ตอนที่ 194 ดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์
ตอนที่ 194 ดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์
ในเวลานั้นท้องทะเลที่กว้างไกลเต็มไปด้วยความวุ่นวายที่ไม่สิ้นสุด สำนักต่างๆต่างสูญเสียใบหน้าศักดิ์ศรีของพวกเขา สมบัติล้ำค่าของพวกเขาถูกขโมยไปทำให้แต่ละสำนักต่างเกรี้ยวโกรธอย่างมหันต์
สำนักที่ยิ่งใหญ่ต่างรวมตัวกัน แม้แต่ผู้อาวุโสที่ชราภาพซึ่งกำลังปิดกั้นตัวเองในการบำเพ็ญวิชายุทธุ์ของตนเองยังต้องร่วมมือกัน เพื่อค้นหาร่องรอยที่อยู่ของโจรผู้นั้นในการยึดคืนสมบัติล้ำค่าที่หายไปของพวกเขา
ในที่สุดความพยายามของพวกเขามิได้เสียเปล่า หลายเดือนที่สำนักต่างๆคอยสืบสวนหาเบาะแสะ พวกเขาเริ่มมองเห็นร่องรอยและหลักฐานบางอย่าง ทำให้พวกเขายืนยันได้อย่างชัดเจนว่าโจรลึกลับที่ไร้ซึ่งตัวตนคือบุรุษหนุ่มที่ถูกปฏิเสธจากพวกเขาเมื่อ 30 ปีก่อน
ไม่มีใครทราบว่าเขาได้พบเจอกับปฏิหารย์อันน่าทึ่งเช่นไร ระยะเวลาสั้นๆเพียง 30 ปีทำให้เขาบ่มเพาะพลังและฝึกฝนวิชายุทธุ์ของตนเองจนอยู่ในเขตแดนที่ไม่มีใครหยั่งถึงได้
ในที่สุดเหล่าสำนักที่ยิ่งใหญ่รู้แล้วว่าใครเป็นคนขโมยสมบัติล้ำค่าของพวกเขาไป แท้จริงโจรลึกลับที่ขโมยสมบัติล้ำค่าของพวกเขาคือบุรุษหนุ่มผู้เคียดแค้นที่พวกเขาไม่รับเขาเข้าเป็นศิษย์และยังขับไล่เขาอย่างไม่ใยดี เขาต้องการสั่งสอนและให้บทเรียนที่น่าอัปยศอดสูให้แก่พวกเขาเท่านั้น
ยอดฝีมือแห่งสำนักที่ยิ่งใหญ่ต่างๆรวมมือกับเผชิญหน้ากับบุรุษหนุ่มผู้นั้นเพื่อทวงคืนสมบัติล้ำค่าของพวกเขา แต่พวกเขาถูกปฏิเสธจากบุรุษหนุ่ม ทั้งสองฝ่ายจึงกระโจนเข้าสู่การต่อสู้แห่งความเป็นความตายที่ยิ่งใหญ่ในท้องทะเลที่กว้างไกล
บุรุษหนุ่มต่อสู้กับยอดฝีมือหลายสิบสำนักเพียงคนเดียว การต่อสู้ในครั้งนั้น เกาะที่ตั้งอย่างโดดเดี่ยวในท้องทะเลถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก ยอดฝีมือของสำนักต่างๆล้มตายและได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส แต่สำหรับบุรุษหนุ่มผู้นั้น ไม่มีใครรู้ว่าเขายังมีชีวิตหรือล้มตายไป
เพราะหลังจากที่ยอดฝีมือเหล่านั้นกลับมาจากการต่อสู้กับบุรุษหนุ่มผู้นั้น ไม่มีใครเปิดเผยหรือกล่าวถึงเรื่องนั้นอีกเลย
บางคนกล่าวว่าเขาถูกสังหาร บางคนกล่าวว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและกำลังหลบหนี ไม่มีใครล่วงรู้ความจริงว่าเป็นอย่างไร
จากเวลาที่ไหลผ่านไป ยอดฝีมือที่เข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนั้นล้มตายจนหมดสิ้น เรื่องนี้จึงค่อยๆจางหายไป และยังไม่พบสมบัติล้ำค่าที่ถูกขโมยไป
