ตอนที่ 185 แผนการที่กล้าหาญ
ตอนที่ 185 แผนการที่กล้าหาญ
ก่อนหน้านี้หยางไค่คิดว่าจะเป็นเรื่องยากในการรับมือการฝูงแมลงเหล่านี้ แต่เมื่อเขาลงมือต่อสู้และพบว่ามันไม่ได้ยากที่เขาคาดคิด
บางทีมันอาจจะยากต่อการรับมือสำหรับกลุ่มของยู่เอ้าชิง แต่มันง่ายดายสำหรับเขาอย่างยิ่ง
ปีกของฝูงแมลงเหล่านี้ค่อนข้างเปราะปราง และยังอยู่ในระดับต่ำ เมื่อตนเองพุ่งเข้าไป ไม่จำเป็นต้องลงมือทำสิ่งใด เพียงแค่พลังลมปราณหยางที่ห่อหุ้มร่างกายของเขาก็เพียงพอที่จะเผาไหม้ปีกของพวกมัน
เมื่อไร้ซึ่งความสามารถในการโบยบิน พวกมันจึงไม่เป็นภัยคุกคามต่อหยางไค่แม้แต่น้อย
ข้อดีของพวกมันคือจำนวนที่มากมาย และยังมีความสามารถในการแทงทะลุสร้างรูหลุม และมีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว พวกมันจึงมักโจมตีจากใต้ฝ่าเท้าของหยางไค่
เมื่อเคลือนไหวท่าร่าง หยางไค่สามารถหลบหนีจากการรุมล้อมของฝูงแมลงได้อย่างรวดเร็ว หลังจากที่เขาพุ่งออกไปหลายลี้ เขาได้หยุดก้าวเท้าอย่างกะทันหัน
เพราะเขาพบว่าด้านหน้าของเขามีกำแพงหมอก ซึ่งเป็นเหมือนหมอกพิษที่หลอมละลายคนธรรมดาสามัญในตอนแรก
เกิดอะไรขึ้น ? ทำไมถึงวิ่งกลับมาที่เดิม ? หยางไค่ไม่กล้าตัดสินใจ เขารีบวิ่งไปตามขอบเขตของหมอกพิษ ซึ่งหวังว่าจะพ้นหาทางออกที่สามารถหนีออกไปได้
แต่ครึ่งชั่วยามผ่านไป เมื่อหยางไค่พบเห็นกองกระดูกที่อยู่ตรงหน้า ทำให้สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนอย่างกะทันหัน
กระดูกสีขาวเหล่านี้ เป็นกระดูกของคนธรรมดาสามัญที่ถูกหลอมละลายในตอนแรก
หยางไค่ไม่ย่อท้อเขาวิ่งออกไปอีกครั้ง เมื่อผ่านไปได้สักครู่ สีหน้าของหยางไค่แปรเปลี่ยนเป็นความเคร่งขรึมในทันที
ตรงหน้าที่ห่างกันไม่มาก มีร่างศพของคนคนหนึ่ง แต่ในตอนนี้มันถูกกัดแทะจนไม่เหลือเค้าโครงเดิม แต่หยางไค่คุ้นเคยกับเสื้อผาที่เหลือไว้ มันคือเสื้อผ้าของศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ย
นอกจากนั้นยังมีอาวุธอยู่ใกล้กับร่างศพ ร่างศพก็คือจีหยวนที่เขาโยนออกไปนั่นเอง !!
