ตอนที่แล้วตอนที่ 181 สามีภรรยา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 183 จิตใจแห่งอสรพิษ

ตอนที่ 182 อันตราย


ตอนที่ 182 อันตราย

ทันทีที่ติงจาจือกล่าวคำนี้ออกไป ร่างกายของเขาถูกฉีกเป็น 2 ส่วน โลหิตสีแดงสดสาดพุ่งออกมา อวัยวะภายกระเด็นกระซ่านไปทั่ว แม้แต่ดวงตาที่เบิกโพลงยังกระเด็นออกไปและตกลงสู่ท้องทะเลเบื้องล่าง

เมื่อผู้อาวุโสระดับสูงถูกฆ่าจากสัตว์อสูรที่น่าหวาดกลัว ศิษย์สาวกที่เหลือจะกล้ายืนหยัดต่อสู้ต่อไปได้อย่างไร สัตว์อสูรตนนี้ยังมิทันที่จะเผยให้เห็นตัวตนแท้จริงของมันมันก็สามารถแสดงอำนาจพลังที่มากมายมหาศาล

หากมันเผยตัวตนของมันออกมาพวกเขาทั้งหมดคงต้องตายอยู่ในท้องทะเลแห่งนี้อย่างแน่นอน

ความสุขความดีใจความตื่นเต้นที่ค้นพบเกาะซ่อนเร้นมลาหายไป เหลือไว้เพียงความหวาดกลัวอย่างสุดขีดที่กลืนกินจิตใจของทุกคนอย่างบ้าคลั่ง

เรือมังกรขนาดใหญ่กว่าครึ่งกำลังดิ่งลงสูท้องทะเล แต่หนวดหมึกขนาดมหึมายังคงฟาดโจมตีตัวเรืออย่างไม่หยุด ทุกครั้งที่มันฟาดโจมตี ทำให้เรือมังกรถูกทำลายและเสียหายอย่างมาก

ทำอย่างไรต่อไป ? ศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ยคนหนึ่งร่ำไห้ด้วยความหวาดกลัว อายุของเขายังน้อย เขายังมีอนาคตที่สดใส เขาจะมาตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร ?

ทันทีที่เขากล่าวจบ เขาถูกฟาดด้วยหนวดหมึกยักษ์จนกลายเป็นชิ้นเนื้อที่แหลกละเอียด เหลือไว้เพียงความฝันในอนาคตที่ทะเยอะทะยานอย่างล่องลอย

ภายใต้สถานการณ์ที่เปรียบดั่งขุมนรกที่เต็มไปด้วยกลิ่นโลหิตที่เหม็นสาบ ภายใต้การโจมตีจากหนวดหมึกยักษ์ขนาดมหึมา ไม่ว่าจะเป็นผู้คนสามัญ ศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ย เมื่อคนผู้นั้นถูกโจมตี มีเพียงคำว่าตายเท่านั้น

เมื่อยอดฝีมือที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริงหรือเขตแดนที่สูงกว่า เมื่อพวกเขามองเห็นฮัวเซียงหลันหนีเอาชีวิตรอด พวกเขาต่างโบยบินไปยังทิศทางของเกาะซ่อนเร้น ไม่มีใครที่จะสนใจในความเป็นความตายของเหล่าศิษย์สาวกของพวกเขา

แต่ในตอนนี้แม้จะเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริงหรือเขตแดนที่สูงกว่า ก็ยากจะหนีรอดจากการโจมตีของสัตว์อสูร

ยอดฝีมือที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้ามิได้หนีรอดอย่างปลอดภัย ราวกบว่าหนวดหมึกยักษ์มีดวงตาที่มองเห็นทุกสิ่ง พวกมันพุ่งหนวดหมึกขึ้นสู่ท้องฟ้าและพุ่งม้วนรัดยอดฝีมือที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว 1 ครั้งที่หนวดหมึกยักษ์พุ่งออกไป พวกมันสามารถพุ่งรัดร่างกายของยอดฝีมือจำนวน 1 คน ทำให้พวกเขาทั้งหมดตายโดยมิได้นัดหมายอย่างรวดเร็ว

สีหน้าของหยางไค่แปรเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก เขาเฝ้าดูเหตุการณ์ตั้งแต่แรกจน ตั้งแต่ที่หนวดหมึกยักษ์ปรากฏออกมาจนถึงตอนนี้ โดยมีระยะเวลาสั้นๆเพียง 10 ลมหายใจ แต่มันกลับทำให้คนของสำนักหยุนเซี่ยตายไปและได้รับบาดเจ็บสาหัสกว่าครึ่ง คนธรรมดาสามัญที่อยู่บนตายไปจนเกือบจะหมด

การอยู่บนเรือต่อไปไม่ใช่เรื่องที่ปลอดภัย หลังจากนี้ เรือมังกรต้องถูกทำลายจนหมดสิ้น และอาจจะถูกลากลงไปยังก้นบึ้งทะเลอีกด้วย

กระโดดลงจากเรือเพื่อหนีเอาชีวิตรอด ใช่ !! มันอาจจะมีโอกาสที่จะมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี้ !! มันอาจเป็นไปได้ที่จะมีชีวิตรอดต่อไป !!

หยางไค่ไม่ต้องการที่จะนั่งรอความตาย ทันใดนั้นเขากล่าวตะโกนด้วยเสียงที่ดุดัน : กระโดดลงจากเรือ !

ไม่ใช่เพราะหยางไค่ยังมีจิตใจที่เป็นห่วงและตักเตือนผู้อื่น แต่หากเขากระโดดลงจากเรือเพียงคนเดียว มันง่ายต่อการถูกจับจ้องจากหนวดหมึกยักษ์นั้น แต่หากทุกคนกระโดดลงไป จะสามารถกระจายความสนใจของสัตว์อสูร

เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงตะโกนของหยางไค่ ราวกับว่าพวกเขาได้ตื่นจากความฝันที่โหดร้าย พวกเขารีบวิ่งไปที่ด้านข้างของเหลือ และกระโดดลงไปยังไม่ลังเล

บนผืนน้ำทะเลปรากฏโลหิตสีแดงสดเป็นหย่อมๆ แสดงให้เห็นว่าผู้คนที่กระโดดลงจากเรือก็มิอาจหนีรอดจากความตายที่โหดร้ายไปได้ แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่สามารถหนีรอดจากการโจมตีของหนวดหมึกยักษ์และว่ายขึ้นไปยังเกาะซ่อนเร้นด้วยความพยายามอย่างสุดชีวิต

เมื่อรู้สึกว่าถึงเวลาอันสมควร หยางไค่ได้กระโดดลงไปเช่นเดียวกัน

ทันใดนั้นราวกับว่าน้ำทะเลในบริเวณนี้ถูกต้มจนเดือนจากความร้อนที่รุนแรง ผู้คนหลายสิบคนต่างแหวกว่ายไปยังทิศทางที่แตกต่างกันเพื่อหนีเอาชีวิตรอด

หยางไค่แหวกว่ายออกไปและสังเกตความเคลื่อนไหวต่างๆที่เกิดขึ้น เพียงไม่นานเเขาก็สังเกตุเห็นสถานการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้น

ผู้ที่แหวกว่ายหนีออกไปอย่างรวดเร็ว จะถูกจับจ้องจากสัตว์อสูรมากกว่าใคร ศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ย พวกเขาต่างมีท่าร่างในการเคลื่อนไหวของตนเอง แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถโบยบิน แต่พวกเขาสามารถแหวกว่ายในทะเลได้อย่างว่องไว ความเร็วของพวกเขาเหนือกว่าคนสามัญทั่วไปถึงหลายเท่า

แต่ผู้ที่แหวกว่ายอยู่หน้าสุด ล้วนถูกหนวดหมึกยักษ์พุ่งตวัดและนำพาร่างกายดำดิ่งลงสู่ท้องทะเลเบื้องล่าง โดยไม่เห็นแม้แต่เงาของพวกเขาอีกเลย

แต่เหล่าคนสามัญที่อยู่ด้านหลัง เพียงถูกโจมตีโดยไม่ถึงแก่ความตาย

หยางไค่ไม่รู้ว่าสัตว์อสูรที่อยู๋ใต้ท้องทะเลมีวิธีการตรวจสอบคนเหล่านี้เช่นไร แต่ในเมือเขาพบเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เขาต้องใช้สถานการณ์เช่นนี้ให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเขา

หยางไค่สูดลมหายใจเข้าออกมาอย่างไร้ซึ้งสุ้มเสียง ทันใดนั้นเขากลั้นลมหายใจ และกดทับการเต้นของหัวใจเอาไว้ ราวกับว่าเขากำลังล่องลอยอยู่บนผืนน้ำ ล่องลอยอย่างช้าๆ ไปยังทิศทางที่ตั้งของเกาะซ่อนเร้น

หนวดหมึกยักษ์มองไม่เห็นเขาดั่งที่คาดการณ์เอาไว้

แต่ในขณะที่จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความหวังที่จะหนีรอดจากเงื้อมมือของสัตว์อสูร ด้านหลังของเขามีเสียงการเคลื่อนไหวที่ดังสนั่น หยางไค่ตื่นตกใจจนใบหน้าซีดขาว เขาหันหน้ามองกลับไป

ซึ่งมองเห็นศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ยคนหนึ่งกำลังแหวกว่ายมายังทิศทางที่ตนเองลอยตัวอยู่ การเคลื่อนไหวของเขา

สามารถทำให้เขาตกอยู่ในอันตรายเช่นเดียวกับศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ยในตอนนี้

หยางไค่สบทด่าอยู่ภายในใจ

ศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ยผู้นั้นแหวกว่ายเข้าใกล้ร่างกายของหยางไค่อย่างรวดเร็ว ศิษย์ผู้นั้นไม่มองเขาแม้แต่น้อย แต่เขากลับยึดจัดหัวไหล่ของหยางไค่เอาไว้ เพื่อหยิบยืมพละกำลังในการหนีเอาตัวรอด

ทันใดนั้นเอง หนวดหมึกยักษ์พุ่งมาจากด้านหลังของพวกเขาทั้งสอง

ไม่ว่าจะเป็นหยางไค่หรือศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ย ต่างสัมผัสได้ถึงอันตรายที่อยู๋ด้านหลัง แต่ศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ยนั้นมีการรับรู้ทางจิตวิญญาณที่เหนือกว่าหยางไค่ มือข้างที่ยึดจับหัวไหล่ของหยางไค่ปลดปล่อยพลังลมปราณและจับกุมหยางไค่ขึ้นมาเพื่อจะโยนไปยังหนวยหมึกยักษ์ที่พุ่งเข้ามา

แต่เมื่อพลังลมปราณของเขาปลดปล่อยไปยังร่างกายของหยางไค่ หยางไค่เพียงลอยขึ้นจากผิวน้ำเพียงเล็กน้อย ก่อนจะตกลงไปในผืนน้ำอีกครั้ง

เมื่อเป็นเช่นนี้หยางไค่ไดตอบโต้โดยการพุ่งฝ่ามือไปยังหัวไหล่ของเขา เมื่อพลังลมปราณที่บริสุทธุ์พุ่งออกไป ทำให้เขาลอยกระเด็นออกไปอย่างรุนแรง

เจ้า . ใบหน้าของศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ยตื่นตระหนกด้วยความไม่เชื่อ เพราะเสื้อผ้าที่หยางไค่สวมใส่คือเสื้อผ้าของคนสามัญทั่วไปที่อยู่บนเรือมังกร เขาไม่เคยคาดคิดว่าคนสามัญคนนี้กลับเป็นผู้ฝึกยุทธุ์ที่แฝงตัวเข้ามา

ยังมิทันที่เขาจะตอบโต้ ยังมิทันที่เขาจะตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กลับถูกคนสามัญผู้นั่นโจมตีจนลอยกระเด็นออกไป

แต่ทันใดนั้น หนวดหมึกยักษ์ได้ตวัดและรัดร่างกายของเขาเอาไว้แน่น จากเสียงร้องโหยหวนที่ดังขึ้น กระดูกของของศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ยผู้นี้แตกเป็นเสี่ยงๆ และกระดูกที่แตกเป็นเสี่ยงๆ

ได้ทิ่มแทงไปยังอวัยวะภายในของเขาทำให้เขาตายอย่างหวาดกลัวในทันที

หยางไค่ไม่กล้าเคลื่อนไหว เขาจ้องมองหนวดหมึกยักษ์ที่ลอยเคว้งอยู่บนกลางอากาศ ก่อนจะหลับตาแน่นด้วยความหวาดกลัว

ผ่านไปเป็นเวลานาน หนวดหมึกยักษ์จึงค่อยๆเคลื่อนไหวออกไปและดำดิ่งสู่ท้องทะเลเบื้องล่าง

เป็นอย่างที่ตนเองคาดการณ์เอาไว้ ยิ่งเคลื่อนไหวมากเท่าไหร่ ยิ่งถูกมันจับจ้องยิ่งต้องพบเจอกับภัยอันตราย การไม่ขยับเคลื่อนไหวไม่สูดลมหายใจเข้าออก จึงเป็นวิธีการในการหนีเอาตัวรอดที่ถูกต้องที่สุด

หยางไค่รอเป็นเวลานาน จึงค่อยแหวกว่ายไปยังทิศทางของเกาะซ่อนเร้น

ระยห่างระหว่างเกาะซ่อนเร้นและเรือมังกรที่พบเจอกับภัยพิบัติอยู่ห่างกันไม่ไกลและไม่ใกล้ ระยะห่างประมาณ 10 ลี้

ระยะห่างเช่นนี้ไม่ได้ลำบากมากเกินไปสำหรับผู้ฝึกยุทธุ์ที่อยู่ติดชายทะเลมาช้านาน หรือแม้คนสามัญทั่วไปก้สามารถแหวกว่ายอย่างสบาย

แน่นอนว่าในตอนนี้ เขาไมได้รับอันตรายจากการโจมตีของหนวดหมึกยักษ์นั่น

ผ่านไปเกือบ 1 ชั่วยามเต็มๆ หยางไค่จึงสามารถว่ายข้ามไปยังเกาะซ่อนเร้น สองเท้าเหยียบย่ำหาดทราย หยางไค่ล้มตัวลงนอนบนพื้นหาดทรายในทันที เขาจ้องมองไปยังท้องฟ้าสีคราม และหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า

ระยะเวลาสั้นๆเพียง 1 ชั่วยาม ฟ้าดินทราบดีว่าจิตใจของเขาเต็มไปด้วยความหนักอึ้งมากเท่าใด เขาหวาดกลัวว่าด้านหลังของเขาจะมีหนวดหมึกยักษ์พุ่งม้วนตวัดร่างกายของเขาหรือฟาดร่างกายของเขาจนแหลกละเอียด

แต่โชคดี ที่เขาค้นหาวิธีการในการต่อต้านการกระทำของมัน หนวดหมึกยักษ์จึงไม่โจมตีเขาอีกเลย

ในขณะที่หลบหนีจากการถูกโจมตีหยางไค่มิได้สังเกตถึงความเคลื่อนไหวของคนอื่นๆ หลังจากที่เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาจึงได้ยินเสียงที่ขอความช่วยเหลือที่แผ่วเบาจากบริเวณที่ไม่ไกลมากนัก

มันเป็นเสียงร้องของหญิงสาว หยางไค่หันหน้ากลับไปมอง เมื่อเห็นว่าคนผู้นั่นคือใคร หยางไค่จึงสบทด่าด้วยความเกลียดชัง

บริเวณหาดทรายที่ห่างจากเขาประมาณ 30 จ้าง ยู่เอ้าชิงแห่งสำนักหยุนเซี่ยนั่งคุกเข่าอยู่บนหากทราย ร่างกายของนางเปียกชุ่ม เสื้อผ้าแนบเนื้อ เผยให้ทรวงอกที่อวบอิ่ม ก้นที่เต่งตึง สองขาวที่เรียวยาว ซึ่งทำให้ผู้ที่พบเห็น จินตนการอย่างเลยเถิด

นางคงจะเพิ่งหนีขึ้นมาจากท้องทะเลและกำลังสำลักน้ำทะเลอย่างน่าสงสาร ผมสีดำสยายลงไปที่หัวไหล่ ใบหน้าที่งดงามซีดขาวอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อเผชิญหน้ากับหญิงสาวที่มีจิตใจที่หยิ่งยะโสและชั่วร้าย หยางไค่ไม่มีความรู้สึกดีๆให้แก่นาง ไม่เพียงแค่นางยอมลดตัวลดศักดิ์ศรีของตนเองเพื่อขโมยสิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเกาะซ่อนเร้นจากเมียวหลิง หลังจากวันนี้นางยังจะโยนเมียวหลิงลงไปในทะเล จิตใจของนางช่างโหดเหี้ยมดั่งอสรพิษที่น่ารังเกียจ

แม้ว่าหยางไค่อยากฆ่าเมียวหลิงให้ตายคามือก็ตามแต่

เมื่อไม่อยากข้องแวะกับนาง หยางไค่จึงค่อยๆลุกขึ้นและเดินเข้าไปในเกาะซ่อนเร้น

เจ้า หยุดเดี่ยวนี้ !! หยางไค่ไม่อยากข้องแวะกับนาง แต่ยู่เอ้าชิงกลับมองเห็นหยางไค่ และกำลังตะโกนเรียกอย่างไม่หยุด

หยางไค่ไม่สนใจนาง เขายังคงเดินเข้าไปในเกาะซ่อนเร้น

ข้าสั่งให้เจ้าหยุดเดี่ยวนี้ เจ้าไมได้ยินหรือไง ? ยู่เอ้าชิงโกรธเคือง นางรีบลุกขึ้นมาจากพื้นทราย

ร่างกายของนางประกายสองสามครั้งและยืนขวางอยู่ตรงหน้าของหยางไค่ในทันที สีหน้าของหยางไค่แสดงออกอย่างเรียบเฉย

ในขณะที่อยู่บนเรือมังกร หยางไค่ต้องระมัดระวังอย่างยิ่งเขาจึงปฏิบัติตัวอย่างสงบเสงี่ยม แต่ในตอนนี้ในสถานที่แห่งนี้ไม่ได้หมายความว่าเขาต้องปฏิบัติตัวอย่างสงบเสงียมเช่นเดิม ยู่เอ้าชิงอยู่ในเขตแดนผสานลมปราณ นางอยู่ในเขตแดนที่สูงกว่าหยางไค่อย่างมาก แต่หากพวกเขาต้องต่อสู้กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หยางไค่เชื่อมั่นว่าตนเองไม่มีทางพ่ายแพ้ต่อนาง การวิ่งหนีก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา

ยู่เอ้าชิงจ้องมองหยางไค่ด้วยสายตาที่ประหลาดใจ นางคุ้นหน้าคุ้นตากับคนสามัญที่อยู่บนเรือ แต่นางไม่คิดว่าเมื่อชายคนนี้เผชิญหน้ากับตนเองเขากลับแสดงออกอย่างไม่หวาดกลัว สีหน้าของเขายังนิ่งสงบเหมือนเดิม

อายุยังน้อย!! ดูเหมือนว่าเป็นเขาเป็นเด็กหนุ่มอายุประมาณ 15 16ปี แต่ความกล้าของเขาค่อนข้างใช้ได้ ! ภายในจิตใจของยู่เอ้าชิงหัวเราะอย่างเยือกเย็น นางเคลื่อนไหวพลังลมปราณ ทำให้เสื้อที่เปียบชุ่มของนางแห้งในทันที สภาพที่สะบักสะบอมของนางกลับกลายเป็นสภาพที่หยิ่งยะโสเหมือนเช่นเดิม นางกล่าวถามหยางไค่ด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน : เจ้าพบเห็นคนอื่นๆหรือไม่ ?

ไม่พบ หยางไค่ขมวดคิ้วไว้แน่น

ไม่พบแม้แต่คนเดียว?

พบ 1 คน

อยู่ไหน?

เจ้า !!

ยู่เอ้าชิงสูดลมหายใจเข้าอย่างลึกซึ้ง ทรวงอกของนางกระชับขึ้นลงอย่างดุเดือด แต่นางยัคงกล่าด้วยความเย็นชา : เจ้าทำตัวให้ดี มิฉะนั้นอย่าหาว่าข้าไร้ความปราณี

จิตใจของหยางไค่เกลียดชังความหยิ่งยะโสที่เยือกเย็นของนาง แต่สีหน้าของหยางไค่ไมได้แสดงออกมา

หยางไค่กำลังพิจารณาไคร่คราญว่าควรหนีละทิ้งหญิงสาวนางนี้ และเข้าสู่ภายในของเกาะซ่อนเร้น เพราะในเวลานี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการหนีออกไป

แต่ยังมิทันที่เขาจะเคลื่อนไหว บริเวณที่ไม่ไกลมากมีเสียงที่ตื่นตระหนกดังขึ้น : ศิษย์พี่ชิง ช่างเป็นเรื่องที่โชคดีที่ท่านยังปลอดภัย

เมื่อได้ยินเสียงนี้ สีหน้าของหยางไค่แสดงออกด้วยความประหลาดในทันที นี้เป็นการรวมตัวของศัตรูที่เขาเกลียดชัง

เหมียวหลิงสามารถหนีรอดจากการถูกโจมตีเขาหนีขึ้นมาบนฝั่งที่อยู่ไม่ไกล และดูเหมือนว่าเขาจะหนีขึ้นมาบนฝั่งเป็นเวลาสักพัก เพราะในตอนนี้เขากำลังวิ่งมาจากยอดต้นไม้ที่เติบโตในเกาะซ่อนเร้น

ไม่ได้มีมีเมียวหลิงเพียงคนเดียวที่รอดชีวิต ด้านหลังของเขายังมีศิษย์สาวกหญิงแห่งสำนักหยุนเซี่ยคนหนึ่งที่ติดตามเขามา

ในเวลานี้ หยางไค่ไม่สามารถต้านทานศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ยทั้ง 3 คน หยางไค่จึงค่อยๆปฏิบัติตัวอย่างอ่อนน้อมในทันที

ทำไมเขายังไม่ตาย !! ยู่เอ้าชิงกัดฟันและกล่าวสบทด่า แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านางไม่เชื่อว่ายังจะพบกบคนที่น่ารำคาญในเกาะซ่อนเร้นแห่งนี้

คนดีมีชีวิตไม่ยืนยาว คนชั่วช้ามีชีวิตยืนยาวเป็นพันปี หยางไค่กล่าวออกมาอย่างเลื่อนลอย

ยู่เอ้าชิงถลึงตาใส่หยางไค่อย่างเยือกเย็น มุมปากของนางเผยให้เห็นรอยยิ้มที่เห็นด้วยกับคำกล่าวของหยางไค่

เมียวหลิงพุ่งเข้ามาหายู่เอ้าชิงก่อนจะกล่าวด้วยความดีใจ : ศิษย์พี่ชิง ข้าดีใจที่ได้พบเจอท่านอีกครั้ง

ยู่เอ้าชิงพยักหน้าด้วยความหยิ่งยะโสอย่างแผ่วเบาดวงตาของนางมองไปที่ด้านหลังของเมียวหลิงและกล่าวถาม : ในบริเวณนี้มีเพียงพวกเจ้าสองคน ?

เมียวหลิงกล่าวตอบ : อืม ข้าขึ้นมาก่อน ในบริเวณนอกจากศิษยืพี่จางยู่ว ไม่มีใครอื่นอีกเลย

ศิษย์สาวกที่ชื่อจางยู่วได้เดินมาหาพวกเขา ในตอนนี้เหลือผู้รอดชีวิตเพียง 4 คนเท่านั้น

ยู่เอ้าชิงสางผมของนางไปไว้ด้านหลังและหันหน้ามองไปยังท้องทะเล เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้นางมิอาจห้ามปรามเสียงถอนหายใจที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก

หยางไค่มองไปยังภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เรือมังกรขนาดใหญ่ถูกทำลายจนแตกเป็นเสี่ยงๆ ผืนน้ำบริเวณแห่งนี้กลายเป็นสีแดงสด เนื้อของมนุษย์จำนวนมากมายลอยเคว้งอยู่กลางทะเล ซึ่งได้ดึงดูดความสนใจของสัตว์อสูรในน้ำมิ่ใช่น้อย ราวกับว่ามันเป็นขุมนรกที่โหดร้าย

กลับไปได้ไหม ? ยู่เอ้าชิงกล่าวด้วยเสียงที่อาลัยอาวรณ์อย่างสุดซึ้ง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด