ตอนที่แล้วตอนที่ 185 แผนการที่กล้าหาญ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 187 ความไคร่ที่เปิดเผย

ตอนที่ 186 การล่วงเกินของเมียวหลิง


ตอนที่ 186 การล่วงเกินของเมียวหลิง

ในถ้ำใต้ดินแห่งนี้เต็มไปด้วยความมืดมิด หยางไค่และศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ยนั่งอยู๋ตรงข้ามกัน พวกเขาต่างฟื้นฟูพลังความแข็งแกร่งของตนเอง แต่ในบางครั้งบางคราวพวกเขาจะได้ยินเสียงของแมลงที่ดังมาจากด้านนอก มันคือเสียงของแมลงที่บินเข้าและบินออกไปนั่นเอง

เห็นได้อย่างชัดเจนว่าศิษย์สาวกทั้ง 4 แห่งสำนักหยุนเซี่ยไม่ต้องการนั่งรอความตายอยู่ในถ้ำใต้ดินแห่งนี้ หลังจากที่พวกเขาฟื้นฟูพลังความแข็งแกร่งของตนเองจนเสร็จสิ้น พวกเขาต้องการที่จะพุ่งโจมตีออกไป ในขณะที่พวกเขากำลังฟื้นฟูพลังความแข็งแกร่งพวกเขายังได้สนทนาวางแผนด้วยเสียงที่แผ่วเบา เพราะกลัวว่าหยางไค่จะได้ยินในสิ่งที่พวกเขากำลังวางแผน

หลังจากที่ผ่านไปเกือบ 1 วัน 1 วัน พวกเขาตัดสินใจที่จะเคลื่อนไหว พวกเขาลุกขึ้นอย่างเงียบๆ ล้วค่อยๆเดินเข้าไปใกล้หยางไค่ ใบหน้าของยู่เอ้าชิงเต็มไปด้วยเจตนาแห่งการฆ่า เมียวหลิงก็เช่นกัน ส่วนจางยู่และหล่อเซี่ยงเซียงเดินตามหลังพวกเขาทั้ง 2 อย่างกระชั้นชิด

ในขณะที่พวกเขาเดินเข้ามาหยางไค่โดยมีระยะห่างไม่ถึง 1 จ้าง หยางไค่ลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหัน และจ้องมองพวกเขาด้วยรอยยิ้มที่เหมือนไม่ใช่รอยยิ้ม

ศิษย์สาวกทั้ง 4 แห่งสำนักหยุนเซี่ยหยุดนิ่งอย่างกะทันหัน

ให้ข้าเดาสิ หยางไค่กล่าวอย่างสบายใจ เขากล่าวด้วยสุ้มเสียงที่แผ่วเบาเพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้ฝูงแมลงเหล่านั้นแตกตื่น : ในตอนนี้พวกเจ้ายังไม่อยากฆ่าข้าใช่ไหม ?

ดวงตาของยู่เอ้าชิงเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง เมื่อนางได้ยินดังนี้นางจึงกล่าวถาม : เจ้ารู้ ?

ข้ารู้ ยังไงมันก็เป็นวิธีการที่เจ้าทำมันมาตลอดใช่ไหม ? ปล่อยให้ผู้อื่นเดินนำไปข้างหน้า เพื่อเป็นเกราะป้องกันให้พวกเจ้า ในระหว่างทางที่เดินทางมาด้วยกัน ข้าเห็นการกระทำของเจ้าเช่นนี้นับครั้งไมถ้วน ในตอนนี้พวกเจ้าต้องการบังคับให้ข้าเดินนำพวกเจ้าออกไป ใช่ไหม ?

ยู่เอ้าชิงพยักหน้าอย่างช้า นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก : ในเมื่อเจ้ารู้ ทางที่ดีก็อย่าคิดที่จะต่อต้าน ไม่เช่นนั้น เจ้าจะเห็นดีอย่างแน่นอน

หยางไค่เบ้ปากและกล่าวตอบอย่างเย้นหยัน : ข้ามั่นใจว่าอาจจะไม่ใช่คู๋ต่อสู้ของพวกเจ้า แต่หากพวกเจ้าต้องการฆ่าข้า คงต้องสูญเสียพละกำลังความแข็งแกร่งของพวกเจ้ามิใข่น้อย หากเจ้าไม่กลัวว่าการต่อสู้ของพวกเราจะทำให้ฝูงแมลงเหล่านั้นแตกตื่น ก็ลองดูซิ

ยู่เอ้าชิงอึ้งไปชั่วขณะ เหตุผลที่นางเคลื่อนไหวอย่างแผ่วเบาเช่นนี้ เพราะกลัวว่าจะเป็นจุดสังเกตุของฝูงแมลงที่อยู๋ด้านนอก เห็นได้อย่างชัดเจนว่าหยางไค่ทราบถึงแผนการของพวกเขา ดังนั้นจึงกล่าวด้วยสุ้มเสียงที่แผ่วเบา

ข้าขอเตือนพวกเจ้า อย่าคิดจะทำร้ายข้าหรือลอบโจมตีข้า พวกเจ้าต้องการหลบหนีก็ใช้ความสามารถของพวกเจ้า !! หยางไค่กล่าวตักเตือนด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา : ข้าไม่เป็นเกราะป้องกันให้พวกเจ้าอย่างแน่นอน !!

หรือว่าเจ้าไม่ต้องการที่จะหลบหนี ? เมื่อยู่เอ้าชิงเห็นว่าการบีบบังคับไร้ประโยชน์ สุ้มเสียงของนางจึงได้อ่อนลง : ฝูงแมลงเหล่านี้จับตัวพวกเรามา มันไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน หากยังอยู่ที่นี้สิ่งที่รอพวกเรามีเพียงความตายเท่านั้น หากเจ้าพุ่งโจมตีออกไปพร้อมกับพวกเรา ไม่แน่ว่าพววกเรายังมีโอกาสที่จะมีชีวิตรอดต่อไป !!

หยางไค่ส่ายหัวไปมา : แน่นอน ว่าข้าต้องการหนีออกไป แต่ข้าไม่ต้องการเป็นเครื่องมือของใคร แม้ว่าข้าจะช่วยเปิดทางให้พวกเจ้าหนีรอดออกไป พวกเราทุกคนต่างหนีรอดออกไป แล้วข้าจะใช้หลักประกันใดในการยืนยันว่าพวกเจ้าจะไม่โจมตีหรือฆ่าข้า

ข้าสัญญ้ากับเจ้า ! เมื่อยู่เอ้าชิงมองเห็นสุ้มเสียงของหยางไค่ผ่อนปรนลง นางรีบกล่าวโน้มน้าวอย่างรวดเร็ว : เพียงแค่เจ้าเดินนำหน้าพวกเรา หากพวกเราสามารถหนีรอดออกไปได้ ข้าสัญญ้าและรับประกันว่าคนของสำนักหยุนเซี่ยจะไม่มีใครหาเรื่องเจ้าอย่างแน่นอน

ไม่ต้อพูดพร่ำให้มาก ข้าไม่เชื่อสตรีที่มีจิตใจโหดเหี้ยมเช่นอสรพิษอย่างเจ้า หยางไค่หัวเราะอย่างเย็น เขาหลับตาลงอีกครั้ง

กลุ่มคนของยู่เอ้าชิงไม่ทราบว่าด้านนอกถูกล้อมด้วยหมอกพิษของแมลงเหล่านี้ แต่หยางไค่นั้นทราบอย่างชัดเจน แม้ว่าเขาจะพาคนอื่นๆหนีออกไปจากถ้ำใต้ดิน ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาคงหนีออกไปได้ไม่ไกล

เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมต้องสูญเสียความพยายามในการหลบหนีด้วย

ศิษย์พี่ชิง ฆ่ามันซะ !! มันไม่ยอมร่วมมือกับพวกเรา มันก็ไม่มีค่าอะไรกับพวกเรา !! เมียวหลิงต้องการฆ่าหยางไค่ตั้งแต่แรก ในเวลานี้เมื่อเขาพบว่าหยางไค่ไร้ประโยชน์สำหรับพวกเขา เป็นธรรมดาที่เขาต้องการฆ่าหยางไค่ด้วยความสะใจ

ยู่เอ้าชิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ นางส่ายศีรษะอย่างช้าๆ

ในสถานการณ์เช่นนี้ การหลบหนีเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แม้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะร้ายกาจ แต่หากจะฆ่าเขาจริงมันต้องทำให้ฝูงแมลงเหล่านั้นแตกตื่นอย่างแน่นอน ไม่ไม่คุ้มค่าแม้แต่น้อย

พวกเจ้าหลบหนีไปตามทางของพวกเจ้า ข้าจะไม่ทำให้แผนการของพวกเจ้าล้มเหลว ฮ่าฮ่า ข้าก็อยากรู้ ว่าพวกเจ้าจะสามารถหลบหนีออกจากสถานที่แห่งนี้ มุมปากของหยางไค่แสะยิ้มอย่างเย้ยหยัน

ข้าขอให้แมลงเหล่านั้นกัดเจ้าจนตาย ตายโดยไม่ที่ฝังศพ !! ยู่เอ้าชิงจ้องมองหยางไค่และกล่าวสาปแช่ง นางหันหน้ากลับไปและกล่าวต่อพวกเขาทั้ง 3 : พวกเราไปกันเถอะ!!

ศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ยค่อยๆหลบหนีออกจากถ้ำแห่งนี้อย่างเงียบๆ หรือเวลานี้เป็นช่วงเวลากลางคืน แมลงขนาดใหญ่ที่เฝ้าอยู่ข้างนอกจึงไม่ทราบว่าพวกเขาทั้ง 4 ได้หลบหนีออกไป พวกเขายังยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกอย่างโง่เขลา

หลังจากนั้นในเวลาอันรวดเร็ว ร่างเงาของพวกเขาทั้ง 4 ค่อยๆหายไปในความมืดมิด

แต่ผ่านไปได้ไม่นาน ด้านนอกมีเสียงดังจากาการต่อสู้ที่ดุเดือดแว่วเข้ามา ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของพวกเขาทั้ง 4 ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการหลบหนีของพวกเขาถูกค้นพบ และถูกจับจ้องและโจมตีจากฝูงแมลงเหล่านั้น

เสียงของการต่อสู้ค่อยๆจางหายไป และหายไปในที่สุด

มุมปากของหยางไค่เผยให้เห็นรอยยิ้มที่เยาะเย้น เขายังคงนั่งสมาธิอย่างเงียบๆโดยไม่ไหวติงแม้แต่น้อย

ในความเป็นจริงการหลบหนีจากถ้ำแมลงแห่งนี้ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะฝูงแมลงเหล่านี้ไม่ได้ยากต่อการจัดการ ศิษย์สาวกทั้ง 4 แห่งสำนักหยุนเซี่ยสามารถหลบหนีออกไปได้แม้จะถูกค้นพบจากฝูงแมลง หยางไค่ก็สามารถทำเช่นนั้นได้เหมือนกัน แต่สิ่งที่กักขังพวกเขาเอาไว้คือหมอกพิษ ซึ่งไม่รู้ว่าฝูงแมลงสร้างหมอกพิษเหล่านี้ออกมาได้อย่างไร มันมีพลังอำนาจในการฆ่าที่รุนแรง ทำให้หยางไค่ไม่คิดที่จะหลบหนีตามแผนการของพวกเขาแม้แต่น้อย

หลังจากที่ผ่านไปประมาณ 2 ชั่วยาม หยางไค่ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักดังมาจากข้างนอก

เมื่อลืมตามองสิ่งที่เกิดขึ้น หยางไค่พบเห็นยู่เอ้าชิงที่ผมเผ้ายุ่งเหยิง นางเดินเข้ามาด้วยความอ่อนล้า ตามมาด้วยหล่อเซี่ยง และเมียวหลิง

จางยู่ไม่ได้มากับพวกเขา นางคงตายไปแล้ว

เมื่อเหล่าแมลงจับตัวพวกเขามายังสถานที่แห่งนี้ การเฝ้าเวรที่อยู่ด้านนอกจึงมีความเข้มงวดที่มากขึ้น

ศิษย์สาวกทั้ง 3 แห่งสำนักหยุนเซี่ยไมได้มีความเหิกเหิมในตอนแรก ในตอนนี้พวกเขาเหลือเพียงจิตใจที่ซบเซาและหดหู่ ร่างกายของพวกเขายังเต็มไปด้วยรอยแผลขนาดเล็กๆใหญ่ๆเป็นำจำนวนมาก เป็นภาพที่น่าสังเวชใจอย่างยิ่ง

