ตอนที่ 181 สามีภรรยา
ตอนที่ 181 สามีภรรยา
ระยะเวลาครึ่งเดือนที่เรือมังกรแล่นออกจากเกาะหยุนเซี่ยดูเหมือนว่าเรืองมังกรกำลังหลงทางอย่างไร้จุดมุ่งหมาย เขาเป็นผู้รับผิดชอบในการดูแลกรักษากระดองเต่า
รับผิดขอบพากลุ่มคนเหล่านี้ไปยังเกาะซ่อนเร้น อาจจะกล่าวได้ว่าชีวิตของผู้คนที่อยู่บนเรือต่างอยู่ในกำมือของเขา การเดินทางที่แสนไกล แต่ในตอนนี้เขากลับไม่สามารถค้นหาเส้นทางที่แม่นยำในการเดินทางต่อไป
จิตใจของยู่ซิ่วผิงร้อนรนอย่างยิ่ง เขาไม่สามารถปฏิบัติต่อเมียวหลิงด้วยจิตใจที่นิ่งสงบได้เหมือนเดิม หยางไค่มองเห็นยู่ซิวผิงตะโกนด่าเมียวหลิงหลายต่อหลายครั้ง และยังกล่าวถามเมียวหลิงด้วยการบีบเค้นอย่างรุนแรง เมียวหลิงมิกล้าที่จะปิดบั้ง เขากล่าวสิ่งที่เขาทราบมาจากเมียวฮวาเฉินให้แก่ยู่ซิ่วผิงทั้งหมด
สัตว์อสูรที่อยู่ใต้ท้องทะเลทวีความดุดันและโจมตีอย่างดุดันขึ้นทุกวัน แม้แต่สองผู้อาวุโสระดับสูงทั้งสองยังต้องเข้าร่วมการต่อสู้ในบางคราว ซึ่งหากว่าพวกเขาทั้งสองไม่ลงมือ เรือลำนี้คงถูกสัตว์อสูรพุ่งปะทะจนมันกลายเป็นเสี่ยงๆตั้งแต่แรก
เพราะเป็นเช่นนี้ ทำให้สำนักหยุนเซี่ยสูญเสียอย่างหนัก ศิษย์สาวกที่พวกเขานำพามากกว่า 50 คน ในเวลานี้พวกเขาตายไปหลาย 10 คน คนธรรมดาสามัญกว่า 70 คนในเวลานี้ก็เหลือเพียงครึ่งเท่านั้น ส่วนครึ่งนี้ที่หายไปล้วนถูกโยนลงไปในทะเลเพื่อดึงดูดความสนใจของสัตว์อสูรในยามคับขัน
บนเรือมังกร เมื่อมีอาการป่วย นั่นหมายถึงการถูกละทิ้ง
ในตอนนี้หยางไค่เข้าใจความหมายของการกระทำที่โหดเหี้ยมไร้ความปราณี เมื่อเผชิญหน้ากลุ่มคนสามัญที่มิอาจต่อต้านต่อความแข็งแกร่ง ในขณะที่พวกเขาร้องไห้อ้อนวอนด้วยความหวาดกลัว ผู้ฝึกยุทธุ์แห่งสำนักหยุนเซี่ยกลับจับกุมตัวพวกเขา และโยนพวกเขาลงไปในท้องทะเล เพื่อยื้อเวลาในการเดินทางให้ยาวนานขึ้นเท่านั้น
ชีวิตของมนุษย์ที่อยู่ในเรือลำนี้ ไร้ค่าเฉกเช่นต้นหญ้าที่ไร้ซึ่งประโยชน์
กลุ่มคนสามัญที่เหลือต่างใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัวในทุกๆวัน
ผ่านไปอีก 3 วัน ผู้คนที่อยู่บนเรือลดน้อยลงอย่างยิ่ง แต่เรือมังขนาดใหญ่ยังคงลอยแล่นโดยไร้ซึ่งจุดหมายปลายทาง โดยที่พวกเขายังมิอาจพบเจอเกาะซ่อนเร้นที่พวกเขากำลังตามหา
หลายครั้งที่เมียวหลิงถูกตบหน้าจากความเกรี้ยวโกรธของยู่ซิ่วผิง ยู่ซิวผิงตบหน้าเมียวหลิงจนปากของเขาเต็มไปด้วยโลหิตสีแดงสด แต่เมียวหลิงไม่กล้าที่จะเคืองโกรธหรือตอบโต้แม้แต่น้อย
ในวันนี้ เมื่อท้องฟ้าที่มืดมัวถูกแทนที่ด้วยแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ หยางไค่ที่กำลังพักผ่อนอยู่ใต้ท้องเรือได้ยินเสียงกล่าวตะโกนด้วยความดีใจจากดาดฟ้าเรือมังกร : เกาะซ่อนเร้น !! เกาะซ่อนเร้น !!
เสียงตะโกนนี้ทำให้ผู้คนที่หมดหวังเกิดแรงกระต้นที่เต็มไปด้วยความดีใจและความตื่นเต้นในทันที
ตึ่ง ตึ่ง ตึ่ง
ศิษย์สาวกทั้งหมดของสำนักหยุนเซี่ยเริ่มเคลื่อนไหวในทันที พวกเขาต่างวิ่งขึ้นไปยังดาดฟ้าเรือ กลุ่มคนสามัญก็เช่นเดียวกัน พวกเขาต่างวิ่งขึ้นไปยังดาดฟ้าเรือด้วยความดีใจ หยางไค่วิ่งตามพวกเขาขึ้น เขาเงยหน้ามองภาพเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งทำให้เขาแสดงสีหน้าที่ตื่นตะลึงจนตัวแข็งทื่อ
ภายใต้ดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้นสู่ฟากฟ้า ตรงหน้าเรือมังกรที่มีระยะห่างหลายร้อยจ้าง มีทิวทัศน์ที่เลือนลางของสถานที่แห่งหนึ่งลอยอยู่บนอากาศที่ว่างเปล่าอย่างแผ่วเบา
มันคือวิวทิวทัศน์ของดินแดนเล็กๆแห่งหนึ่งที่ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง สายน้ำไหลจากยอดเขาที่สูงชัน เทือกเขาที่สูงตระหง่านรายล้อมไปทั่วบริเวณ ฝูงนกบินเริงร่าอยู่บนฟ้ากฟ้า เสียงแห่งน้ำตกที่ไหลกระทบเบื้องล่างเฉกเช่นเสียงดนตรีที่เพราะพริ้งดั่งแว่วอย่างต่อเนื่อง ดินแดนแห่งนี้เต็มไปด้วยวิวทิวทัศน์ที่งดงามจนมิอาจพรรณนานา ความงดงามและเสนห์ที่ชวนหลิงกำลังดึงดูดกวักเรียกผู้คนภายนอกเข้าไปเยี่ยมเยียนอย่างไม่ปิดกั้น
ราวกับว่ามันเป็นดินแดนล้ำค่าซึ่งก่อกำเนิดมานับพันปีโดยไม่มีผู้ใดย่างกรายเข้าไป ต้นหญ้าบุพผาที่ล้ำค่า ยาสมุนไพรที่น่าอัศจรรย์กำลังเบ่งบานเพื่อรับสายลมที่พัดโชยเข้ามาทำให้พวกมันเจิรญเติบโตขึ้นอย่างงดงามอย่างเขียวชะอุ่มและส่งกลิ่นหอมที่น่าหลงไหลไปทั่วบริเวณ
และยังมีสัตว์จำนวนมากมายที่พวกเขาไม่เคยพบเจอไม่รู้แม้แต่ชื่อของมันประกายผ่านดวงตาของพวกเขาไป ในขณะที่พวกมันวิ่งหนียังได้ทิ้งแสงประกายแห่งสีรุ้งที่งดงามอย่างน่าอัศจรรย์
ดินแดนแห่งภาพลวงตา!!
ก่อนหน้านี้หยางไค่เคยพบเห็นความงดงามเช่นนี้ในเมืองไห่เฉิน ในตอนนี้เมื่อพบเจอกับภาพเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ทำให้เขาทราบในทันทีว่ามันตือสิ่งใด
ค่ำร่ำลือของวิวทิวทัศน์ดินแดนแห่งภาพลวงตาที่ปรากฏล้วนดำรงอยู่จริง แตมันอาจจะดำรงอยู่ด้วยเหตุผลบางประการที่น่าอัศจรรย์ มันจึงปรากฏให้แก่ผู้ที่เดินทางมากสถานที่แห่งไกลได้พบเจอ
แต่ว่าดินแดนแห่งภาพลวงตาเขาพบเห็นในตอนนี้แตกต่างจากการพบเห็นครั้งที่แล้ว เพราะมันปรากฏขึ้นราวกับว่ามันเป็นดินแดนที่ดำรงอยู่จริง ราวกับว่าสามารถยื่นมือสัมผัสกับมันได้
ยู่ซิ่วผิงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น สองมือของเขากำกระดองเต่าชิ้นนั้นไว้แน่น เขาตรวจสอบมันอย่างละเอียดอีกครั้ง และกล่าด้วยเสียงหัวเราะที่ดังสนั่นอย่างกะทันหัน : ข้าเข้าใจแล้ว ข้าเข้าใจมันแล้ว !! เมื่อดินแดนแห่งภาพลวงตาปรากฏขึ้น นั่นคือเวลาในการเข้าสู่เกาะซ่อนเร้น ไม่น่าแปลกว่าทำไมพวกเราค้นมันเป็นเวลานั้นก็มิอาจพลันพบ มันเป็นเช่นนี้เอง !
