ตอนที่ 191 เพลิงปีกอัคคีโลกันย์
ตอนที่ 191 เพลิงปีกอัคคีโลกันย์
หากมารปฐพีกล้าสาบานด้วยจิติวิญญานของเขานั้นหมายความว่าเขาต้องมีความมั่นใจถึง 9 ส่วน
เมื่อได้ยินมารปฐพีกล่าวเช่นนี้ สีหน้าของหยางไค่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความเคร่งเครียดอีกครั้ง
หากว่าแมลงกลืนฟ้าซ่อนเร้นพลังจากฟ้าดิน ตัวเขาเองต้องได้รับผลตอบลัพธุ์ที่ดีอย่างแน่นอน เมื่อหวนคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด หยางไค่เริ่มมุ่งเน้นความสนใจของตนเองไปยังไหล่ทั้งสองข้างของเขา
เมื่อเขาสามารถหลอมละลายพลังแปลกประหลาดที่อยู่ในจุดตันเถียน ไหล่ทั้งสองข้างของเขารู้สึกร้อนดั่งถูกเปลวเพลิง นอกจากนั้น ไม่ม่ีอะไรเกิดขึ้นหรือผิดปกติไปเลย
เมื่อมุ่นเน้นความสนใจไปยังไหล่ทั้งสองข้างของเขา หยางไค่รู้สึกว่าพลังลมปราณไหลเวียนไปยังไหล่ทั้งสองอย่างต่อเนื่อง จิตใจของเขาเริ่มก่อเกิดความรู้สึกผิดแปลกขึ้นมาในทันที
เมื่อความรู้สึกเช่นนีั้ก่อกำเนิดขึ้น ทำให้เขาเริ่มถ่ายทอดพลังลมปราณไปยังไหลทั้งสองของเขาอย่างมหาศาล
ทันใดนั้น สิ่งที่ปิดกั้นความรู้สึกของเขาได้พังทลายลง
ฮวา ทันใดนั้นแสงสว่างประกายออกมาอย่างกะทันหันทำให้ถ้ำใต้ดินที่มืดมิดพลันสว่างไสวในทันที แม้แต่หยางไค่ยังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
โอ้ สวรรค์ . เสียงคร่ำครวญของมารปฐพีดังขึ้น หากเขามีกายหยาบ ในเวลานี้เขาคงแสดงท่าทีที่อึ้งจนเบิกตาพาโพลง อ้าปากค้างอย่างแน่นอน ไม่รู้ว่ามารปฐพีมีชีวิตในโลกมนุษย์ทั้งหมดกีปีแม้ว่าตลอดที่ผ่านมาเขาจะถูกปิดผนึกเอาไว้ เมื่อไม่นานมานี้เขาเพิ่งถูกปลดปล่อยจากการถูกผนึก แต่ในวันนี้เขากลับคร่ำครวญออกมาโดยมิอาจห้ามปรามได้ ในโลกนี้ยังมีเรื่องน่าอัศจรรย์เช่นไรจึงทำให้เขาแสดงกิริยาเช่นนี้ออกมา
เพราะในตอนนี้ เขากำลังตะลึงจนเกือบเสียสติ
นี่คือ หยางไค่ตกตะลึงจนตัวแข็งทื่อเช่นเดียวกัน เขาไม่เคยคาดคิดว่าเรื่องราวอันน่าอัศจรรย์จะเกิดขึ้น
ด้านหลังของเขา กลับมีปีกที่ก่อกำเนิดขึ้นจากพลังลมปราณหยางที่บริสุทธุ์ปรากฏขึ้น ปีกนั้นไม่ใหญ่มาก มขนาดเพียงครึ่งชุ่นเท่านั้น รูปร่างของมันที่ก่อกำเนิดขึ้นจากพลังลมปราณหยางเคลื่อนไหวไปมาอย่างไม่เสถียร์และมีรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไปมาตามความคิดและอารมณ์ของหยางไค่
เมื่อหันหลังกลับไปมอง ดวงตาของหยางไค่สั่นเทาด้วยความตื่นตกใจ
ในตอนนี้ปีกคู่ที่ถือกำเนิดบนไหล่ทั้งสองของเขาได้ขยายใหญ่ขึ้นซึ่งเผยให้เห็นความงดงามที่มิอาจเปรียบเปรย โดยเฉพาะสีสันของพลังลมปราณหยางที่ร้อนแรง มันเปรียบดั่งเปลวเพลิงที่สามารถแผดเผาทุกสิ่งอย่าง ให้ความรู้สึกที่ตื่นตะลึงจนมิอาจยับยั้นจากผู้พบเห็น
หยางไค่และมารปบพีไมกล่าวสิ่งใดออกไป ราวกบว่าพวกเขาได้สูญเสียความสามารถในการพูด ความสนใจของพวกเขาทั้งหมดต่างจดจ่อกับปีกที่งดงามคู่นั้น
ผ่านไปเป็นเวลานั้น หยางไค่จึงเริ่มฟื้นคืนสติ เขาขมวดคิ้วและกล่าวถามอย่างรวดเร็ว : มารปฐพี สิ่งนี้เรียกว่าอะไร ?
มารปฐพีกลืนน้ำลายและกล่าวตอบ : เพลิงปีกอัคคีโลกันย์ !! พลังสวรรค์แห่งการโบยบิน !!
สมบัติวิเศษ ?
ไม่ สิ่งนี้ล้ำค่ายิ่งกว่าสมบัติวิเศษ นี้คือพลังที่ฟ้าสวรรค์มอบให้แก่นายน้อย ความน่าอัศรรย์ที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน ข้าไม่สามารถกล่าวอธิบายให้แก่นายน้อย มีเพียงนายน้อยที่จะสามารถสำแดงพลังอำนาจมันออกมาในอนาคต
หยางไค่พยักหน้าเล็กน้อย เมื่อเขาสั่งการทางจิตวิญญานผ่านไป เพลิงปีกอัคคีโลกันย์ ของเขากระพือไปมาในทันที ทำให้ถ้ำใต้ดินก่อเกิดลมวายุที่รุนแรง ทำให้ตัวเขาเองค่อยๆโผบินเหนือพื้นดินอย่างน่าอัศจรรย์
แต่เขายังบินได้ไม่สูงนัก กลับกระแทกกับเพดานถ้ำอย่างฉับพลัน เพลิงปีกอัคคีโลกันย์ด้านหลังของเขามลายหายไปในทันที ศีรษะของหยางไค่พุ่งลงไป ทำให้เขาล้มกระแทกลงไปที่พื้นดิน
หลังจากทดสอบเป็นเวลานาน หยางไค่จึงมั่นใจว่าเขาได้รับพลังสวรรค์แห่งการโบยบินจากแมลงกลืนฟ้า เพลิงปีกอัคคีโลกันย์ของเขา ก่อกำเนิดขึ้นจากพลังลมปราณที่บริสุทธุ์ของเขา
หลังจากที่ยืนยันเรื่องนี้อย่างชัดเจน ในที่สุดหยางไค่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หลังจากที่หยางไค่ต้องเข้ามาอยู่ในเกาะซ่อนเร้นกับเหล่าศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ยว แม้ช่วงเวลาที่ผ่านมา หยางไค่ไม่เคยกล่าวพูดกับมารปฐพี แต่เขาก็กังวลใจอยู่ตลอดเวลา เพราะเขาไม่รู้ว่าจะกลับไปได้อย่างไร
เดิมทีเขาคิดจะบ่มเพาะพลังของตนเองจึงขึ้นลมปราณแท้จริง เพื่อให้ตนเองมีพลังในการโบยบิน หรือจับสัตว์อสูรที่โผบินอยู่บนฟากฟ้าเพื่อให้นำพาตนเองกลับไป แต่ไม่ว่าจะอย่างไรวิธีการที่เขาคิดขึ้นมาค่อนข้างเพ้อฝัน
เกาะซ่อนเร้นห่างจากเกาะหยุนเซียหลายพันหลายหมื่นลี้ แม้แต่เขตแดนลมปราณเทพสวรรค์ก็มิอาจบินข้ามไปได้ แล้วเขตแดนลมปราณแท้จริงและสัตว์อสูรจะสามารถโบยบินด้วยระยะทางที่ยาวไกลเช่นนี้ได้อย่างไร ?