แน่นอนว่าพวกเขาหนีออกจากถ้ำแห่งแมลง แต่สุดท้ายพวกเขาถูกไล่ต้อนจากฝูงแมลงที่โบยบินอยู่ด้านนอก ในท้ายที่สุดพวกเขาก็ถูกบังคับให้ต่อสู้อย่างไม่มีทางเลือก แต่ไม่ว่าพวกเขาจะฆ่าฝูงแมลงเช่นไร ฝูงแมลงก็ยังมีจำนวนมากเช่นเดิม พวกเขาจึงถูกปิดล้อม และถูกจับมายังสถานที่แห่งนี้เช่นเดิม

ยู่เอ้าชิงและหล่อเซี่ยนั่งลงกับพื้น ร่างกายที่บอบเบาของพวกเขาสั่นเทาด้วยหความหวาดกลัว เมียวหลิงก็ไม่ต่างจากพวกเขาเลย

พวกเขาต่างจ้องมองหยางไค่อย่างไม่วางตาและคิดว่าหยางไค่กำลังเยาะเย้ยพวกเขา แต่แท้จริงแล้วหยางไค่ไม่ได้สนใจพวกเขาแม้แต่น้อย เขาจึงหลับตาและทำสมาธิต่อไป

ศิษย์พี่ชิง ..ศิษย์พี่จางยู่ถูกแมลงเหล่านั้นลากออกไป พวกมันจาะลากศิษย์พี่ไปที่ไหน ? หล่อเซียงเซียงกล่าวถามสุ้มเสียงที่สั่นเทา

ข้าจะรู้ได้อย่างไร ? ยู่เอ้าชิงกล่าวตอบอย่างไม่สบอารมณ์

พวกเราทิ้งนาง โดยไม่สนใจ ?

จะสนใจนางได้อย่างไร? ในตอนนี้การดูแลปกป้องตนเองยังเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง พวกเราจะสนใจความเป็นความตายของนางได้อย่างไร ? ยู่เอ้าชิงกำหมัดไว้แน่น ในขณะที่จางยู่ถูกแยกออกไปจากพวกเขา นางยังไม่ตาย แต่ได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากนั้นนางจึงถูกเหล่าแมลงลากออกไป โดยไม่รู้ว่านางต้องพบเจอกับชะตากรรมเช่นไร ?

ยู่เอ้าชิงไม่รู้จริงๆ

ในขณะที่พวกนางทั้งสองกำลังสนทนา ด้านนอกถ้ำมีเสียงกรีดร้องที่ทุกข์ทรมาณดังขึ้น มันเป็นสุ้มเสียงที่น่าเศร้าอย่างยิ่ง ราวกับว่านางกำลังพบเจอกับการทรมาณที่แสนสาหัส

มันเป็นเสียงของ จางยู่ !

สีหน้าของยู่เอ้าชิงและหล่อเซียงเซียงซีดขาว ร่างกายของพวกนางสั่นสะท้านอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น เมียวหลิงไม่สามารถนั่งติดพื้น : เกิดอะไรขึ้นกับศิษย์พี่จางยู่ ? ใครกำลังทรมาณนาง ?

เสียงกรีดร้องอย่างไม่หยุด ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่านางต้องพบเจอกับความทุกข์ทรมาณที่แสนสาหัส

หญิงสาวทั้งสองรีบอุดหูของพวกนางอย่างรวดเร็ว พวกนางไม่กล้าที่จะฟังเสียงโหยหวนนั่นอีกต่อไป

หยางไค่ทราบดีว่า ศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ยเหล่านี้ไม่ใช่คนดีอะไร ระหว่างทางที่เดินทางพวกเขาเห็นด้วยกับการกระทำของยู่เอ้าชิงที่ใช้คนธรรมดาสามัญเป็นเกราะป้องกัน แต่ก่อนที่พวกเขาจะพบเจอกับความตาย ถือเป็นเรื่องที่โหดร้ายที่พวกเขาจะต้องพบเจอกับการทรมาณที่โหดเหี้ยมเช่นนี้

