ตอนที่ 187 ความไคร่ที่เปิดเผย
ตอนที่ 187 ความไคร่ที่เปิดเผย
เมียวหลิงกล่าวอย่างเปิดเผยเช่นนี้ มันแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของเขาอย่างชัดเจน
สีหน้าของยู่เอ้าชิงแสดงออกอย่างเย็นชา นางกล่าวตะโกนด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน : หากเจ้ายังกล้ากล่าวคำพูดที่ไร้สาะ ข้าจะฆ่าเจ้าเดี่ยวนี้ !!
ฮ่าฮ่า !! เมียวหลิงยังคงหัวเราะอย่างไม่หวาดกลัว : ไม่ว่าอย่างไร พวกเราก็ต้องตายอยู่ในสถานแห่งนี้ไม่ช้าหรือเร็ว แล้วมันมีความแตกต่างกันอย่างไร ? ศิษย์พี่ ท่านมีชีวิตอยู๋ในโลกนี้เพียงชีวิตเดียว ท่านจะตายไปพร้อมกับร่างกายที่บริสุทธุ์ของท่านหรือไง ? มันน่าเสียดายยิ่งนัก ในค่ำคืนนี้ให้ศิษย์น้องคนนี้ปรณนิบัติท่านดีกว่า ข้าจะทำให้ท่านได้ลิ้มรสความสุขที่หอมหวานที่สุดในโลกนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้ท่านจะได้ตายโดยหมดห่วงสักที
ยู่เอ้าชิงสูดลมหายใจเข้าอย่างหนักหน่วง แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านางกำลังเกรี้ยวโกรธอย่างสุดขีด ดวงตาของนางเต็มไปด้วยสายตาที่เย็นยะเยือก ซึ่งกำลังจ้องมองเมียวหลิงอย่างไม่วางตา นางไม่คิดว่าก่อนที่นางจะพบเจอกับความตายกลับต้องพบเจอกับความกดดันที่มากมายเช่นนี้ ศิษย์น้องที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของนางกลับบ้าคลั่งดั่งคนเสียสติ และเขายังคิดที่จะล่วงเกินตนเอง
แต่เห็นได้อย่างชัดเจนว่ายู่เอ้าชิงกำลังข่มใจของตนเอง ความต้องการฆ่าค่อยๆเลือนหายไป แต่หากเมียวหลิงกล้าเข้าใกล้นางอีกนิด นางสาบานได้เลยว่าจะไม่ลังเลที่จะฆ่าเขา !
เมียวหลิงก็มองเห็นสิ่งนี้อย่างชัดเจน แม้ว่าเขาต้องการที่จะเข้าใกล้นาง แต่เขากลับไร้ซึ่งความกล้านี้ เขาทำได้เพียงแสะยิ้มให้แก่ยู่เอ้าชิงและหันหน้ากลับไปนั่งเหมือนเดิม
ยู่เอ้าชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในสถานที่แห่งนี้ หากไม่จำเป็น นางจะไม่ลงมือกับใครทั้งสิ้น
ถ้ำใต้ดินแห่งนี้เต็มไปด้วยความเงียบงัน
แต่หลังจากที่ตกอยู๋ในความเงียบงั้นเช่นนี้ได้ไม่นาน ได้มีเสียงสูดลมหายใจเข้าออกด้วยความหนักหน่วงของสตรีและบุรุษดังขึ้น
หยางไค่และยู่เอ้าชิงขมวดคิ้ว พวกเขาหันหน้ามองไปยังทิศทางของต้นเสียง แต่เมื่อมองเห็น หยางไค่ไม่สามารถกล่าวสิ่งใดได้อีก ยู่เอ้าชิงก็จ้องมองด้วยความตื่นตะลึงจนตัวแข็งทื่อ
เมื่อเมียวหลิงไม่สามารถโน้มน้าวบังคับยู่เอ้าชิง เขาไม่ได้กดทับอารมณ์ความต้องการของเขา แต่กลับไปโน้มน้าวและคลอเคลียกับหล่อเซียงเซียง
