ตอนที่ 188 ต่อต้านและก้าวหน้า
ตอนที่ 188 ต่อต้านและก้าวหน้า
แม้แต่กางเกงสีขาวบางของนางยังถูกหยางไค่ฉีกทิ้ง ในตอนนี้ยู่เอ้าชิงไม่เหลือสิ่งใดปกปิดร่างกายแม้แต่น้อย นางกำลังเปลือยกายต่อหน้าหยางไค่อย่างสมบูรณ์
นางร้องไห้อ้อนวอน หยางไค่ถอดเสื้อผ้าของตนเองซึ่งเผยให้เห็นร่างกายส่วนบนของเขา ลำคอของเขาส่งเสียงหึมฮัมที่รุนแรงโดยมิอาจระงับได้ออกมา
สตรีผู้สูงศักดิ์แห่งสำนักหยุนเซี่ยไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะต่อต้าน นางหลับตาอย่างช้าๆ โดยไม่กรีดร้อง ไม่ขอร้องอ้อนวอนอีกต่อและปล่อยให้น้ำตาไหลรวยหลินออกมาอย่างไม่ขาดสาย
บางที สิ่งที่เมียวหลิงเคยกล่าวว่าอาจจะถูกต้อง
อีกไม่ช้านางต้องเผชิญหน้ากับความตาย แล้วจะเฝ้าปกป้องความบริสุทธุ์ของตนเองทำไม ? แม้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ดูเหมือนจะชั่วร้ายและบ้าคลั่ง แต่เมื่อเทียบกับเมียวหลิงเขาดูเป็นคนดีมากกว่ามาก
ความเจ็บปวดแผ่ซ่านมาจากทรวงอกของนาง เพราะทรวงอกของนางกำลังถูกบีบเค้น ยู่เอ้วชิงจึงครางร้องด้วยเสียงที่น่าสังเวชใจโดยมิอาจห้ามปรามได้
แต่ในขณะที่นางคิดว่านางไม่สามารถปกป้องความบริสุทธุ์ของนาง ร่างกายของนางกำลังจะแปดเปื้อนมลทินจากเด็กหนุ่มคนนี้ เด็กหนุ่มที่คร่อมอยู่บนร่างกายของตนเองได้หยุดลงการกระทำอย่างกะทันหัน
ยู่เอ้าชิงลืมตาขึ้น ซึ่งมองเห็นดวงตาที่แดงก่ำของเด็กหนุ่มกำลังจ้องเขม่งมาที่นาง ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความปรารถนา ความโลภและความหลงใหล แต่ในบางครั้งมันยังมีสายตาที่ต่อต้านประกายผ่านไป
ความร้อนจากลมหายใจของเขาเพียงพอที่จะหล่อมละลายเหล็กกล้า เขาขมวดคิ้วไว้แน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาณ ราวกับว่ากำลังอดทนกับบางสิ่งบางอย่าง
ทันใดนั้น ร่างกายของเขาระเบิดพลังที่ชั่วร้ายออกมาจากจิตใจของเขา ทำให้เขาดูเหมือนปีศาจที่ชั่วร้ายมากขึ้น
จากการระเบิดของพลัง ทำให้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่ง
ลมปราณหมุนเวียนขั้นที่ 4 ขั้นที่ 5 ..ขั้นที่ 8 ขั้นที่ 9 ..
กลิ่นอายลมปราณแห่งเขตแดนผสานลมปราณแพร่กระจายออกมาอย่างกะทันหัน !!