เดิมทีหยางไค่คิดว่าเรื่องราวที่เขาได้ฟังเป็นเพียงเรื่องราวที่สืบทอดมาจากคนรุ่นก่อน เพราะในเมืองไห่เฉินมีเรื่องราวตำนานต่างๆที่มากมาย พวกเขาต่างกล่าวว่าผู้บันทึกได้บันทึกเรื่องราวต่างๆออกมาโดยที่ยังไม่ได้กินข้าว แต่เขาได้ดื่มเหล่าองุ่นเข้าไปเป็นจำนวนมาก เขาจึงบันทึกเรื่องราวทั้งหมด 10 เรื่อง หากมี 3 เรื่องใน 10 เรื่องเป็นเรื่องจริงก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง และเรื่องราวทั้ง 3 เรื่องยังถูกถ่ายทอดเล่าสู่รุ่นสู่เรื่อง เพื่อไม่ให้เรื่องราวนี้จางหายไป พวกเขาจึงเติมแต่งเรื่องราวที่เกินจริง ทำให้มันสูญเสียเค้าโครงเดิมของมันไปอย่างสิ้นเชิง
แต่ ในวันนี้สิ่งที่เขาพบเห็นด้วยตาของเขาทั้งหมด หยางไค่ทราบในทันที ว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องราวที่เล่าขาน แต่เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริง
ตราประทับของสำนักไท่ยี่ ต้อใช้วิชาปราณจิตแห่งสำนักไท่ยี่ในการขับเคลื่อนมัน มันจึงจะกลายเป็นอาวุธแห่งการโจมตีที่เต็มไปด้วยพลังแห่งการฆ่าที่มากมายมหาศาล ในตอนนี้ มันถูกวางอยู่บนชั้นหิน และยังถูกปกคุลมด้วยชั้นฝุ่นที่หนาเตอะ
คัมภีร์แห่งวิชาการต่อสู้ของเกาะเมฆาบรรพกาล กระบี่มารโลหิตของนิกายซิ่วหล่อ บุพผาโลหิตพันปีของพรรคบุพผาโรยรา .
สิ่งของชิ้นนไหนที่ไม่มีค่า สิ่งของชิ้นไหนที่ไม่มีความหมายต่อสำนักเหล่านั้น ?
แม้ว่าสิ่งของบางสิ่งบางอย่างที่วางอยู่บนชั้นหินจะดูไร้ค่า แต่ในเมื่อมันวางอยู่บนขั้นหินแห่งนี้ สำนักสำนักต่างๆแล้วนั้นมันต้องเป็นสมบัติล้ำค่าของพวกเขาอย่างแน่นอน !!
ที่แท้ สิ่งของที่บุรุษหนุ่มผู้นั้นขโมยออกมา ถูกเก็บรวบรวมอยู่ในสถานที่แห่งนี้ !!
หัวใจของหยางไค่ตื่นเต้นด้วยความดีใจ หากสิ่งของเหล่านั้นได้ออกสู่สายตาของผู้คนแห่งยุทธภพ หยางไค่สามารถจินตนากรถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น มันต้องสร้างความตื่นตะลึงให้แก่สำนักที่ยิ่งใหญ่ที่ตั้งอยู่ในท้องทะเลที่กว้างไกลอย่างแน่นอน
โอ้ว สมบัติล้ำค่าเหล่านี้มีจำนวนที่ไม่มาก นายน้อยต้องการจะเก็บมันเอาไว้สัก 2-3 ชิ้นหรือไม่ ? มารปฐพีกล่าวถามอย่างกะทันหัน
สมบัติล้ำค่าที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้มีจำนวนที่ไม่มาก มันมีเพียง 3 ชิ้นเท่านั้น นอกเสียจากตราปราทับที่ต้องใช้ควบคู่กับเคล็ดวิชาปราณจิตของสำนักไท่ยี่ หากต้องการใช้สมบัติที่เหลืออีก 2 ชิ้นก็สามารถเก็บมันเอาไว้ สมบัติเหล่านี้ อย่างน้องที่สุดมันต้องอยู่ในขั้นฟ้าสวรรค์ จิตใจของหยางไค่จึงสั่นไหวด้วยความต้องการโดยธรรมชาติ
แต่เมื่อใดที่เขาใช้สมบัติล้ำค่าเหล่านี้ หากถูกพบเห็นโดยยอดฝีมือของสำนักนั้นๆ จะเกิดปัญหาตามมาอย่างแน่นอน ดังนั้นหยางไค่จึงยังคงลังเลที่จะเก็บมันเอาไว้กับตัว
หยางไค่ไม่ได้สนใจคำกล่าวถามของมารปฐพี หยางไค่วางสิ่งของที่อยู่ในมือไปยังชั้นหินเหมือนเดิม ก่อนจะเดินเข้าไปทีละก้าวทีละก้าว
หลังจากที่เดินไปได้ไม่นาย พลังแห่งฟ้าสวรรค์ที่บริสุทธุ์โชยมาจากด้านหน้า ด้านหน้าที่ไม่ไกลจากเขามาก มีแสงประกายที่มีสีสันที่งดงามดั่งสีรุ้งประกายออกมา เกิดเป็นภาพเหตุการณ์ที่น่าหลงไหลอย่างยิ่ง
สีหน้าของหยางไค่ประกายด้วยความตื่นเต้น เขารีบเร่งฝีเท้าในการก้าวเดินของตนเอง
หลังจากที่เขาเดินอ้อมเข้าไป เขาได้เดินเข้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่งที่ดูเหมือนเป็นสถานที่พักผ่อน แสงประกายแห่งแสงสีรุ้งที่งดงามประกายมาจากบริเวณนี้
เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง หยางไค่มองเห็นดอกบัวที่มีขนาดเท่าใบหน้าคนลอยอยู่บนกลางอากาศ ด้านข้างของดอกบัว ยังมีม่านแห่งหยดน้ำที่กำลังปกคลุมดอกบัวสีรุ้งจากด้านนอก
ดูเหมือนว่ามันเป็นหยดน้ำ แต่มันกลับไม่ใช่หยดน้ำ มันทำให้จิตใจของหยางไค่สั่นไหวอย่างแปลกประหลาด และยังทำให้จิตวิญญาณของเขากำลังตื่นตระหนกอย่างไม่มั่นคง
!! มารปฐพีกล่าวด้วยความตกใจ : มันเป็นดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์!! โอ้วสวรรค์ สถานที่แห่งนี้ได้ปราฏกดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์!! และยังเป็นดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์สีรุ้ง !!
มีค่าไหม ? หยางไค่เลียริมปากตนเองและกล่าวถามด้วยความตื่นเต้น
ไม่ได้มีค่าเพียงอย่างเดียว แต่มันเป็นสมบัติวิเศษที่ล้ำค่า !! มารปฐพีกล่าวด้วยความตื่นเต้นถึงขีดสุด : มันเป็นดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์เชียวน่ะ ในใต้หล้ายุทธภพที่กว้างไกลมันเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกยุทธุ์ทุกคนใฝ่ฝันที่จะครอบครอง ไม่ว่าความแข็งแกร่งของเจ้าจะสูงเพียงใด ไม่ว่าเจ้าจะฝึกฝนวิชายุทธุ์จนแข็งแกร่งแค่ไหน สิ่งนี้จะมีประโยชน์ต่อเจ้าอย่างยิ่ง !! ข้า .ทำไมในตอนนั้นข้าถึงไม่ค้นพบสมบัติวิเศษที่ล้ำค่าเช่นนี้ ?
หยางไค่หัวเราะฮึๆ : จากคำกล่าวของเจ้า เจ้าคงไม่สามารถครอบครองสมบัติชิ้นนี้ ?