อาจเป็นเพราะคำพูดของเมียวหลิงทำให้อารมณ์ของนางถูกกระตุ้น อาจเป็นเพราะว่าความตายที่คืบคลานเข้ามากดดันพวกเขาอย่างรุนแรงจนทำให้พวกเขาปลดปล่อยความกดดันนั้นไป อาจจะเป็นเพราะหล่อเซียงเซียงไม่ใช่หญิงสาวบริสุทธื ในตอนนี้หล่อเซียงเซียงและเมียวหลิงกำลังกอดรอดซึ่งกันและกันและกลิ้งลงไปตามพื้นดิน พวกเขาใช้การกอดรัดสัมผัสร่างกายของกันและกันและกำลังจูบกันอย่างดูดดื่ม แม้แต่ผู้ที่เฝ้ามองอยู่รอบข้าง ยังรู้สึกร้อนเร่าจากการกระทำของพวกเขาทั้งสอง
เมื่อได้ยินเสียงสูดลมหายใจเข้าออกที่เร่าร้อน โลหิตที่อยู่ภายในร่างกายของหยางไค่เดือดพล่านขึ้นมาอย่างรุนแรง ลำคอของเขาแห้งเผือดดั่งถูกเปลวไฟแผดเผา ทำให้เขาเลียลิ้มฝีปากที่แห้งผากของเขาอย่างไม่รู้ตัว
เขาแยกจากซู่เหยียนเป็นเวลา 3-4 เดือน จากพลังความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของเขา ทำให้เคล็ดวิชาหยินหยางรวมเป็นหนึ่งส่งผลกระทบต่อร่างกายของเขา และมันยังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนหน้านั้นที่เขาอาศัยอยู่ในเรือมังกรเพื่อค้นหาเกาะซ่อนเร้น เขาต้องระมัดระวังตัวอย่างรอบคอบ จึงทำให้ไม่มีเวลาไปคิดเรื่อยเปื่อยกับเรื่องเช่นนั้น แต่หลังจากที่เขาหนีขึ้นมายังเกาะซ่อนเร้นและได้เดินทางร่วมกันยู่เอ้าชิงและคนอื่นๆ มีบางครั้งบางคราวที่จิตใจของเขาจะเกิดความรู้สึกแห่งความไคร่ขึ้นมา แต่หยางไค่อาศัยความอดทนที่แข็งแกร่งของเขาปราบปรามมันอย่างต่อเนื่อง
หากไม่มีอะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น หยางไค่เชื่อว่าตนเองจะสามารถอดทนได้นาน อดทนจนกลับไปหาซู่เหยียนเพื่อฝึกฝนเคล็ดวิชาหยินหยางรวมเป็นหนึ่งอีกครั้ง
แต่ หยางไค่ไม่คาคดิดว่า จะมีสตรีและบุรุษแสดงฉากรักที่ร้อนเร่าอยู่ตรงหน้าของเขา มันอยู่ตรงหน้าที่ห่างจากเขาไม่ถึง 3 จ้าง
การถูกกระตุ้นด้วยฉากตรงหน้าที่ร้อนเร่าเช่นนี้ มันรุนแรงยิ่งกว่าการถูกกระตุ้นด้วยคำพูดและการสัมผัสร่างกาย เพราะเขามองเห็น ได้ยินเสียง และได้กลิ่นที่เร่าร้อน มันเป็นการกระตุ้นที่รุนแรงที่สุด !!
แม้ว่าจะเป็นนักบวช จิตใจของพวกเขาต้องเดือดพล่านอย่างแน่นอน นอกจากนั้นหยางไค่ยังถูกทิ่มแทงจากพิษของเคล็ดวิชาหยินหยางรวมเป็นหนึ่ง
มันเหมือนขอทานที่หิวโหยมาหลายเดือน แต่กลับมีอาหารอันโอชะที่เริดรสปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขาอย่างฉับพลัน .
หยางไค่โกรธเกลียดจนอยากจะฆ่าเมียวหลิงและหล่อเซียงเซียงให้ตายคามือ !!
ร่างกายของหยางไค่รู้สึกทรมาณและอึดอัดยิ่งนัก แล้วยู่เอ้าชิงที่อยู่ในฉากเหตุการณ์จะไม่รู้สึกอึดอัดได้อย่างไร ?