เมื่อความแข็งแกร่งของเขาก้าวไปยังเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 2 ปฏิกิริยาของเขาจึงหยุดลงอย่างช้าๆ
จากความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดวงตาที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งของเขารุนแรงถึงขีดสุด การต่อต้านดิ้นรนของเขาจึงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ทันใดนั้น เขาลุกขึ้นจากร่างกายของตนเองและนั่งคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกล่าวตะโกนด้วยเสียงคำรามที่ต่ำทุ้ม : อยู่ให้ห่างจากข้าที่สุด !! มิฉะนั้นเจ้าต้องรับผลที่ตามมาด้วยตนเอง
ยู่เอ้าชิงที่หวาดกลัวตื่นตกใจกับสิ่งที่นางได้ยิน ราวกับว่านางหลุดพ้นจากฝันร้ายที่น่าสยดสยอง นางพยามใช้มือข้างหนึ่งของนางจับเสื้อที่ฉีกขาดของนาง ก่อนจะปกคลุมไปยังร่างกายที่เปลือยเปล่าของตนเอง นางใช้ขาที่ยังใช้งานได้กระเผลกไปยังมุมหนึ่งของถ้ำอย่างระมัดระวัง นางจ้องมองหยางไค่ด้วยความหวาดกลัวโดยร่างกายสั่นเทาอย่างรุนแรง
หยางไค่มีสติสัมปชญะอย่างสมบูรณ์ !!
ตั้งแต่ต้นจนจบ เขายังมีสติอยูเสมอแม้ในขณะที่เขากระโจนเข้าหายู่เอ้าชิง ฉีกเสื้อผ้าของนางและการสร้างรอยเขี้ยวช้ำจากการกัดให้แก่ร่างกายของนาง
แต่แรงกระตุ้นเช่นนี้ ถึงจุดสูงสุดในขณะที่เมียวหลิงและหล่อเซียงเซียงกำลังร่วมรักกันอย่างดูดดื่ม โดยไม่สามารถที่จะควบคุมมันได้
ความต้องการและความปรารถนาที่ฝังลึกอยู่ภายในร่างกายของเขาแพร่กระจายอารมณ์ความปราถนาความต้องการของเขาอย่างรุนแรง และหยางไค่กำลังต่อต้านอำนาจของมันอย่างสุดกำลัง
ในที่สุดเขาต้องใช้ความอดทนที่ไร้พ่ายจากกระดูดทองคำ จึงทำให้เขาสามารถปราบปรามอารมณ์ที่เดือดพล่านจนสำเร็จ
จนถึงตอนนี้ ในที่สุดหยางไค่ก็เข้าใจถึงความปรารถนาที่ซู่เยียนเองก็มิอาจต่อต้านได้เป็นเช่นไร หากคนที่อยู่ใกล้กับเขาไม่ใช่ยู่เอ้าชิงแต่เป็นซู่เหยียนละก็ แม้ต้องก้าวผ่านเทือกเขาดาบ ทะเลเพลิง หยางไค่จะทำทุกวิธีทางที่จะไปหานาง และร่วมรักกับนางอย่างสุขสม
โลหิตที่อยู่บนทรวงอกเคลื่อนไหวไปมาอย่างรุนแรง ผิวหนังทุกส่วนของร่างกาย กำลังร้องขอกลิ่นกายที่หอมหวานของหญิงสาว
ลมปราณเคลื่อนไหวไปมาอย่างวุ่นวาย มันวุ่นวายและรุนแรงจนเกิดเสียงกระพือออกมา ทำให้เหล่าแมลงแตกตื่นและเดินมาตรวจตราความเรียบร้อยอย่างระมัดระวัง
ร่างกายส่วนบนที่เปลือยเปล่ากลายเป็นสีแดงแห่งโลหิต มันเป็นภาพที่น่าหวาดกลัวสำหรับผู้พบเห็นอย่างยิ่ง
แต่บริเวณที่ไม่ไกลจากเขามาก กลับมีสตรีคนหนึ่งที่งดงามและมิอาจต่อต้านกับการจู่โจมของเขาเพียงแค่ตนเองยินยอมก้สามารถเข้าหานางเพื่อดื่มด่ำกับรสชาติที่หอมหวานจากกามราคะที่ปราถนา สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ถือเป็นบทดสอบที่ยากยิ่ง
ซู่เหยียนที่เขาพยายามไม่นึกถึงกลับปรากฏในความคิดของเขาตลอดเวลา หยางไค่ต่างเก็บความรู้สึกทั้งหมดไว้ในร่างกายของเขาและพยายามเปิดใช้กลุยทธุ์หยางอย่างไม่หยุด แม้แต่ความลึกลับของกระดูกทองคำยังหันเหความสนใจของตนเองไปยังเรื่องอื่นๆ
ก่อนหน้านั้นหยางไค่ได้พบกับความอดทนที่ไร้พ่ายในกระดูกทองคำ แต่หยางไค่ทราบดีว่ากระดูกทองคำยังซ่อนเร้นพลังอำนาจที่ลึกลับบางอย่างไว้ภายใน แต่เพราะตนเองยังไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะทำความเข้าและหยั่งลึกถึงสิ่งที่ซ่อนเร้นไว้ภายใน
เขาจึงใช้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นโอกาสที่จะสัมผัสและทำความเข้าใจกับพลังอำนาจที่ลึกลึกซึ่งซ่อนเร้นอยู่ภายในกระดูกทองคำ
เขาไม่พยายามที่จะใช้ความรู้สึกของตนเองสัมผสความลับของกระดูกทองคำ แต่เพียงแค่สามารถรักษาสัญชาตยานแห่งความปราถนาที่ระเบิดออกมาในตอนนี้
ผลลัพธุ์ที่ได้ค่อนข้างดี แม้สถานการณ์จะไม่เปลี่ยนแปลงไป แต่สุดท้ายอารมณ์และความรู้สึกของตนเองก็นิ่งสงบได้เหมือนเดิม
ยู่เอาชิงก็ทราบดีว่าหยางไค่กำลังพยายามต่อสู้กับอารมณ์ความปรารถนาของตนเองอย่างสุดชีวิต นางจึงไม่กล้าส่งเสียงร้องใดๆ เพื่อดึงดูดความสนใจของหยางไค่ นางจึงขดตัวอยู่ในมุมหนึ่งของถ้ำโดยไม่เคลื่อนไหว
จากเวลาที่ไหลผ่านไป สถานการณ์ของหยางไค่ค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ อารมณ์ความปรารถนาที่ระเบิดออกมาเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ กลิ่นอายแห่งพลังลมปราณที่แพร่กระจายออกมาอย่างผกผันเริ่มเบาลง
และไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน หลังจากกลิ่นอายแห่งความวุ่นวายของหยางไค่มลายหายไป ภายในถ้ำเริ่มกลับสู่ความสงบอีกครั้ง
หยางไค่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาค่อยๆลืมตา การหยิบยืมพลังของความอดทนที่ไร้พ่ายค่อยๆหายไปอย่างช้าๆ เขตแดนของตนเองค่อยๆลดลงและกลับสู่ภาวะปกติ
เขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 1 ลมปราณหมุนเวียนขั้นที่ 9 ขั้นที่ 8 ..ขั้นที่ 5 !!
มันกลับสู่ความเสถียรภาพอีกครั้ง
ความสำเร็จในการต่อต้านความปรารถนานของตนเองทำให้การบ่มเพาะพลังของเขาเพิ่มขึ้น 1 ขั้น แม้มันจะเป็นผลลัพธุ์ที่ได้รับโดยไม่คาดฝัน แต่สีหน้าของหยางไค่ยังนิ่งสงบเหมือนเดิม
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย และนั่งขัดสมาธิโดยไม่ไหวติงและเริ่มทำสมาธิในการฝึกยุทธุ์ต่อไป
ในครั้งนี้หยางไค่สัมผัสและรับรู้ได้ถึงความลึกลับของกระดูกทองคำ แต่เขาไม่ได้รับมันมาเหมือนที่คาดเดาเอาไว้ แม้มันจะไม่มีความก้าวหน้า แต่ภายในใจที่ลึกซึ้ง หยางไค่รู้สึกถึงกำแพงที่ขวางกั้นตนเองเอาไว้ เพียงแค่ทำลายกำแพงที่ขวางกั้นเอาไว้ได้ ความลึกลับของกระดูกทองคำในอีกด้านจะเปิดเผยออกมาอย่างแน่นอน
แต่น่าเสียดาย ที่พลังความแข็งแกร่งของตนเองและความเข้าใจในวิธีแห่งจอมยุทธุ์มีความแตกต่างกันอย่างยิ่ง มันอ่อนด้อยจนไม่สามารถทำลายกำแพงที่ขางกั้นเอาไว้ได้
ต้องรอโอกาสในครั้งหน้าเพื่อสัมผัสความลึกลับของกระดูกทองคำอีกครั้ง
หยางไค่ถอยลมหายใจยาว เขาหันหน้ามองไปทั่วบริเวณ และมองเห็นยู่เอ้าชิงที่อยู่ในมุมหนึ่งกำลังจ้องเขม่งมาที่เขา
ดวงตาที่งดงามของนางประกายด้วยความหวาดกลัว ความเกลียดชังและความโกรธแค้น ไม่ว่าสตรีนางใดเมื่อพาลพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ เป็นเรื่องธรรมดาที่นางจะเกลียดชังและโกรธแค้นเขา
หยางไค่ลุกขึ้น และเดินไปหานางที่ละก้าวทีละก้าว
เจ้าอย่าเข้ามา !! ยู่เอ้าชิงตะโกนด้วยเสียงแข็ง นางค่อยๆถอยห่างออกไป แต่สุดท้ายหลังของนางก็สัมผัสกับกำแพง แล้วนางจะหนีออกไปได้อย่างไร ?
มุมปากของหยางไค่เผยให้เห็นรอยยิ้มที่แปลกประหลาด ก่อนจะค่อยๆนั่งลงตรงหน้าของนาง
เจ้าออกไป !! ยู่เอ้าชิงไม่สามารถใช้มือทั้งสองของนาง แต่นางยังพุ่งศีรษะเข้าหาหยางไค่ด้วยความสิ้นคด หยางไค่ไม่ได้เคลื่อนไหว โดยปล่อยให้ศีรษะของนางชนกับหน้าผากของตนเอง
ปัง !!ร่างกายของยู่เอ้าชิงโอนเอียงไปมา หน้าผากที่ขาวเนียนของนางแดงก่ำอย่างกะทันหัน
หยางไค่เอื้อมมือไปจับแขนครั้งหนึ่งของนาง ก่อนจะดึงไปยังอีกด้าน
คาก !! จากเสียงที่ดังขึ้น ยู่เอ้าชีกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ความเจ็บปวดที่ทรมาณทำให้ร่างกายของนางเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นนางยังได้พุ่งฝ่ามือไปที่หยางไค่
หยางไค่พลิกฝ่ามือและทำลายการโจมตีของนางและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา : หากเจ้าอยากตาย ข้าสามารถฆ่าเจ้าในตอนนี้ !!