จิตวิญญาณของมารปฐพีสั่นสะท้านเขากล่าวตอบอย่างรวดเร็ว : นายน้อยอย่าล้อเล่น ในตอนนี้ข้าเป็นเพียงจิตวิญญาณ อย่าว่าแต่ครองครอบมันเลย หากสัมผัสกับมันเพียงน้อยนิด หากไม่ถูกดูดกลืนจากมันคงเป็นเรื่องที่น่าแปลก
บอกข้ามาสิ่ง ดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์มีประโยชน์เช่นไร ? เจ้าเป็นมารปฐพีแห่งบรรพกาลที่มีอายุยืนนาน อย่าเอาแต่แสดงท่าทีที่ตื่นตกใจเพียงอย่างเดียวสิ
มารปฐพีสำลักในคำกล่าวของหยางไค่ เขาคิดอยู่ในภายในว่าหยางไค่ไม่ทราบสิ่งใดเลย ดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์เป็นสมบัติหายากและล้ำค่ามากที่สุด ดังนั้นเขาจึงแสดงกิริยาเช่นนั้นออกมา หากเจ้าทราบวิธีการใช้และประโยชน์ที่น่าทึ่งของมัน เจ้าคงต้องแสดงอาการตื่นตกใจเหมือนตัวข้าเช่นเดียวกัน
บ้าเอ้ย !! ทำไมโชคชะตาไม่เข้าข้า เหมือนนายน้อยบ้าง ? ราวกับว่าโชคชะตาเข้าข้างนายน้อยอย่างถึงที่สุด เพราะก่อนหน้านั้นเขาเพิ่งหลอมละลายพลังแห่งฟ้าสวรรค์จากแมลงกลืนฟ้า ทำให้ได้รับพลังอำนาจแห่งการโบยบินจากเพลิงปีกอัคคีโลกันย์ ในตอนนี้เขายังพบเจอกับดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์ โชคชะตาเช่นนี้จะต้องพลิกโชคชะตาของตนเองกี่ครั้งถึงจะได้รับความโชคที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ?
จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาและเกลียดชัง มารปฐพีต้องกดทับมันเอาไว้จึงจะสามารถสงบสติอารมณ์ของตนเองและกลับมามีสติสัมปชญะอีกครั้ง เขากล่าวอย่างจริงจัง : ดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์ มีชื่อเสียงที่กว้างไกล มันเป็นสมบัติวิเศษแห่งฟ้าดินที่ช่วยฟื้นฟูและสมานจิตวิญญาน ปราณสัมผัส นายน้อยท่านทราบหรือไม่ว่ามันคือสิ่งใด ? แม้ว่าในเวลานี้ความแข็งแกร่งของนายน้อยจะอยู่ในเขตแดนลมปราณหมุนเวียน ไม่สามารถฝึกฝนปราณสัมผัสทางจิตวิญญาน แต่ไม่ว่าอย่างไรมันจะฝังอยู่ในจิตใต้สำนักของท่าน การรับรู้ทุกสิ่งอย่างของนายน้อยจะเกิดขึ้นจากจิตวิญญาน หลังจากที่นายน้อยก้าวเข้าสู่เขตแดนเทพสวรรค์ นายน้อยจะสามารถฝึกฝนมันได้ ปราณสัมผัสทางจิตวิญญานที่แข็งแกร่งมากเท่าใด จะทำให้รับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างอย่างชัดเจน หากการต่อสู้ระหว่างคนสองคนที่มีเขตแดนที่เท่าเทียมกัน ผู้ที่มีปราณสัมผัสทางจิตวิญญานที่แข็งแกร่งกว่าจะเป็นฝ่ายที่เหนือกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อหยางไค่ได้ยินเขาขมวคดิ้วด้วยความขุ่นเคืองใจและกล่าวหยุดยั้งเขา : กล่าวในสิ่งที่สำคัญ !!
มารปฐพีที่ชราภาพคงเห็นเขาเป็นเด็ก 3 ขวบทและกำลังสั่นสอนเขา ? ปราณสัมผัสทางจิตวิญญานแม้ว่าหยางไค่จะไม่สามารถฝึกฝนมันได้ แต่ตัวเขาทราบดีว่ามันคือสิ่งใด
ขอรับ มารปฐพีกล่าวต่อด้วยความอึดอัดใจ : ปราณสัมผัสทางจิตวิญญานมีการฝึกฝนที่ยากลำบากแสนเข็ย มันยากยิ่งกว่าการบ่มเพาะพลังแห่งความแข็งแกร่งของร่างกายไม่รู้กี่เท่า แต่มีสมบัติแห่งฟ้าสวรรค์บางอย่างที่สามารถเพิ่มพลังแห่งจิตวิญญาณได้ และดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์ เป็นสมบัติที่ศักดิ์สิทธิ์และล้ำค่าที่สุด สมบัติแห่งฟ้าสวรรค์เช่นนี้ ไม่มีวันหายไป ไม่มีวันถูกหลอมละลาย เมื่อมันถูกครอบครองจากมนุษย์ มันจะดำรงอยู่ในจิตวิญญานที่อยู่ในจิตใต้สำนักที่ลึกที่สุดของผู้ฝึกยุทธุ์ผู้นั้น โดยที่ไม่ต้องไปสนใจมัน เพราะมันจะคอยดูแลและฟูมฟัจิตวิญญานของผู้ฝึกยุทธุ์อย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุด ทำให้จิตวิญานค่อยๆแข็งแกร่งและกลายเป็นปราณสัมผัสทางจิตวิญญานที่แข็งแกร่งและมั่นคง !!