ในตอนแรกนางจ้องมองด้วยความตื่นตะลึง ใบหน้าของนางแดงก่ำ นางอ้าปากค้างและจ้องมองด้วยความเขิลอาย เมื่อเมียวหลิงและหล่อเซียงเซียงทั้งสองกลิ้งไปมาจนมาถึงข้างๆฝ่าเท้าของนาง เสื้อผ้าของพวกเขายุ่งเหยิงพวกเขายังหอบหายใจอย่างหนักหน่วง เมื่อเป็นเช่นนี้ ราวกับว่าพวกเขาทั้งสองเพิ่งตื่นจากความฝันที่หอมหวาน พวกเขาทั้งสองลุกขึ้นมาอย่างกะทันหัน ก่อนจะลุกและกอดรักไปทิศทางของหยางไค่
คุกคุมขึ้งใต้ดินแห่งนี้ไม่ใหญ่มาก เมื่อเมียวหลิงและหล่อเซียงทั้งสองกลิ้งไปมาที่พื้น ซึ่งเหลือพื้นที่ว่างให้แก่หยางไค่และยู่เอ้าชิงค่อนข้างน้อย
ฉากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนับเป็นเหตุการณ์ที่ประหลาด ใน 1,000 ปีที่ผ่านมาคงพบได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้น !
สตรีและบุรุษระบายอารมณ์กามอารมณ์อยู่บนพื้น สตรีและบุรุษอีกคู่นั่งจ้องมองการกระทำที่ร่วมรักของพวกเขาทั้งสอง ไม่ว่าอย่างไรมันก็ดูเหมือนการกระทำที่น่ารังเกียจของผู้มั่งมี
ชายชั่วและหญิงสาวมักมากตัณหา !!
หยางไค่และยู่เอ้าชิงกล่าวสาปแช่งพวกเขาด้วยความเกรี้ยวโกรธอยู่ภายในจิตใจ
แต่ในเวลานี้ใครจะสามารถกล่าวโทษและตำหนิการกระทของเมียวหลิงและหล่อเซียงเซียง? ยู่เอ้าชิงรู้สึกอับอายจนไม่มีใบหน้าที่จะจ้องมองผู้อื่น หยางไค่ไม่ต้องการที่จะไปยุ่งเรื่องของพวกเขา เพราะเขากำลังปราบปรามความรู้สึกที่พรั่งพรูเข้ามาในหัวใจอย่างสุดกำลัง
เสียงสูดลมหายใจหนักหน่วงขึ้นเรื่อง เสื้อผ้าของพวกเขากระจัดกระจายไปทั่วทุกแห่งหน เมียวหลิงและหล่อเซียงเซียงสอดประสานรวมเป็นหนึ่งอย่างรวดเร็ว บรรยากาศที่เร่าร้อนทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ตามมาด้วยเสียงครางที่อัดอั้นด้วยความตื่นตระหนก และตามามาด้วยเสียงของน้ำรักและเสียงครางด้วยความสุขสมออกมา
ยู่เอ้าชิงซวนเซเข้าใกล้หยางไค่อย่างไม่รู้ตัว ในเวลานี้ นางรู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นทึ่พึ่งเดียวของนาง ไม่ว่าอย่างไร ในช่วงสถานการณ์ที่วุ่นวายเขาเป็นคนที่พึ่งพาได้มากกว่าเมียวหลิงและหล่อเซียงเซียง
ออกไป ! หยางไค่หงุดหงิดใจที่ต้องปราบปรามอารมณ์ของตนเองอยู่เป็นทุนเดิม ยู่เอ้าชิงยังได้เข้าใกล้เขาอีก ร่างกายที่อ่อนนุ่มและกลิ่นหอมของสตรีโชยเข้ามา ทำให้หยางไค่เกือบที่จะสูญเสียการควบคุมอารมณ์ของตนเอง
การกระทำที่หยาบไค่และเสียงตะโกนด่าด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวโกรธทำให้ยู่เอ้าชิงมีสิติขึ้นมาบ้าง นางหันหน้ามองหยางไค่ด้วยสายตาที่โกรธเคือง และพบว่าหยางไค่กำลังใช้สายตาที่แดงก่ำจ้องมองมาที่ตนเองอย่างน่าหวาดกลัว
สายตาคู่นี้ ..เต็มไปด้วยอารมณ์แห่งความปราถนาและความบ้าคลั่งของชายหนุ่มยิ่งกว่าเมียวหลิงสักอีก
ร่างกายของยู่เอ้าชิงแข็งทื่อด้วยความเย็นยะเยือก ในตอนนี้ นางจึงนึกขึ้นได้ว่า เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างตนเองก็เป็นบุรุษคนหนึ่งเช่นกัน !!
นางรีบเดินไปหลบซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งของห้องคุมขัง แต่เสียงครวญครางและเสียงสูดลมหายใจเข้าออกที่หนักหน่วงยังลอยอยู่ในหูของเขาดั่งเสียงกระซิบของปีศาจ ทำให้จิตใจที่แข็งแกร่งของนางพังทลายลงมาอย่างไม่สิ้นสุด ร่างกายของนางรู้สึกร้อนขึ้นอย่างไม่ทราบเหตุ โดยเฉพาะในช่วงท้องน้อยของนางราวกับเปลวไฟกำลังโหมกระหน่ำลุกโชติช่วงอย่างรุนแรง แม้แต่ลมหายใจของตนเองยังรู้สึกร้อนขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ความรู้สึกที่ไม่ตนเองไม่เคยสัมผัสแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย ทำให้ร่างกายของนางอ่อนระทวยลงในทันที
ในช่วงเวลาแห่งความตื่นตระหนก ยู่เอ้าชิงอุดหูของนางไว้แน่น นางทรุดลงไปที่พื้นด้วยความน่าสังเวช และส่ายศรีษะของตนเองไปมา
ในสำนักหยุนเซี่ย ฐานะของนางสูงส่ง ในช่วงเวลาทั่วไปแม้แต่บุรุษุรุ่นราวคราวเดียวกับนางยังปฏิบัติต่อนางอย่างสุภาพ นางคอยเฝ้าเพียรฝึกยุทธุ์เพื่อแสดงความแข็งแกร่งของตนเองและเปิดเผยความรู้ที่น่าได้พร่ำศึกษา โดยไม่เคยได้ยินเรื่อราวของสตรีและบุรุษแม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้อกล่าวถึงการกระทำที่น่าอับอายในตอนนี้
เสียงที่ครวญครางด้วยความประหลาดและการกระทำที่น่ารังเกียจของพวกเขา เปรียบดั่งค้อนขนาดใหญ่ที่กำลังทุบไปที่ศีรษะของนาง ทำให้ศีรษะของนางรู้สึกมึนงง วิงเวียน จนมิอาจครุ่นคิดสิ่งอื่นๆได้อีก
เวลาไหลผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทุกเสียววินาทีที่ไหลผ่านดั่งเข็มที่คอยทิ่มแทงนางอย่างทุกข์ทรมาณ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ยู่เอ้าชิงได้ยินเสียงที่แหลมคมดังเสียงกรีดร้องสุดท้านก่อนที่ความตายจะเยือนหาของศิษย์น้องหล่อ แม้แต่ลมหายใจที่หนักหน่วงของนางก็ได้หยุดลง
สิ่งนี้ทำให้นางตื่นตระหนก ศิษย์น้องหล่อ ตายแล้วเช่นกัน ?
แต่หลังจากนั้น ศิษย์น้องหล่อที่นางคิดว่าตายไปแล้วได้ฟื้นคืนชีพอย่างกะทันหัน โดยแสดงสีหน้าที่มีความสุขอย่างยิ่ง
ยู่เอ้าชิงในตอนนี้ ไม่ได้มีความหยิ่งยะโสเช่นที่ผ่านมา ในตอนนี้นางเป็นดั่งเม่นที่สูญเสียเข็มของตนเองไปทั้งหมด นางปรารถนาเพียงสถานที่สงบสุขเท่านั้น
หยางไค่อดทนจนมิอาจที่จะอดทนได้อีกต่อไป
เขารู้สึกว่าถ้าเขาไม่ลงมือโจมตีในอตนนี้ ตนเองต้องสูญเสียการควบคุมตัวอย่างแน่นอน
แต่ยังมิทันที่เขาจะได้ลงมือ ได้มีฝูงแมลงที่มีขนาดใหญ่เท่าร่างกายของมนุษย์หลายตัวพุ่งเข้ามา พวกเขาหยุดอยู่ตรงหน้าของเมียวหลิงและหล่อเซียงเซียง พวกมันงื้อกรงเล็บที่แหลมคมของพวกมัน และแทงลงไปอย่างฉับพลัน
เสียงกรีดร้องที่โหยหวนดังขึ้น ร่างกายของเมียวหลิงและหล่อเซียงถูกแทงทะลุในเวลาเดียวกัน หลังจากนั้นพวกมันจึงถูกลากตัวไปด้านนอก
ศิษย์พี่ชิงช่วยข้าด้วย !! หล่อเซียงเซียงตะโกนด้วยความหวาดกลัว
ร่างกายของยู่เอ้าชิงสั่นสะท้านไปมา นางจะมีเรี่ยวแรงที่ไหนไปช่วยนาง ?
เหลือไว้เพียงรอยเลือดเป็นทางยาว เมียวหลิงและหล่อเซียงเซียงถูกลากตัวออกไปโดยแมลงเหล่านั้นและค่อยๆหายไปอย่างช้าๆ
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงกรีดร้องที่ทุกข์ทรมาณค่อยๆอ่อนลง และหายไปในที่สุด
เป็นดั่งที่เมียวหลิงกล่าวไว้ ได้พาลพลความสุขที่หอมหวานก็ถือเป็นการตายที่ไม่ไม่อะไรให้เสียใจ
หลังจากที่เสียงของทั้งสองได้หายไป ยู่เอ้าชิงจึงค่อยๆนำมือที่อุดหูของตนเองลงมา นางหันหน้ากลับไปมอง และพบว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี้ นางจึงถอนหายใจด้วยความโล่งใจ
ฉากเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ทำให้นางอับอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี แม้จะรู้ว่าศิษย์น้องทั้งสองได้ตายไปแล้ว จิตใจของนางก็ไม่ได้มีความรู้สึกเสียใจใดๆ มีแต่เพียงความรู้สึกที่ปลดเปลื้องจากพันธนาการเท่านั้น
ขณะที่นางกำลังตบหน้าอกและถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางกลับพว่าเด็กหนุ่มกำลังจ้องมองตนเองด้วยสายตาที่หิวโหย ทันใดนั้นเขาได้กระโดดเข้ามาตนเองอย่างกะทันหัน เฉกเช่นสัตว์เดรฉานที่กำลังจับจ้องเหยื่อของมันกระโดดตระครุบในทันที
ลมหายใจที่หนักหน่วง กลิ่นอายที่เร่าร้อน ไม่ต่างกับเมียวหลิง ไม่สิ เขาดูบ้าคลั่งยิ่งกว่าเมียวหลิงเสียอีก
รนหาที่ตาย !! ยู่เอ้าชิงกล่าวตะโกน ก่อนจะพุ่งฝ่ามือที่หยางไค่
หยางไค่พุ่งหมัดเปลวเพลิงผลาญสุรยันออกมาเช่นกัน
หยดน้ำพลังลมปราณหยางจำนวน 3 หยดได้พุ่งเข้าสู่แขนของยู่เอ้าชิง ยู่เอ้าชิงที่น่าสงสารนางเป็นผู้ฝึกยุทธุ์ที่อยู่ในเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 6 ก่อนหน้านั้นนางเพิ่งต่อสู้กับฝูงแมลง ในตอนนี้ร่างกายของนางฟื้นฟูพลังลมปราณได้เพียงเล็กน้อย สภาพจิตใจก็ยังไม่มั่นคง นางปลดปล่อยพลังความแข็งแกร่งของนางไม่ถึง 3 ส่วนด้วยซ้ำ แล้วนางจะสามารถรับมือกับการโจมตีที่รุนแรงของหยางไคได้อย่างไร
เมื่อพลังลมปราณพังทลายเข้ามาในตอนแรก นางยังสามารถทำลายมันได้ แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้หยุดพัก พลังลมปราณคลื่นที่ 2 ระเบิดออกมาอย่างรุนแรง ในช่วงเวลาที่วุ่นวายยู่เอ้าชิงเคลื่อนไหวพลังลมปราณในการต่อต้านมัน ทำให้นางปลอดภัยจากการโจมตีอย่างหวุดหวิด แต่เมื่อพลังลมปราณคลื่นที่ 3 ระเบิดออกมา ทำให้ใบหน้าที่งดงามของยู่เอ้าชิงแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดในทันที
เสียงกรีดร้องดังออกมา ร่างกายของนางราวกับไม้หักเป็น 2 ท่อน นางลอยกระเด็นออกไป แม้แต่แขนข้างขวายังหักเป็น 2 ท่อน ความรู้สึกที่เจ็บปวดแผ่ซ่านออกมาอย่างรุนแรง ทำให้นางหลั่งตาออกมาอย่างมิอาจห้ามปรามได้
ไม่รอให้นางลุกขึ้นยืน หยางไค่ได้คร่อมร่างกายของนางเอาไว้ ก่อนจะพุ่งฝ่ามืออกไปอีกครั้ง เพื่อโจมตีไปแขนอีกครั้งของนาง
ยู่เอ้าชิงอดทนต่อความทุกข์ทรมาณ นางยกเข่าของนางขึ้นสูง และโจมตีไปที่จุดยุทธุ์ศาสตร์ของหยางไค่ แต่หยางไค่ม้วนตัวหลบการโจมตี สองมือของเขากางออก และพุ่งออกไป ทันใดนั้นเสียงคร่ำครวญของนางดังขึ้น สองขาของนางค่อยๆตกลงไปที่พื้น
เมื่อแขนขาทั้ง 4 ถูกทำลายไป 3 ส่วน แม้แต่การลุกขึ้นนางยังมิอาจทำได้และยิ่งไม่ต้องพูดถึงการโจมตีอีกเลย
นางจ้องมองเด็กหนุ่มที่มีดวงตาแดงก่ำ ราวกับมีสัตว์อสูรที่ครอบครองร่างกายของเขาเอาไว้ เขาโน้มตัวลงและจูบไปยังซอกคอและใบหน้าของนาง
ทรวงอกทั้งสองของนางถูกหนวดคลึง โดยที่เขากระทำอย่างไม่มีความตา มีเพียงแต่แรงกดทับที่รุนแรงซึ่งกำลังระบายมายังร่างกายของนางอย่างไม่หยุดยั้ง
ไม่ .ไมน่ะ . ยู่เอ้าชิงดิ้นรนอย่างสุดำลัง นางร้องไห้อย่างคร่ำครวญ และกำลังฟังเสียงเสื้อผ้าของตนที่ถูกฉีกออก โดยไม่สามารถต่อต้านการกระทำของเขาแม้แต่น้อย
ยู่เอ้าชิงที่เป็นสตรีในฝันของศิษย์สาวกชายแห่งสำนักหยุนเซี่ยทุกคนกลับถูกเปิดเผยร่างกายที่ขาวเนียนดังหยกและน่าเย้ายวนอย่างน่าหลงไหลในคุกคุมขังใต้ดินแห่งนี้
เด็กหนุ่มคนนั้นค่อยๆจูบไล่ลงไปอย่างไม่หยุด ไม่สิ เขากำลังกัด !! ยุ่เอ้าชิงรู้สึกได้อย่างชัดเจน ร่างกายของนางต้องมีรอยฝันจากการกัดของเขาอย่างแน่นอน
ความรู้สึกที่อัปยศแทรกซึมเข้ามาในหัวใจ หัวใจของยู่เอ้าชิงมืดมนราวกับว่ามันได้ตายไป เด็กหนุ่มคนนี้ เปลี่ยนแปลงราวกับคนละคน ในตอนนี้เขาเป็นดั่งปีศาจที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายและกระหายเลือดโดยปราศจากความเมตตา