ในตอนนี้สองผู้อาวุโสระดับสูแห่งสำนักหยุนเซี่ยต่างรู้สึกตื่นเต้นอย่างกระวนกระวายเช่นเดียวกัน ชายชราติงจาจือกล่าวถามด้วยเสียงที่เคร่งขรึม : ซิ่วผิง พวกเราจะทำอย่างไรต่อไป ?
ดวงตาของแม่เฒ่าฮั่วเซียงหลันก็ได้หันมาสบตากับยู่ซิวผิงเช่นเดียวกัน ยู่ซิ่วผิงมิกล้าที่จะรอช้า ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจและความยินดีกล่าวตอบในทันที : อาจารย์ทั้งสอง ข้าคิดว่า พวกเราได้มาถึงดินแดนแห่งเกาะซ่อนเร้นแล้ว
ดินแดนแหงนั้นอยู่ที่ใด ? ฮั่วเซียงหลันกล่าวถามด้วนดวงตาที่ประกายด้วยแสดงแห่งความวาวโรจน์
ยู่ซิ่วผิงชี้ไปยังด้านหน้าของว่าดินแดนแห่งภาพลวงตาและกล่าวตอบ : นั่นไง!!
ทันทีที่กล่าวจบ เขารีบยื่นกระดองเต่าที่อยู่ในมือให้แก่ผู้อาวุโสระดับสูงทั้งสอง : ผู้อาวุโสทั้งสองโปรดถ่ายทอดพลังลมปราณไปยังกระดองเต่า จากพลังแห่งเกาะซ่อนเร้นที่คอยเกื้อหนุน มันจะสามารถเปิดทางเข้าสู่เกาะซ่อนเร้นได้ !!
ติงจาจือและฮั่วเซียงหันมองตาซึ่งกันและกัน พวกเขาทั้งสองรับกระดองเต่ามาจากยู่ซิวผิงอย่างไม่รอช้า หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสองจึงเคลื่อนไหวพลังลมปราณและถ่ายทอดไปยังกระดองเต่านั้นอย่างรวดเร็ว
กระดองเต่าชิ้นนี้มีรูปร่างคล้ายกระดองเต่าที่ทั่วไป แต่ในความเป็นจริงมันเป็นสมบัตวิเศษชิ้นนี้ที่ยากต่อการทดสอบจากผู้อื่น ไม่ว่าใครจะทดสอบด้วยวิธีการใดก็ไม่ส่งผลใดๆต่อมันทั้งสิ้น แต่ในตอนนี้เมื่อติงจาจือและฮั่วเซียงหลันถ่ายทอดพลังลมปราณให้แก่มัน มันได้เปลี่ยนแปลงจากกระดองเต่ากลายเป็นรูหลุมที่ไร้ซึ่งขอบเขต มันกำลังดูดซับพลังลมปราณแท้จริงเหล่านั้นอย่างบ้าคลั่ง
ผ่านไปเพียงชั่วครู่ ร่างกายของสองผู้อาวุโสระดับสูงเริ่มโอนเอไปมา และใบหน้ายังซีดขาวอย่างยิ่ง
แย่แล้ว !! ติงจาจือกล่าวด้วยเสียงที่ตื่นตรหนกอย่างเสียงดัง ทันใดนั้นเขากล่าวตะโกนต่อศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ย : พวกเจ้าจะรอดูอะไร รีบเข้ามาช่วยข้าสิ เร็ว !!
เมื่อศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ยได้ยินเช่นนี้ พวกเขาต่างกรูวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถ่ายทอดพลังลมปราณของตนเองไปยังกระดองเต่าที่น่าอัศจรรย์ในทันที
เมื่อมีการช่วยเหลือจากศิษย์สาวกแหงสำนักหยุนเซี่ย ติงจาจือจึงสามารถยืนนิ่งได้อย่างมั่นคง หลังจากนั้นไม่นาน กระดองเต่าที่สามัญได้เปล่งประกายและปลดปล่อยแสงสว่างแห่งสีรุ้งออกมาอย่างงดงาม ทันใดนั้นภายในกระดองเต่าเกิดเสียงดังขึ้นอย่างน่าหวาดกลว แผนที่ที่แกะสลักอยู่บนกระดองเต่าเริ่มเคลื่อนไหวราวกับมันมีชีวิตอย่างไม่หยุด
ศิษย์สาวกคนแล้วคนเล่าถูกดูดซับพลังลมปราณที่อยู่ภายในร่างกายจนหมดทำใหพวกเขาเหนื่อยล้าจนทรุดลงไปที่พื้น
เมื่อศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ยทรุดตัวลงไปกว่า 20 คน ราวกับว่ากระดองเต่าได้อิ่มเอมจากพลังลมปราณของพวกเขา แสงประกายแห่งสายรุ้งที่พุ่งออกมาจากกระดองเต่าสว่างสดใสอย่างยิ่ง
ทันใดนั้น ติงจาจือและฮัวเซียงหลิงสบทออกมาด้วยความตืนตกใจพร้อมๆกัน แสงสว่างที่เต็มไปด้วยมวลพลังที่หนาแน่นระเบิดออกมาจากกระดองเต่า ทำให้พวกเขาทั้งสองต้องถอยหนีอย่างต่อเนื่อง
กระดองเต่าแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นแสงสว่างและพลันพุ่งขึนไปยังท้องฟ้านภาในทันที
อาจารย์ทั้งสอง !! ยู่ซิ่วผิงกล่าวตะโกนด้วยความตกใจ เมื่อติงจาจือและฮัวเซียงหลันยืนนิ่งอย่างมั่น แม้ว่าใบหน้าจะซีดขาวอย่างยิ่ง แต่พวกเขาทั้งสองโบกมือเพื่อส่งสัญญานให้ทราบว่าพวกเขาไม่ได้รับอันตราย
กลุ่มคนทั้งหมดต่างเงยหน้มอง พวกเขามองเห็นเพียงกระดองเต่าและคลื่นแสงสว่างพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและตกลงไปที่จุดสุงสุดของดินแดนแห่งเงาลวงตาและจากแสงประกาสีรุ้งที่พุ่งกระทบต่อดินแดนแห่งเงาลวงตา ทำให้ดินแดนแห่งเงาลวงตาที่งดงามค่อยพลันหายและสลายไปในทันที
เมื่อดินแดนแห่งเงาลวงตาพลันหายไป ราวกับว่าค่ายกลแห่งหนึ่งที่ไร้ซึ่งรูปร่างถูกทำลาย ในทันใดนั้น
เกาะแห่งหนึ่งที่มีขนาดใหญ่มากกว่าเกาะไห่เฉินได้ประจักษ์ต่อสายตาของทุกคนอย่างน่าอัศจรรย์
เกาะซ่อนเร้น !! เสียงของยู่ซิ่วผิงสั่นระรัว
บนเรือมังกร ศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ยที่ทรุดตัวลงไปจากความเหนื่อยล้าเริ่มสามารถลุกขึ้นยืนด้วยตนเอง พวกเขาต่างตะโกนด้วยเสียงที่ตื่นตะลึง จิตใจของพวกเขาสั่นไหวด้วยความตื่นเต้น ในทุ่สดพวกเขาก็ค้นพบเกาะซ่อนเร้นที่เป็นจุดมุ่งหมายในครั้งนี้ได้สำเร็จ พวกเขาไม่คิดว่าการเดินทางในครั้งนี้จะประสบความสำเร็จอย่างราบรื่นเช่นนี้ แม้ว่าระหว่งการเดินทางพวกเขาจะพบกับภัยอันตรายที่มากมายก็ตาม
ในตอนนี้ เกาะซ่อนร้อนปรากฏอยู่ตรงหน้า ทำให้พวกเขาสามารถจะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้าด้วยความสง่า ชื่อเสียงของพวกเขาต้องดังก้องไปทั่ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โชคชะตาจะพลิกผันชีวิตของพวกเขาตลอดไป
ไม่เพยงแต่ศิษย์สาวกแห่งสำนักหยุนเซี่ยที่ตื่นเต้นและดีใจแม้แต่คนสามัญทั่วไปยังตื่นเต้นอย่างไม่หยุด ตำนานคำร่ำลือของเกาะซ่อนเร้นพวกเขาเคยดิ้ยนมาไม่น้อย แต่ไม่มีใครคาดคิดว่า ในชั่วชีวิตของพวกเขาพวกเขาจะได้พบและสัมผัสด้วยตนเอง
ออกเรือ !! เป้าหมาย เกาะซ่อนเร้น !! ยู่ซิ่วผิงกดทับความรู้สึกดีใจของตนเองไว้ และกล่าวออกคำสั่งด้วยเสียงที่สั่นระรัว
แต่ ยังมิทันที่กลุ่มคนที่อยู่บนเรือจะประจำตำแหน่งหน้าที่ของตนเอง ความรู้สึกแห่งอันตรายได้ก่อกำเนิดขึ้นในจิตใจของทุกคน ท้องทะเลที่นิ่งสงบในตอนแรกเริ่มมีคลื่นทะเลที่รุนแรงปะทะเข้ามา น้ำทะเลที่ล้อมรอบเรือมังกรพลันแปรเปลี่ยนเป็นฟองละอองน้ำที่ดันพุ่งขึ้นมาจากท้องทะเลอย่างกะทันหัน
เกิดอะไรขึ้น ? เสียงการกล่าวถามด้วยความตื่นตระหนกของกลุ่มคนดังขึ้นอย่างวุ่นวาย
สีหน้าของติงจาจือแลฮัวเซียงหลันประกายด้วยความเคร่งขรึม ทันใดนั้นจิตวิญญานของพวกเขาถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง สีหน้าของพวกเขาแปรเปลี่ยนอย่างกะทันหันและพวกเขายังกล่าวตะโกนด้วยความตื่นตกใจ : ระวัง !!
สิ้นเสียงคำกล่าวตะโกน ด้านขวาของเรือมังกรถูกคลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้ามาอย่างรุนแรง แต่เมื่อมองออกไปกลับพบเห็นสิ่งที่เรียวยาวซึ่งคล้ายคลึงกับหนวดปลาหมึกพุ่งขึ้นจากท้องทะเล แต่ว่าหนวดปลาหมึกนี้มีขนาดใหญ่มหึมา มีความยาวหลายสิบจ้าง มันเต็มไปด้วยพละกำลังที่มากมาย ซึ่งกำลังฟาดทำลายพื้นดาดฟ้าอย่างบ้าคลั่ง
คนสามัญที่ไม่สามารถหลบหนีออกไป ต่างถูกฟาดดโจมตีจนกลายเป็นชิ้นเนื้อที่แหลกเหลว
ปัง !!! พื้นดาดฟ้าแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ และบินว่อนไปทั่วสารทิศ
ภายใต้การนำพาของสองผู้อาวุโสระดับสูงของสำนักหยุนเซี่ย ศิษย์สาวกทั้งหมดต่างพุ่งโจมตีออกไปในทันที ผ่านไปเพียงชั่วพริบตา ศัตราวุธ เคล็ดวิชา กระบวนท่าต่างๆในการต่อสู้ล้วนถูกปล่อยออกจนละลานตา
แต่ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีเช่นไร หนวดหมึกที่เรียวยากลับไมได้รับอันตรายแม้แต่น้อย แม้แต่การโจมตีของสองผู้อาวุโสระดับสูงก็มิอาจทำอันตรายต่อมันได้
ฮวา!!!
อีกด้านของเรืองมังกร หนวดหมึกขนาดมหึมาพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและฟาดลงไปที่หัวเรือที่ยากกว่า 20 จ้างในทันที ทำให้ท้ายเรือกระดกขึ้นสูงอย่างน่าหวาดเสียว
การสั่นสะเทือนที่รุนแรงทำให้กลุ่มคนทั้งหมดไม่สามารถยืนนิ่งอยู่บนเรือได้ ยอดฝีมือที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริงขึ้นไปตามลอยตัวอยู่บนอากาศ ส่วนศิษญ์สาวกคนอื่นๆและกลุ่มคนสามัญต่างตกอยู่ในหวาดกลัวและตื่นตระหนกจนสติจะหลุดจากร่าง
นิ่ง ยื่นนิ่งให้หมด !! ยู่ซิ่วผิงกล่าวตะโกนคำรามอย่างสุดกำลัง แต่มันจะสามารถปลอบใจคนที่หววาดกลัวอย่างสุดขีดได้อย่างไร ?
ฮวาฮวาฮวา
หนวดหมึกขนาดมหึมา 7-8 ข้าง พุ่งทะยานขึ้นจากท้องทะเลอย่างรุนแรง มันพุ่งรัดและม้วนเรือมังกรเอาไว้ ก่อนจะดึงเรือมังกรดิ่งลงสู่ท้องทะเลด้วยพละกำลังที่มากมายมหาศาล กลุ่มคนที่อยู่บนเรือต่างรู้สึกว่าลมหายใจของพวกเขากำลังจะหมดลง
มันต้องเป็นสัตว์อสูรที่ปกป้องเกาะซ่อนเร้นอย่างแน่นอน !! เมื่อติงจาจือมองเห็นภาพเหตุการณ์นี้ สีหน้าของเขาเต็มปด้วยความตื่นตกใจอย่างสุดขีด ความสามารถความแข็งแกร่งและพละกำลังของสัตว์อสูรตัวนี้เกินจากการคาดเดาของตนเอง จากความสามารถของเขา เขาไม่สามารถที่จะต่อกรกับมันได้ เขาจึงตะโกนเรียกฮัวเซียงหลัน : เจ้าและข้าจะลงมือพร้อมกัน ดูซิว่าจะสามารถโจมตีจนทำให้ม้นถอยหนีได้หรือไม่ !!
สีหน้าของฮัวเซียงหลันค่อนข้างเคร่งขรึม แต่ยังมิทันที่พวกเขาทั้งสองจะลงมือ ดวงตาของฮัวเซียงหลันเบิกโพลงด้วยความตื่นตะลึง : ศิษย์พี่ติง ด้านหลัง ระวัง !!
สีหน้าของติงจาจือแสดงออกอย่างหวาดกลัว
เขารู้สึกเพียงว่าด้านหลังของเขามีเสียงลมที่ดังสั่นและมันกำลังพุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างรุนแรง ทันใดนั้นร่างกายของเขาสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด โลหิตสีแดงสดพุ่งออกมาจากปากของเขา ร่างกายของเขาค่อยๆตกลงไปยังท้องทะเลในทันที
แต่ยังมิทันที่เขาจะตกลงไปในท้องทะเล ใต้ท้องทะเลมีหนวดหมึกขนาดมหึมาพุ่งขึ้นมา และพุ่งม้วนรัดร่างกายของเขาเอาไว้
ปากของติงจาจือตะโกนออกมาด้วยเสียงที่โหยหวน คาก !!
เสียงกระดูกที่กำลังจะแหลกละเอียดดังแว่วออกมา เขาพยายามที่จะเคลื่อนไหวพลังลมปราณ แต่ก็มิอาจปลดเปลื้องพันธนาจากสัตว์อสูรที่น่าหวาดกลัว เขาอ้าปากและพยายามจะกล่าวเรียกฮัวเซียงหลิง : ศิษย์น้องหลัน ช่วยข้า ..
ในขณะที่ผู้อาวุโสระดับสูงทั้งสองยังเป็นหนุ่มสาว พวกเขาเคยมีโชคชะตากัน พวกเขาทั้งสองเคยรักกันอย่างบริสุทธุ์และเคยเข้าพิธีแต่งงานด้วยกัน แต่หลังจากนั้นไม่นานา ม่ทราบว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้น พวกเขาทั้งสองไม่ได้สนิทสนมเหมือนเคย แม้จะมีการไปมาหาสู่กัน แต่ก็มิได้รักกันเหมือนเช่นเดิม
ในตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับการร้องขอความช่วยเหลือจากติงจาจือ ฮัวเซียงหลันอึ้งไปชั่วขณะ นางเคลื่อนไหวท่าร่างของนาง และพุ่งไปยังทิศทางของเกาะซ่อนเร้นในทันที
นั่นหมายความว่าฮัวเซียงหลันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน
เพื่อรักษาชีวิต ฮัวเซียงหลันจะกล้าหยุดอยู่ตรงตำแหน่งเดิมได้อย่างไร ? นางไม่สนใจติงจาจือ นางไม่สนใจแม้แต่ศิษย์สาวกที่อยู่บนเรือมังกร สิ่งที่สำคัญที่สุดในวันนี้ คือการมีชีวิตของตนเองเท่านั้น
ติงจาจือหัวเราะด้วยความสมเพชตนเอง : สามีภรรยาคือนกป่าที่อยู่เคียงคู่กันแม้ต้องพบเจอกับภัยอันตราย แต่เมื่อพบเจอกับภัยอันตราย เจ้ากลับหนีออกไปเพียงคนเดียว สารเลว !!