เสียงกรีดร้องของจางยู่ค่อยๆอ่อนลง และหายไปในที่สุด

หึหึ พวกเราตายแน่ พวกเราไม่มีทางออกไปจากที่นี้ เมียวหลิงตกใจจนสติขาดหาย ในกลุ่มคนเหล่านี้เขาเป็นคนที่อ่อนแอที่สุด เขาอยู่ในเขตแดนลมปราณหมุนเวียนเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะสำนักหยุนเซี่ยต้องการสิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเกาะซ่อนเร้นจากปากของเขา ไม่มีทางที่สำนักหยุนเซี่ยจะนำเขามาด้วย

ทีเขาคิดว่านี้จะเป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้เขาสามารถพลิกผันโชคชะตาของตนเอง แต่กลับไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นภัยพิบัติสำหรับเขา โดยนำตนเองไปสู่ความตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมียวหลิงที่มีชีวิตอย่างสุขสบายเช่นคุณชายจะทนต่อเรื่องราวเช่นนี้ได้อย่างไร ?

ไม่ พวกเราจะออกไปโดยที่มีชีวิต ศิษย์พี่ชิงจะพาพวกเราออกไปจากสถานที่แห่งนี้ใช่ไหม ? หล่อเซียงเซียงพยักหน้าอย่างงุ่มงาม ความไร้เดียงสาของนางทำให้ทุกคนต่างรู้สึกเศร้าโศก

ออกไปไมได้ ไม่มีใครหนีรอดออกไปได้ !! เมียวหลิงกล่าวอย่างหดหู่ราวกับว่าวิญญานได้หลุดลอยออกจากร่าง

หุบปากเดี่ยวนี้ !! ยู่เอ้าขิงกล่าวตะโกนด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น

นางหันหน้ามองไปที่หยางไค่ที่ยังสงบนิ่งเหมือนเดิม ก่อนจะหันไปเปรียบเทียบกับศิษย์น้องของตนเอง และหันมาเปรียบเทียบกับตนเอง นางค้นพบอย่างฉับพลันว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีจิตใจที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าตนเองและคนอื่นๆเสียอีก

ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่แสดงสีหน้าท่าทางอาการที่ตื่นตระหนก ความหวาดกลัวแม้แต่น้อย แต่เขายังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ความนิ่งสงบของเขาทำให้ยู่เอ้าชิงเกิดความสงสัย

นางไม่คิดว่าหยางไค่ยินดีที่จะตายอย่างเต็มใจ !!

เวลาไหลผ่านไปเรื่อยๆ ความหวาดกลัวของเมียวหลิงและหล่อเซียงเซียงค่อยๆเพิ่มขึ้น มันเพิ่มขึ้นจนเกินขีดจำกัดของพวกเขา ทังสองจึงเริ่มมีอาการที่ไม่ปกติเฉกเช่นคนเสียสติ

แม้ว่าจิตใจของยู่เอ้าชิงจะแข็งแกร่งมากกว่าพวกเขา แต่มันก็ไมได้แข็งแกร่งไปมากซะเท่าไหร่ นางนั่งอยู่ในมุมแห่งหนึ่งโดยกุมเข่าของนางโดยที่ร่างกายสั่นสะท้านอย่างไม่หยุด ในเวลานี้ นางรู้สึกเศร้าเสียใจอย่างยิ่ง เศร้าเสียใจที่ตนเองขึ้นเรือมาเพื่อค้นหาเกาะซ่อนเร้น เศร้าเสียใจที่ตนเองไม่ไปค้นหาบิดาของตนในเวลาแรกที่เรือมังกรถูกโจมตี ไม่เช่นนั้นนางคงไม่ตกอยูjในสภาพเช่นนี้ เมื่อมีการปกป้องจากยู่ซิ่วผิง ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะอยู่ในสถาการณ์ที่ดีกว่านี้อย่างแน่นอน

แต่ในตอนนั้นสถานการณ์เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ยู่เอ้าชิงไม่ทราบว่าบิดาของนางยังมีชีวิตรอดหรือเปล่า เพราะจากากรโจมตีของหนวดหมึกยักษ์นั้น แม้แต่ผู้อาวุโสติงจาจือยังตายอยู่ในเงื้อมมือของมัน ยู่ซิ่วผิงที่มีเพียงเขตแดนลมปราณแท้จริงขั้นที่ 9 คงตายไปแล้วเช่นกัน

แต่หากท่านพ่อยังมีชีวิต ท่านอยู๋ที่ไหนกันแน่ ? บุตรีของท่านกำลังจะตาย !!

แม้จะสวดภาวนาต่อสวรรค์ สวรรค์ก็ไม่ตอบรับ แม้จะสวดภาวนาต่อปฐพีที่ศักดิ์สิทธิ์ ปฐพีที่ศักด์สิทธิ์ก็ไม่ตอบรับเช่นเดียวกัน น้ำตาของยูเอ้าชิงที่หยิ่งผยองไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ในขณะที่ยู่เอ้าชิงกำลัจะผล็อยหลับไป นางได้ยินเสียงลมหายใจที่หนักหน่วงดังมาจากตรงหน้าของนางอย่างฉับพลัน

ยู่เอ้าชิงตื่นตกใจ นางลืมตาขึ้น และพบเห็นเมียวหลิงที่มีสภาพที่บ้าคลั่งกำลังเข้าใกล้นาง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเร่าร้อนเขาจ้องกำลังจ้องมองมาที่ร่างกายของนางด้วยอารมณ์ที่ครุ่กกรุ่นอย่างน่าหวาดกลัว

เมียวหลิง เจ้ากำลังจะทำอะไร ? ยู่เอ้าชิงกล่าวตะโกนด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น โดยที่ตนเองค่อยๆถอยไปด้านหลังในทันที

ศิษย์พี่ชิง .. เมียวหลิงเลียริมฝีปากที่แห้งของเขาและหัวเราะด้วยน้ำเสียงที่ชั่วร้าย : ศิษย์น้องรักศิษย์พี่ชิงอย่างสุดซึ้ง ศิษย์พี่ชิงเคยทราบไหม ?

ยู่เอ้าชิงขมวดคิ้วไว้แน่น นางพบว่าอาการปฏิกิริยาของเมียวหลิงไม่ปกติ ดูเหมือนว่าเขาพบเจอกับความกดดันอันยิ่งใหญ่ มันเกินกว่าที่เขาจะได้รับ ทำให้จิตใจและจิตใต้สำนึกของเขาพังทะลายเป็นเสี่ยงๆ

ศิษย์พี่ชิงเป็นดั่งบุตรีของเทพธิดา ศิษย์น้องชื่นชมและรักมันอย่างสุดหัวใจ เข้าเฝ้าฝันถึงศิษย์พี่ชิงอยู่ทุกคืนวัน เมียวหลิงยังคงเข้าใกล้ยู่เอ้าชิงเรื่อยๆ ปากของเขากำลังกล่าวคำสารภาพรักมันเต็มไปด้วยคำพูดที่หวานหยดย้อย : ในฝันของข้า พวกเราทั้งสองได้ครอบครองซึ่งกันและกัน มันอ่อนหวานเร้าอารมณ์ และมีความสุขอย่างยิ่ง!!

คำพูดเหล่านี้ทำให้ยู๋เอ้าชิงค่อนข้างอับอาย นางจึงพุ่งฝ่ามือไปที่ไหล่ของเมียวหลิงอย่างรุนแรง

เมียวหลิงจะสามารถต้านทานได้อย่างไร ? เขาลอยกระเด็นออกไปในทันที แต่ว่ายู่เอ้าชิงอยู่ในสภาพที่อ่อนล้า ฝ่ามือที่พุ่งออกไปของนางจึงไม่ทำให้เมียวหลิงได้รับบาดเจ็บ

เมียวหลิงลุกขึ้นอีกครั้ง เขายังคงหัวเราะและเดินเข้าไปหายู่เอ้าชิง และกล่าวอีกครั้งโดยไม่ละอาย : ศิษย์น้องทราบดี ฐานะของศิษย์พี่สูงส่งยิ่งนัก ดังนั้นสายตาของศิษย์พี่จึงมองหาที่สิ่งที่อยู๋ในระดับสูง เพราะเป็นเช่นนี้ ศิษย์พี่คงไม่เคยลิ้มรสความรักระหว่างสตรีและบุรุษใช่ไหม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด