียนเป็นจำนวน 400 หยด จึงจะสามารถออกจากสถานที่เลวร้ายแห่งนี้ !!
หยดน้ำพลังลมปราณหยาง 400 หยด ในเกาะซ่อนเร้นมีสมบัติล้ำค่าที่มีคุณสมบัติของพลังหยาง ?
จิตใจของหยางไค่รู้สึกหดหู่อย่างยิ่ง แต่ไม่ว่าอย่างไร การค้นสมบัติล้ำค่าที่มีคุณสมบัติของพลังหยางเป็นสิ่งภารกิจที่สำคัญที่สุดในตอนนี้
แมลงเหล่านั้นพ่นหมอกพิษปิดผนึกประตูถ้ำอีกครั้ง หยางไค่สั่งการให้แมลงจำนวนมากคอยเฝ้าสถานที่แห่งนี้ไว้ และนำพาแมลงกว่าครึ่งออกเดินทางไปพร้อมกันเขา
หลายวันต่อมา หยางไค่ค้นหาสมบัติล้ำค่าที่มีคุณสมบัติของพลังหยาง เขายังไดรับผลตอบแทนที่ค่อนข้างมาก ระยะเวลาเพียง 4-5 วัน หยดน้ำพลังลมปราณหยางที่อยู่ในจุดตันเถียนมีมากกว่า 100 หยด
เมื่อมีต้นกำเนิดพลังหยางที่อยู่บนทรวงอก สมบัติแห่งฟ้าสวรรค์ที่มีคุณสมบัติของพลังหยางที่อยู่ในบริเวณรัศมี 300 จ้าง หยางไค่ล้วนสามารถค้นหามันจนพบ
หยางไค่ไม่ได้รีบร้อน ในเวลานี้มนุษย์ที่มีชีวิตอยู่ในเกาะซ่อนเร้นคงมีเขาเพียงคนเดียว นอกเหนือจากสัตว์อสูรที่มีพลังที่ย่ิงใหญ่ ถือได้ว่าหยางไค่เป็นเจ้าของเกาะซ่อนเร้นแห่งนี้เพียงผู้เดียว
หลังจากที่เดินทางค้นหา เมื่อพบเจอกับสมบัติล้ำค่าแห่งฟ้าสวรรค์ที่มีคุณสมบัติของพลังหยาง หยางไค่จะดูดมันและหลอมละลายจนมันกลายเป็นหยดน้ำพลังลมปราณหยาง หากไม่ใช่่มบัติล้ำค่าแห่งฟ้าสวรรค์ที่มีคุณสมบัติของพลังหยาง หยางไค่จะเก็บมันไว้ในถุงผ้าของตนเอง
เมื่อเขาพบเจอกับสัตว์อสูรที่ปกป้องบุพผาและต้นหญ้าที่แปลกประหลาด หยางไค่จะสั่งการให้เหล่าแมลงดึงดูดความสนใจของพวกมัน แล้วเขาจะแอบเข้าเก็บมันใส่ถุงผ้า เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเขา
ก่อนหน้านั้นเขาได้รับแผนที่จากฮู่หญิงเจียงซึ่งช่วยเขาในการเดินทางในเกาะซ่อนเร้นได้อย่างมาก ก่อนหน้านั้นหยางไค่ไม่ทราบว่าเครื่องหมายที่ระบุตำแหน่งในแผนที่มีความลึกลับอย่างไร แต่หลังจากที่เขาได้เข้าไปยังสถานที่ดังกล่าว เขากลับพบเจอกับสัตว์อสูรที่อยู่ในขั้นที่ 6 เขาจึงทราบในทันทีว่าบริเวณที่มีเครื่องหมายระบุมันเป็นสถานที่อันตราย
ตั้งแต่ตอนนั้น หยางไค่เดินอ้อมบริเวณที่มีเครื่องหมายระบุเอาไว้ และเขาไม่พบเจอสัตว์อสูรหรือความเดือดร้อนใดๆ แม้แต่น้อย
หยางไค่เดินไปยังทั่วทั้ง 4 ทิศ เดินจากทิศตะวันออกไปยังทิศทางตะวัน โดยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งเดือน เขาก็สามารถสำรวจเกาะซ่อนเร้นจนทั่วทุกแห่งน สมบัติล้ำค่าแห่งฟ้าสวรรค์ที่สามารถเก็บมันเอาไว้ หยางไค่ได้เก็บมันทั้งหมดและบรรจุไว้ในถุงผ้าจนหมด
สิ่งเหล่านี้ เป็นสมบัติแห่งฟ้าสวรรค์ที่ล้ำค่า เขาสามารถเก็บเกี่ยวมันได้อย่างมาก มากกว่าการเก็บเกี่ยวในเกาะหยุนเซี่ยถึง 10 เท่า
นอกจากนั้นเขายังได้รับสมบัติแห่งฟ้าสวรรค์ที่มีคุณสมบัติของพลังหยางเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งตอนนี้ จุดตันเถียนของหยางไค่มีหยดน้ำพลังลมปราณหยางทั้งสิ้น 300 หยด
หยดน้ำพลังลมปราณหยาง 300 หยด หากเขาโชคดี ก็อาจจะโบยบินจนถึงเกาะหยุนเซี่ย
แต่มันเป็นเพียงโอกาส หยางไค่ไม่มั่นใจว่าจะเป็นอย่างที่เขาคาดคิดเอาไว้
หากในขณะที่โบยบิน เขาผลัดตกลงไปในทะเล นั่นหมายถึงความตายเพียงอย่างเดียว แม้ว่าเขาจะไม่จมน้ำตาย สัตว์อสูรที่อยู่ใต้ทะเลต้องกลืนกินชีวิตของเขาอย่างแน่นอน
ต้องหาสมบัติตล่ำค่าที่มีคุณสมบัติของพลังหยางอีก เพื่อหลอมละลายมันให้เป็นหยดน้ำพลังลมปราณหยาง จึงจะทำให้แผนการของตนเองสำเร็จอย่างลุ่ล่วง
หรือว่า .ตนเองต้องเข้าถ้ำเสือ ? หยางไค่คุร่นคิดไปมา จิตใจของหยางไค่แสดงออกอย่างเด็ดเดี่ยว เขาได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด !!
Share this: