ตอนที่ 184 เปิดเผย
ตอนที่ 184 เปิดเผย
เมื่อชีวิตตกอยู่ในมือของผู้อื่น คนธรรมดาสามัญต้องยอมจำนวนต่อคำสั่งของยู่เอ้าชิง เขาเดินไปด้านหน้าด้วยตัวที่สั่นเทาและกล่าวขึ้นมา : ยอดฝีมือทั้งหลาย มันก็เป็นเพียงต้นหญ้าต้นเล็กๆ เท่านั้น
เมื่อได้ยินคนธรรมดาสามัญกล่าวดังนี้ สีหน้าของศิษย์สาวกทั้ง 5 แสดงออกด้วยความตื่นเต้น จางยู่วรียกล่าวถาม : เป็นต้นหญ้าประเภทไหน ?
สีขาวบริสุทธุ์ดั่งหิมะ งดงามอย่างยิ่ง ชายผู้นั้นกล่าวตอบ เขายังกล่าวถามอีกครั้ง : ให้ข้าเด็ดมันให้แก่พวกท่านไหม?
เจ้า อย่าเพิ่งแตะต้องมัน !! ยู่วเอ้าชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น นางนำพาศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ยก้าวเดินไปข้างหน้า หยางไค่ก็ได้ติดตามพวกเขาขึ้นไป เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ศิษย์สาวกทั้ง 5 ต่างสบทด้วยน้ำเสียงที่ดีใจอย่างมิอาจหยุดยั้ง
มันเป็นต้นหญ้าสีขาวหิมะ มันงดงามดั่งหยกที่ล้ำค่า กระจ่างใสลูกแก้วที่วิเศษ และยังประกายแสงสว่างในตัวออกมาอย่างน่าอัศจรรย์
โอ้ว สวรรค์ !! จางยู่วอุทานด้วยความตื่นเต้นอย่างสุดขีด : มันคือต้นหญ้าหยกหิมะ !!
ใบหน้าของยู่วเอ้าชิงประกายด้วยรอยยิ้ม : ใช่ มันใช่จริงๆ ด้วย มันเป็นต้นหญ้าขั้นปฐพีระดับสูง !!
หล่อเชียงเชียงก็แสดงสีหน้าที่ตื่นเต้นเช่นเดียวกัน แต่จีหยวนและเมียวหลิงทั้งสองกลับแสดงสีหน้าอาการที่สงบสนิ่งอย่างเย็นชา
ที่เป็นเช่นนี้ เพราะต้นหญ้าหยกหิมะเป็นต้นหญ้าวิเศษที่ใช้ในร่างกายของหญิงสาว มันมีสรรพคุณที่คล้ายคลึงกับต้นบุพผาหญิงงามที่หยางไค่ได้รับในขณที่อยู่ภายในเกาะหยุนเซี่ย เมื่อหญิงสาวกลืนกินต้นบุพผาหญิงงามเข้าไป มันจะทำให้ใบหน้าของหญิงสาวงดงามยิ่งกว่าเดิม แต่เมื่อหญิงสางกลืนกนิต้นหญ้าหยกหิมะ มันจะทำให้ผิวหนังของหญิงสาวกระจ่างใส ขาวเนียนราวหิมะที่ละเอียดอ่อนเสมือนผิวทารกแรกเกิดที่่น่าหลงไหล
หากต้นหญ้าทั้งสองถูกใช้ร่วมกัน มันเพียงพอที่จะทำให้หญิงสาวอัปลักษณ์กลายเป็นหญิงงามนางหนึ่ง ราวกับว่าถูกชุบชีวิตใหม่ขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์
หญิงสาวต่างชื่นชอบและกระหายที่จะได้ครอบครอง ในตอนนี้มีหญิงสาวทั้งสิ้น 3 คน มีใครกันล่ะที่ไม่อยากให้ตนเองงดงามยิ่งกว่าเดิม ? เมื่อพวกเขาค้นพบต้นหญ้าหยกหิมะทำให้จิตใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความสุข
พวกเราเพิ่งเข้ามาสำรวจเกาะซ่อนเร้นก็ค้นพบของล้ำค่าเช่นนี้ หากว่าพวกเรายังคงเดินทางต่อไปคงจะได้รับสิ่งล้ำค่าและสิ่งวิเศษที่มากมายอย่างแน่นอน เมียวหลิงกล่าวด้วยสีหน้าและคำพูดที่ตืนเต้นอย่างยิ่ง
ยู่เอ้าชิงไม่รอช้า นั่งก้มลงไปและเด็ดต้นหญ้าหยกหิมะ จากนั้นจึงเก็บเข้าไปยังกล่องหยกที่อยู่ในทรวงอกของนาง อย่างระมัดระวัง
จางยู่วและหล่อเชียงเชียงจ้องมองการกระทำของนางด้วยสีหน้าที่ลังเล แต่สุดท้ายก็เฝ้าดูการกระทำของนางโดยไม่ได้กล่าวพูด
ยู่วเอ้าชิงกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ : หากวันไหนที่พวกเรากำลับไปยังสำนักหยุนเซี่ย ข้าจะให้คนแห่งหอสกัด สกัดมันให้เป็นยา และมอบให้แก่ศิษย์น้องทั้งสองอย่างเท่าเทียม
นางทราบดีว่าในสถานการณ์เช่นนี้ไม่ใช่เวลาในการทะเลาะเบาะแว้งเพื่อแย่งชิง ดังนั้นนางจึงกล่าวคำพูดที่ปลอบโยนออกมาอย่างเย่อหยิ่ง
แน่นอนว่าจางยู่วและหล่อเชียงเชียงต่างพึงพอใจต่อคำกล่าวของนางและกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม : ขอบคุณศิษย์พี่ชิง
เมื่อได้รับต้นหญ้าในขั้นปฐพีระดับสูง ความวิตกกังวลในจิตใจของศิษย์สาวกแหงสำนักหยุนเซี่ยต่างมลายหายไป มันถูกแทนที่ด้วยอารมณ์อันผ่อนคลายจากการได้รับต้นหญ้าหญ้าในขั้นปฐพีระดับสูงแทน
พวกเขาทำตัวราวกับว่าไม่ได้ตกระกำลำบากในเกาะซ่อนเร้น แต่พวกเขามาเพื่อค้นหาสมบัติวิเศษต่างๆ
ไม่มีใครทราบว่าเกาะซ่อนเร้นแห่งนี้ไร้ซึ่งผู้คนเข้ามาเยี่ยมเยียนเป็นเวลากี่ร้อยกี่พันปี มันจึงเต็มไปด้วยสมบัติแห่งฟ้าสวรรค์จำนวนมากมาย พวกเขาเดินทางอยู่ในเกาะซ่อนเร้นเป็นเวลา 2 วัน ก็ได้รับผลตอบแทนจำนวนมากมาย พวกเขาได้รับต้นหญ้าบุพผาที่วิเศษหลาย 10 ประเภท ซึ่งอยู่ในขั้นปฐพีระดับกลางไปจนถึงระดับสูง นอกจากนั้นพวกเขายังค้นพบต้นหญ้า 1-2 ต้นในขั้นฟ้าสวรรค์อีกด้วย
แห่งสำนักหยุนเซี่ยยิ่งทวีความตื่นเต้นในการเดินทางในเกาะซ่อนเร้นแห่งนี้
ในวันนี้ ในขณะที่พวกเขากำลังเดินทาง ด้านหน้าของพวกเขากลับปรากฏหมอกจางๆขึ้น ซ่ึ่งได้ปิดกั้นทัศนียภาพในการมองเห็นของพวกเขา
คนธรรมดาสามัญที่เดินนำทางอยู่หน้าสุดได้หยุดฝีเท้าของเขาอย่างกะทันหัน เขาหันหน้ากลับมาหายู่วเอ้าชิงด้วยสีหน้าที่หวาดกลัวอย่างยิ่ง
เดินต่ไป !! ยู่เอ้าชิงสั่งการด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย ใบหน้าที่งดงามแสดงออกอย่างไร้ความปราณี
ชายผู้นั้นไร้ซึ่งหนทาง เขาต้องก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างต่อต้านไม่ได้
แต่เมื่อร่างกายของเขาเดินเข้าไปสัมผัสกับหมอกจางๆ ฮวา !! คาก!!! เสียงดังขึ้นอย่างกะทันหัน ชายผู้นั้นกล่าวตะโกนและร้องไห้อย่างทรมาณ ระยะเวลาสั้นเพียงครึ่งลมหายใจ ร่างกายของเขาทรุดลงกับพื้นโดยตรงและกระตุกไปมาอย่างไม่หยุด
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนแปลงในทันที พวกเขาถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็ว และจ้องมองการเปลี่ยนของชายผู้นั้นด้วยความหวาดกลัว
ทันใดนั้นราวกับว่าเขาถูกโยนลงในกะทะที่มีน้ำร้อนที่เดือดจัด ราวกับว่าเขากำลังถูกเปลวไฟแผดเผา ร่งกายของเขากำลังถูกหลอมละลายโดยมีไอสีขาวลอยฟุ้งขึ้นมาอย่างไม่หยุด เนื้อหนังสีแดงรวมไปถึงกระดูกสีขาวตกลงไปที่พื้นดิน และกลายเป็นโลหิตสีแดงในทันที
ระยะเวลาไม่ถึง 5 ลมหายใจ ร่างกายของคนที่ยังมีชีวิต ได้แปรเปลี่ยนกองกระดูกและโลหิตสีแดงสดในทันที
นอกจากนั้นอากาศในบริเวณนี้ยังอึดอัดโดยมิอาจอธิายออกมาได้
โอ้ว จางยู่วและหล่อเชียงเชียงตกใจจนใบหน้าซีดขาว พวกเขาก้มตัวลงและอาเจียนออกมาในทันที แม้แต่เมียวหลิงและจีหยวนยังแสดงสีหน้าอาการที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ขนตายยาวของยู่เอ้าชิงสั่นไหวไปมาอย่างไม่หยุด ใบหน้าของหน้าซีดเซียวอย่างถึงที่สุด แต่แม้ว่าสีหน้าของนางจะแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด แต่นางไม่ได้อาเจียนเหมือนจางยู่วและหล่อเซียงเซียง
คนธรรมดาสามัญที่ยืนข้างหยางไค่เข่าอ่อนจนทรุดตัวลงไปพื้นดิน
ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ มีเพียงหยางไค่ที่ยังคงแสดงออกอย่างราบเฉิย แต่ถึงกระนั้น ความรู้สึกเยือกเย็นจนร่างกายหนาวสั่นก็ยังพุ่งขึ้นมาจากฝ่าเท้าของเขา
หากเมื่อสักครู่เป็นเขาที่ถูกบังคับให้เดินเข้าไป สภาพของเขาคงจะเป็นเหมือนชายธรรมดาสามัญผู้นั้นอย่างแน่นอน
แต่ไม่ว่ายู่เอ้าชิงจะบังคับตนเองให้เดินเข้าไป หยางไค่ก็ไม่กล้าที่จะเสี่ยงเดินเข้าไปตามคำสั่งของนาง
มันเป็นหมอกพิษ !! ยู่เอ้าชิงหันหน้ากลับมาด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว นางจ้องมองทุกคนด้วยสายตาที่เย็นชา เมื่อความหวาดกลัวเริ่มจางหาย นางจึงกล่าวกับทุกคนด้วยเสียงที่สั่นเทา : พวกเรากลับ!!
เมื่อสักครู่ทุกคนต่างมองเห็นฉากเหตุการณ์ที่น่าสยดสยอง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการออกจากบริเวณนี้ในทันที พวกเขารีบติดตามยู่เอ้าชิงออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่เดินออกไปประมาณ 1 ลี้ ทุกคนจึงผ่อนคลายความหวาดกลัว
ราวกับว่าได้เผชิญหน้ากับความตายแล้วเกิดใหม่อีกครั้ง ศิษย์สาวกทั้งหมดแห่งสำนักหยุนเซี่ยต่างจ้องมองไปยังยู่เอ้าชิงด้วยความขอบคุณ หากไม่ใช่เพราะนางกระทำอย่างระมัดระวัง ในตอนนั้นคนที่ต้องพบเจอกับฉากเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ไม่ได้มีเพียงคนธรรมดาสามัญ แต่ยังรวมไปถึงพวกเขาทั้งหมดด้วย
เมื่อผ่านเรื่องราวในครั้งนี้ พวกเขาต่างชื่นชมและเคารพในการตัดสินใจของยู่เอ้าชิง
หยางไค่ทราบดีว่าในตอนนี้เขาต้องหาโอกาสในการหลบหนีจากพวกเขา ไม่เช่นนี้เขาอาจต้องพบเจอกับฉากเหตุการณ์เฉกเช่นเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ในวันข้างหน้าตนเองต้องเป็นผู้ที่เดินนำหน้าและทดสอบกับสิ่งที่ไม่เคยพบเจอ หากยังเดินทางกับกลุ่มคนเหล่านี้ เขาจะถูกฆ่าตายใจยู่เอ้าชิงหญิงสาวที่มีจิตใจโหดเหี้ยมคนนี้
สิ่งที่ขาดหายไปในตอนนี้คือโอกาส และคนคนหนึ่งที่จะสร้างความวุ่นวายให้พวกเขา !!
ในขณะที่กลุ่มคนเหล่านี้กำลังพักผ่อน เสียงดังกึกก้องได้ดังขึ้นและแว่วเข้ามาอย่างกะทันหัน หยางไค่ขมวดคิ้วไว้แน่น และรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติ
เสียงอะไร ? เมียวหลิงทำตัวอย่างแตกตื่น เขาลุกขึ้นมาอย่างกะทันหัน
มีเสียงอะไร ? จีหยวนเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ
ชู่ว เงียบ อย่างส่งเสียงดัง ตั้งใจฟังให้ดี !! เห็นได้อย่างชัดเจนว่ายู่เอ้าชิงก็ได้ยินเสียงเช่นกัน
ทุกคนต่างหยุดนิ่งโดยกลั้นลมหายใจเอาไว้ ซึ่งได้ยินเสียงหึ่งๆ จากบริเวณระยะไกล ดูเหมือนว่ามันเป็นเสียงของมวลผึ้ง แต่ว่าเสียงนั้นดังยิ่งกว่าเสียงของมวลผึ้งที่กำลังโบยบิน
เสียงหึ่งๆๆ ใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีเสียงดังก้องจากฝ่าเท้่าของพวกเขาอีกด้วย เมื่อจ้องมองออกไปยังตั้งใจ พวกเขาพบเห็นเส้นไหมที่เรียวยาวจำนวนมากมาย กำลังพุ่งมายังบริเวณที่พวกเขาพักผ่อน ซึ่งดูเหมือนว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังบินมาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว
แย่แล้ว วิ่งเร็ว !! สีหน้าของยู่เอ้าชิงเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน นางตะโกนด้วยความตกใจและวิ่งไปยังทิศทางอื่นๆอย่างรวดเร็ว
ศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ยรีบวิ่งตามไป แม้ว่าหยางไค่ต้องการหาโอกาสในการหลบหนี แต่เขาไม่ต้องการเผยตัวตนที่แท้จริงของเขาในตอนนี้ นอกจากนั้น เขายังไม่ทราบว่าสิ่งที่พวกเขาพบเจอคือสิงใดกันแน่ เขาจึงต้องให้ศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ยลงมือเพื่อดูว่ามันคือสิ่งใดกันแน่
ทันทีที่ยู่เอ้าชิงตะโกนออกคำสั่ง พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และวิ่งหลบหนีไปในทันที แต่พวกเขาวิ่งไปได้เพียงไม่กี่ก้าว ด้านหลังของพวกเขามีเสียงกรีดร้องที่โหยหวนดังขึ้น
เมื่อพวกเขาหันกลับไปมอง ราวกับว่าจิตวิญญานของพวกเขาหลุดลอยออกจากร่างอย่างกะทันหัน
ในตอนนี้ พวกเขาพบเห็นร่งกายของคนธรรมดาสามัญที่อยู่ท้ายที่สุดเต็มไปด้วยตุ่มสีดำของแมลงที่แปลกประหลาดอย่างน่าหวาดกลัวจำนวนมากมาย ภายใต้เสียงกรีดร้องของเขา เสื้อผ้าของเขาถูกฉีกออก โลหิตและเนื้อหนังกระจายออกมา หลังจากนั้นเขาได้ล้มลงที่พื้นและตายในทันที
ดวงตาของพวกเขาสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว แม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้ฝึกยุทธุ์ แต่พวกเขาไม่เคยพบเห็นแมลงที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ มันจึงทำให้พวกเขาตื่นตระหนกด้วยความหวาดกลัวอย่างยิ่ง
เมื่อพบเจอแมลงที่น่าหวาดกลัวเหล่านี้ การเคลื่อนไหวของศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ยวทั้ง 5 เริ่มมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น ในตอนนี้ไม่มีใครสนใจหยางไค่แม้แต่น้อย การหนีเอาชีวิตรอดเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่มีใครที่จะห่วงใยคนอื่นนอกจากตนเอง
หลังจากที่วิ่งไปได้ไม่นาน ยู่เอ้าชิงหยุดฝีเท้าของนางกะทันหัน ศิษย์ที่วิ่งตามเข้ามากล่าวถามอย่างกะทันหัน : เกิดอะไรขึ้น ?
ข้างหน้าก็มีเช่นกัน !! พวกเราถูกล้อม !! สีหน้าของยู่เอ้าชิงสีขาวในทันที
เมื่อพวกเขาจ้องมองออกไป และได้ยินเสียงหึ่งๆเช่นเดียวกัน แมลงสีดำที่ปิดบังท้องฟ้าจำนวนมากได้บินเข้ามาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว
โจมตีออกไป !! ยู่เอ้าชิงกล่าวตะโกนออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด
ศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ยรีบนำอาวุธของพวกเขาออกมาและโจมตีไปยังฝูงแมลงเหล่านั้น
แมลงเหล่านี้มีจำนวนที่มากมาย แต่พวกมันอยู่ในระดับต่ำ ศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ยทั้ง 5 ร่วมมือกัน โดยสามารถฆ่าฟันฝูงแมลงเหล่านี้จนมันร่วงลงไปที่พื้นเป็นจำนวนมาก
เมื่อพวกเขาพบว่ายังมีความหวังที่จะมีชีวิตรอด ความหึกเหิมในการต่อสู้จึงเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย
แต่อาจเป็นเพราะการต่อสู้ของศิษย์แห่งสำนักหยุนเซี่ยเหล่านี้ดึงดูดความสนใจของฝูงแมลงสีดำ ทำให้เขาปลอดภัยโดยไม่ถูกโจมตีจากฝูงแมลงแม้แต่น้อย
มารปปฐพี มันคืออะไรกันแน่ ? หยางไค่กล่าวถามมารปฐพีขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ข้าไม่เคยพบเห็น !
เจ้าไม่เคยพบเห็น? หยางไค่ไร้ซึ่งคำพูดที่จะกล่าวถาม
มารปฐพีก็ไร้ซึ่งหนทาง : นายน้อยโปรดอภัยให้ข้าด้วย ที่ข้ามีอายุยืนนานถึงเพียงนี้ แต่ยังไม่ทราบว่ามันคือสิ่งใด .
เจ้ามารปฐพีเฒ่านี้ ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายยังมีอารมณ์กล่าวคำพูดเช่นนี้อีก !!
ในขณะนั้นเอง หยางไค่พบว่าจีหยวนยื่นมือมาหาเขาอย่างกะทันหัน และยื่นมือจับคอเสื้อของเขาเพื่อที่จะโยนเขาออกไป
เป็นเพราะมีฝูงแมลงที่มากเกินไป ทำให้เขาไม่สามารถรับมือกับฝูงแมลงเหล่านี้ เขาจึงต้องการที่จะโยนหยางไค่ออกไปเพื่อเป็นเกราะกำบังในตอนนี้
สีหน้าของหยางไค่แสดงออกอย่างเยือกเย็น เขาทราบว่าดีว่าเขาไม่สามารถซ่อนเร้นตัวตนที่แท้จริงของเขาได้อีก ทันใดนั้นหยางไค่ยื่นมือออกไป เขาจับแขนของจีหยวนไว้แน่น ในขณะที่จีหยวนส่งแรงเพื่อจะโยนหยางไค่ออกไป หยางไค่หมุนตัวและลดตัวต่ำลงเพื่อทำลายพละกำลังของเขา แล้วจึงบิดลำตัว และโยนเขาไปยังฝูงแมลงเหล่านั้นในทันที
แต่กลับถูกโยนออกไป หลังจากนั้นร่างกายของเขาจึงถูกแทงทะลุด้วยฝูงแมลงเหล่านั้นและเขาไดกรีดร้องด้วยเสียงที่โหยหวนอย่างถึงที่สุด
จี่หยวน !! จางยู่วตะโกนด้วยความตกใจ ก่อนจะหันหน้าจ้องมองหยางไค่ด้วยสีหน้าที่ดุดัน
หยางไค่หัวเราะอย่างเย็นชา พลังลมปราณหยางระเบิดออกมาในทันที ร่างกายของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ราวกับเป็นลูกบอลไฟที่พร้อมจะระเบิดในทุกเมื่อ
ศิษย์สาวกทั้ง 4 จ้องมองหยางไค่ด้วยความสีหน้าที่ตื่นตะลึงจนอ้าปากค้าง พวกเขาไม่คิดว่าคนธรรมดาสามัญที่เดินทางกับพวกเขามาหลายวัน จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันเช่นนี้
หยางไค่ไม่ได้สนใจกับศิษย์สาวกทั้ง 4 ที่ยังคงตื่นตะลึง แต่เขาได้พุ่งโจมตีไปยังฝูงแมลงในทิศทางที่เขาโยนจี่หยวนออกไป
ฝูงแมลงจำนวนมากพุ่งมาหาเขาอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อพวกมันเผชิญหน้ากับพลังลมปราณหยางไค่ที่ร้อนระอุ ฝูงแมลงเหล่านี้ยังไม่ได้โจมตีหยางไค่ก็ได้ร่วงตกลงไปที่พื้นดิน โดยที่พวกมันไม่สามารถเข้าใกล้ร่างกายของหยางไค่แม้แต่น้อย
ศิษย์สาวกทั้ง 4 จ้องมองร่างกายของหยางไค่ที่ถูกห่อหุ้มด้วยพลังลมปราณหยางไที่ร้อนระอุ
เขา .. เมียวหลิงตื่นตะลึงจนอ้าปากค้าง
อย่าวอกแวกไป พุ่งโจมตีออกไปพร้อมกับข้า !! ยู่เอ้าชิงจ้องเขม่งหยางไค่ด้วยสีหน้าที่เกลียดชัง เขากัดฟันแน่นจนฟันแทบจะแตกหัก
ที่แท้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ แต่เป็นผู้ฝึกยุทธุ์ที่ซ่อนเร้นความแข็งแกร่งของเขาเอาไว้ !!