สุ้มเสียงที่เยือกเย็น ดวงตาที่ราบเฉย ทำให้ยู่เอ้าชิงหยุดนิ่งอย่างฉับพลัน ในตอนนี้นางจึงทราบว่ากระดูกที่ขาดเป็นสองท่อนของนางได้เชื่อมต่อกันเรียบร้อย
หยางไค่ไม่ได้สนใจกับดวงตาที่ตื่นตะลึงของนาง เขาวางมือลงไปบนขาของนาง และถ่ายทอดพลังลมปราณเข้าไปเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของนาง
ความรู้สึกที่อบอุ่นแผ่ซ่านเข้ามา ทำให้ยู่เอ้าชิงค่อนข้างอึดอัดใจ
เมื่อหยางไค่รักษาอาการบาดเจ็บที่แขนและขาของยู่เอ้าชิงจนเสร็จสิ้น เขาจึงค่อยๆลุกขึ้นและนั่งลงไปอีกมุมหนึ่ง
ยู่เอ้าชิงจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ตื่นตะลึง เขาไม่เชื่อกว่าเด็กหนุ่มคนนี้กลับปฏิบัติต่อตนเองด้วยความปรานาดี เพราะก่อนหน้านี้เขายังใช้พละกำลังที่ดุดันทำร้ายร่างกายของตนเอง และบังคับฝืนใจนางอย่างไม่ใยดี
ตัวเองและเขาไม่เคยมีความรู้สึกแห่งมิตรภาพที่มอบให้แก่กัน และไม่เคยมีความคับแค้นใจ ทำไมเขาถึงทำเช่นนี้ ?
เมื่อไม่เข้าใจ ยู่เอ้าขิงขบฟันแน่น นางเฝ้ามองหยางไค่และค่อยๆสวมใส่เสื้อผ้าของนางอย่างระมัดระวัง
เมื่อเสียงแห่งการเคลื่อนไหวนี้ดังขึ้น หยางไค่ทราบดีว่านางกำลังทำสิ่ง แม้ว่าเขาไม่ลืมตาเขาก็ทราบดีว่านางกำลังอยู่ในสภาพที่เปลือยเปล่า ทำให้ผู้พบเจอจินตนาการไปไกลอย่างลึกซึ้ง แต่สำหรับเขามันไมได้เป็นเช่นนั้น ตนเองไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองมากเท่าใด เมื่อครุ่นคิดอย่าง
ละเอียด อาจเป็นเพราะความปรารถนาแห่งอารมณ์ของบุรุษที่อัดอั้นมาหลายเดือนได้ถูกทำลายไปจนหมดสิ้น ดังนั้นเขาจึงไม่แยแสต่อยู่เอ้าชิง
มันเป็นวิธีการฝึกฝนจิตใจที่ไม่เลว ในขณะที่อารมณ์ความปรารถนาเกิดขึ้น ต้องหาวิธีการต่อต้าน เมื่อสามารถต่อต้านได้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งของจิตใจและร่างกายต่างได้รับผลตอบแทนที่เกินคาด
ทันใดนั้น หยางไค่ค้นพบวิธีการฝึกยุทธุ์ที่เหมาะสมกับตนเอง
ภายในถ้ำเงียบสงบอีกครั้ง หยางไค่และยู๋เอ้าชิงทั้งสองนั่งขัดสมาธอยู่กับคนละฝั่ง พวกเขากำลังอดทนรอ โดยเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความหวาดกลัวโดยพวกเขาทั้งสองยังไม่ปริปากสนทนาแม้แต่คำเดียว
หลังจากที่ผ่านไปประมาณ 1 วัน ด้านนอกมีเสียงการเคลื่อนไหว ดูเหมือนว่าแมลงเหล่านั้นกำลังจะเข้ามาจับพวกเขาไป
หยางไค่แสดงสีหน้าที่เคร่งขรึม เขาลืมตาขึ้น แต่ยู่เอ้าชิงกลับหวาดกลัวอย่างสุดขีด เขากลัวว่าตนเองจะถูกจับไปและถูกฆ่าเฉกเช่นศิษย์น้องทั้ง 3 ของนาง
ในขณะที่กำลังกังวล นางมองเห็นหยางไค่ที่ค่อยๆลุกขึ้นมาเขาค่อยๆเดินออกมาและจ้องมองไปยังทิศทางด้านนอกอย่างสงบ
เขาไม่ได้มีเจตนาที่จะช่วยยู่เอ้าชิง สตรีนางนี้มีจิตใจดั่งอสรพิษที่โหดเหี้ยม เขาไม่ใช่บุรุษผู้มีจิตใจเมตตาที่จะช่วยเหลือสตรีผู้อาภัพ อย่ากล่าวถึงสิ่งที่หยางไค่กระทำไปเมื่อสักครู่ แม้ว่าตนเองและนางจะมีความสัมผัสดั่งสามีภรรยา เขาไค่ก็ไม่มีวันที่จะช่วยนางโดยเสียสละชีวิตของตนเองอย่างแน่นอน
เมื่อรักษาแขนของนางจนหายดี ถือเป็นการตอบแทนบุญคุณ เพราะการก้าวข้ามเขตแดนในครั้งนี้ได้รับการช่วยเหลือจากนาง การปล่อยนางไป ถือเป็นการตอบแทนบุญคุณจนหมด ไม่มีใครที่ติดค้างใครอีก
ในตอนนี้หยางไค่เดินออกไปเอง จุดประสงค์ที่สำคัญคือการหาตัวพญาแมลงเหล่านี้ หากต้องการออกจากสถานที่แห่งนี้ เขาต้องค้นหาตัวพญาแมลงให้เจอ
สิ่งที่ตนเองมองเห็นและสัมผัสได้ในตอนนี้ หยางไค่ยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าแมลงเหล่านี้กำลังมาจับตัวผู้ที่ถูกคุมขั้ง เพื่อนำไปถวายแก่พญาของพวกมัน
โชคดีที่แมลงเหล่านี้มองเห็นหยางไค่ที่ทำตัวอย่างนิ่งสงบ พวกมันจึงไม่กระทำอย่างเหี้ยมโหดเช่นการทรมาณเมียวหลิงและหล่อเซียงเซียง แต่พวกเขาแยกตัวกัน ตัวหนึ่งเดินอยู่ข้างหน้าเพื่อนำทำ อีกหลายตัวเดินอยู่ด้านหลังของหยางไค่ทั้งผลักและดันให้เขาเดินไปให้ไว
ยู่เอ้าชิงเฝ้ามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มุมปากของนางเผยให้เห็นรอยยิ้มที่สะใจ หลังจากนั้นนางเริ่มร้องไห้ด้วยความทุกข์ทรมาณ เพราะนางไม่ต้องการให้หยางไค่ตาย หากหยางไค่ตายไปจริง ในตอนนี้จะเหลือนางเพียงคนเดียว หากเป็นเช่นนั้น นางยินยอมที่จะตายไปพร้อมกับหงไค่
ถ้ำแมลงคดเคี้ยวไปมา และไม่รู้ว่าเดินไปนานแค่ไหน ในที่สุดหยางไค่ก็เดินมาถึงถ้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
แมลงยักษ์เหล่านั้นผลักดันหยางไค่เข้ามายังถ้ำขนาดใหญ่แห่งนี้ เขาไมไ่ด้ตามเขาเข้ามาอีก
มารปฐพี !! หยางไค่สังเกตุไปทั่วบริเวณ และกล่าวเรียกมารปฐพีอยู่ภายในใจ
แต่ใครจะไปรู้ว่าเมื่อหยางไค่กล่าวเรียกมารปฐพี กลับไม่มีการตอบสนองเช่นเคย
หยางไค่อึ้งไปชั่วขณะ เขาคิดว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ดีเกิดขึ้น เขารีบค้นหาสิ่งผิดปกติอย่าง่รวดเร็ว และไม่รู้ว่าตนเองจะร้องไห้หรือหัวเราะกับสิ่งที่เกิดขึ้น
มารปฐพีปิดผนึกความรับรู้ทางจิตวิญญานของเขาตอนไหนกัน
เจ้ากำลังทำอะไร ? หยางไค่เปิดผนึกมารปฐพีและกล่าวถาม
นายน้อยเสร็จกิจของท่านแล้วใช่ไหม ? มารปฐพีหัวเราะอย่างหยาบคาย
หมายความว่าอย่างไร ? หยางไค่ขมวดคิ้วไว้แน่น !!