ไม่สามารถหลอมละลาย และไม่มีวันหายไป ?
ถูกต้อง เพราะในโลกแห่งนี้ไม่มีจิตวิญญานของมนุษย์คนไหนที่จะสามารถหลอมละลายดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์ แม้แต่ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดก็มิอาจหลอมละลายมันได้ !! มารปฐพีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่รุนแรง : มันเป็นสมบัติแห่งฟ้าสวรรค์ที่วิเศษ ความล้ำค่าของมัน มีค่ายิ่งกว่าพลังแห่งแมลงกลืนฟ้าที่นายน้อยหลอมละลายมันไป เพราะมันจะอยู่กับนายน้อยตลอดชีวิต ตั้งแต่วันที่นายน้อยยึดครองมัน ตั้งแต่วินาทีนั้น แม้ว่าชีวิตของนายน้อยจะสิ้นไป มันจะยังคงหล่อเลี้ยงจิตวิญญานของนายน้อย ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน มันจะค่อยหล่อเลี้ยงอย่างไม่หยุด โดยไม่ต้องพยายามทำสิ่งใด เพียงแต่นั่งทำสมาธิก็เพียงพอแล้ว
สมบัติที่น่าอัศจรรย์ !! ข้าต้องการมัน !! เมื่อหยางไค่ได้ยินดวงตาของเขาประกายแพรวพราว เขาไม่ลังเลที่จะพุ่งเข้าไป
ช้าก่อน !! มารปฐพีกล่าวตะโกนอย่างเสียงดัง : นายน้อยอย่าเพิ่งประมาททำเช่นนั้น
มารปฐพีตกใจจนขวัญหาย การกระทำของหยางไค่แสดงออกอย่างไม่แยแสและไม่คาดหวัง แต่เขากลับพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันทำให้เขาไม่สามารถรับมือได้
เป็นอะไร ? หยางไค่กล่าวถามอย่างไม่พอใจ
นายน้อย ท่านเห็นหรือไม่ว่ารอบๆทั้ง 4 ข้างของดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์มีม่านน้ำที่คล้ายคลึงกับร่างกายของมนุษย์ ? ท่านทราบหรือไม่ว่ามันคือสิ่งใด ? มารปฐพีกล่าวถาม
มันคือะไร?
นีคือจิตวิญญาณของผู้แข็งแกร่งที่เขาหลงเหลือเอาไว้หลังจากที่เขาตายไป !! มันซ่อนเร้นอำนาจทางจิตวิญญานของผู้แข็งแกร่งผู้นั้น
จากเขตแดนลมปราณหมุนเวียนของนายน้อย หากท่านพุ่งออกไปเช่นนั้น ข้ากลัวว่านายน้อยคงจะถูกฆ่าในทันที !
จิตวิญญานความรู้? หยางไค่ตืนตะลึง : หลังจากที่มนุษย์ตายไปจิตวิญญานความรู้จะสามารถรักษามันเอาไว้ ?
จิตวิญญาณแห่งจิตใต้สำนึกเป็นสิ่งที่ไร้ซึ่งรูปร่างและไม่สามารถมองเห็นได้ แต่มันเป็นพลังที่น่าอัศจรรย์ มนุษย์ตายไปดั่งเปลวเทียนที่ดับหมอด เป็นธรรมดาที่จิตวิญญาณของเขามิอาจที่จะรักษาเอาไว้
บุคคลอื่นๆมิอาจทำได้ แต่ผู้ที่มีครอบครองดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์ เมื่อเขาตายไปจะสามารถรักษาจิตวิญญานความรู้ของเขาเอาไว้ได้ มันเป็นคุณสมบัติที่แข็งแกร่งอย่างหนึ่งของดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์ มารปฐพีกล่าวอธิบาย : ถูกต้อง หากนายน้อยได้ครอบครองดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์ วันไหนที่นายน้อยตายไป มันจะเป็นเช่นนี้
หยางไค่กรอกตาไปมาเขาก้มหน้าลงมองด้านหลัง ซึ่งพบเห็นด้านล่างของดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์มีกองกระดูกสีขาวกองหนึ่ง กองกระดูกเหล่านี้ คงเป็นบุรุณหนุ่มที่สร้างความโกลาหลให้แก่ท้องทะเลที่กว้างไกลอย่างแน่นอน
เขาตายอยู่ตรงนร้ แต่ดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์ได้เก็บรักษาจิตวิญญานแห่งความรู้ของเขาเอาไว้
คิ้วของหยางไค่กระตุกไปมา เขากล่าวถามอีกครั้ง : มารปฐพีเจ้ากำลังต้องการพลังแห่งวิญญานเช่นนี้ไม่ใช่หรือไง ?
มารปฐพีหัวเราะอย่างขมขื่น : มันเป็นดั่งที่นายน้อยกล่าว หากนายน้อยไม่มีคำสั่งอื่นๆ ข้าจะเริ่มกลืนกินจิตวิญญานแห่งความรู้ของมนุษย์ผู้นี้
มันจะใช้เวลานานเท่าไหร่?
ข้าไม่แน่ใจ อย่างน้อยหนึ่งเดือน มารปฐพีกล่าวตอบ : เพราะมนุษย์ผู้นี้เป็นผู้แข็งแกร่งในขณะที่เขามีชีวิต และยังมีการช่วยเหลือจากดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์ จิตวิญญานแห่งความรู้ของเขาจะแข็งแกร่งอย่างมาก !!
1 เดือน ข้าจะคอยปกป้องเจ้า หยางไค่พยักหน้า
ไม่ต้อง นายน้อยท่านไปดูฝั่งโน่นสิ ในบริเวณี้คงไม่ได้มีเพียงดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์เพียงอย่างเดียว
หยางไค่หันหน้ามองออกไป และพบว่าด้านล่างของถ้ำมีหมอกสีขาวสที่หนาแน่นพุ่งออกมา หยางไค่สามารถมองเห็นพลังของมันด้วยตาเปล่า ตั้งแต่ที่มาถึงตรงนี้ หยางไค่ถูกดึงดูดด้วยดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์สีรุ้ง จึงทำให้เขาไม่ได้สนใจบริเวณอื่นๆ
มันคือสิ่งใด ?
พลังแห่งฟ้าสวรรค์ที่บริสุทธุ์ หรือที่เรียกว่าชีพจรปฐพี !! นายน้อยท่านโชคดีเหลือเกิน ท่านไปดูดซับพลังแห่งชีพจรปฐพีนั้นเพื่อบ่มเพาะพลังของท่าน หลังจากที่ข้าหลอมละลายจิตวิญญานความรู้เหล่านี้ แล้วจึงมาดูดซับพลังของดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์สีรุ้ง
มันคือชีพจรปฐพี ? หยางไค่ตื่นตะลึง โจรผู้นั้นได้ค้นหาสถานที่เหมาะสมในการเพาะปลูกพลังของตนเอง ไม่น่าแปลกว่าทำไมระยะเวลาเพียง 30 ปี เขาจึงสามารถบ่มเพาะพลังความแข็งแกร่งของตนเองจนไม่มีใครสามารถเอาชนะเขาได้
เพราะเขามีความช่วยเหลือจากดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์สีรุ้งและพลังแห่งชีพจรปฐพี
พลังแห่งชีพจรปฐพีที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยกำลังจะแห้งเหือด มารปฐพีกล่าว
ได้ เจ้าไปสิ่งที่เจ้าต้องทำ ไม่ต้องสนใจข้า !!
มารปฐพีดีใจอย่างยิ่ง เขาพุ่งบินออกไปพร้อมกับเข็มสลายวิญญาน พุ่่งเข้าไปยังจิตวิญญานความรู้และเริ่มดูดกลืนมันอยางบ้าคลั่ง หยางไค่ได้ยินเสียงที่พึงพอใจของมารปฐพี ราวกับบุรุษที่หิวโหยได้โอบกอดสตรีเปลือยกายที่งดงามอย่างที่สุด