วิ่งหนีเป็นเวลานาน แต่เป็นการวิ่งอ้อมไปมาในบริเวณเดียวกันราวกับอยู่ในเขาวงกต นอกจากนั้นในบริเวณรัศมีกว่า 10 ลี้ ล้วนถูกล้อมรอบไปด้วยหมอกพิษที่น่าหวาดกลัว
จนถึงตอนนี้ หยางไค่จึงเข้าใจว่าแมลงเหล่านี้ดูเหมือนว่าง่ายต่อการรับมือ เมื่อพวกมันเข้าใกล้พลังลมปราณหยางที่ร้อนแรงของเขาแน่นอนว่าพวกมันไม่สามารถโจมตีเขาได้
แต่เขาไม่ทราบว่าพวกมันมีความสามารถเช่นไร ถึงสามารถใช้หมอกพิษ ในการปิดผนึกพื้นที่ขนาดใหญ่เช่นนีได้
นอกจากทำลายผนึกแห่งหมอกพิษนี้ มิฉะนั้นพวกเขาจะไม่สามารถออกจากบริเวณนี้ไปได้
ตนเองจะสามารถทนต่อการหลอมละลายของหมอกพิษนั้น ? หยางไค่ไม่กล้าตัดสินใจ เขาครุ่นคิดเป็นเวลานาน จึงตัดสินใจที่จะทอดสอบ
เมื่อมาถึงขอบเขตของหมอกพิษ สีหน้าของหยางไค่เคร่งขรึมอย่างยิ่งเขาค่อยๆยื่นมืออกไป และปลดปล่อยพลังลมปราณหยางออกมาจนถึงขีดจำกัด เขาเปิดใช้งานแม้แต่ความอดทนที่ไร้พ่ายของกระดูทองคำ
เมื่อนิ้วมือสัมผัสไปยังหมอกพิษ หยางไค่ดึงกลับมาอย่างรวดเร็ว
คาก !!! เสียงจากการถูกทิ่มแทงดังขึ้น หยางไค่ก้มหน้าลงมองและต้องผงะกับสิ่งที่พบเห็น
ผิวหนังส่วนหนึ่งของปลายนิ้วละลายจนกลายเป็นสีชิ้นเนื้อสีแดงโลหิตในทันที ความเจ็บปวดพรวดพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว หยางไค่จึงต้องสินใจตัดชิ้นเนื้อส่วนนั้นออกจากร่างกายของเขา
หยางไค่ฉีกเสื้อของตนเอง และห่อหุ้มบาดแผลของเขา เขาสูดลมหายใจเข้า และจ้องมองไปทั่วบริเวณ
ตนเองเพิ่งแยกตัวออกจากลุ่มคนของยู่เอ้าชิงในบริเวณนี้ แล้วพวกเขาไปอยู่ที่ไหนในตอนนี้ ? หมอกพิษล้อมรอบบริเวณนี้ ไม่มีใครสามารถหนีรอดออกไปได้ ในบริเวณนี้ไร้ซึ่งร่างศพ แล้วพวกเขาอยู่ที่ไหนกัน ?
ซา ซา ซา โฮ่ง โว่ง โว่ง .
ดูเหมือนว่าฝูงแมลงจะได้กลิ่นเหม็นของปลาเน่า พวกเขาบินเข้ามาหากหยางไค่อีกครั้ง
สีหน้าของหยางไค่แปรเปลี่ยน พลังลมปราณหยางเคลื่อนไหว และพุ่งโจมตีไปยังทิศทางที่ฝูงแมลงบินเข้ามา
มันง่ายดายเหมือนที่ผ่านมา เมื่อปีกของฝูงแมลงถูกเผาไหม้ มันค่อยๆร่วงหล่นลงมา แต่ว่าจำนวนของมันไมได้น้อยลง แต่ดูเหมือนว่าจะมากขึ้นเรื่อยๆ ฟ้าดินรู้ดีว่าสถานที่แห่งนี้ซ่อนเร้นฝูงแมลงไว้มากมายเท่าใด มันมีมากมายจนสามารถปกคลุมพื้นดินบริเวณนี้อย่างไม่สิ้นสุด
หยางไค่วิ่งออกไและฆ่าฝูงแมลงเล็กๆเหล่านั้นไปด้วย เมื่อเขาวิ่งวนอยู่ในบริเวณรัศมีกว่า 10 ลี้ เขาก็ยังมองไม่เห็นทางออก จิตใจของเขาจึงเริ่มรู้สึกวิตกกังวลขึ้นมา
แม้ว่าหยดน้ำพลังลมปราณหยางในจุดตันเถียนองเขาจะเหลือน้อย แต่มันเพียงพอที่จะฆ่าฝูงแมลงเหล่านี้ แต่ว่าพละกำลังของร่างกายมีขีดจำกัดสูงสุด หากว่าใช้พละกำลังจนหมด แม้จะมีหยดน้ำพลังลมปราณหยางก็ต้องนั่งรอความตายอยู่ดี
นายน้อย ฝูงแมลงเหล่านี้เป็นฝูงของสัตว์อสูร มันจะมีผู้นำของมัน ที่คล้ายคลึงกับพญ้าผึ้ง ในช่วงเวลาสำคัญ มารปฐพีได้กล่าวต่อหยางไค่
หมายความว่าอย่างไร หยางไค่กล่าวถามอย่างรีบร้อน
ความหมายของข้า ก็คือว่า หากสามารถจับพญาของฝูงแมลงเหล่านี้ ท่านจะสามารถหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้
เจ้าทราบหรือไม่ว่าพญาของพวกมันอยู่ที่ไหน ?
เอิ่ม ข้าไม่ทราบ
หยางไค่ไม่มีอารมณ์ที่จะตำหนิคำกล่าวที่ไร้สาระของมารปฐพี แต่เขาคิดถึงวิธีการหนึ่งที่มีความเป็นไปได้
บางที .การที่ฝูงแมลงเหล่านี้พุ่งโจมตีเขา พวกมันไม่มีเจตนาที่จะฆ่า แต่มีเจตนาที่จะไล่ล่า !!
ร่องรอยของยู่เอ้าชิงและกลุ่มคนอื่นๆหายไป และยังไม่มีร่างศพของพวกเขา ดูเหมือนว่าศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ยคงถูกฝูงแมลงไล่ล่าไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
และสถานที่แห่งนี้ ต้องเป็นรังของฝูงแมลงเหล่านี้ !!
ฝูงผึ้งก็ทำเช่นนี้ มีฝูงผึ้งจำนวนหนึ่งนำน้ำผึ้งกลับไปให้แก่พญาผึ้งของพวกมัน หรือว่าการกระทำของฝูงแมลงเหล่านี้ เป็นการรวบรวมอาหารเพื่อนำไปให้แก่พญาที่เป็นผู้นำของพวกมัน ?
ยิ่งคิดความรู้สึกบ่งบอกว่าเขาคาดเดาไม่ผิด แผนการที่กล้าหาญได้ก่อกำเนิดขึ้นมาในความคิดอย่างช้าๆ
เมื่อคิดพิจารณาอย่างรอบคอบถึงความเป็นไปได้ที่แผนการนี้จะสำเร็จ หยางไค่จึงซ่อนเร้นพลังลมปราณหยางของเขา เขาสูดลมหายใจเข้าอย่างลึกๆ และเผชิญหน้ากับฝูงแมลงเหล่านั้นอย่างกล้าหาญ
เมื่อหยางไค่ไม่ต่อต้าน ฝูงแมลงเหล่านี้ไม่โจมตี แต่มันบินไปรอบๆและล้อมเขาเอาไว้
นายน้อย ท่านคิดจะทำอะไร ? มารปฐพีกล่าวถามด้วยความตื่นตระหนก
ทดสอบ !! สีหน้าของหยางไค่แสดงออกอย่างเคร่งขรึม ด้านซ้ายและด้านขวาของเขาปิดล้อมด้วยหมอกพิษ เขาไม่มีทางหลบหลบหนีจากฝูงแมลงเหล่านี้ได้เลย หากเขายังฝืนต่อสู้ต่อไปในไม่ช้าหรือเร็วพละกำลังของเขาต้องลดลงเมื่อเป็นเช่นนั้นเสมือนว่าเขากำลังนั่งรอความตาย การใช้โอกาสในขณะที่ตนเองยังมีเรี่ยวแรงในการต่อต้านเป็นวิธีการที่ดีกว่าอย่างยิ่ง
หากการคาดเดาของเขาถูกต้อง เขายังเหลือโอกาสในการมีชีวิตรอด
หลังจากที่เผชิญหน้ากับเป็นเวลานาน ในที่สุดฝูงแมลงเหล่านั้นก็ได้พุ่งบินไปที่หยางไค่
มารปฐพีกล่าวตะโกนด้วยความตกใจ : นายน้อย ท่านจะทำเช่นนี้ไม่ได้ !!
หุบปาก !! หยางไค่ไมอยากฟังเสียงตะโกนตักเตือนของมารปฐพี ความสนใจของเขาจับจ้องไปยังฝูงแมลงเกือบ 10 ตัวที่พุ่งเข้ามา ตัวของเขาเกรงแน่นดั่งคันธนูที่รอการปลดปล่อยในช่วงเวลาที่เหมาะสม และรอโจมตีเมื่อสัมผัสได้ว่าสถานการณ์ไม่เป็นดั่งที่เขาคาดคิด
แต่มันทำให้เขาโล่งใจและเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เพราะหลังจากที่ฝูงแมลงเหล่านี้บินพุ่งมาหาเขา มันไม่ได้โจมตีเขา แต่พวกมันกลับผลักดันและลากเขาไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
เป็นอย่างที่เขาคาดคิด !! มุมปากของหยางไค่เผยรอยยิ้มเล็กๆออกมา
เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจึงสามารถตอบคำถามของตนเองว่าทำไมเขาถึงมองไม่เห็นร่างศพของยู๋เอ้าชิงและคนอื่นๆ พวกเขาต้องต่อสู้จนหมดเรี่ยวแรง และถูกจับโดยฝูงแมลงเหล่านี้
ทันใดนั้นฝูงแมลงนับหมื่นตัวได้ล้อมร่างกายของเขาเอาไว้ กลายเป็นภาพที่น่าสยดสยอง แต่หยางไค่ยังคงจ้องมองด้วยสีหน้าที่ราบเฉย และปล่อยให้ฝูงแมลงเหล่านี้ผลักดันไปอย่างง่ายดาย
หลังจากนั้นไม่นาน เขาถูกผลักดันมายังหลุมลึกขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
ภายในหลุมลึกขนาดใหญ่ มีปากถ้ำที่มืดมิดปรากฏ มันดูเหมือนปากของสัตว์อสูรกินเนื้อนมนุษย์ มันน่าหวาดกลัวอย่างมาก
หยางไค่มองเห็นปากถ้ำมีเศษผ้าสีครามที่ขาดรุ่งริ่งส่วนหนึ่ง เขาคุ้นชินกับสีและเนื้อผ้าสีครามนี้อย่างยิ่ง มันคือเศษเสื้อผ้าของยู่เอ้าชิง
พวกเขาถูกจับมาจริงๆ
การคาดเดาภายในใจได้รับการยืนยัน หยางไค่ไม่มีสิ่งใดให้กังวลใจต่อไป เขาไม่รอให้ให้ฝูงแมลงพันธนาการเขาเอาไว้ แต่กระโดดลงไปในถ้ำด้วยตนเอง
กลิ่นเหม็นสาบโชยออกมาจากภายใน ภายในถ้ำเป็นทางโค้งไปมาทั้งหมด 18 โค้ง มันเป็นร่องรอยการเจาะและขุดจากฝูงแมลง มันแตกต่างจากถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์อย่างสิ้นเชิง
ในขณะที่หยางไค่เดินผ่าน เขาจำเส้นทางอย่างตั้งใจและทำเครื่องหมายไว้ในบริเวณที่มืดมิดอย่างระมัดระวัง
ในระหว่างทาง เขายังมองเห็นฝูงแมลงที่บินเข้ามาและบินออกไปเป็นครั้งคราว นอกจากนั้น แมลงที่อยู่ในบริเวณนี้ไมได้มีขนาดเล็กเท่าชามข้าวเท่านั้น ดูเหมือนว่าแมลงเหล่านี้มีหลายขนาดและหลายระดับชั้น มีแมลงบางตัวที่มีขนาดเกือบเท่ามนุษย์ บางตัวมีใบหน้าขนาดใหญ่เท่าอ่างล้างหน้าหรือเท่าถังน้ำ เมื่อมองดูช่างเป็นภาพที่น่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง
บ้าเอ้ย !! ตนเองต้องกลายเป็นนักโทษของฝูงแมลงเหล่านี้ !! รอให้ข้าพบเจอพญ้าที่เป็นผู้นำของพวกเจ้า ข้าจะทำให้พวกเจ้าต้องเสียใจที่จับตัวข้ามา !! จิตใจของหยางไคสบทด้วยความโกรธ
เมื่อถูกผลักดันเข้ามาโดยแมลงเหล่านี้ หยางไค่เดินเข้ามาเป็นเวลานาน เขาจึงมาถึงที่ว่างเปล่าที่ค่อนข้างกว้าง
จะเรียกสถานนี้ว่าถ้ำก็มิสมวคร สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนเป็นที่กักเก็บอาหารของพวกเขามากกว่า เพราะเขามองเห็นศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ยทั้งหมด ต่างอยู่ในสถานที่แห่งนี้ทุกคน
ศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ยต่างจ้องมาที่หยางไค่ นอกจากนั้นหยางไค่ยังได้ยินเสียงหัวเราะเยือกเย็นที่เต็มไปด้วยความไม่ประสงค์ดีและความเย้ยหยันจากเมียวหลิง
ศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ยล้วนมีบาดแผลเล็กๆน้อยๆเป็นจำนวนมาก พวกเขาทุกคนต่างนั่งอยู่บนพื้นและจ้องมองหยางไค่ด้วยสีหน้าที่เกลียดชัง
ฝูงแมลงที่เหลือผลักหยางไค่เข้าไปข้างใน มันเป็นถ้ำเล็กๆอีกแห่งหนึ่งที่เสมือนคุกคุมขัง ด้านหน้าของถ้ำยังมีแมลงที่มีขนาดใหญ่กว่ามนุษย์เฝ้ามองพวกเขา เพื่อไม่ให้พวกเขาหลบหนีออกไป
เมื่อเข้าไปยังถ้ำคุมขัง หยางไค่ไมได้ยุ่งกับศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ย เขาหามุมที่ห่างไกลพวกเขาและนั่งขัดสมาธิลงไป
ยู่เอ้าชิงจ้องมองหยางไค่ด้วยสายตาที่เยือกเย็น เมื่อเห็นหยางไค่นั่งขัดสมาธิและหลับตาลง โดยไม่กล่าวอะไร ทำให้นางไม่สามารถอดกลั้นและกล่าวถาม : เจ้าเป็นใครกันแน่ !!
หยางไค่ลืมตาขึ้น และไม่ได้สนใจต่อคำกล่าวของนาง
ทำไมเจ้าถึงลอบเข้าใปในเรือของสำนักหยุนเซี่ยของเรา และยังซ่อนเร้นความสามารถและความแข็งแกร่งของตนเอง เจ้ามีเจตนาที่จงใจเช่นนี้ เจ้ามาจากสำนักไหนและต้องการสิ่งใด ? ยู่เอ้าชิงกล่าวถามอย่างต่อเนื่อง
หยางไค่จ้องมองนางด้วยสายตาที่ดูหมิ่น เขาค่อยๆกล่าวอย่างช้าๆ : ประการแรก ข้าไมได้แอบลอบเข้าสู๋เรือกลไฟของพวกเจ้า แต่เป็นคนของสำนักหยุนเซี่ยที่พาข้าเข้าไปเอง ประการที่ 2 หากข้าไม่ซ่อนเร้นความสามารถและความแข็งแกร่งของข้า ข้าจะมีชีวิตรอดจนถึงตอนนี้ ? ประการที่ 3 ข้าจงใจทำเช่นนี้เพราะความอยู่รอดของตนเอง สตรีเอ๋ย เจ้าจะกล่าวถามด้วยสีหน้าและใบหน้าที่หยิ่งยะโสเช่นนี้ทำไม หากไม่ใช่เพราะคนของสำนักหยุนเซี่ยจับตัวข้ามา ข้าจะมาถึงสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร ?
เจ้ากล้าพูดเช่นนี้กับข้า !! ยู่เอ้าชิงยิ้มอย่างเยือกเย็น
เจ้าคิดว่าตนเองสูงส่งแค่ไหน ? หยางไค่หัวเราะอย่างเย้ยหยัน
ศิษย์พี่ชิง ท่านไม่ต้องกล่าวคำพูดที่ไร้สาระต่อเขา เขาเพิ่งฆ่าศิษย์พี่จี่หยวน !! เมียวหลิงจ้อมองหยางไค่ด้วยความแค้น : พวกเราต้องแก้แค้นให้ศิษยืพี่จี่หยวน !!
ฮ่าฮ่า !! หยางไค่หัวเราะอย่างเสียงดัง
เจ้าหัวเราะทำไม ? เมียวหลิงขบฟันแน่นและจ้องมองหยางไค่ด้วยความเกรี้ยวโกรธ : เจ้าไม่รู้ไหมว่าคำว่าตายเขียวอย่างไง ! ?
เจ้าโง่ !! หยางไค่จ้องมองเขาด้วยความรังเกียจ : ในขณะที่ข้าอยู่บนเรือข้าได้ยินเสียงการสนทนาของสตรีนางนี้กับผู้อาวุโสยู่ นางกล่าวว่าเมื่อค้นพบเกาะซ่อนเร้น นางจะโยนเจ้าลงทะเล มันช่างเป็นเรื่องที่น่าตลกสิ้นดี !!
สีหน้าของยู่เอ้าชิงแสดงออกอย่างร้อนรน นางรีบกล่าวแก้ตัว : ข้าไม่เคยพูดเช่นนั้น !!
เมื่อนางกล่าวจบนางหันหน้าจ้องมองเมียวหลิง และกล่าวอธิบายอีก : เจ้าอย่าฟังคำกล่าวที่ไร้สาระของเขา !!
เมียวหลิงจ้องมองไปที่หยางไค่และกล่าว : เจ้าคิดว่าคำพูดโกหกของเจ้าจะทำลายความสัมพันธุ์ระหว่างข้าและศิษย์พี่ชิงได้หรือไง เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อคำพูดของเจ้าหรือไง ? ศิษย์พี่ชิง ท่านไม่ต้องอธิบาย ข้าทราบดีว่าท่านไม่มีทางทำเช่นนั้น !!
ยู่เอ้าชิงจึงพยักหน้ารับทราบอย่างรวดเร็ว
เจ้าจะเคยพูดหรือไม่เคยพูด เจ้ารู้แก่ใจดี หยางไค่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น เขาจ้องมองยู่เอ้าชิงและกล่าว : ทางที่ดีเจ้าอย่างคิดที่จะลงมือ ไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้ฝูงแมลงเหล่านั้นแตกตื่น!!
ยู่เอ้าชิงสูดหายใจเข้าลึกๆ นางกดทับความต้องการฆ่าของนางเอาไว้ นางทราบดีว่าคำกล่าวของหยางไค่ไม่ได้ผิด ในขณะที่พวกเขากำลังกล่าวสนทนา แมลงยักษ์ที่เฝ้าระวังอยู่ด้านนอกเริ่มแตกตื่นขึ้นมาบ้าง พวกมันกำลังหันหน้าจ้องมองพวกเขาด้วยความกระตือรือร้นอย่างยิ่ง
แม้ว่านางต้องการฆ่าหยางไค่ แต่นางยังไม่กล้าที่จะลงมือ
เมื่อถ้อยคำวาจาสิ้นสุดลง มันไม่เกิดผลลัพธุ์ใดๆ หยางไค่เพียงแค่ปักหนามที่แหลมคมไปยังจิตใจของเมียวหลิงเท่านั้น เพราะในตอนนี้กลุ่มคนของพวกเขามีมากกว่า หากพวกเขาต้องการที่จะโจมตีเขาอย่างโหดเหี้ยม มันคงไม่ดีต่อตัวเขา มีเพียงการสร้างความบาดหมางให้แก่พวกเขา จึงจะสามารถปกป้องความปลอดภัยของตนเอง