แต่ในตอนนี้ ตัวเขาเองสามารถใช้เพลิงปีกอัคคีโลกันย์ที่ก่อกำเนิดขึ้นจากลมปราณหยางของเขา ทำให้ปัญหาที่กังวลใจของหยางไค่ได้รับการแก้ไข
เพลิงปีกอัคคีโลกันย์คู่นี้ จากคำกล่าวของมารปฐพี มันคือพลังแห่งฟ้าดินที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในร่างกายของแมลงกลืนฟ้า มันไม่ใช่สมบัติวิเศษ ไม่ใช่คัมภรี์ ไม่ใช่เคล็ดวิชาแห่งการต่อสูหรือทักษะแห่งการต่อสู แต่มันป็นพลังประเภทหนึ่งที่วิเศษซึ่งต้องหลอมละลายมันเสียก่อน
แต่หากต้องการเปิดใช้งานความสามารถนี้ ต้องสูญเสียบพลังลมปราณจำนวนมากเช่นเดียวกัน นอกจากนั้นยังสูญเสียไปเป็นจำนวนไม่น้อย
ถ้ำใต้ดินแห่งนี้ไม่เหมาะสมที่จะทดสอบเพลิงปีกอัคคีโลกันย์ หยางไค่เก็บอาการดีใจเอาไว้และกล่าวถามข้อสงสัยอีกประการหนึ่ง : มารปฐพี เจ้าคิดว่าเหล่าแมลงที่อยู่ด้านนอก ..
นายน้อยคิดมากไป แมลงกลืนฟ้ามีเพียงน้อยนิด แม้ว่ามันจะมีลูกหลานเหลนโหลนป็นจำนวนมาก แต่ว่าเหล่าแมลงที่อยู่ด้านนอกมิใช่แมลงกลืนฟ้า พวกมันเป็นเพียงสัตว์อสูรเทานั้น มารปฐพีทราบดีว่าหยางไค่กำลังคิดสิ่งใดอยู่
อั๊ย !! หยางไค่ถอนหายใจ แต่เขาก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ฝูงแมลงเหล่านั้นมิอาจที่จะฆ่ามันให้หมด หากแมลงทุกตัวมีพลังแห่งฟ้าดินซ่อนอู่ คงเป็นปัญหาสำหรับเขาอย่างแน่นอน
หยางไค่กล่าวด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม : แต่หลังจากที่ข้าหลอมละลายแมลงกลืนฟ้า ข้ารู้สึกว่าข้ามีอำนาจในการควบคุมแมลงเหล่านั้น !!
เป็นเรื่องจริง? มารปฐพีกล่าวถามด้วยความตื่นตกใจ
ลองดูก็จะรู้เอง การรับรู้ทางจิตวิญญานของหยางไค่เคลื่อนไหว มีฝูงแมลงจำนวนมากพุ่งบินเข้ามา มีทั้งแมลงที่มีรูปร่างเล็กและแมลงที่มีรูปร่างขนาดใหญ่ แต่หลังจากที่พวกเขามาถึงด้านนอกของถ้ำแห่งนี้ พวเขาได้หยุดอย่างกะทันหัน ราวกับว่าถ้ำแห่งนี้เป็นสถานต้องห้ามสำหรับพวกเขา
ฮ่าฮ่า!! เป็นเช่นนั้นจริงๆ หยางไค่หัวเราะด้วยความดีใจ
แต่สิ่งที่ทำให้หยางไค่ดีใจนั้นคือแมลงที่มีรูปร่างขนาดใหญ่ เพราะพวกมันล้วนเป็นสัตว์อสูรขั้นที่ 3 ขั้นที่ 4 และยังมีอีก 2 ตัวที่อยู่ในขั้นที่ 5
สัตว์อสูรขั้นที่ 5 เทียบเท่ายอดฝีมือที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริง
เมื่อค้นหาสมบัติวิเศษในเกาะซ่อนเร้น หากมีความช่วยเหลือจากพวกมัน มันจะทำให้ทุกอย่างง่ายดายยิ่งกว่าเดิม
การเดินทางเข้าถ้ำเสือ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องอย่างยิ่ง
หยางไค่รู้สึกมีความสุข เขาเดินออกจากถ้ำแห่งนี้ แมลงเหล่านั้นต่างหลีกทางให้แก่เขาอย่างรวดเร็ว เมื่อมารปฐพีมองเห็นฉากเหตุการณ์เช่นนีี้ ทำให้เขารู้สึกอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง
เรืองราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ หยางไค่ตั้งใจที่จะออกจากถ้ำแมลงแห่งนี้ทันที และนำพาฝูงแมลงเหล่านี้ร่วมเดินทางไปด้วย แต่ทันใดนั้นเขาฉุกคิดถึงคนคนหนึ่ง
ยู่เอ้าชิง !! สตรีแห่งสำนักหยุนเซี่ยที่หยิงยะโส ซึ่งไม่ทราบว่าในตอนนี้นางเป็นเช่นไร
หากในตอนนี้นางตายไปแล้ว ร่างกาย ความแค้นทั้งหมดทั้งปวงของนางคงย่อยสลายไปกับดินทราบย หากว่านางยังไม่ตาย หยางไค่จะพานางออกไปด้วยกัน
ไม่ใช่เพราะหยางไค่จะดูแลนาง แต่เพราะในเกาะซ่อนเร้นยังมียอดฝีมือหลงเหลืออยู่ภายใน หากว่าตนเองพบเจอกับยอดฝีมือโดยบังเอิญ เมื่อมียู่เอ้าชิงอยู่เคียงข้าง นางอาจจะสามารถช่วยเขาได้
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หยางไค่จึงเดินไปยังสถานที่คุมขังยู่เอ้าชิง
เขาเดินไปเป็นเวลานาน ในที่สุดก็มาถึงถ้ำใตดินที่คุมขังยู่เอ้าชิง หยางไค่จ้องมองไป สีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างกะทันหัน
คุกแห่งนี้ ไม่ได้ีเพียงยู่เอ้าชิงเพียงคนเดียว
นอกจากนั้นแล้ว ยังมีคนอีก 3 คน
2 ใน 3 คนเป็นศิษย์รุ่นเยาว์แห่งสำนักหยุนเซี่ย และอีกคนเป็นผู้อาวุโสแห่งสำนักหยุนเซี่ย ในขณะที่อยู่บนเรือมังกร หยางไค่เคยได้ยินเชื่อของพวกเขา
ม้งซิงหยวน แม้ว่าอำนาจของเขามิอาจเทียบกับยู่ซิ่วผิง แต่เขาเป็นถึงยอดฝีมือที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริงขั้นที่ 7
พวกเขาเข้ามาอยู่ที่นี้ได้อย่างไร ? หยางไค่แสดงสีหน้าที่แปลกใจ
การที่ม้งซิงหยวนอยู่ในคุกคุมขังแห่งนี้ ถือเป็นความโชคดีของยู่เอ้าชิง ในวันนั้นหลังจากที่เรือมังกรแตกสลาย คนแห่งสำนักหยุนเซี่ยกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ ม้งซิงหยวนรวบรวมศิษย์ได้หลายคน เช่นเดียวกับยู่เอ้าชิง พวกเขาได้ค้นหาสิ่งของวิเศษและพรรคพวกของตนเองในเกาะซ่อนเร้น
หลังจากที่อยู่ในเกาะซ่อนเร้นเป็นเวลานาน หลังจากที่เผชิญหน้ากับอันตรายที่มากมาย ศิษย์สาวกต่างล้มตายและได้รับบาดเจ็บสาหัส ในวันนี้จึงเหลือศิษย์สาวกเพียง 2 คนเท่านั้น
ในวันนี้เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงบริเวณนี้ พวกเขาได้พบกับหมอกพิษและฝูงแมลงที่แปลกประหลาด ม้งซิงหยวนได้นำพาศิษย์สาวกทั้งสองที่เหลือเข้ามาสำรวจบริเวณใกล้เคียง ซึ่งพบเห็นซากศพของจี่หยวน ในที่สุดพวกเขาจึงได้มาถึงถ้ำแมลงแห่งนี้
ที่ปากถ้ำมีเศษผ้าที่ขาดรุ่ยของยู่เอ้าชิง ม้งซิงหยวนทราบดีว่าสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ปลอดภัย เขาจึงนำศิษย์สาวกทั้งสองลักลอบเข้ามาภายในถ้ำแมลงแห่งนี้ เดิมทีพวกเขาคิดว่าพวกเขาโชคดีปลอดภัยตลอดทาง เพราะพวกเขาไม่พบเจอกับการโจมตีเล
ย ในที่สุดพวกเขาก็ค้นพบยู่เอ้าชิงได้อย่างง่ายดาย
แต่พวกเขาหารู้ไม่ แมลงเหล่านั้นถูกเรียกตัวไปโดยหยางไค่ ดังนั้นพวกเขาจึงเดินทางเข้ามาอย่างง่ายดาย
เมื่อหยางไค่กลับมา ม้งซิงหยวนและศิษย์สาวกทั้งสองแห่งสำนักหยุนเซี่ยมาถึงไม่นาน ในเวลานี้ราวกับว่าจิตวิญญานของยู่เอ้าชิงได้หลุดลอยออกไป จิตใจที่หวาดกลัว่าจะต้องพบเจอกับชะตากรรมที่โหดเหี้ยมเช่นเดียวกับจายู่วและหล่อเซียงเซียง
ในขณะที่พวกเขากำลังกล่าวสนทนา หยางไค่ได้ปรากฏตัวขึ้น ทั้งสองฝ่ายต่างตะลึงซึ่งกันและกัน
ม้งซิงหยวนจำได้ว่าพวกเขาไม่เคยมีศิษย์สาวกหน้าตาเช่นนี้ ยู่เอ้าชิงก็แสดงสีหน้าที่ตกใจเพราะนางไม่คิดว่าหยางไค่จะมีชีวิตรอดกลับมา
แต่ในไม่ช้า สายตาที่ตื่นตะลึงของยู่เอ้าชิงแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังและความเกรี้ยวโกรธ นางกัดฟันแน่นและกล่าว : อาจารย์ม้ง คนคนนี้มิใช่ศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ย แต่เป็นโจรที่แอบขึ้นมาบนเรือของพวกเรา จี่หยวนถูกฆ่าโดยเขา อาจารย์ม้ง ได้โปรดแก้แค้นแทนจี่หยวนด้วย
นางไม่ได้กล่าวถึงเรื่องราวที่หยางไค่กระทำอย่างหยางคายต่อนาง เพราะหากเรื่องนี้แพร่สะบัดออกไปคงไม่ส่งผลดีต่อนางอย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้นางไม่กล้าต่อว่าหยางไค่ เพราะในคุกขังแห่งนี้มีเพียงนางและหยางไค่เท่านั้น นอกจากนั้นจิตใจของนางก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง นางจึงไม่ใช้คู่ต่อสู้ของหยางไค่
แต่ในเวลานี้ไม่เหมือนกัน ม้งซิงหยวนอยู่ที่นี้ ตัวนางเองได้รับการค้มครองจากเขา เมื่อเผชิญหน้ากับบุรุษที่เคยฉีกเสื้อผ้าของนาง บีบเค้นร่างกายของนาง ย่เอ้าชิงจะยอมปล่อยเข้าไปได้อย่างไร ?
นางเกลียดชังหยางไค่จนอยากฉีกหยางไค่เป็นชิ้นๆ เพื่อทำลายความโกรธในจิตใจ !!
เมื่อเขาตาย เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้นจะไม่มีใครรู้ ตนองจะกลายเป็นสตรีสูงศักดิ์ของสำนักหยุนเซี่ยต่อไป !!
หลังจากได้ที่กล่าวเช่นนี้ออกไป ยู่เอ้าชิงเอียงศีรษะเล็กน้อย นางจ้องมองหยางไค่ด้วยสีหน้าที่โอหัง สายตาของนางเต็มไปด้วยความต้องการแก้แค้นอย่างถึงที่สุด
สีหน้าของม้งซิงหยวนแสดงออกอย่างเยือกเย็น เขากล่าวตะโกน : เจ้าเด็กน้อยช่างโอหังยิ่งนัก !! เจ้ากล้าฆ่าศิษย์แห่งสำนักหยุนเซี่ยของข้า !! ฆ่ามัน !!
คำกล่าวนี้เขากล่าวให้แก่ศิษย์สาวกทั้งสองแห่งสำนักหยุนเซี่ย
สิ้นเสียงคำกล่าวตะโกนของเขา ศิษย์สาวกทั้งสองพุ่งโจมตีด้วยเจตนาแห่งการฆ่าต่อหยางไค่ในทันที !!
หยางไค่จ้องมองยู่เอ้าชิงด้วยความสงสัยที่ลึกซึ้ง สายตาของประกายด้วยความเย็นชา ร่างกายของเขากระพริบและปรากฏตัวในบริเวณที่ห่างออกไปประมาณ 10 จ้าง เมื่อศิษย์สาวกทั้งสองตามมา หยางไค่ประกายออกไปอีก ติดต่อหลายครั้ง จนมองไม่เห็นร่องรอยของเขาอีกเลย
การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วยิ่งนัก !! ม้งซิงหยวนกล่าวด้วยความตกใจอย่างมิอาจห้ามปราม ท่าร่างของเขาน่าอัศจรรย์ยิ่ง เขาไม่ทราบว่ามันคือทักษะในการต่อสู้แขนงใด
ชิงเอ่อ เจ้ายังเดินได้ใช่ไหม ? ม้งซิงหยวนกล่าวถาม
อืม ยู่เอ้าชิงพยักหน้า
ออกไปกับอาจารย์อา ข้าจะดูซิว่าเจ้าหนุ่มน้อยนั้นจะออกไปจากการล้อมรอบของหมอกพิษนั้นได้อย่างไร เราไม่ต้องรีบ หากหมอกพิษนั้นยังดำรงอยู่ แม้แต่ยอดฝีมือที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริงก็อย่าคิดที่จะหนีออกไป นอกเสียจากเขาจะมีสมบัติวิเศษในการโบยบิน
อาจารย์อาต้องฆ่าเขาให้ได้ ก่อนหน้านั้นเขายังย่ำยีศิษย์น้องหล่อเซียงเซียง หากไม่ถูกห้ามปรามจากข้า เขาคงจะประสบความสำเร็จ ดวงตาของยู่เอ้าชิงประกายด้วยความเย็นชา นางจ้องมองหยางไค่ด้วยสายตาที่เกลียดชังราวกับว่าหยางไค่เป็นสิ่งที่น่าขยะแขยงที่สุดสำหรับนาง
ม้งซินหยวนเดือดดาลด้วยความโกรธในทันที : กล้าที่จะทำมิดีมิร้ายต่อศิษย์ของข้า ช่างกล้าหาญยิ่งนัก !! ชิงเอ่อวางใจ เมื่ออาจารย์อาจับตัวมันได้ อาจารย์จะควักเนื้อหนังเส้นเอ็นของมันออกมา !!
ใบหน้าของยู่เอ้าชิงเผยให้เห็นรอยยิ้มที่เย็นยะเยือก